คาถาที่ 1 : ผมชื่อชาบู
คุณเชื่อเรื่องราวเหนือธรรมชาติไหม ?
สำหรับผมแล้ว ตอนนี้ผมเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เลยล่ะ เมื่อก่อนผมอาจจะเคยเชื่อแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ เพราะเป็นคนชอบอ่านนิยายสยองขวัญ เรื่องราวลี้ลับเหนือธรรมชาติต่าง ๆ เช่นพวกวิญญาณ ผี ปีศาจ อะไรทำนองนั้น แต่ก็ไม่เคยได้เห็นตัวเป็น ๆ สักที จนกระทั่งเมื่อหลายเดือนก่อน เรื่องราวของเพื่อนผมมันเป็นเครื่องยืนยัน และทำให้ผมได้รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีอยู่จริงในโลกของเรา ซึ่งไม่ได้อยู่ไกลตัวเลย
บนโลกใบนี้ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่รู้และมองไม่เห็น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันจะไม่มีอยู่ เพราะบางอย่างวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่ได้ค้นพบ ตอนนี้ ถ้าถามว่าผมเป็นใคร ผมก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่เกิดมาบนโลกที่แสนกว้างใหญ่แห่งนี้ ผมชื่อ ชาบู ครับ เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่จะเรียกสั้น ๆ กันว่า ชา อาจจะมีคำนำหน้าบ้าง ตามสถานการณ์และอารมณ์ของแต่ละคนที่พาไป
“ไอ้เชี้ยชา ! สายแล้ว มึงรีบหน่อยดิวะ มึงอาบน้ำหรือทำอะไรเนี่ย ชักช้าจัง”
เสียงร้องตะโกนดังเข้ามาภายในห้องน้ำ ขณะที่ผมกำลังเร่งมืออาบน้ำอยู่ คนที่ตะโกนเข้ามาชื่อ อิฐ ครับ อิฐมันเป็นเพื่อนสนิทผมที่โคตรใจร้อนพอสมควร ผมกับมันทะเลาะกันบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่รุนแรงหรอก ตามประสาเพื่อนแหย่กันเล่น เพราะความกวนส้นเท้าของผมบวกกับความใจร้อนของมัน ที่ทั้งผมและมันคบกันมาได้ถึงทุกวันนี้ คงเพราะมีเพื่อนอีกคนที่คอยเบรกเราสองคนไว้ แต่ก็ใช่ว่าอิฐมันจะเหนือกว่าผมซะทีเดียว ผมมีไพ่ตายอยู่ครับ อิฐมันชอบน้องสาวของผม เห็นแบบนี้ผมโคตรหวงน้องสาวอะ ทำไงได้ น้องสาวผมมันน่ารักนี่ครับ แต่ก็เพราะอิฐมันเป็นเพื่อนสนิทที่ผมรู้นิสัยใจคอกันดี ผมจึงยอมเปิดทางให้มันคุยกับน้องผมในตอนนี้
“เออ ๆ กูเสร็จแล้ว เร่งจัง ชักไว ๆ ไม่ชักช้าให้ก็ได้นะ แป๊บหนึ่ง” ผมตะโกนร้องบอกกลับไปอย่างอารมณ์ดี ขอให้ได้สักนิด ชีวิตก็สดชื่น ตามมาด้วยคำสบถของอิฐที่ดังขึ้นมา
