ตอนที่แล้วคาถาที่ 4 : ตรุษจีนสีเลือด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปคาถาที่ 6 : ผู้ดูแลหนังสือ

คาถาที่ 5 : คนป่วย


 

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องนอนของตัวเอง

คงเป็นป๊าผมที่พาขึ้นมาบนนี้ เพราะเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือเสียงของป๊า หลังจากพยายามนึกทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันก็ทำให้ผมรู้สึกหลอนขึ้นมาทันที ทุกภาพ ทุกความรู้สึกยังคงติดตา ติดตัวผมอยู่เลย สรุปหนังสือนั่นมันคืออะไรกันแน่ผมก็ยังไม่รู้ แต่ผมมั่นใจว่าหลังจากที่ผมโยนมันเข้ากองไฟ มันคือสาเหตุหลักที่ทำให้ผมต้องมานอนเป็นผักในสภาพแบบนี้

ตอนนี้ผมยังมีอาการมึนหัวอยู่หน่อย ๆ แถมรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นไข้อีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ไปทำอะไรมาแท้ ๆ นอกจากเผาหนังสือนั่น แต่ก็นับว่าคุ้ม ที่สามารถทำลายหนังสือเล่มนั้นไปได้ ก่อนที่ผมจะเป็นบ้าเพราะมันไปเสียก่อน ผมอยากจะเล่าเรื่องพวกนี้ให้ไอ้คีย์กับไอ้อิฐฟังใจจะขาด  มันยังจะคิดว่าผมคิดไปเอง หลอนเพราะดูหนังสยองขวัญอีกไหม

“อ้าว ตื่นพอดี ป๊าเอายามาให้ ไม่สบายหรือไง แกถึงเป็นลมไปแบบนั้นน่ะ แถมมีเลือดกำเดาออกอีก ป๊านี่ตกใจแทบแย่” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นมาจากปากของป๊าที่เดินเข้ามาภายในห้องผม เจ้าตัวสอบถามด้วยความเป็นห่วง ผมฝืนยิ้มให้ป๊าแล้วยันตัวขึ้นมาจากเตียงนอน

“สงสัยอากาศร้อนมั้งป๊า เมื่อคืนผมคงนอนไม่พออะ” ผมบอกป๊าไป ไม่อยากให้เขาต้องเป็นห่วง อีกอย่างเรื่องพวกนี้พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ

“แล้วแกเอาอะไรไปเผา” ป๊าถามผม

“พวกของที่ไม่ได้ใช้แล้วอะป๊า ไม่มีอะไรหรอก”

“พรุ่งนี้พวกอา ๆ ของแกชวนครอบครัวเราไปเที่ยว จะไปไหวไหมเนี่ย” ป๊าผมพูดเปรยขึ้นมา เที่ยวงั้นเหรอ ผมยังไม่อยากไปไหนเลย รู้สึกมึนหัวอยู่ด้วย อาการเหมือนจะเป็นไข้ ไปก็ไม่สนุกเปล่า ๆ

“ผมยังรู้สึกมึน ๆ หัวอยู่เลยอะครับป๊า ผมขอพักอยู่บ้านนะ แต่ป๊า ม๊า กี้ ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่นอนพัก กินพาราสักวันก็หาย” ผมพูด นาน ๆ ทีป๊ากับม๊าจะปิดร้านไปเที่ยวพักผ่อนกัน อย่าเอาเวลามาอยู่บ้านเพื่อดูแลผมเลย ผมโตแล้วด้วย พอจะรู้ว่าควรต้องทำยังไงเวลาไม่สบาย

“เอางั้นเหรอ”

“ครับ ตรุษจีนทั้งทีไปเที่ยวกันเถอะ” ผมพูด

“อื้ม งั้นพักผ่อนเยอะ ๆ นะ เดี๋ยวไปช่วยม๊าเราเก็บของเตรียมไปเที่ยวก่อน” ป๊าบอกผมก่อนเดินออกจากห้องไป

หลังจากป๊าเดินออกจากห้องไปสักพัก เสียงข้อความเข้าทางมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะโคมไฟข้างเตียงก็ดังขึ้น ทำให้ผมหยิบมันขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นข้อความจากไอ้อิฐที่ส่งมาทวงเรื่องอาหารนี่เอง

