เล่ม 1 ตอนที่ 6: คทาสายฟ้า (2)
••••••••••••••••••••
นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล
••••••••••••••••••••
เล่ม 1 ตอนที่ 6: คทาสายฟ้า (2)
เฟิงอุทานอย่างตื่นเต้น “เยี่ยม! ยอดเยี่ยมไปเลย!” หลังจากที่ฝึกหลวนลี่แล้ว พละกำลังของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ทั้งความแข็งแกร่งทางจิตใจและกายภาพนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก
เหยาเหยาปรบมือ “หว๋า! พี่เฟิงเก่งที่สุด ข้าจะไปหยิบลูกศร!” เด็กหญิงวิ่งเข้าไปในห้องพร้อมกับหยิบซองบรรจุลูกศรสิบดอกออกมา มันคือสิ่งที่ชายชราได้สร้างเอาไว้ก่อนหน้า
ส่วนปลายของมันทำจากเหล็กกล้าขนาดหนึ่งนิ้วและหนักประมาณห้าขีด มันคือลูกศรพิเศษสำหรับใช้กับคันธนูสีดำนี้เท่านั้น
เฟิงสะพายซองลูกศรพร้อมกับถือคันธนูไว้ในมือ เขาเดินตรงมุ่งหน้าไปยังหน้าผา ตอนนี้ลุงเก๋อและเพื่อนอีกสองคนรออยู่ที่นั่น
ทุกคนที่นี่จะต้องรวบรวมอาหารให้เพียงพอก่อนฤดูหนาวจะมาถึง ปกติแล้วหนึ่งครอบครัวจะมีนักล่าหนึ่งถึงสองคน แต่ก็มีครอบครัวบางกลุ่มที่มีเพียงมันสำปะหลังและข้าวไว้สำหรับหน้าหนาวเท่านั้น ในช่วงฤดูร้อนพวกเขาจะเร่งปลูกและเก็บเกี่ยวมันให้มากที่สุด จากนั้นค่อยนำมันมาแลกเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์เพื่อสำรองอาหารในฤดูหนาวอีกครั้ง
เก๋อต้าเชิงเห็นเฟิงเดินมาแต่ไกล รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า “เฟิง เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง? กลัวหรือไม่?”
นักล่าอาวุโสมักจะหยอกล้อนักล่ามือใหม่เช่นนี้เสมอ นั่นคือธรรมเนียมปฏิบัติของเขาเอง
ซินเฟิงหัวเราะ “ลุงเก๋อ ลุงหนานชาน ลุงฉี ข้าไม่กลัวเลยขอรับ ฮ่าฮ่า ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะขอรับ ข้าคงต้องอยู่กับพวกลุงไปอีกสักพัก”
ชายวัยกลางคนทั้งสามนั้นเฝ้ามองการเติบโตของเฟิงมาตั้งแต่ยังแบเบาะ ไม่ว่าอย่างไรนี่เด็กหนุ่มคนนี้ก็เปรียบได้กับลูกหลานของพวกเขาอยู่แล้ว~
เก๋อต้าเชิงตบบ่าเฟิงเบา ๆ “ไปกันเถอะ วันนี้เราไม่ได้ไปไกลนัก เราจะล่าใกล้ ๆ ปราสาทนี่เอง”
ทั้งหมดเดินไปที่ป้อมปราการพร้อมกับหย่อนตัวลงกระเช้า วงล้อหมุนเพื่อพาทั้งหมดลงจากป้อมหิน
นี่คือครั้งแรกที่เฟิงออกจากปราสาทผาพยัคฆ์ ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนนี้เขาไม่ต้องการจะออกไป ทว่าเด็กที่อายุไม่ถึงเกณฑ์นั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากป้อม ประกอบกับใกล้ ๆ ปราสาทนี้มีสัตว์ป่าและคนเถื่อนซุกซ่อนอยู่ภายในป่า การกระทำเช่นนั้นหมายถึงการวิ่งเข้าหาประตูแห่งความตาย ทุกปีมีคนตายตกไปจากการออกไปล่าสัตว์อยู่เสมอ เหตุการณ์เหล่านั้นทำให้ทุกทีมล้วนระมัดระวังมากยิ่งขึ้น มีเพียงนักล่าทรงพลังเท่านั้นที่จะสามารถเดินออกไปห่างไกลจากปราสาทได้
