บทที่ 271 ของขวัญที่ยอดเยี่ยม
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
“ชำระล้างทวีปด้วยเลือด!”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆทั้งบนฟ้าและผู้ที่อยู่ด้านล่างต่างมีการเปลี่ยนแปลงการแสดงออก โดยเฉพาะหลิงเสวี่ย จักรพรรดินีสัตว์อสูรตนนี้พยายามป่าวประกาศพลังอำนาจของนางอย่างชัดเจน! นางต้องการชื่อเสียงแก่เผ่าพันธุ์อสูร เพื่อให้มวลมนุษย์ได้รับบทเรียนอันเจ็บปวด ซึ่งเหล่ามวลมนุษย์ทุกคนในทวีปนี้จะจดจำนางได้ไปชั่วชีวิต
บรรพบุรุษแห่งจักรวรรดิมังกรเวหาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากจักรพรรดินีสัตว์อสูร และดูเหมือนว่านางจะไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวเลยว่าความแข็งแกร่งของจักรพรรดินีสัตว์อสูรนั้นสามารถปราบปรามบรรพบุรุษได้อย่างง่ายดาย บรรพบุรุษผู้นี้ เมื่อร้อยปีก่อนก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสุ่ยโย่วหลาน หลังจากที่เขาเก็บตัวเป็นเวลาร้อยปี แม้ว่าเขาจะไม่ได้ก้าวหน้า แต่เขาก็คงไม่ได้ถดถอยใช่ไหม?
มันพิสูจน์ได้แล้ว!
พลังของจักรพรรดินีสัตว์อสูรนั้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกไปแล้ว แม้ว่าสุ่ยโย่วหลานและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆจะรวมตัวกัน พวกเขาก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะนางได้ หากนางตั้งใจที่จะชำระล้างทวีปด้วยเลือดแล้ว .... ก็คงไม่มีผู้ใดสามารถหยุดนางได้
ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง? คำอธิบาย?
ใครจะเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง? บรรดาผู้ที่ลักพาตัวจิ้งจอกน้อยนั้นตายไปหมดแล้ว ซากศพของพวกเขาก็ถูกกัดกินไปหมด มันไม่มีแม้แต่ร่องรอยใดๆ แม้ว่าทุกคนจะมีความคิดของพวกเขาและคาดเดาได้ว่าใครเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง แต่พวกเขาก็ไม่มีหลักฐานใดๆ!
ในเมื่อพวกเขาไม่สามารถหาตัวผู้บงการได้ พวกเขาจะอธิบายได้อย่างไร? ใครควรเป็นผู้ให้คำอธิบาย? จะเป็นจักรวรรดิมังกรเวหาหรือเหล่าอาณาจักรทั้งหก? แล้วพวกเขาจะอธิบายมันเช่นไร?
ในตอนนี้ทั่วทั้งเมืองเทียนชิงตกอยู่ในความเงียบสงัด มันเงียบมากจนหากแม้แต่เสียงเข็มหล่นก็ยังได้ยิน ดวงตาของทุกคนต่างสั่นไหวเพราะไม่รู้จะทำเช่นไร
“ฮิ ฮิ!”
ในขณะนั้น เจียงอี้ก็หัวเราะออกมาซึ่งดึงดูดความสนใจของทุกคน สายตาของทุกคนสว่างขึ้นราวกับว่าพวกเขาพบคนที่จะอธิบายแล้วเมื่อพวกเขาเห็นว่าเจียงอี้นั้นมีท่าทีที่สงบแค่ไหน พวกเขาวางความหวังทั้งหมดไว้กับเจียงอี้โดยสัญชาตญาณและปรารถนาให้เขาสามารถขจัดสถานการณ์เช่นนี้ไปได้
เจียงอี้ยิ้มออกมาอย่างโอ่โถงขณะที่เผยฟันขาวออกมา เขาโค้งคำนับ “จักรพรรดินีสัตว์อสูร โปรดอย่าทำเช่นนี้เลย ท่านได้ทำลายอาณาจักรไปหลายอาณาจักรและสังหารผู้คนไปหลายล้านชีวิตแล้ว ซึ่งนั่นน่าจะมอบความแข็งแกร่งให้ท่านได้เป็นอย่างมากแล้ว! หากท่านยังโกรธเกรี้ยวอยู่เช่นนี้ ... เช่นนั้นท่านก็ตบตีข้าเถิดและข้าจะไม่ต่อต้านใดๆทั้งสิ้น!”