It : เฮ้ย เย็นแล้วนะมึง ไหนหมี่ซั่ว ขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟูกูอะ ไม่เห็นเอากลับมาให้กินที่หอเลย

Shabu : กูไม่ค่อยสบายว่ะ ไปไม่ไหว มึงมาเอาที่บ้านกูเองได้ป่ะ ชวนไอ้คีย์มาด้วย กูมีเรื่องอยากจะคุยกับมัน

เอาตรง ๆ นะ ผมยังกังวลว่าไอ้หนังสือนั่นมันจะรวมร่างตัวเองกลับมาวางอยู่ในห้องเลย เรื่องแบบนี้มันไม่ปกติแล้ว อยากระบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับพวกมัน ไอ้คีย์น่าจะเป็นคนเข้าใจเรื่องเหนือธรรมชาติแบบนี้ที่สุด

It : เป็นไรของมึงวะ อาการหนักเปล่า ก่อนกลับไปบ้านยังปกติอยู่เลย (สติ๊กเกอร์กระต่ายทำหน้าสงสัย)

Shabu : มาก่อน เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง มานอนค้างบ้านกูก็ได้

นิ่งหายไปนาทีกว่า ๆ อิฐก็ตอบกลับมา สงสัยมันคงคุยกับไอ้คีย์เรื่องที่จะมานอนบ้านผมอยู่

It : ไอ้คีย์ไม่ว่างว่ะ เห็นมันบอกว่าต้องลงไปนรกเย็นนี้ มีประชุมเคสพิเศษอะไรของมันไม่รู้

Shabu : งั้นเหรอ ไม่เป็นไร

It : แต่เดี๋ยวกูเข้าไปหาก็ได้นะ

นาน ๆ ทีไอ้อิฐจะทำตัวเป็นประโยชน์สักที ดีเหมือนกัน ผมไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวพรุ่งนี้ คนอื่นก็ไปเที่ยวกันหมดด้วย ถ้าเกิดผมหลอนเห็นคนถือมีดไล่ฆ่าผมอีก ไอ้อิฐมันจะได้ดึงสติผมกลับมาได้

Shabu : เป็นห่วงกู

It : เปล่า กูห่วงของกิน

โอเคครับ ซึ้งใจครับเพื่อน …

เวลาเกือบหกโมงเย็นของวัน ไอ้อิฐก็เข้ามาหาผมที่บ้าน

“ไงมึง ป่วยเป็นอะไร” ไอ้อิฐพูดขึ้นมา พร้อมเดินเข้ามาในห้องโดยที่ไม่ได้เคาะประตู ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงที่ข้างเตียงผม ผมว่าผมกินยาพาราที่ป๊าให้ไปแล้วนะ และก็นอนไปหลายชั่วโมงแล้วด้วย แต่ดูเหมือนอาการมันยังไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไรเลย หมดแรง เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว

ว่าแล้วผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ไอ้อิฐฟังทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องที่ผมฝันประหลาด ๆ พร้อมทั้งเรื่องไอ้หนังสือนั่นอีก

“มึงโม้ปะเนี่ย เอาไปทิ้งแล้วมันกลับมาหามึงได้อีกอะนะ” ไอ้อิฐพูด

“กูจะโกหกมึงทำไม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะเว้ย”

ผมเริ่มจะหงุดหงิดล่ะ ทำไมไม่เชื่อกันสักทีวะ ผมไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมาสักหน่อย ของแบบนี้ต้องให้มันเจอกับตัวเองถึงจะรู้สึก

“เออ ๆ กูเชื่อ เรื่องแบบนี้มึงต้องคุยกับไอ้คีย์แล้วล่ะ แต่มึงเผามันไปแล้วไม่ใช่เหรอ คงจะไม่มีอะไรแล้วมั้ง” ไอ้อิฐพูดต่อ

“ไม่รู้ว่ะ กูยังหลอนอยู่เลย หลอนจนไม่รู้อันไหนความจริง อันไหนความฝันแล้ว”