ตอนนี้เฟิงเข้าร่วมทีมนักล่าแล้ว ต้าเชิงคิดว่าจะประเมินศักยภาพของเขาก่อน เช่นนี้เขาจึงตัดสินใจใช้พื้นที่ใกล้ปราสาทเพื่อดูปฏิกริยาของเฟิง เช่นนี้จะสามารถใช้เลือกสถานที่ล่าสัตว์ในอนาคตได้ ในฐานะมือใหม่ เฟิงไม่ได้กล่าวอะไรนอกจากทำตามเท่านั้น
อย่างไร เขาได้รู้อะไรหลายสิ่งภายในปราสาทหลังจากใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้มานานกว่าสามปี เขาไม่ใช่เด็ก เขารู้มากกว่าคนที่นี่ด้วยซ้ำ สมองของเขาเต็มไปด้วยความคิดมากมายและมีข้อโต้แย้งที่ต้องการหาคำตอบในโลกใบนี้เสมอมา
บนหลังของต้าเชิงนั้นคือหอกสั้นสี่อันพร้อมด้วยมีดยาวสองฟุต เขาใช้มันสำหรับเปิดทางในการเดิน
ส่วนหนานชานนั้นเป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำ เขาถือหอกซึ่งทำจากเหล็กกล้าเอาไว้ในมือและมีคันธนูสะพายอยู่ที่หลัง
ส่วนฉีถือโล่ห์ขนาดใหญ่ซึ่งทำมาจากหนัง เหล็กและไม้ ชั้นนอกของมันทำจากหนังกระทิง ซึ่งทำให้มีพลังป้องกันที่สูงลิบ อีกมือหนึ่งคือมีดหินรูปสามแฉก มันแข็งแกร่งมากและอาวุธของเขายาวกว่าสองฟุต
ส่วนเฟิงนั้นเป็นผู้ใช้ธนูอย่างเดียว การโจมตีระยะไกลเป็นหน้าที่ของเขา ทุกคนแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน
ต้าเชิงเดินนำหน้าโดยมีฉีติดตามอย่างใกล้ชิด เขาจะปิดกั้นการซุ่มโจมตีทุกอย่างโดยรอบเอาไว้ ส่วนหนานชานเดินคู่กับเฟิงที่อยู่ด้านหลัง
เฟิงมีลูกศรสิบอัน ซึ่งมันคือลูกศรที่สร้างขึ้นมาอย่างพิเศษ มันสามารถรับมือกับสัตว์ป่าทั่วไปได้ แต่ไม่สามารถเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายทรงพลัง
ทั้งสี่มุ่งหน้าเข้าป่าไปเรื่อย ๆ เฟิงรู้สึกตื่นเต้นในทุกย่างก้าวของตนเองอย่างยิ่งกับการเข้าป่าครั้งแรกนี้
หลังจากที่เด็กหนุ่มได้ฝึกฝนหลวนลี่ ประสามสัมผัสของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก เฟิงรับรู้ได้ถึงสัตว์ป่าโดยรอบอย่างชัดเจน ในทุกก้าวของเขามีสัตว์ป่าอยู่ใกล้ ๆ เสมอ นี่คือเรื่องแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนและเมื่อเป็นเช่นนี้ มันทำให้เขาคล้าย ๆ จะเวียนหัวกับประสบการณ์แปลกใหม่นี้ไม่น้อย
พื้นที่ล่าสัตว์ของแต่ละทีมนั้นจะแตกต่างกันไป ส่วนต้าเชิงนั้นเลือกบริเวณใกล้กับบ่อน้ำ สัตว์ทุกตัวจะต้องมาดื่มน้ำในบ่อแห่งนี้ มันย่อมเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการล่าอย่างแน่นอน แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อใดที่อันตรายมหันต์จะมาเยือนบ่อแห่งนี้
สัตว์ป่าบางตัวไม่อาจถูกจัดการลงได้โดยนักล่าทั่วไป
นี่จึงเป็นจุดที่ดีที่สุดสำหรับการล่าใกล้ ๆ ปราสาท
บ่อน้ำเป็นรูปทรงคล้ายกับกรวยไต ความกว้างยาวของมันราว ๆ หนึ่งกิโลเมตร ขณะที่เดินเข้าใกล้มัน เฟิงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก สัมผัสวิญญาณของเขาบอกว่ามันมีอะไร สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย!