พอผมออกมาจากห้องน้ำก็เจอหน้าของเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่บนเตียง คนนี้มันชื่อ คีย์ ครับ เพื่อนสนิทอีกคนของผมเอง ไอ้นี่แหละ ที่ทำให้รู้ว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายบนโลกที่เราไม่เคยรู้ คีย์มันมีความลับอยู่อย่างหนึ่งครับ อยากรู้ใช่ไหมล่ะ ว่าคืออะไร มันเป็นยมทูตครับ ยมทูตตัวเป็น ๆ จับต้องได้ อยู่ในหอเดียวกับผม แถมยังเป็นเพื่อนสนิทอีกต่างหาก เห็นไหมล่ะครับ บนโลกใบนี้อะไรมันก็เกิดขึ้นได้
“เฮ้ย ไม่ต้องมามองกูแบบนี้เลย มึงไม่ปลุกกูอะไอ้คีย์” ผมพูดกับไอ้คีย์ที่นั่งทำหน้านิ่งอยู่บนเตียง ต่อให้มันทำหน้านิ่งขนาดไหน แต่แค่มองตาผมก็พอรู้แล้ว ว่ามันกำลังหงุดหงิดอยู่ ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นเพื่อน ผมคงคิดว่ามันเป็นพ่อคนที่สองของผมกับไอ้อิฐไปแล้ว ก็ไอ้คีย์นี่แหละครับ ที่คอยสงบศึกให้ผมกับไอ้อิฐบ่อย ๆ เวลามีเรื่องกัน รวมถึงมันดูจะเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มด้วย
“รีบใส่เสื้อเลยมึง เปิดเทอมวันแรกก็สายละ กูปลุกหลายรอบล่ะเหอะ มึงบอกตื่นแล้ว กูเลยลงไปกินข้าวกับไอ้อิฐ พอขึ้นมาอีกที มึงยังนอนอยู่บนเตียงอยู่เลย” คีย์พูด ทำไงได้ล่ะครับ ตอนนั้นมันง่วงอะ เผลอนอนต่ออีกห้านาที แต่ตื่นมามันก็ไม่ใช่ห้านาทีซะแล้ว
“ค้าบพ่อ ห้านาทีครับ เสร็จแน่ ๆ” ผมพูดก่อนเปิดตู้เสื้อผ้าคว้าเอาชุดนักศึกษาและกางเกงมาใส่
ป้าบ ! ฝ่ามือของไอ้อิฐฟาดมาที่หัวผม ทำให้ผมหันไปมองมัน อ้าวไอ้นี่ ! อยากมีเรื่อง
“โทษฐานที่มึงกวนตีนกูตอนอยู่ในห้องน้ำ” อิฐพูด พร้อมยักคิ้วหนึ่งทีอย่างกวนส้นเท้าเป็นอย่างมากมาให้ผม
“มึงทำแบบนี้ คือไม่อยากคุยกับน้องกูต่อแล้วว่างั้น” ผมพูดขณะติดกระดุมเสื้อของตัวเอง แบบนี้มันต้องโยนไพ่ตาย ขู่ให้หงอ
“โห เอาอีกแล้ว เอาเรื่องกี้มาขู่กูอีกแล้ว อย่างกับทุกวันนี้กี้ฟังมึงมากอะไอ้ชา กูอยากจะขำ เอาเรื่องตัวเองกับไหมให้รอดก่อนปะครับ” อิฐพูดพลางหัวเราะเยาะเย้ยพร้อมเดินไปนั่งรอที่เตียงข้าง ๆ ไอ้คีย์
โอ๊ย … เจ็บจี๊ด จี้ปมกูอีก
“พอเลย ๆ พวกมึง ไอ้ชามึงรีบแต่งตัวดิ จะได้ไปสักที ไม่งั้นพวกกูจะไปก่อนนะ” คีย์พูดพลางลุกขึ้นยืนไปเปิดประตูห้อง