อย่างที่ผมพูดกับอิฐ เรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมแยกความฝันกับความจริงไม่ค่อยออก มันคล้ายกันเกินไปจนน่ากลัว กลัวว่าบางทีกลุ่มคนที่ใส่หัวของสัตว์พวกนั้นจะมีอยู่จริง รวมถึงไอ้พิธีกรรมสยองขวัญที่ผมเห็นในฝันอีกด้วย

“ว่าแต่ กี้ไม่อยู่บ้านเหรอ” อิฐถามขึ้นมา

“สงสัยไปเรียนพิเศษมั้ง” ผมตอบมันไป ไอ้นี่ก็ถามหาแต่น้องสาวของผมจริง ช่วงนี้กี้โคตรจะขยัน เพราะเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยมันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แล้ว ขนาดวันนี้วันตรุษจีนยังไปเรียนพิเศษเลย เป็นผม ผมหยุดนอนเล่น พักผ่อนอยู่บ้านนี่แหละ

ช่วงเย็นของวัน ผมยังพอมีแรงลงไปกินข้าวเย็นกับครอบครัว ป๊ากับม๊าก็ถามย้ำอีกครั้งว่าอยู่บ้านคนเดียวได้แน่นะ ผมก็ตอบไปว่าอยู่ได้ โตแล้วดูแลตัวเองได้ อีกอย่างไอ้อิฐก็มาอยู่ด้วย ตัวมันเองก็ตกปากรับคำกับม๊าผมว่าจะช่วยดูผมให้เป็นการตอบแทนอาหารเย็นที่มันจัดไปหลายชามเลย แต่เอาเข้าจริงผมว่ามันเหมือนมาเปลี่ยนสถานที่นั่งเล่นเกมมากกว่า ไม่ได้ดูแลอะไรมากหรอก

วันถัดมา ผมตื่นนอนในตอนเกือบเที่ยงของวัน รู้สึกมึนหัวหนักกว่าเดิมอีก ไม่รู้ว่ายาพารามันหมดอายุหรือเปล่าเนี่ย เหมือนจะไม่ได้ผลเลย ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งสะลึมสะลือสักพักบนเตียง พิษไข้ไม่ได้เบากว่าเดิม ผมรู้สึกหนาวไปทั้งตัว ขอบตาร้อนผ่าว อยากจะนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่ม แต่ท้องเจ้ากรรมก็ดันร้องประท้วงขึ้นมาเนื่องจากความหิว ผมค่อย ๆ ลุกเดินออกไปนอกห้องก็ไม่เจอใครสักคน สงสัยคงจะไปเที่ยวกันหมดบ้านแล้ว พอลงไปชั้นสองก็เจอไอ้อิฐที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่

“กะว่าจะขึ้นไปปลุกพอดี กูกำลังจะออกไปซื้ออะไรกินข้างนอกอะ มึงอยากกินอะไรเป็นพิเศษปะ” ไอ้อิฐถามผมเมื่อสังเกตเห็นผมเดินลงมาจากชั้นสามของบ้าน

“อะไรก็ได้ ตอนนี้กูหิวมากเลย มึนหัวด้วย” ผมตอบมันไป

“มึงดีขึ้นยังเนี่ย อยู่คนเดียวได้นะ”

“ได้ดิ มึงรีบไปเถอะ กูหิว ฝากด้วย”

“เออ ๆ เดี๋ยวไอ้คีย์กับไหมตามเข้ามาบ่าย ๆ กูขอกุญแจร้านหน่อยดิ มึงจะได้ไม่ต้องลงไปเปิดตอนกูกลับมา” ไอ้อิฐพูด

ผมเดินไปหยิบกุญแจร้านที่วางอยู่บนหลังตู้เย็นให้อิฐ ก่อนเดินขึ้นกลับไปนอนบนห้องของตัวเองที่ชั้นสาม พรุ่งนี้ก็วันจันทร์แล้วด้วย หวังว่าผมคงจะหายทันไปเรียนพรุ่งนี้นะ ว่าแล้วผมก็เดินไปหายาพารามาหยิบกินอีกสองเม็ดพร้อมดื่มน้ำเข้าไปอีกแก้วใหญ่

