DTH ตอนที่ 28 ไปกันเถอะลูกพี่ลูกน้อง
“นายน้อย ตอนนี้ท่านกำลังบาดเจ็บอยู่ข้าไม่คิดว่าท่านควรจะออกไปข้างนอก เพราะฉะนั้นวันนี้ได้โปรดพักผ่อนให้เต็มที่”
โกวชิรู้สึกเจ็บปวด
ดูเหมือนว่านายน้อยต้องการจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง
เมื่อคืนเขาได้เผชิญหน้ากับนักลอบสังหารและตอนเช้ายังต้องการจะออกไปข้างนอกอีก เขาไม่กลัวจะเจออันตรายระหว่างทางงั้นหรือ?
เพราะมันเป็นที่แน่ชัดแล้วว่ามีใครบางคนต้องการที่จะทำร้ายนายน้อยเช่นเขา
ในเมืองหยูฉางมันไม่มีใครกล้าเข้ามาโจมดีเขาหรอก ดังนั้นมันจึงเลือกที่จะลอบเข้ามาในตอนกลางคืนแทน
“ข้าไม่จำเป็นต้องพัก เวลานี้ออกไปเดินเล่นกันเถอะ”
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เขาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน เพราะมันไม่มีอะไรให้เขาทำเลยสักนิด
และแค่อยู่เฉยๆที่นี่มันก็ทำให้ดูเขาเหมือนคนโง่แล้ว
โกวชิอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็สังเกตเห็นว่าตาข้างซ้ายของนายน้อยนั้นอาการดีกว่าเมื่อก่อน ก่อนหน้านี้มันยังบามและดำอยู่เลย แค่ตอนนี้มันกลับลดลงไปมาก
เขาทำได้ยังไง?
“ลูกพี่ลูกน้องของข้าอยู่ไหน?” หลิน ฟานถามออกมา เขาต้องการใครสักคนมาปกป้องเขาเมื่อเขาออกไปข้างนอก
ตอนนี้เขากังวลนิดหน่อย
เขาได้ทำร้ายเจ้าโง่เหลียง หยงฉีสองครั้ง และถ้าหากเขาเจอเจ้าโง่นั้นอีกครั้งเขาจะพุ่งเข้าไปโจมตีแน่นอน
แน่นอนว่าในฐานะนายน้อยที่ร่ำรวย เขาจะต้องมีผู้ติดตามเวลาเขาออกไปข้างนอกเสมอ มันไม่ได้มีเพื่อไว้ทักทาย แต่มีเอาไว้ท้าทายผู้อื่น
“นายน้อยตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องของท่านไปพบท่านหัวหน้าตระกูล” โกวชิพูด
โจว เชียงเหมานั้นรู้สึกเป็นห่วงเมื่อเขาเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาต้องเจอกับมือสังหารถึงสองครั้ง
และที่สำคัญนักฆ่าคนนี้ก็แข็งแกร่งมากด้วย
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เขาไม่มีทางสู้กับนักฆ่าได้เลย ดังนั้นเขาจึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากลุงของเขา
ในตอนนั้นเองหลิน ฟานก็คิดบางอย่างได้
ความจริงแล้วท่านพ่อรักข้าจริงๆงั้นหรือ?
เขานั้นได้เจอกับนักฆ่าถึงสองรอบ แต่ทำไมพ่อของเขาถึงไม่สนใจเขาเลย?
เมื่อหลิน ฟานกำลังจะออกจากประตูคฤหาสน์มันก็ได้มีบางคนเดินเข้ามาหาเข้า
“ลูกพี่ลูกน้อง” โจว เชียงเหมาตะโกนออกมา “เมื่อท่านลุงรู้ว่าท่านได้เผชิญหน้ากับนักลอบสังหารท่านจึงต้องการจะมาดูท่าน”
หลิน ฟานหันหน้ากลับมาด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อเล็กน้อย
เขามาเยี่ยมข้าเมื่อเขาได้ยินว่าข้าได้เผชิญหน้ากับนักฆ่า
ถ้าเขาจะมาทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้เล่า
“เจ้ากำลังจะไปไหน?” หลิน วานยี่ถาม
เมื่อคืนที่ผ่านมาข้าได้เอาชนะลูกชายคนนี้มันจึงทำให้ข้าสบายใจ
และเนื่องจากเขาชอบนอนมากนักดังนั้นข้าจะทำให้เขาได้รับรู้ถึงความรักของพ่อระหว่างที่เขาหลับ
“ข้าคิดว่าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อยหนะท่านพ่อ” หลิน ฟานตอบ
หลิน วานยี่ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็สังเกตเห็นว่าอาการบวมที่ตาของเด็กคนนี้ลดลงไปมาก
ข้าจำได้ว่าข้านั้นชกออกไปเต็มแรงเมื่อคืนนี้
ข้าก็แค่อยากจะให้เด็กคนนี้อยู่บ้านก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตามดูจากสถานการณ์ตอนนี้เขาไม่สามารถขัดขวางความมุ่งมั่นของเด็กคนนี้จากการออกไปข้างนอกได้เลย
“สถานการณ์เมื่อคืนเป็นเช่นไรบ้าง?” หลิน วานยี่แสร้งทำเป็นกังวลและถามออกมา
สถานการณ์อะไรกัน?
เขาเป็นนักฆ่าใครมันจะไปรู้สถานการณ์เมื่อคืนนี้ดีไปกว่าเขาอีก
หลิน ฟานเย้ยหยันอย่างโกรธเคือง “ท่านพ่อนักฆ่าคนนั้นช่างโง่เง่านัก ในอนาคตถ้ามีโอกาศข้าจะตบหัวสุนัขของมันซะ”
“ข้าจะตบเขาแรงจนเขาต้องเรียกข้าว่าปู่”
“ความโกรธ +123”
หลังจากที่เขาพูดจบมันก็มีคะแนนความโกรธปรากฏขึ้น
หลิน ฟานตกตะลึงคะแนนความโกรธพวกนี้มาจากไหนกัน
เขามองไปที่พ่อของเขา
แต่เขาก็ไม่ได้เห็นอะไรเลย
แต่เขามีความคิดบางอย่างอยู่ในหัวเล็กน้อย ข้ากำลังด่านักฆ่า แล้วใครกันที่โกรธข้ากัน?
“ท่านพ่อ นักฆ่าคงนั้นคงไม่ใช่ท่านใช่ไหม?” หลิน ฟานถามออกมา
สีหน้าของหลิน วานยี่ไม่ได้เปลี่ยนเขาตวาดออกมา “มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ แล้วเวลาเจ้าออกไปข้างนอกก็อย่าไปก่อเรื่องละ มิฉะนั้นเมื่อเจ้ากลับมาข้าจะสอนบนเรียนให้กับเจ้า”
“ท่านพ่อเมื่อคืนท่านไม่ได้พูดเช่นนี้ ท่านพูดว่าข้าโตขึ้น” หลิน ฟานกังวล การเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นเร็วไป เมื่อคนๆหนึ่งกินของดีพวกเขาก็จะพูดดี
แล้วทำไมมันถึงเปลี่ยนไปหลังจากผ่านไปหนึ่งคืน?
“ฮึ่ม”
หลิน วานยี่เย้ยหยันอย่างเย็นชาจากนั้นก็ไขว้มือไว้ข้างหลัง
“ข้าไม่เข้าใจ” หลิน ฟานส่ายหัวอย่างหมดหนทาง เกิดอะไรขึ้น?
มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากเมื่อคืนนี้
ลืมมันไปเถอะ
เขาหยุดคิดเกี่ยวกับมัน
“โกวชิตามข้ามา ได้เวลาออกไปเที่ยวแล้ว” หลิน ฟานเดินนำออกจากประตู ตอนเช้าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของวัน ดังนั้นสิ่งที่ดีมักจะเกิดขึ้นในตอนเช้า
..............
“นายท่าน นายน้อยออกไปข้างนอกอีกครั้งงั้นหรือ?” อาวุโสวู่ปรากฏตัวออกมาด้านข้าง เขารู้ว่าเมื่อคืนหัวหน้าตระกูลได้ออกไปโจมตีนายน้อยอีกครั้ง
“ฮึ่ม อย่าพูดถึงมัน ใบหน้าของเขาหน้ามาก และเขาก็ยังกล้าออกไปข้างนอกอีก” หลิน วานยี่พูด “ดูสิว่าคืนนี้ข้าจะทำยังไงกับเขา”
อาวุโสวู่ถามออกมา “ท่านคิดว่านายน้อยรู้หรือไม่?”
“อา เจ้าเด็กที่ไร้ความสามารถคนนี้ไม่ได้โง่เขายังรู้จักคาดเดา แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเด็กเกินไป”
หลิน วานยี่คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กคนนี้จะสามารถคิดสงสัยบางอย่างได้
ก่อนที่ทุกอย่างจะเสร็จสิ้น
ข้าจะไม่เปิดเผยตัวเองเด็ดขาด
ถ้าเจ้าไม่ชอบฝึก ข้าจะเป็นคนบังคับเจ้าเอง
และถ้าหากเขาไม่ฝึกฝนละก็ข้าก็จะโจมตีเขาจนกว่าเขาจะลงโลงศพ
เจ้าเด็กคนนี้กล้าดียังไงที่พูดว่าจะให้ข้าคุกเข่าและเรียกเขาว่าปู่
ช่างเป็นเรื่องที่เลวร้ายเสียจริง!
อาวุโสวู่หัวเราะอย่างขมขื่น หัวหน้าตระกูลกำลังจะลดตัวลงมาอยู่ระดับเดียวกับนายน้อย
แต่โดยรวมแล้วมันก็โอเคเพราะนายน้อยจะได้มีแรงจูงใจในการฝึกฝน
เนื่องจากเขารู้แล้วว่านายน้อยมีศักยภาพมากมายดังนั้นการบังคับเขาจึงเป็นเรื่องที่ดี
ภายในเมือง
“โกวชิ เจ้าสังเกตเห็นไหมว่าวันนี้มันมีอะไรที่แตกต่าง?” หลิน ฟานถามออกมา
โกวชิมองแล้วส่ายหัว “นายน้อย ข้าคิดว่ามันก็เหมือนกับทุกวัน”
“ไม่ลองดูสิ ทุกคนกำลังมองมาที่ข้า บางคนก็ยิ้มแย้ม หรือว่าพวกเขาจะค้นพบสิ่งดีๆที่ข้าเมื่อเร็วๆนี้แล้ว?”
“มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน”
ไม่ผิดแน่มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน
หลิน ฟานไม่ได้ถามอะไรอีก เนื่องจากปัญหานี้มันไม่ได้มีค่าให้พูดถึง
เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องส่วนตัว เขาจะต้องไปกังวลอะไรอีก?
ในตอนที่ผ่านศาลาเสาวธารเมามาย ผู้จัดการที่เห็นหลิน ฟานก็วิ่งเข้ามาต้องรับอย่างอบอุ่น เขาถามว่าต้องการเข้ามาดื่มชาก่อนไหม
ดื่มชาตั้งแต่ตอนเช้า?
เขาจะต้องเดินไปรอบๆเมืองในวันนี้
“ลูกพี่ลูกน้อง ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพื่อนคนนั้นอีกครั้ง” โจว เชียงเหมาดึงแขนเสื้อของหลิน ฟานและชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
หลิน ฟานมองตามไป เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเป็นนายน้อยสามของตระกูลเหลียงอีกครั้ง
ไกลออกไป
เหลียง หยงฉีได้นำคนคุ้มกันของเขาเดินรอบเมือง
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันยังคงติดอยู่ในใจของเขา
เขาไม่สามารถรุกรานตระกูลซูได้ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเก็บความคิดนี้เอาไว้
โดยเฉพาะยัยซู หลาน
แม่ง!
ถ้าในอนาคตข้ามีความสามารถมากพอละก็ข้าจะทำให้ยัยสารเลวนั้นต้องชดใช้
เธอมันหยิ่งเกินไป
ทันใดนั้นเหลียง หยงฉีก็สังเกตเห็นหลิน ฟาน
การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป
เมื่อเขาเจอกับศัตรูดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
เขาเคยถูกหลิน ฟานอัดมาสองครั้งและภาพจำเวลานั้นมันยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขามันยากที่จะลืม และมันก็ยังเป็นบาดแผลในชีวิตของเขาอีก
เหลียง หยงฉีที่เดินผ่านหลิน ฟานสังเกตเห็นว่าตาซ้ายของเขาเป็นสีดำและบวมเล็กน้อย
ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นและยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยาม
“ลูกพี่ลูกน้อง...” หลิน ฟานพูดออกมา
ลูกพี่ลูกน้องของเขาดึงแขนเสื้อขึ้น และกระโดดขึ้นไปในอากาศจากนั้นก็เตะออกไป
ใบหน้าของเหลียง หยงฉีเต็มไปด้วยความตกตะลึง ทันใดนั้นตัวของเขาก็บินไปข้างหลัง
“ไปกันเถอะ...” หลิน ฟานมองไปที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาด้วยความตกใจก่อนที่จะพูดออกมา
เขาไม่ได้คาดหวังว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาจะพุ่งออกไปก่อนที่เขาจะพูดจบเสียอีก
“เข้าใจแล้วลูกพี่ลูกน้อง” โจว เชียงเหมาเหยียบลงบนพื้น เมื่อได้ยินลูกพี่ลูกน้องของเขาบอกว่าจะไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้หยุด
หลิน ฟานไม่สามารถช่วยอะไรได้ เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของเขา
เขาก็แค่อยากจะบอกกับลูกพี่ลูกน้องของเขาให้ไปและไม่ต้องสนใจ
เขาไม่ได้ต้องการจะเอาชนะชายคนนี้
แต่อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของลูกพี่ลูกน้องมันเร็วเกินไป เขาพุ่งออกไปตั้งแต่เขาพูดได้แค่ครึ่งประโยคเท่านั้น
แต่ด้วยสถานการณ์ช่วงหลังมันจึงทำให้เขาเข้าใจแบบนั้นไป
เหลียง หยงฉีล้มลงกับพื้น มีรอยเท้าอยู่บนแก้มของเขาเลือดกำเดาของเขาก็ไหลออกมา
ใบหน้าของเขามืดลงและซีดเซียว
เขาลุกขึ้นและตะโกนใส่หลิน ฟานทันที “หลิน ฟานเจ้าไม่สามรถหยุดข้าได้! เพราะข้าจะเป็นคนฆ่าเจ้า!”
“ความโกรธ +333”
เขาตะโกนคำพวกนั้นออกมา
หลิน ฟานผู้ที่เดินจากไปแล้วเมื่อได้ยินดังนั้นจึงหยุดและหันหลังกลับทันที
ผู้คุ้มกันที่อยู่รอบๆรีบเข้ามาช่วยนายน้อยของพวกเขาทันที
“ไป! ไปกับข้า!” เหลียง หยงฉีตะโกน
ผู้คุ้มกันที่อยู่รอบๆเข้าใจผิดจึงนำตัวเหลียง หยงฉีไปหาหลิน ฟาน
นายน้อยของพวกขถูกทำร้าย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปได้
พวกเขาจะต้องเอาคืน
เหลียง หยงฉีตื่นตระหนก ทำไมพวกเขาต้องพาข้าไปหาหลิน ฟานด้วย?
“วิ่งเลย วิ่ง!”
ทันใดนั้นผู้คุ้มกันก็เริ่มวิ่ง
“ข้า...” เหลียง หยงฉีต้องการจะอาเจียนเลือดออกมา เขาต้องการให้พวกผู้คุ้มกันพาเขาออกจากสถานที่แห่งนี้ต่างหาก
หลังจากนั้นไม่นานเหลียง หยงฉีก็ถูกนำตัวมาข้างหน้าหลิน ฟานอย่างรวดเร็ว
ชิ้ง!
ผู้คุ้มกันดึงดาบที่แหลมคมออกมาและชี้ไปทางหลิน ฟาน ดราบใดที่นายน้อยของพวกเขาสั่งออกมาพวกเขาก็จะเข้าไปฟันทันที
“เจ้าต้องการมีปัญหางั้นรึ?” หลิน ฟานถามออกมา
เหลียง หยงฉีล้างคอของเขา
เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้และแม้แต่จะรวมพวกผู้คุ้มกันเหล่านี้เข้าไปด้วยมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
อีกด้านหนึ่งเขาก็ต้องการจะเอาชนะเจ้าสารเลวคนนี้
มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดกันอีกต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ตามในฐานะนายน้อยสามเขาจะต้องพูดอะไรบางอย่างออกไป
“ทำไมเจ้าถึงทำร้ายข้า?” เหลียง หยงฉีถามออกมาพร้อมกับเดินถอยหลังเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทุบตีอีกครั้ง
หลิน ฟานทำอะไรไม่ถูก “มันเป็นความผิดของข้าเอง แล้วตอนนี้ข้าก็อยากจะไปเต็มทนแล้ว”
ดูเหมือนว่าหลียง หยงฉีจะพบข้อแก้ตัวที่จะจากไปแล้ว “ลืมมันไปเถอะ เอาละตอนนี้เราไปกันได้แล้ว”
เขาค่อนข้างโกรธ
แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ต้องการจะแพ้อีกครั้ง รอก่อนเถอะข้าจัดการกับเจ้าอย่างโหดเหี้ยมในภายหลัง
“ฮึ” หลิน ฟานส่ายหัว “ช่างอ่อนแอเหลือเกิน”
เหลียง หยงฉีที่เดินไปได้ไม่ไกลได้ยินคำพูดเหล่านั้นทั้งหมด
เขากำหมัดของเขา
น่ารังเกียจเสียจริง
“ความโกรธ +111”