“.....”
การเจรจาต่อรองของเจียงอี้นั้นทำให้ทุกคนงงงวย พวกเขาต่างมองหน้ากันและทุกคนก็มีสีหน้าที่ประหลาดใจและสับสน!
สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร?
เมื่อจักรพรรดินีสัตว์อสูรประกาศว่านางจะชำระล้างทวีปด้วยเลือด ทุกคนก็ต่างวิตก และบรรยากาศก็ย่ำแย่ถึงที่สุด และจู่ๆเจียงอี้ก็พูดจาอย่างไม่เหมาะสมออกมา? แม้แต่มนุษย์ก็ยังไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ได้ แล้วนับประสาอะไรกับจักรพรรดินีสัตว์อสูร
นี่เขาคิดว่ามันเหมือนกับการเล่นกับกลุ่มเด็กที่บ้านหรือ?
เขารู้หรือไม่ว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับจักรพรรดินีสัตว์อสูร? ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ที่แท้จริงของทวีป? มันเหมาะสมแล้วหรือที่จะพูดออกไปเช่นนั้น?
ทุกคนต่างตกใจกับคำพูดของเจียงอี้ เขาไม่กลัวหรือว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรจะฆ่าเขาในกระบวนท่าเดียว? เขาไม่กลัวว่านางจะฆ่าล้างผู้คนทั้งเมืองเทียนชิงเพื่อระบายโทสะ?
เจียงอี้ไม่ได้เกรงกลัวเลยจริงๆ!
อย่างน้อย..จักรพรรดินีสัตว์อสูรก็จะไม่ฆ่าเขาเพราะเขามีเครื่องรางป้องกันตัวซึ่งก็คือจิ้งจอกน้อย!
ที่เขาพูดออกมาอย่างนั้นไม่ใช่เพราะเขาปัญญาอ่อน มันเป็นเพราะเขาคิดพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เขาเดาว่าจักรพรรดินีสัตว์อสูรไม่ได้ต้องการที่จะแตกแยกกับมนุษย์จริงๆ ไม่เช่นนั้นมนุษย์และเผ่าพันธุ์อสูรจะเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่!
จักรพรรดินีสัตว์อสูรเพียงต้องการการไว้หน้ากันบ้าง!
นางต้องการให้โลกจารึกบทเรียนนี้เอาไว้เป็นเครื่องเตือนความจำของพวกเขาที่จะไม่กลับไปยุแหย่นางและลูกสาวของนาง หรือสิ่งอื่นที่ทำให้นางเดือดดาลก็เท่านั้น
นางได้ทำลายเมืองไปหลายแห่ง สังหารผู้คนไปมากมาย รวมถึงซูผิงผิงและทำร้ายผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจินกังแห่งจักรวรรดิมังกรเวหาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส นางได้สร้างชื่อเสียงของนางกลับไปมากมายแล้ว
ความตั้งใจของนางนั้น นางเพียงแค่อยากจะบอกว่านางไม่ต้องการที่จะต่อสู้อีกต่อไป นางแค่อยากจะลงจากสังเวียน ซึ่งเจียงอี้ก็จัดสังเวียนนั้นเพื่อให้นางได้ใช้เขาเป็นข้อแก้ตัว!
“จี๊ จี๊!”
ในขณะที่จิ้งจอกน้อยกำลังร้องไม่หยุดอยู่ในอ้อมแขนของจักรพรรดินีสัตว์อสูร มันแผ่อุ้งเล็บนุ่มๆของมันไปทางเจียงอี้ซึ่งดูเหมือนจะสื่อสารกับจักรพรรดินีสัตว์อสูร
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างต่างอึดอัดใจมากขึ้น พวกเขามองไปยังเจียงอี้ จักรพรรดินีสัตว์อสูรและจิ้งจอกน้อยด้วยความกังวลใจ ชีวิตของพวกเขาทั้งหมดอยู่ในมือของจักรพรรดินีสัตว์อสูร
“เฮ้ออ...”