“เฮ้ย ! รอก่อนดิ เสร็จแล้ว ๆ” ผมร้องบอกมันไป ก่อนติดกระดุมเม็ดสุดท้ายและคว้ากระเป๋าเป้ข้างตัวเพื่อไปเรียนในวันแรก
บรรยากาศภายในห้องเรียนสโลปวันแรกเต็มไปด้วยเสียงคุยของคนในคลาส ที่มุมหนึ่งของห้อง ผู้หญิงคนหนึ่งโบกมือให้กับพวกผมที่เพิ่งเข้ามาถึงภายใน เธอชื่อ ใยไหม ครับ ใยไหมเป็นผู้หญิงอุดมคติในใจของผู้ชายหลาย ๆ คน ทั้งหุ่นดีราวกับนางแบบ หน้าโคตรหวาน ที่สำคัญเป็นดาวคณะอีกต่างหาก แต่เสียอยู่อย่างเดียวครับ สกิลปากแรงไปหน่อย แต่ผมก็รักของผมนะคนนี้ ผมเคยบอกชอบเขาไปแล้วครับ แต่เขาคิดกับผมแค่เพื่อน ช่วงนั้นเล่นเอาเจ็บหนักพอสมควรเลย มันก็คงไม่แปลกหรอกเพราะปกติผมก็เอาแต่แหย่ แกล้ง กวนตีนเขาไปวัน ๆ ไม่เคยจีบเลยสักครั้ง เพิ่งจะมาจีบระยะหลัง หลังจากเจอมรสุมเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต ผมเลยพยายามเริ่มต้นกับไหมใหม่ อย่างน้อยก็ขอพยายามอีกสักครั้ง
“ช้าตั้งแต่วันแรกเลยนะพวกแก” ทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้เลคเชอร์ เสียงของไหมก็ทักขึ้นมา
“ก็ไอ้ชาอะดิ ตื่นสายอะไหม” อิฐพูดพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ตัวถัดจากผม
“วันหลังก็ให้มันเดินตามมาเองซิ” ไหมหันมามองหน้าผมแล้วพูด
ใจร้าย … ปากดีเหลือเกิน ปากแบบนี้มันน่าจับจูบซะให้เข็ด
“ทำไมพูดจาทำร้ายจิตใจกับเค้าแบบนี้อะไหม” ผมพูดกับเจ้าตัว ทำเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ไม่ต้องมาทำเสียงสองกับฉัน ฉันไม่เหมือนสาว ๆ ในสต๊อกแกนะ” ไหมตอบกลับ
“บ้า มีที่ไหน เดี๋ยวนี้ไม่ได้คุยกับใครอีกแล้วนะ” ผมตอบไหมไป เอาเข้าจริง หลังจากผ่านเรื่องของครีม ผู้หญิงที่ทำให้ชีวิตผมแทบพังจากเรื่องการโดนทำของใส่ ผมก็ระวังตัวเรื่องผู้หญิงมากขึ้น ไม่ได้มั่วเหมือนแต่ก่อนแล้ว เรียกได้ว่าเข็ดเลยล่ะ
“เมื่อวานไปกินข้าวกับน้องแอปเปิลมาเป็นไงบ้างวะ” อิฐที่นั่งถัดจากผมหันมาร่วมวงคุยด้วย
“ไอ้อิฐ ! แอปเปิลไหนของมึง” ผมหันไปตบหัวมัน ไอ้เพื่อนเวร … ยังมีหน้ามาหัวเราะใส่ผมอีก
“ว่าแต่อาจารย์ยังไม่มาเหรอ” คีย์ที่นั่งถัดจากไหมพูดขึ้นต่อ
“มาแล้ว แล้วก็ไปแล้ว วันนี้ยังไม่เรียนอะ อาจารย์แค่แจกคอร์สซีรีบัสเฉย ๆ คีย์” ไหมตอบ พร้อมหยิบแผ่นกระดาษคอร์สซีรีบัสที่เจ้าตัวเก็บไว้เผื่อให้พวกเรายื่นส่งให้แต่ละคน
