บทที่ 13 กฎระเบียบของค่ายฝึก
บทที่ 13 กฎระเบียบของค่ายฝึก
นักกีฬาอาชีพทั้ง 4 คนที่กำลังเดินกลับไปยังห้องโปรเจคเตอร์ เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนี้ออกจากปากของหลงเจี้ยน ที่เล่นสายอาชีพเดียวกัน จึงเกิดอาการแปลกใจเล็กน้อย
“นายมั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือ? ว่าเขาสามารถลงเล่นลีคอาชีพได้แล้วในขณะนี้” ยองวอนเป็นคนกล่าวถาม เพราะเขาได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของบังเคนเช่นกัน แต่ไม่เทียบเท่ากับที่หลงเจี้ยนมองเห็น
“ฉันขอพูดอวดดีสักหน่อยก็แล้วกันนะ พวกนายอาจจะเคยจับจอมเวทย์กึ่งธาตุมาก่อน และเล่นได้อย่างชำนาญ แต่ยังไงซะ อาชีพของพวกนายจริงๆก็ไม่ใช่จอมเวทย์กึ่งธาตุ การจะเข้าถึงแก่นแท้ของแต่ละสายอาชีพไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ซึ่งตรงจุดนี้ ฉันมองเห็นถึงการเล่นของเขาได้ลึกกว่าพวกนาย”
“ผมไม่ค่อยเก่งเรื่องแผนการ แต่ผมอยากรู้ว่าทำไมรุ่นพี่ถึงมั่นใจในตัวเขาถึงขนาดนี้” วายซึ่งเป็นสายลุย ไม่ค่อยคิดถึงเรื่องการวางแผนอะไรมากมายนัก แต่ในขณะนี้เขาเริ่มชักจะยากรู้แล้วเหมือนกัน จึงกล่าวขึ้นมา
“แม้เขาจะมีความเร็วมือที่ช้าไปหน่อยก็เถอะ แต่เขายังสามารถเร่งมันขึ้นได้เป็นจังหวะ เพียงประมาณเป็นรอบไม่เกิน 3 วินาที ตรงนี้ไม่ใช่จุดสำคัญ สิ่งที่สำคัญของเขา คือ การอ่านเกมล่วงหน้าของเขา การควบคุมเพื่อนร่วมทีมให้อยู่ใต้บัญชาการ เขาทำออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ”
“ก็จริง ดูไอ้เจ้านักดาบคู่คนนั้นสิ ปฏิบัติตามเขาเสียยิ่งกว่าเป็นหุ่นเชิด”
“อีกไม่นานพวกเราอาจจะได้เจอกับคนที่รับมือยากเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วก็เป็นได้” หลงเจี้ยนทิ้งท้าย
จากนั้นทั้ง 4 คนก็เดินมาถึงยังห้องโปรเจคเตอร์ และนั่งดูการสอบของกลุ่มที่ 2 ต่อไปอย่างเงียบๆ เผื่อจะมีใครเข้าตาอีก จะได้เชิญชวนกลับไปยังสโมสร เพื่อเข้ารับการฝึกฝน
กลับมาทางฝั่งซาโดและเพื่อนๆอีก 3 คน ที่พึ่งปฏิเสธทีมทีมสโมสรอาชีพไปนั้น ก็นึกเสียดายขึ้นมาทันที แต่ยังไงซะ เมื่อคิดๆดูแล้ว การอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เสียหายอะไร ฝึกฝนไปเรื่อยๆ ขึ้นบันไดไปทีละขั้นๆ ไม่ต้องกระโดดข้ามไปหลายๆขั้นทีเดียว หากพลาดพลั้งเสียทีขึ้นมาตอนหล่นลงมาอาจจะเจ็บหนัก
“บังไม่ได้บังคับพวกนายเลยนะ ทำไมพวกนายจึงไม่ตอบรับคำเชิญไว้หละ”
“ผมคิดว่า ทางเลือกนี้ก็ไม่เลวครับ” ซาโดตอบ
“ดูเหมือนว่า กัปตันทีม RBM คุณเมนี่ เขาสนใจในตัวนายมากเลยนะ”
“ก็นิดหน่อยครับ เหมือนมีอะไรสักอย่างในตัวผมไปสะดุดตาเขา”
“เหอะๆ นายกำลังพูดถึงความหล่อของนายเหรอที่ไปสะดุดตาเขา” ขุนช้างที่ฟังทั้ง 2 สนทนากันอยู่ถึงกับโพล่งออกมาทันที
“ไม่ใช่แบบนั้นครับรุ่นพี่”
“ฉันรู้ๆ ถ้าเขามองคนด้วยความหล่อจริงๆ คงต้องผ่านรุ่นพี่คนนี้ของนายไปก่อนอย่างแน่นอน” ทุกคนได้ยินคำพูดเช่นนี้ของขุนช้างจึงรีบสลายวงพร้อมๆกันทันที
หลังจากทั้ง 4 คนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานกันในห้อง ผู้คุมสอบก็ได้เดินกลับมาที่นี่อีกครั้ง พร้อมทั้งพาทั้ง 4 คนไปยังห้องเอกสารชั้น 2