จิ้งจอกน้อยร้องออกมาหลายครั้งในขณะที่ท่าทีจักรพรรดินีสัตว์อสูรค่อยๆอ่อนโยน นางถอนหายใจยืดยาวและเอื้อมมือไปถูหัวจิ้งจอกน้อย นางส่ายหัวแล้วพูดเบาๆ “เสี่ยวเฟย ทำไมเจ้าจึงยังมีน้ำใจเช่นนี้? เจ้าลืมไปแล้วหรือว่ามนุษย์พวกนี้จัดการกับเจ้าอย่างไร? เจ้าใจดีเกินไป... และเจ้าคงจะต้องตายด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์หากท่านแม่ของเจ้าไม่อยู่ที่นี่อีกแล้วเป็นแน่”
ไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว?
จักรพรรดินีพูดเบาๆและไม่มีผู้ที่อยู่ด้านล่างคนใดได้ยิน แต่เจียงอี้ได้ยิน เขากระพริบตาด้วยความสงสัยในขณะที่เขารู้ว่าอายุขัยของสัตว์อสูรนั้นมักจะยืนยาวกว่ามนุษย์หลายเท่านัก และจักรพรรดินีผู้นี้ยังดูอ่อนเยาว์และทรงพลัง นางจะตายได้อย่างไร? เมื่อนางไม่ได้กำลังจะตาย แล้วทำไมนางจึงจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว?
“จี๊ จี๊.. จี๊ จี๊!”
จิ้งจอกน้อยร้องออกมาอย่างต่อเนื่องด้วยดวงตาที่แสนมีมนุษยธรรมและความละเอียดอ่อนซึ่งในที่สุดก็ทำให้สีหน้าของจักรพรรดินีสัตว์อสูรสงบลง
นางนิ่งเงียบครู่หนึ่งและปล่อยฝ่ามือออกไปอย่างกะทันหัน ซึ่งทำให้อากาศรอบบริเวณนั้นเกิดเงาฝ่ามือขนาดยักษ์ผุดขึ้นกลางอากาศ ดวงตาของนางเย็นชาในขณะที่นางตะโกนออกมาว่า “เจ้าเด็กน้อย ในเมื่อเจ้าต้องการที่จะรับเคราะห์แทนมนุษย์โลก เช่นนั้นก็รับฝ่ามือข้าไปเสีย มันขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าเจ้าจะสามารถรอดพ้นไปได้หรือไม่!”
“ฟึ่บ ฟึ่บ!”
ฝ่ามือนี้มีกลิ่นอายที่สามารถทำลายสวรรค์และโลกนี้ได้ เมื่อมันถูกปล่อยออกมา มันให้ความรู้สึกราวกับว่าจะหยุดมันไม่ได้ รองเจ้าสำนักฉี องค์หญิงหลิงเสวี่ยลัคนอื่นๆเปลี่ยนแปลงการแสดงออกอย่างฉับพลันในขณะที่การแสดงออกของเจียงอี้แปรเปลี่ยนเป็นมืดหม่น เขาไม่มีเวลาเรียกอินทรีมังกรกลับมาในขณะที่เขาปลดปล่อยเพลิงโลกาของเขาออกมาทั้งหมดและห่อหุ้มตัวเองด้วยไหมปีศาจนภาทันที
“บูม!”
ในขณะที่เงาฝ่ามือแผ่ออกไป อากาศทั่วทั้งอาณาจักรก็สั่นสะเทือน ทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นแผ่กระจายออกไป เพลิงโลกาดับลงทันทีเมื่อสัมผัสกับฝ่ามือยักษ์ จนในที่สุดก็ปะทะเข้ากับเจียงอี้ที่ถูกห่อด้วยไหมปีศาจนภา
“บูม!”
เจียงอี้ถูกแรงปะทะทำให้ร่วงลงมาชนกับหลังคา อินทรีมังกรนั้นไม่มีโอกาสที่จะร้องออกมาเพราะมันกลายเป็นเนื้อสับทันที ฝ่ามือขนาดยักษ์ยังคงตามลงไปด้านล่างและทำลายทุกสิ่งในรัศมีสิบเมตร ทิ้งไว้เพียงรอยประทับรูปฝ่ามือ
“เจียงอี้!”