“พวกแก มีร้านบิงซูเปิดใหม่อะ เย็นนี้ไปกินกันปะ วันแรกลด 50% เลยนะ” ไหมพูด
ไหมเป็นคนชอบกินของหวานครับ ติดตั้งแต่เราอยู่สมัยมัธยมแล้ว เจ้าตัวชอบชวนพวกผมไปกิน กินเยอะด้วยนะ แต่ก็แปลกกินแล้วก็ไม่อ้วน ไม่รู้เอาไขมันกับน้ำตาลไปเก็บไว้ที่ไหน
“โทษทีว่ะไหม ฉันมีนัดกับฟองแล้วอะ” คีย์พูด ฟองที่ว่าเป็นรุ่นพี่ในคณะผมครับ แล้วก็เป็นแฟนของไอ้คีย์มันด้วย คู่นี้เขาน่าอิจฉานะ ความรักโคตรราบรื่น แถมใจตรงกันอีก ผมก็ดีใจกับเพื่อนที่เห็นมันมีความสุข เพราะพี่ฟองทำให้ไอ้คีย์ที่หน้านิ่ง ๆ ยิ้มได้โคตรบ่อยเวลาอยู่ด้วยกัน
“เย็นนี้กูก็ต้องไปบ้านยาย พ่อแม่เพิ่งกลับมาอ่ะไหม” อิฐพูดขึ้นมาบ้าง โอ๊ย … ดีมาก ๆ ผมจะได้ไปกับไหมแค่สองคน ไม่ต้องมีไอ้สองตัวนี้ตามไปเป็นก้างขวางคอ ผมยิ่งไม่ค่อยมีโอกาสอยู่กับไหมแค่สองต่อสองซะด้วย
“ฉันว่างนะไหม” ผมพูด พลางยิ้มกว้างให้กับคนที่ชวน ไหมมองหน้าผมทีก่อนหันไปหาคีย์และอิฐอีกรอบ
“นี่พวกแกจะให้ฉันไปกับไอ้ตี๋หื่นกามนี่สองคนเหรอ” ไหมพูด
“ไหม ไอ้ชามันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นเปล่า มันก็แค่หม้อไม่เลือกหน้า ติดหนังโป๊ ซกมก น้ำไม่ค่อยอาบ ก็แค่นั้นเอง” อิฐพูดทำลายภาพลักษณ์ดี ๆ ที่ผมพอมีเหลืออยู่บ้างจนหมดสิ้น
ผมแทบจะขยำคอร์สซีรีบัสตรงหน้าแล้วจับใส่ปากไอ้อิฐ …. คอยดูนะ กูจะขัดขวางมึงกับกี้ทุกวิถีทาง
“น่า … ไปด้วยกันน้า” ผมพูดทำหน้าอ้อน ๆ พร้อมเขย่าแขนไหม
“อื้ม ๆ ลดตั้งห้าสิบเปอร์ เสียดาย ไปก็ไป แกเลี้ยงนะ”
“ได้ค้าบ” ผมพูด เรื่องแค่นี้เอง เลี้ยงได้อยู่แล้ว จิ๊บ ๆ
ร้านบิงซูที่ไหมพามาไม่ได้ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก ใช้เวลาเดินทางแป๊บเดียวก็ถึง ภายในร้านเต็มไปด้วยผู้คน สงสัยว่าเป็นเพราะโปรโมชันลดราคาห้าสิบเปอร์เซ็นต์ในวันเปิดร้านด้วยล่ะมั้ง แต่โชคดีไปอีก ที่ตอนผมกับไหมเดินเข้าไปในร้านมีคนที่เพิ่งทานเสร็จลุกออกไปพอดี เราเลยได้ไปนั่งเสียบแทนและรอให้เขามาเก็บกวาดทำความสะอาดโต๊ะ
รอสักพักก็มีพนักงานในร้านเอาเมนูมาให้ผมกับไหมได้เลือก
“เอาอันไหนดีอะชา” ไหมถามผมขณะที่ตาของเจ้าตัวกำลังมองเมนูอยู่
