บทที่ 26 : มังกรไฟ
อายุขัยของคนแคระยาวนานกว่ามนุษย์ แม้แต่ตนที่ธรรมดาที่สุดก็มีอายุถึง 200 ถึง 500 ปี
แน่นอนว่าแต่ละระดับจะเพิ่มอายุขัยไปเรื่อยๆ หากมีความแข็งแกร่งถึงระดับรีเจนดารีก็จะก้าวเข้าสู่เผ่าพันธุ์ที่มีอายุขัยยืนยาว
แต่ว่าก็ยังคงมีการแบ่งระดับในแต่ละเผ่าพันธุ์…
ตัวอย่างเช่น อายุขัยของเอลฟ์ที่มีระดับรีเจนดารีจะมากกว่ามนุษย์ที่มีระดับรีเจนดารีอย่างน้อยสามเท่า…
“ขออนุญาตรายงานครับ!!!” หน่วยลาดตระเวนเอลฟ์วิ่งเข้ามา
“ว่ามา!”
“กำลังเสริมของออร์คประมาณ 1000 ตนกำลังมุ่งตรงมา ดูเหมือนว่าจะมาจากพวกออร์คชั้นสูงครับ”
วิลเลียมขมวดคิ้วเมื่อได้ยินดังนั้น หันไปกล่าวกับโอดอม “เผ่าท่านมีสมาชิกกี่คน? อพยพออกไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เร็วได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี!”
“1600 ตน มีเพียง 300 ตนเท่านั้นที่สามารถต่อสู้ได้!” โอดอมตอบด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว
พันปีที่ผ่านมา คนในเผ่าต่างลดลงไปเรื่อยๆจากหลายแสนต่างก็ถูกไล่ล่าและสังหาร ความเร็วการเกิดของทารกเทียบไม่ได้กับการตาย
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังสามารถรักษาผู้คนใต้อาณัติไว้ได้กว่าหมื่นคน กระทั่งสามสิบปีก่อนที่ท่านพ่อผู้มีระดับอีปิคได้เสียชีวิตลง กองกำลังและผู้คนส่วนมากก็ได้ตายลง ณ ที่หลบภัยในอดีต
โอดอม เฮฟวี่แฮมเมอร์ที่อายุเพียงยี่สิบปีได้นำคนมากกว่าพันคนออกจากที่หลบซ่อนและในที่สุดก็ค้นพบเหมืองมิทริลแห่งนี้ พวกเขาใช้ประโยชน์จากความสามารถในการขุดเหมืองของบรรพบุรุษ ขุดหลุมลึกไว้สะสมธัญพืชและซ่อนตัวอยู่ที่นั่น
แม้แต่คนที่ตามล่าก็คิดว่าพวกเขาได้ตายไปหมดแล้ว
วิลเลียมเข้าใจเรื่องเกือบทั้งหมดอยู่แล้ว แม้จะไม่มีคำอธิบายของโอดอม…
ตามเหตุผลแล้ว เจ้าชายคนแคระผู้มีค่าสถานะที่น่าประทับใจและไม่เคยถูกฆ่าแม้ว่าเขาจะถูกไล่ล่ามานานหลายปี มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย เพราะคนที่มีความสามารถเช่นนี้มักจะมีบทบาทเป็นผู้นำ!
แต่ทำไมเขาไม่เคยได้ยินชื่อของโอดอมมาก่อนล่ะ? เป็นไปได้ว่าโอดอมอาจถูกสังหารโดยออร์คตั้งแต่แรก…
ตอนนี้พวกออร์คยังห่างไกลจากการฆ่าคนแคระเหล่านี้
หรือจะเกี่ยวกับกำลังเสริม?
นี่อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะสามารถฆ่าคนแคระได้!
บางที การช่วยเหลือครั้งแรกของเขาในชีวิตนี้อาจไปเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์บางส่วน แต่ก็ดึงดูดความเกลียดชังไว้มากมาย…
ภารกิจขั้นที่ 3 : สำเร็จ
รางวัล : ค่าประสบการณ์ 50000 หน่วย
รางวัล : เหมืองมิทริลที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของ
วิลเลียมมองไปยังภารกิจและไม่ได้ย้ายค่าประสบการณ์ไปเพิ่มเลเวล แต่กลับสั่งการว่า “โอดอม ให้คนของท่านออกมาและย้ายไปที่เมืองเดี๋ยวนี้ เอาแค่ของที่จำเป็นและไม่ต้องกังวลกับสิ่งใดทั้งสิ้น เราจะออกไปทันที!”