“พวกนายทุกคนเตรียมรูปถ่ายมาแล้วใช่ไหม?” ผู้คุมสอบกล่าวถาม
“ครับ, ค่ะ” ทุกคนขานรับอย่างพร้อมเพรียง
จากนั้นผู้คุมสอบได้ยื่นเอกสารใบหนึ่งให้กับทั้ง 4 คน คนละใบๆ เป็นเอกสารที่ใช้ยืนยันว่า ทั้ง 4 คนได้ผ่านการทดสอบสำหรับการเป็นนักกีฬาอาชีพแล้ว ทั้ง 4 คนรับมาและรีบติดรูปถ่ายของตนเองลงไปยังมุมขวาของเอกสารทันที
เมื่อทั้ง 4 คนติดรูปถ่ายเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ผู้คุมสอบก็กล่าวถึงเรื่อง การกิน นอน พักอาศัย เงินเดือนที่ได้รับ ค่าเทรนเนอร์ที่เข้ามาฝึกสอน ต่างๆนาๆ หักลบกันแล้ว รายได้อยู่ที่ในหลัก 3x,xxx ซึ่งเมื่อเลือกที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ ที่นี่ก็จะอำนวยความสะดวกต่างๆนาๆให้
ในตอนนี้คนทั้ง 4 อยู่ในสถานะรอสโมสรเข้ารับตัว ถ้าหากว่าทั้ง 4 เลือกจะไปสโมสรต่างๆตั้งแต่ทีแรก สโมสรไม่ต้องเสียค่าตัวของเด็กเหล่านี้แม้แต่แดงเดียว
แต่ในเมื่อเด็กเหล่านี้เริ่มต้นจากที่นี่ ถ้าสโมสรต้องการตัวเด็กเหล่านี้ในปีต่อไป และเด็กเหล่านี้ยินยอม สโมสรจึงจำเป็นต้องจ่ายค่าตัวให้กับ ค่ายฝึกนักกีฬาอาชีพ
สำหรับสโมสรในระดับ Top5 เรื่องค่าตัวไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขาเลยแม้แต่นิด เด็กในค่ายฝึกนักกีฬาอาชีพจะมีค่าตัวสักเท่าไหร่กัน คงไม่เท่ากับการซื้อนักกีฬาอาชีพจากทีมระดับ Top8 เสียด้วยซ้ำ อย่างหนึ่งที่ค่าตัวของเด็กพวกนี้ ไม่ได้สูง ก็เพราะว่า ประสบการณ์ในการลงสนามแข่งจริงยังไม่เคยมี เพียงข้อนี้ข้อเดียว ค่าตัวของเด็กพวกนี้ไม่สามารถตั้งสูงเกินจริงได้
ถ้าหากสูงเกินไป จะไม่มีสโมสรใดๆเข้ามารับตัวเด็กพวกนี้ และทางค่ายฝึกนักกีฬาอาชีพ ก็ไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กพวกนี้ไปได้ตลอดตามนโยบายของค่ายฝึก จะอาศัยอยู่ที่นี่ได้ เพียงแค่ 2-3 ปีเท่านั้น แล้วแต่การพิจารณาเป็นกรณีๆไป
หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ทางค่ายฝึกก็ให้ทั้ง 4 คนแยกย้ายกลับบ้านได้ และจะนัดเจอกันใหม่อีกที คือ 2 อาทิตย์ถัดไป
ซาโด มิร่า ช้าง และบังเคน ต่างเม็มเบอร์โทรศัพท์ของทุกคนกันไว้หมด เอาไว้ติดต่อกันหากมีธุระด่วนหรืออะไรยังไง และยังบอกชื่อตัวละครของตนเองในเกม เพื่อที่จะได้ติดต่อสื่อสารกันในขณะเล่นเกมนั่นเอง
ตัวละครของซาโด มีชื่อว่า 007ZA เมื่อทุกคนได้ยินชื่อนี้ สิ่งแรกที่ต้องถาม คือ “ใครตั้งชื่อให้นายกัน?” แต่ชื่อนี้ดันไปถูกใจขุนช้าง เขาชอบใจจนหัวเราะไม่หยุด
ในส่วนตัวละครของขุนช้างมีชื่อว่า Mammoth หรือก็คือ แมมมอธ
ตัวละครของมิร่า มีชื่อว่า BPMAGIC ซึ่งย่อมากจาก BLACKPINKMAGIC นั่นเอง
และตัวละครของ บังเคน มีชื่อว่า Pain
ในคืนนี้ทุกคนต่างกลับไปพักที่โรงแรมของตนก่อน และ ค่อยออกเดินทางกลับบ้านในตอนเช้าอีกครั้ง ยกเว้นก็เพียงแต่มิร่า ที่บ้านของเธออยู่ในจังหวัดนี้ ทั้ง 4 คนจึงกล่าวอำลากันทันทีหลังจากออกมาจากค่ายฝึก
“ไว้เจอกันในเกมนะทุกคน”
ซาโดกลับมายังที่พักของตนอีกครั้ง ก็ได้เจอพี่สาวหน้าเค้าเตอร์คนเดิม กำลังนั่งเล่นเกมอย่างชิลล์ๆ
“อ้าวน้องชายกลับมาแล้วงั้นหรือ? ราบรื่นไหม?”