เมื่อเดินมาใกล้อีกหน่อย ต้าเชิงส่งสัญญาณมือให้ทุกคนหยุดเคลื่อนไหว เขากระซิบอย่างแผ่วเบา “หนานชาน ฉี เฟิง ระวังตัว! ข้าจะปีนต้นไม้ดูลาดราวสักหน่อย” เมื่อกล่าวจบ ต้าเชิงค่อย ๆ ปีนขึ้นสู่ที่สูงอย่างระมัดระวัง
มือของเฟิงกำลูกศรไว้แน่น สภาพแวดล้อมทั้งหมดปกคลุมด้วยกิ่งไม้ใบหญ้า เขาไม่สามารถมองไปไกลมากกว่านี้ได้อีกแล้ว แต่สัมผัสวิญญาณของเฟิงยอดเยี่ยม ไม่มีอะไรจะไวไปกว่าความรู้สึกของเขาอีกแล้วในเวลานี้
ฉีวางโล่ขนาดใหญ่ลงด้านหน้าพร้อมกับจับมีดหินไว้อย่างแน่นหนา เขาพยายามสอดส่องบริเวณโดยรอบและระมัดระวังตัวอย่างถึงที่สุดเพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวบริเวณใกล้ ๆ ทั้งสามคนล้อมรอบต้นไม้กลายเป็นรูปสามเหลี่ยมเพื่อรอฟังคำสั่งจากต้าเชิงที่อยู่บนต้นไม้
ต้าเชิงซึ่งนั่งอยู่บนต้นไม้กล่าวขึ้นมาอีกครั้งอย่างกระซิบกระซาบ “มากับข้า!”
ทั้งสามปีนขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็ว เฟิงแหงนหน้าขึ้นมองด้านบนพร้อมบ่นออกมาอย่างประหลาดใจ “นี่คือบ้านต้นไม้งั้นหรือ?”
ต้าเชิงพยักหน้ารับ “มันคือจุดที่เราจะเอาไว้ใช้หลบซ่อนและพักผ่อนเมื่อออกล่าในยามเย็น” หลังจากจบคำ เขาปีนขึ้นไปอีกทันที
เฟิงเอาธนูสะพายหลังพร้อมกับปีนตามอย่างรวดเร็ว
บ้านต้นไม้นี้อยู่สูงจากพื้นดินราวยี่สิบเมตร แม้มันจะถูกสร้างขึ้นแบบลวก ๆ แต่มันก็สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างดีเยี่ยมวิสัยทัศน์ด้านบนนั้นยอดเยี่ยมมาก สามารถมองเห็นบ่อน้ำได้อย่างชัดเจน
สายตาของเฟิงมองเห็นกระทิงตัวใหญ่ในฉับพลัน เขาร้องออกมา “ฝูงกระทิง!”
หนานชานหัวเราะ “อย่าคิดเรื่องนั้นเลย แม้แต่คนเถื่อนก็ยังไม่กล้าที่จะยั่วยุฝูงกระทิงขนาดใหญ่เหล่านี้ เมื่อมันบ้าคลั่งขึ้นมา โฮ่โฮ่ หากว่าไม่รีบหนีล่ะก็… ตายสถานเดียว”
สายตาของเฟิงจับจ้องที่ฝูงกระทิงตรงหน้าอย่างมาดหมาย กระทิงสักหนึ่งตัวอาจจะเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมสำหรับการออกล่าครั้งแรกของเขา แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้อยู่ดี ทว่าเขาอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นกับสิ่งตรงหน้า
ฉีที่อยู่ด้านข้างกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “อย่าฝันกลางวันจะดีกว่าหน่า!”
รอยยิ้มขมขื่นเผยขึ้นมาบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม “พวกท่านไม่คิดจะสังหารกระทิงสักตัวหรือ?”
ต้าเชิงอดไม่ได้ที่จะอธิบาย “เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสังหารกระทิง การจะจัดการมันจะต้องมีสมาชิกในทีมอย่างน้อยสิบห้าถึงสามสิบคนและมีกับดักตระเตรียมเอาไว้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีคนที่เป็นเหยื่อล่อ มันเป็นสัตว์ที่อันตรายเกินกว่าจะเข้าใกล้”
หนานชานกล่าวเสริม “ผิวหนังของมันหนามาก อาวุธธรรมดาไม่อาจเจาะทะลุได้เลย อีกทั้งจุดอ่อนของมันมีน้อยนิดและการเข้าถึงสิ่งนั้นเป็นไปได้ยากยิ่ง”
“แม้ว่าเราจะกระโดดลงไปจากต้นไม้ก็ไม่ได้งั้นหรือ?”