“ผู้ตรวจการเจียง!”
ผู้คนมากมายอุทานออกมา องค์หญิงหลิงเสวี่ย รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆต่างหวาดกลัว หากเจียงอี้ตาย นั่นจะกลายเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ เขานั้นเป็นผู้ซึ่งมีความสามารถเช่นนี้อาจทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดหลังจากนี้หลายปีก็ได้
“ถอนทัพกลับสู่หุบเขาสามหมื่นลี้!”
จักรพรรดินีสัตว์อสูรไม่แม้แต่จะเหลียวมองเจียงอี้ในขณะทีผายมืออย่างเฉยเมย แม้จะมีเสียง จี๊ จี๊ ของจิ้งจอกน้อยออกมาอยู่อย่างสม่ำเสมอ นางกลายเป็นภาพติดตาและเหาะตรงไปยังทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เหล่ากองทัพสัตว์อสูรมากมายคำรามออกมาในเวลาเดียวกันขณะที่พวกมันก็ตามกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ฮู่ววว...”
ร่างที่นุ่มนวลขององค์หญิงหลิงเสวี่ยเซไปมาและแทบจะลงไปกองที่พื้น นางนึกบางอย่างได้และตะโกนออกมาทันที “รีบไปดูผู้ตรวจการเจียงเดี๋ยวนี้และดูว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่!”
“ฟึ่บ! ฟึ่บ!”
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสุดของขอบเขตเสินโหยว รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆที่อยู่ไกลออกไปได้รีบตรงมาที่นี่ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเสินโหยวขั้นสูงสุดรีบพุ่งลงไปที่พื้นและอุ้มร่างที่จมกองเลือดอยู่พร้อมตะโกนออกมาว่า “ยังหายใจอยู๋! ผู้ตรวจการเจียงยังมีชีวิตอยู่ขอรับ!”
“ว้าว!”
“ฮะ...”
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพากันประหลาดใจในขณะที่ผู้คนอีกมากมายต่างเกิดสงสัยขึ้นในดวงตาของพวกเขา เจียงอี้รอดจากฝ่ามือที่น่าสยดสยองนั้นได้อย่างไร?
“เร็ว! นำตัวเขาไปที่พระราชวังหลวงและให้ปรมาจารย์หงรักษา บอกให้เขาทำทุกวิถีทางให้เจียงอี้ฟื้นกลับมาให้ได้!” หลิงเสวี่ยตะโกนออกมาทันที เพราะนางบังคับตัวเองเกินไป แม้แต่เสียงของนางก็ยังสั่นเทาในขณะที่นางมีอาการเช่นนี้
รองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆมองหน้ากันในขณะที่ดวงตาของพวกเขาส่องสว่าง พวกเขาทุกคนเข้าใจบางสิ่งแล้ว
จักรพรรดินีสัตว์อสูร...ดูเหมือนจงใจจะให้ของขวัญที่ยอดเยี่ยมแก่เจียงอี้? อาจจะเป็นเพราะนางคิดว่าตัวเองติดหนี้เขาอยู่หนหนึ่ง หากนางต้องการฆ่าเขาจริงๆ แม้ว่าจะมีเจียงอี้ถึงสิบคนก็คงจะตายอย่างแน่นอน!
“ในเมื่อเจ้าต้องการที่จะรับเคราะห์แทนมนุษย์โลก.....?”
เมื่อนึกถึงคำกล่าวของจักรพรรดินีสัตว์อสูร ทุกคนก็ยิ่งมั่นใจยิ่งขึ้น จักรพรรดินีสัตว์อสูรซ่อนความต้องการที่นางอยากให้แก่เจียงอี้ที่ช่วยลูกสาวของนางในการมอบคุณธรรมให้เขา นั่นจะทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษของเหล่ามวลมนุษย์ ผู้ที่ช่วยให้ทวีปทั่วทั้งทวีปรอดชีวิต และทุกคนในโลกนี้จะสรรเสริญเขา!