“ครับพี่สาว ราบรื่นดีครับ”
“โอ้วววว ว้าวดีใจด้วย ถ้าดังแล้วอย่าลืมฉันหละ”
“เอิ่ม ดังอะไรกันครับ ผม…”
พี่สาวรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “ไม่ต้องพูดๆ ฉันขอเดาว่า เธอเลือกทีม RBM อย่างแน่นอนใช่ไหม?”
“ป่าวครับ”
เมื่อได้ยินคำว่าเปล่าครับ พี่สาวลุกโพล่งขึ้นมาจากเก้าอี้นั้นทันที “เธอเลือกทีมอะไรไป ?” สีหน้าจากการถามดูเคร่งเครียด
“ผมเลือกอยู่ที่ค่ายฝึกครับ”
“นี่เจ้าหนู นายกำลังพูดเล่นอยู่ใช่ไหม?”
“จริงครับพี่สาว”
“ทำไมนายถึงเลือกที่อยู่ที่นี่หละ มีใครเชิญชวนนายไปยังสโมสรบ้างไหม?”
“ที่ผมเลือกอยู่ที่นี่เพราะจะได้มาหาพี่สาวบ่อยๆไง”
“เหอะๆ ฉันอายุ 24 แล้วย่ะ!!”
“ผมล้อเล่นครับๆ ฮ่าๆ มีทีม RBM เชิญชวนผมไปยังสโมสร แต่ผมปฏิเสธไป ผมต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปทีละขั้นครับ”
“อายุเธอก็ยังน้อย อยู่ที่นี่สักปีคงไม่เป็นไร”
“ครับ ว่าแต่พี่สาวไปรู้จักกับกัปตันทีม RBM ได้อย่างไร ผมรู้หมดแล้วนะเรื่องที่พี่ให้ผมเล่นให้คืนนั้น”
“ฮ่าๆๆๆ เมนี่เขาเป็นคนในจังหวัดนี้ และเขาเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เขาแวะมาเล่นเกมกับฉันที่นี่บ่อยๆ ก่อนที่จะมีลีคอาชีพ”
“อ๋อ ครับ งั้นผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ”
“ตามสบายเลยเจ้าหนุ่มน้อย”
“เห้ออออ ฉันละเสียดายจริงจริ๊งงงงงงง แต่สำหรับเขา ปีหน้าคงไม่สาย การอยู่ที่นี่ ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป อาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าสำหรับเด็กแบบเขา เพราะการไปอยู่ยังสโมสรแรงกดดันในการแย่งตำแหน่งตัวจริงมีสูงมากจริงๆ” พี่สาวหน้าเคาเตอร์ยืนบ่นงุมงำอยู่คนเดียว
หลังจากซาโดขึ้นไปยังห้องพักแล้ว เขาไม่ได้ทิ้งตัวลงไปนอน แต่เขาเลือกกดโทรศัพท์ โทรไปหาแม่ของตนเองก่อน เพื่อที่จะบอกข่าวดีนี้ให้แม่ได้รู้ ว่าตนเองได้เริ่มต้นก้าวแรกในเส้นทางที่ตนเองใฝ่ฝันสำเร็จแล้ว
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แม่ของซาโดรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหลครับแม่”
“เป็นยังไงบ้างลูก?”