ต้าเชิงยังคงอดทนอธิบายให้เฟิงเข้าใจ “แม้ว่าเจ้าจะเล็งไปที่จุดอ่อนของมันโดยตรง แต่ไม่แข็งแกร่งมากพอจะฆ่ามัน เจ้าจะไม่มีสิทธิ์มีชีวิตไปถึงวันพรุ่งนี้ได้...”
หนานชานกล่าวเสริม “เอาล่ะ แม้ว่าเจ้าจะสามารถเจาะทะลวงมันได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะตาย ก่อนที่เจ้าจะเริ่มโจมตีครั้งที่สอง มันจะพุ่งเข้าใส่จนเจ้าไม่สามารถตั้งหลักได้อีก เฟิงเอ๋ย เจ้ายังไม่เคยสังหารตัวอะไรเลยใช่ไหมล่ะ? ฮ่าฮ่า มันเป็นเรื่องดีที่เจ้ามีความกล้าหาญ แต่อย่างน้อยเจ้าจะต้องรู้ขีดจำกัดของตนเองด้วยเช่นกัน”
ทั้งสามคนต่างคิดว่าเฟิงมั่นใจในตัวเองมากเกินไป
ซินเฟิงหยุดพูดพล่ามต่อ เขาเพียงเฝ้าดูฝูงกระทิงซึ่งกำลังกินน้ำอย่างเงียบเชียบ
ต้าเชิงโพล่งออกมา “เฟิง เดี๋ยวกินข้าวและพักผ่อนกันก่อนสักหน่อย พวกเราจะเริ่มล่าในตอนเย็น ถ้าหากว่าไม่มีพลังและสุขภาพจิตที่ยอดเยี่ยม เราตกอยู่ในอันตราย”
เฟิงเดินเข้าไปในบ้านต้นไม้พร้อมกับกินเนื้อแห้งที่เขานำมาด้วย ต้าเชิงนอนอยู่บนพื้นพร้อมงีบหลับพักผ่อน ขณะที่หนานชานและฉีเอนกายพิงกับเสาไม้พร้อมกับงีบหลับเช่นกัน มีเพียงเฟิงที่เดินออกไปด้านนอกและคอยนั่งดูฝูงกระทิงอย่างจดจ่อ
เด็กหนุ่มยังไม่คิดยอมแพ้และหวังว่าจะสามารถสังหารกระทิงได้ ความมั่นใจในหลวนลี่ของเขาสูงมาก หากเขามีโอกาส เขาจะลงมืออย่างไม่ลังเลแน่นอน
ขณะนี้ฝูงกระทิงเริ่มเคลื่อนตัวออกจากบ่อน้ำ เฟิงมองพวกมันอย่างรู้สึกเสียใจ เขารู้ว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะโจมตีมันได้เลย เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวพร้อมกับถอดธนูออกจากหลังและวางมันไว้ข้างกาย “ข้าคงทำได้เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น”
ฉับพลัน ฝูงกระทิงเล็ก ๆ ปรากฏตัวขึ้นที่บ่อน้ำ เขาวิ่งกลับเข้าไปในบ้านต้นไม้ทันทีพร้อมกับบอกกล่าวทุกคน “มีฝูงเล็ก ๆ มาที่นี่ ตื่นเร็ว! มีกระทิงฝูงเล็ก ๆ โผล่มา!”
ต้าเชิงไม่สนใจที่จะลืมตาขึ้นแม้แต่น้อย เขาเอ่ยปากอย่างเกียจคร้าน “ไม่เห็นจะน่าแปลกใจตรงไหนเลย อย่างน้อยฝูงเล็ก ๆ ก็มีกระทิงอย่างน้อยสิบตัว เจ้าไม่สามารถจัดการกับมันได้หรอก”
“เราจะรู้ได้อย่างไรในเมื่อเรายังไม่ได้ลองทำมันเลย? ข้าจะจัดการพวกมันเอง!”
หนานชานปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว “ฮ่าฮ่า มือใหม่ของเราในวันนี้ช่างเกรี้ยวกราดยิ่งนัก เอาล่ะ วันนี้เรามาดูเฟิงล่าสักหน่อยดีกว่า!”
••••••••••••••••••••
••••••••••••••••••••