“ไหมเลือกเลย” ผมตอบไป ผมเป็นคนกินอะไรก็ได้หมดแหละ ให้คนที่เขาชอบกินของหวานเป็นคนเลือกเองจะดีกว่า
“งั้นเอาอันนี้ที่นึงค่ะ” ไหมพูดกับพนักงานของร้านพร้อมชี้นิ้วไปที่รูปหนึ่งในเมนู
ใช้เวลาเกือบสิบห้านาที บิงซูถ้วยใหญ่ท่าทางน่ากินก็มาปรากฏแก่สายตาของพวกเราทั้งคู่ ไหมหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปอัพลงไอจีไปตามสเต็ป ผมโดนตีมือไปหนึ่งทีเพราะเกือบเอาช้อนไปทำลายภาพบิงซูที่สวยงามตรงหน้าซะแล้ว
“ถ่ายรูปให้ฉันหน่อย ถ่ายสวย ๆ นะ” ไหมพูดหลังจากตัวเองถ่ายรูปเดี่ยวของบิงซูเสร็จ
บางทีผมก็ไม่เข้าใจผู้หญิงนะ ว่าทำไมเวลาก่อนกินของหวานจะต้องถ่ายรูปคู่กับมันด้วย เจ้าตัวส่งยิ้มกว้างให้กับกล้องพร้อมทำท่าชี้นิ้วไปที่บิงซู
ยิ้มให้ผมแบบนี้บ้างผมคงดีใจตายเลย …
“อะ เสร็จแล้วค้าบ กินได้ยั้งเนี่ย” ผมพูด ก่อนยื่นมือถือคืนไหมให้ไหมไปเช็กรูปของตัวเอง ตามมาด้วยเสียงบ่นอีกสองสามประโยคว่า ถ่ายไม่สวยบ้างล่ะ หน้าบานบ้างล่ะ เหนียงออก ทำไมไม่ยกกล้องให้มันเอียงสี่สิบองศา ผมก็งงนะ ว่าแค่มุมกล้องมันส่งผลต่อรูปได้มากมายขนาดนั้นเลยเหรอ รูปที่ถ่ายผมก็ว่าสวยแล้วนะ สงสัยต้องไปปรึกษาไอ้อิฐแล้วหัดถ่ายรูปให้มันเก่งสักที
ขณะที่ผมกับไหมกำลังตักบิงซูเข้าปากอยู่ ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนักศึกษารัดรูปที่ดูแล้วท่าทางจะหายใจลำบากก็เดินตรงมาที่โต๊ะของผม อื้อฮือ แทบจะสำลักบิงซู แต่เดี๋ยวนะ … ผมเคลียร์เรื่องผู้หญิงหมดแล้วนะ คนนี้ไม่รู้จัก ตอนนี้ผมโฟกัสแค่ใยไหมคนเดียว
“นี่ใช่น้องชาเดือนวิศวะหรือเปล่าคะ พี่ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหม” ผู้หญิงคนนั้นพูด ผมเหลือบตามองใยไหมที่ตอนนี้เจ้าตัวดูหน้าตึง ๆ ก็พอจะเดาอารมณ์ได้นิดหนึ่ง
“พอดี เอ่อ ผมไม่ค่อยสะดวกน่ะครับ” ผมตอบไป โอ๊ย เบื่อตัวเองโว้ย ทำไมต้องเกิดมาหน้าตาดี ทำไมต้องได้เป็นเดือนคณะ
“น่า แป๊บเดียวเอง” คนขอถ่ายรูปคะยั้นคะยอต่อ
“ก็ได้ครับ” ผมพูดออกไปเพื่อตัดปัญหา ผมกับไหมจะได้กินบิงซูกันอย่างมีความสุขต่อ ผู้หญิงคนนั้นหยิบมือถือขึ้นมาก่อนถ่ายรูปเซลฟีกับผม
ใกล้ … ใกล้เกินไปแล้วครับ แม้จะไม่ได้เห็นว่าไหมมองอยู่หรือเปล่า แต่ผมมั่นใจได้เลยว่าเจ้าตัวต้องแอบหมั่นไส้ผมแน่นอน ผมสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่าง