“สำเร็จแล้วครับแม่ ผมผ่านการทดสอบแล้ว”
“แม่ก็ดีใจนะที่ลูกทำได้ แต่ก็แอบเสียใจนิดหน่อย ฮ่าๆ”
“ผมได้เงินเดือนประมาณ 3 หมื่นครับแม่”
“เยอะจังลูก แม่ว่าแม่ไม่เสียใจแล้วหละ ยังไงแม่ก็สนับสนุนลูกเต็มที่เสมอ”
“ขอบคุณครับแม่ที่สนันสนุนผม”
“แล้วลูกจะกลับวันไหนงั้นหรือ?”
“พรุ่งนี้ครับ”
“ลูกจะบอกพ่อเอง หรือให้แม่บอก”
“เดี๋ยวลูกโทรไปบอกพ่อเองก็ได้ครับ”
“จ้ะลูก เดินทางปลอดภัยนะ”
หลังจากซาโดคุยกับแม่เสร็จก็มองดูเวลาในหน้าจอโทรศัพท์ “พ่อคงเลิกงานแล้วละมั้ง”
ในขณะที่กำลังจะกดเบอร์เพื่อโทรหาพ่อ เบอร์ของโทโกะก็โทรแทรกขึ้นมาก่อนทันที ซาโดจึงกดรับอย่างรวดเร็ว
“ฮัลโหลพี่โทโกะ ผมกำลังโทรหาพ่ออยู่พอดีเลย พี่โทรมาได้ถูกเวลาจริงๆ”
“พ่อให้โทรมาถาม ว่าแกเป็นอย่างไรบ้าง สอบวันนี้?”
“ต้องผ่านแน่นอนอยู่แล้วสิ ฮ่าๆ”
“หลังจากนี้ต้องตั้งใจนะ นักกีฬาอาชีพมันไม่ง่าย” ความไม่ง่ายที่โทโกะหมายถึง คือการลงแข่งกับนักกีฬาอาชีพ ไม่ได้ง่ายเหมือนกับเล่นเกมออนไลน์
ถ้าหากซาโดรู้ว่าโทโกะเล่นเกมนี้เหมือนกัน คงจะเข้าใจความหมายของการพูดครั้งนี้ แต่ซาโดไม่รู้ว่าโทโกะเป็นนักกีฬาอาชีพอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น จึงไม่เข้าใจความหมายคำว่า นักกีฬาอาชีพมันไม่ง่าย ตามที่โทโกะกล่าว
“หืม พี่พูดเหมือนเล่นเกมเป็น”
“แกอย่าดูถูกพี่เชียวนะ ถึงพี่จะเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์และลงโปรแกรม พี่ก็รู้เรื่องพวกนี้ไม่น้อยนะ”
“ครับ”
“มีสโมสรไหนสนใจแกบ้าง พ่อฝากถาม”
“มี RBM สโมสรเดียว”
“แล้วแกจะเดินทางไปยัง สโมสร RBM วันไหน พ่อฝากถามเช่นกัน?”
“พี่ครับ แล้วทำไมพ่อไม่มาคุยกับผมเองหละ ฝากถามอยู่ได้”
“พ่อปลอกผลไม้อยู่ไม่ว่างคุย พ่อใช้ฉันให้มาคุยกับแกเนี่ย”
“ผมไม่ได้ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมครับ”
“ทำไมกันหละ?”
“ผมไม่รีบครับ ค่อยๆไปทีละก้าว ผมอายุยังน้อยมีเวลาให้เติบโตอีกเยอะ”
“อื้มมม แล้วแต่แก เส้นทางนี้แกเลือกเดินเอง แกก็ควรตัดสินใจเอง พี่ก็ไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้มากนักหรอก”
“ขอบคุณครับ”
“สู้ๆ พ่อฝากบอกมา แค่นี้นะ”
การสนทนาจบลง ตอนนี้ก็ช่วงเวลาเย็นแล้ว ซาโดจึงลงไปซื้อมาม่าจากด้านล่างที่หน้าเคาเตอร์ เขาขี้เกรียจออกไปหาอะไรกินด้านนอก เพราะว่าจะรีบกลับมาเล่นเกมในห้องพักของตนเอง
“ผมเอามาม่า 2 ถ้วยครับ กี่บาท?”
“ทำไมนายไม่ไปซื้อข้าวกิน กินมาม่าไม่เห็นจะมีประโยชน์” พี่สาวหน้าเคาเตอร์กล่าว
“ผมขี้เกรียจเดินไปมันไกล ผมจะรีบไปลงดันครับ”
“มาลงพร้อมกับฉันไหม ดันเลเวล 45”
“พี่ไหวหรอ?”
“ให้นายแบกไง!!”