“ได้!” โอดอมกลับไปยังหุบเขาและจัดการการอพยพในทันที
วิลเลียมแตะบ่าลอทเนอร์เบาๆ “เป็นอย่างไรบ้าง?”
เลือดสดๆไหลออกมาจากหัวไหล่และแขนของลอทเนอร์ เลือดที่เขาหยุดด้วยพลังได้พังทลายลงอีกครั้ง แต่เขาก็ยังมองไปทางทิศตะวันออกด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็น “มันก็แค่บาดแผลเล็กๆ ฉันยังสู้ได้อีกตั้งสามร้อยรอบ ต่อให้ออร์คมาอีกพันตนก็หยุดฉันไม่ได้หรอก”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะยกให้ท่านทั้งหมดเลย!”
“...” ลอทเนอร์ไตร่ตรองเป็นเวลาสองวินาทีก่อนเขาจะมองวิลเลียมด้วยสายตาที่จริงใจราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
“เตรียมพร้อมสำหรับสงคราม ผู้วิเศษร่ายวงแหวนเวทย์ ลอทเนอร์ ท่านไปพักก่อนเถอะ...” วิลเลียมเดินไปข้างหน้า สั่งการนักรบเอลฟ์ที่เหลือ 100 ตนอย่างชำนาญ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “เราจะปกป้องกองกำลังของมิตรสหาย เอลฟ์จะไม่ยืนอยู่ข้างหลังคนแคระ!”
“รับทราบ!” การแสดงออกของคนแคระทั้งหมดเปลี่ยนไป พวกเขาเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ และเตรียมพร้อมสำหรับสงครามตลอดเวลา
วงแหวนเวทย์คืออะไร?
บัฟคืออะไร?
คำพวกนี้มีประโยชน์เหรอ?
ล้อเล่นหน่า
การปลุกใจเล็กน้อยของวิลเลียมอาจทำให้เหล่าเอลฟ์ฮึกเหิม
แต่สิ่งต่างๆไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เห็นหรอก
เมื่อลอทเนอร์และออร์คขาวปะทะกัน คนแคระได้กำจัดเหล่าออร์คในถ้ำไปแล้ว และหลังจากพบเอลฟ์ที่มาช่วยเหลือ พวกเขาก็พร้อมที่จะอพยพแล้ว
ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที คนแคระทั้งหมดต่างวิ่งไปทางทิศเหนือ ความเร็วของการอพยพเป็นไปอย่างราบรื่น การใช้สกิลการเคลื่อนไหวทำให้วิลเลียมตกตะลึง
เขาลอบถอนหายใจในใจ พวกเขาเป็นคนแคระแห่งหุบเขาเดียวดายที่จะไม่สูญสิ้นไปแม้ว่าจะถูกตามล่าเป็นเวลาหลายพันปี ความเร็วในการหลบหนีของพวกเขานั้นเป็นที่หนึ่ง ความเร็วในการวิ่งในป่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเอลฟ์เลย…
โอดอมไม่ได้อพยพไป เขาให้นักรบคนแคระ 100 ตนติดตามกองกำลังไปก่อน ส่วนตัวเขานั้นอยู่กับนักรบอีก 200 ตน!