“ขอไลน์น้องชาไว้ด้วยได้ไหมคะ” โอ๊ย … พอเถอะครับพี่ เอาไงดีวะไอ้ชา เอาไงดี ขืนเป็นแบบนี้ไหมต้องมองเราไม่ดีแน่ ๆ เลย คิดซิวะ…คิด แล้วในที่สุดผมก็พูดออกไป
“คือ ผมมีแฟนแล้วครับพี่ แฟนผมเขาต้องไม่โอเคแน่ ๆ”
“จริงเหรอคะ น้องชามีแฟนแล้วเหรอ” พี่ผู้หญิงคนนั้นถามต่อด้วยความสงสัย
“จริงซิครับ ก็นั่งอยู่ตรงข้ามกับผมไง” ผมพูดก่อนหันไปหาใยไหมที่ทำหน้าเหวออยู่เมื่อผมบอกว่าเราเป็นแฟนกัน
“น้องไหมไม่ได้เป็นแค่เพื่อนในกลุ่มเหรอคะ”
กำ ทำไมพี่เขาถึงได้รู้ลึกรู้จริงได้มากขนาดนี้ครับเนี่ย
“เรา เอ่อ … ดู ๆ กันอยู่น่ะครับ”
“เหรอคะ งั้นพี่ไปก่อนนะ แต่ถ้าเปลี่ยนใจ พี่นั่งอยู่โต๊ะนั้นนะ” พูดจบเจ้าตัวก็ขยิบตาให้หนึ่งทีพร้อมชี้ไปที่อีกโต๊ะ ที่มีสาว ๆ หลายคนนั่งอยู่ก่อนจะเดินจากไป
“ฉันไปเป็นแฟนแกตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบคะ” ไหมพูดเปิดทันทีที่ผมหันไปสบตาด้วย
“โธ่ ไหม ให้โอกาสฉันหน่อยไม่ได้เหรอ แกก็รู้ว่าฉันคิดยังไงกับแก ตั้งแต่ตอนนั้นฉันก็เป็นคนดีขึ้นเยอะแล้วไง เธอไม่เห็นเหรอ” ผมพูดออกไปเสียงอ่อย ทำหน้าเรียกร้องความสงสาร
“แล้วที่ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่ได้เรียกให้โอกาสเหรอ” ไหมพูดต่อ
เอ๊ะ … ยังไง มันหมายความว่ายังไง
“เดี๋ยวนะ … นี่หมายความว่าแกจะยอมคบกับฉันแล้วใช่ปะ” ผมถามออกไป
“เปล่า ไม่ใช่”
“อ้าว”
“ขอดูพฤติกรรมแกไปยาว ๆ ก่อน” ไหมพูดพลางเอาช้อนคนบิงซูที่เริ่มละลายแล้ว ก่อนเริ่มประโยคใหม่ที่ดูจริงจังกว่าเดิม
“เอาจริง ๆ นะชา ฉันเคยคิดกับแกแบบเพื่อนมาโดยตลอด แกไม่เคยมีท่าทีชอบฉันเลย มีแต่กวนประสาท ปากหมาใส่ตลอดเวลา แล้วอยู่มาวันหนึ่ง แกก็มาบอกชอบฉัน ใครมันจะไปรับได้วะ แต่ฉันก็ยอมรับนะ ว่าหลังจากเรื่องของครีม ฉันมองแกเปลี่ยนไป”
มันก็จริงของไหม ผมไม่เคยแสดงออกว่าชอบเจ้าตัวมาก่อนเลย ดีแต่แกล้ง ดีแต่คอยกวนประสาท ไม่เคยจีบด้วยซ้ำ แล้วมาวันหนึ่งก็ไปบอกชอบเขา ตอนนั้นไหมคงลำบากใจหน้าดู
“ง่อว นี่แอบบอกชอบเค้าใช่ปะ” ผมพูดแซวไหม
ไหมไม่ตอบแต่ใช้ช้อนตักบิงซูมายัดใส่ปากผม เล่นเอาแทบสำลัก แต่ก็โอเคแหละ สำหรับผู้ชายอย่างผม ขอแค่ไหมได้ให้โอกาสคนคนนี้บ้าง
ผมก็ดีใจแล้ว …