นอนเล่นมือถือบนเตียงอีกสักพัก เสียงมือถือก็ดังขึ้นมาทำให้ผมสไลด์จอรับสาย ปรากฏว่าเป็นใยไหมที่โทรมา เจ้าตัวบอกว่าอยู่ที่ด้านล่างของร้าน ให้ลงมาเปิดประตูให้หน่อย ผมถอนหายใจออกมา แทบไม่มีแรงจะลุกไปไหนเลย อยากจะนอนแช่อยู่ตรงนี้จริง ๆ ชั้นสามลงไปชั้นหนึ่ง สำหรับคนป่วยแล้ว มันไม่ง่ายเลยนะเนี่ย แต่สำหรับไหมแล้ว เอาวะ ฮึบ ... ว่าแล้วผมก็ค่อย ๆ ลากสังขารตัวเองลุกจากเตียงแล้วเดินลงไปชั้นหนึ่งเพื่อเปิดประตูให้ไหม

“เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย แกหน้าซีดมากเลยนะ” ไหมพูดขึ้นทันทีที่เห็นหน้าผม วันนี้เจ้าตัวอยู่ในสภาพเสื้อยืดสีขาว กับกางเกงยีนขาสั้นที่ไม่รู้จะสั้นไปไหน เห็นแล้วเลือดลมสูบฉีดจนอยากจะหายป่วยซะงั้น

“ก็เป็นไข้ธรรมดา ไหวอยู่แหละ แล้วแต่งตัวไรของเธอเนี่ย บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าใส่สั้นแบบนี้” ผมพูดเตือน ก็เข้าใจนะว่าไหมเป็นพวกมั่นใจในตัวเองสูง แต่ผมห่วง ผมไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นมองนี่หว่า ผมอยากมองแค่คนเดียว

“ใส่อยู่บ้านไงไม่ได้ออกไปไหนสักหน่อย อิฐมันโทรมาบอกสักพักเองว่าแกป่วย ก็เลยรีบมาเนี่ย”

“ห่วงเหรอ” ผมพูด พร้อมยิ้มกว้างให้ไหม ดีใจนะเนี่ย ที่มีคนเป็นห่วงขนาดนี้

“ก็เออดิ ถามมาได้”

“แล้วนี่อิฐไปไหนอะ ทำไมปล่อยให้แกอยู่คนเดียว” ไหมถามต่อ

“มันออกไปซื้อข้าวเที่ยงอะ” ผมตอบไหมไป

อยู่ดี ๆ ผมก็มึนหัวเหมือนจะวูบ เลยเซไปชนไหมขณะที่เราทั้งคู่กำลังเดินไปที่บันได เพื่อที่จะขึ้นไปบนห้องของผม

“โทษ ๆ พื้นมันหมุนว่ะ” ผมพูดกับไหมพลางจับราวบันไดไว้แน่น

“เดี๋ยวฉันช่วยพยุง … หูย ทำไมตัวหนักแบบนี้เนี่ย” เจ้าตัวบ่นออกมา แต่ก็ดึงแขนผมให้คล้องคอตัวเองไว้ก่อนพวกเราจะค่อย ๆ เดินกันไปจนถึงห้องผม ในที่สุดไหมก็ประคับประคองผมมาจนถึงเตียงจนได้ ผมล้มตัวลงไปนอนอย่างหมดแรง รู้สึกหนาวขึ้นมาอีกแล้ว

ฝ่ามือนิ่ม ๆ ของไหมเอื้อมมาแตะหน้าผากของผม มือไหมเย็นจัง

“ชา แกตัวร้อนจี๋เลย กินยาหรือยังเนี่ย” ไหมพูดขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

“กินไปแล้วนะ ไม่รู้ทำไมมันยังร้อนอยู่อะ” ผมตอบไหมไป

“เดี๋ยวก็ช็อกตายกันพอดี ถอดเสื้อออก เดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้”

ฮะ ! ผมหูฟาดไปหรือเปล่า ผมมองหน้าไหม ไม่เคยคิดว่าจะมีสาวมาเช็ดตัวให้ เจ้าตัวมองหน้าผมกลับ สายตาเราทั้งคู่ประสานกัน เอาอีกแล้ว จังหวะนี้มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นซิ ไหมโน้มตัวลงมานะ โน้มตัวลงมาซิ ผมไม่มีแรงยกหน้าขึ้นไปหรอกนะ