วิลเลียมมองไปยังนักรบคนแคระที่โชกไปด้วยเลือดหลังจากการต่อสู้ที่ยาวนาน ก่อนจะครุ่นคิดถึงการฆ่าออร์ค 1000 ตน
สิ่งที่เขากลัวที่สุดตอนนี้คือการสูญเสียพลทหาร เขาไม่ได้กำลังเล่นเกมอยู่ และตอนนี้เขาเป็นท่านลอร์ดของเมือง หากเขาต้องการพัฒนาเมืองต่อไป ทุกๆคนคือทรัพยากรที่มีค่าและไม่ควรสูญเปล่า
โดยเฉพาะเมื่อลอทเนอร์ผู้ที่สามารถป้องกันและต่อสู้ได้ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก
ทันใดนั้นลอทเนอร์ที่ได้รับการดูแลโดยนักรบเอลฟ์หญิงก็รู้สึกไม่ค่อยดี เขามองไปยังวิลเลียมและเห็นว่าเขากำลังยิ้มด้วยรอยยิ้มที่มืดหม่น
โชคดีที่วิลเลียมโบกมือตัดสินใจที่จะถอยทัพ หัวใจของลอทเนอร์ที่ขึ้นมาจุกอยู่ตรงคอก็ได้กลับสู่ที่เดิมของมันซักที
…………………………
เมื่อออร์คชนชั้นสูงนับพันมาถึงเหมืองมิทริล ออร์คขาวเดินออกมาจากฝูงชนอย่างช้าๆ เขาเห็นความยุ่งเหยิงด้านหน้าถ้ำ และเห็นรอยเท้าขึ้นไปทางเหนือ
ในขณะเดียวกัน
นักบวชออร์คคนหนึ่งที่แต่งตัวด้วยเสื้อคลุมสีดำเหลือให้เห็นเพียงดวงตาสีเขียวอันมืดมนก็เดินออกมา “เอลฟ์ในเมืองมาช่วยพวกมันไว้”
ออร์คขาวแกว่งค้อนไปทำลายต้นไม่ที่ไม่รู้เรื่องอันใด ก่อนจะกล่าวว่า “ข้ารู้น่า!”
“ไล่ตามพวกมันไป เราได้รับรางวัลและวัตถุดิบเวทย์มาครึ่งหนึ่งแล้ว...” นักบวชออร์คชี้ไปทางทิศเหนือ
“ไล่ตามพวกมันงั้นเหรอ? ด้วยอะไรล่ะ?” ออร์คขาวมองไปยังนักบวชด้วยรอยยิ้มที่เยือกเย็น ดึงกระชับบังเหียน แล้วหันศีรษะของเขามาพร้อมพูดว่า “เรารับรางวัลมาครึ่งหนึ่ง และคนของเราก็ตายไปหลายคนแล้ว ในเมื่อพวกมันหนีไป ก็ปล่อยให้พวกทรยศไปหาคนอื่นเอาสิ”
จากนั้นก็มองไปยังนักบวชออร์คที่มีสถานะเท่าเทียมกับตนเอง “จำไว้ด้วยว่าเราไม่ควรอยู่ที่นี่ โดยเฉพาะตอนที่ทำความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ โดยการรับรางวัลโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต”
“แม้ว่าเราจะเก็บสมบัติไว้เป็นความลับ เจ้าได้คิดไหมว่าเผ่าเราจะใช้ชีวิตยังไงหากมาสเตอร์รู้เรื่องนี้เข้า?”
ออร์คขาวขี่หมาป่าออกมา นักรบออร์คก็ตามมาโดยไม่ลังเล
ณ ขณะนั้น
นักบวชออร์คก็ขยับสายตาไปทางทิศเหนืออย่างยาวนาน จากนั้นเขาก็จำได้ว่ามาสเตอร์ของเขามีความโหดร้ายทารุณเพียงใด
ใครคือมาสเตอร์ของพวกเขา?
มังกรยักษ์จากภูเขาหิมะจากทะเลฝั่งตะวันออกยังไงล่ะ!
เขาอยู่เหนือทุกสิ่ง!
เขามีปีกขนาดใหญ่มากกว่าสิบเมตร
แค่เขาจามก็สามารถเผาคนนับร้อยได้
เขาเป็นมังกรธาตุที่มาพร้อมพลังธรรมชาติที่น่ากลัว
มาสเตอร์ของพวกเขาคือมังกรไฟ!
ในบรรดามังกรทั้งหมด มังกรไฟมีความสามารถในการต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุด
ไม่มีใครอยากถูกจ้องมองโดยมังกรไฟ คนที่ถูกมังกรไฟเกลียดชังจะเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลก
เผ่าออร์คเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆเผ่าพันธุ์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของมาสเตอร์
พวกมันไม่สามารถเทียบกับเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งกว่าได้
ทำได้เพียงเรียนรู้ที่จะเคารพยำเกรงแทนที่จะทำตัวละโมบโลภมาก