“เอาจริงดิ เขินนะเนี่ย มาบอกให้ถอดเสื้อผ้า อยากเห็นซิกแพ็คเขาอะดิ” ผมพูดแกล้งไปขำ ๆ ไม่รู้จะไปกวนอารมณ์ไหมเข้าอีกหรือเปล่า แต่ผมเป็นคนแบบนี้นี่หว่า ปากมันห้ามไม่ค่อยจะได้ซะด้วย

“ยังจะเล่นอีก เร็ว ๆ สภาพแกแย่มากเลย รู้ตัวไหมเนี่ย” ไหมพูด

“ถอดให้หน่อย ถอดไม่ไหว”

ขออ้อนสักนิด เขาว่ากันว่ามารยาหญิงมีร้อยเล่มเกวียน แต่สำหรับผู้ชายอย่างผม ผมมีเป็นพันเล่มเกวียนเลยล่ะ เคยเห็นผู้ชายอ่อยปะครับ ผมจะทำให้ดู ไหมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เหมือนไม่ค่อยอยากจะเชื่อผมสักเท่าไร แต่เจ้าตัวก็ยอมช่วย ผมยกแขนตัวเองขึ้นเหมือนเด็กน้อย ให้ไหมดึงเสื้อผมถอดออก จังหวะที่ไหมกำลังเอาเสื้อออกจากคอผม ผมก็แกล้งเอามือลงแล้วดึงตัวไหมลงมา

ร่างของไหมซ้อนลงมาทับตัวของผม ใบหน้าของเราอยู่ห่างกันแค่คืบ มือของผมกอดตัวไหมไว้แน่น ขอสักแป๊บนึงนะ ขอฟินแบบนี้อีกสักพัก

“ไอ้บ้าชา ! ทำอะไรเนี่ย ปล่อยนะ” ไหมร้องขึ้นมา เมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังโดนผมหลอก เจ้าตัวดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่ในอ้อมกอดของผม ผมอยากจะอยู่ในท่านี้นาน ๆ จัง บางทีพิษไข้ของผมมันอาจจะเบาลงก็ได้

“ขอบใจนะ ที่มาดูแล” ผมกระซิบบอกขอบคุณไหมไปที่ข้างหู อดไม่ได้ที่จะแกล้งเอาปากงับไปที่ใบหูขาว ๆ ของคนที่อยู่ตรงหน้าเบา ๆ เจ้าตัวชะงักกึก หยุดดิ้นทันที สายตาจ้องมาที่ดวงตาผมอย่างแน่วแน่ หรือว่าไหมชอบแบบนี้

ผมทำให้อีกรอบเอาปะ

และแล้ว ...

ตุบ !

ความรู้สึกจุกเสียด เจ็บแปลบแบบอธิบายไม่ได้ และผู้หญิงอย่างไหมไม่เคยเข้าใจก็เกิดขึ้นกับตัวผม เข่าของไหมกระแทกมายังจุดยุทธศาสตร์ของผมเต็ม ๆ เล่นไรวะครับเนี่ย

โอ๊ย … จุกโว้ย

“โอ๊ย ! ไหม” ผมร้องลั่นออกมา

มือผมรีบปล่อยตัวไหมออกจากอ้อมกอดของตัวเองอย่างอัตโนมัติ ก่อนเลื่อนมือมากุมอวัยวะอันแสนบอบบางของตัวเองที่โดนดาเมจของไหมเข้าไปแบบติดคริติคอล  ไหมรีบดันตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียง

“ไอ้หื่น ไอ้บ้ากาม ไอ้ไว้ใจไม่ได้ ไอ้ฉวยโอกาส ไอ้ … นี่ถ้าไม่ได้ป่วย แกโดนฉันกระทืบตายแน่” เจ้าตัวหน้าแดงร้องโวยวายชุดใหญ่ ก่อนหันหลังกลับไปเตรียมข้าวของเพื่อมาเช็ดตัวให้กับผม ปล่อยให้ผมส่งสายตามองตามไปแบบไม่รู้จะสำนึกผิดหรือจะฟินดี

ได้กอดไม่ถึงครึ่งนาที เหมือนจะไม่คุ้มเลยแฮะ … ยังไม่หายจุกเลยเนี่ย !

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด