บทที่ 266 จงสังหารพวกมันโดยไม่ต้องปรานี
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่แฟนเพจ : แปลได้แล้ว
ตึง! ตึง! ตึง!
กองทัพทั้งแปดต่างแยกย้ายกันไปตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย แม่ทัพแต่ละนายที่เป็นผู้นำกองทัพต่างก็ได้รับมอบพระราชโองการจากองค์หญิงหลิงเสวี่ยและมุ่งหน้าไปยังหัวมุมต่างๆภายในเมือง
เจียงอี้ออกจากพระราชวังและมาประจำอยู่บนหลังของอินทรีมังกรเพื่อลาดตระเวนบนท้องฟ้าอีกครา อีกด้านหนึ่งเป็นรองเจ้าสำนักฉีและคนอื่นๆที่อยู่บนหลังของนกยูงห้าสี ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากหอดาราสุ่วเยว่กำลังยืนอยู่บนหลังของจ้งหมิง[1]
เจียงอี้ยังคงรับฟังรายงานต่างๆโดยปราศจากความเกรงกลัว แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาบัญชาการกองทัพด้วยตัวเอง แต่หัวใจของเขาก็ยังคงสงบนิ่งและไม่ได้ถือว่าตนนั้นเป็นทูตตรวจการหรือแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่เลยแม้แต่น้อย
“รายงาน! ที่พำนักขององค์หญิงหลิงเยว่ถูกตรวจสอบเรียบร้อย ไม่มีสิ่งผิดปกติขอรับ!”
“รายงาน! ที่พำนักขององค์ชายหลิงเจี้ยนถูกตรวจสอบเรียบร้อย ไม่มีสิ่งผิดปกติขอรับ!”
“รายงาน…”
รายงานมากมายยังคงหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย โชคดีที่เชื้อพระวงศ์ส่วนมากไม่ต่อต้านคำสั่งและยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี พวกเขายอมให้กองทัพเข้ามาตรวจค้นและไม่แม้แต่จะสร้างความลำบากให้
“รายงาน! องค์ชายหลิงเฟยปฏิเสธไม่ให้กองทัพเข้าตรวจค้นและยังสั่งให้องครักษ์ส่วนตัวเข้าปิดล้อมตำหนักไว้ด้วยขอรับ!”
หลังจากการตรวจค้นผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดรายงานที่เจียงอี้เฝ้าคอยอยู่นานก็มาถึงเสียที ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เผยให้เห็นความเยือกเย็นขณะคำราม “มุ่งหน้าไปที่นั่น!”
“ชู่ชู่!”
“กรู้วว!”
“แกว๊ก!”
อินทรีมังกร, ยกนูงห้าสีและจ้งหมิงต่างก็กระพือปีกของพวกมันและมุ่งหน้าไปทางตะวันตกของเมืองก่อนที่จะไปถึงตำหนักอันหรูหราในเวลาไม่นาน
จากบนท้องฟ้า เจียงอี้สามารถองเห็นองครักษ์จำนวนมากที่ห้อมล้อมตำหนักไว้ เห็นได้ชัดว่าไม่ยินยอมให้ผู้ใดผ่านเข้าไปได้เลยแม้แต่คนเดียว
“ปิดล้อมที่นี่ไว้!”
เจียงอี้ยืนอยู่บนหลังของอินทรีมังกรด้วยความอหังการและตะโกนออกคำสั่ง
“พวกเจ้าทั้งหมดจงฟัง ผู้ใดที่กล้าต่อต้าน ให้ฆ่าได้เลยโดยไม่ต้องปรานี!”
“ฮือฮา!”
คำสั่งของเจียงอี้ทำให้กองทัพและผู้เชี่ยวชาญที่เฝ้าอยู่รอบตำหนักเกิดความแตกตื่น ต้องไม่ลืมว่าที่แห่งนี้เป็นถึงที่พำนักขององค์ชายหลิงเฟยผู้ซึ่งเป็นทายาทสายตรงของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน แต่เจียงอี้ก็ยังออกคำสั่งให้พวกเขาสามารถทำการเข่นฆ่าอย่างไร้ปรานี?!
เมื่อเห็นว่ากองทัพยังไม่มีการตอบสนอง คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันและตวาดออกไปอีกครั้ง “แม่ทัพหลง ท่านไม่ได้ยินคำสั่งของผู้ตรวจการคนนี้หรือยังไง?”
“โจมตี!”
ผู้ที่ถูกเรียกว่าแม่ทัพหลงหมดทางเลือก เขากัดฟันแน่นและโบกมือส่งสัญญาณให้กองทัพลงมือทันที ทันใดนั้นทหารระดับผู้บัญชาการหลายคนก็รีบวิ่งตรงไปและทำการกระโดดข้ามกำแพงทันที
“พวกเจ้ากล้าดียังไง?!”
ในเวลาเดียวกัน น้ำเสียงอันเยาว์วัยก็ดังออกมาจากในกำแพง ผู้ที่ก้าวออกมานั้นเป็นชายหนุ่มผู้ซึ่งสวมชุดคลุมราชวงศ์และมีผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งเดินตามมาด้านหลัง
สีหน้าของชายผู้นี้เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวขณะที่กล่าว “ในเมื่อองค์ชายอย่างข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าอยากจะรู้นักว่าใครกันที่กล้าออกคำสั่งให้เข่นฆ่าคนของข้า? หากว่าเจ้าแน่จริงก็จงสังหารองค์ชายผู้นี้ไปด้วยเลยสิ!”
ฟึ่บ
บรรดาองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูตำหนักต่างก็ถอยออกมาและมาล้อมรอบองค์ชายหลิงเฟยเป็นวงกลม ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็จ้องมองเจียงอี้ที่ยืนอยู่กลางอากาศด้วยความเกลียดชังและโกรธแค้น
“องค์ชายหลิงเฟย?”
เจียงอี้สั่งให้อินทรีมังกรร่อนลงมาอยู่เหนือตำหนักแต่ก็ยังคงอยู่สูงกว่าตำแหน่งที่องค์ชายยืนอยู่
“ท่านควรที่จะวางตัวให้ชัดเจนกว่านี้ ไม่ใช่ว่าข้าอยากที่จะตรวจค้นตำหนักของท่านเสียเมื่อไหร่? แต่นี่เป็นคำสั่งจากพระขนิษฐาของท่าน”
“เรื่องในครั้งนี้เกี่ยวพันไปถึงการความอยู่รอดของจักรวรรดิและชีวิตของชาวเมืองเทียนชิงหลายล้านคน… เอาล่ะแม่ทัพหลง รีบลงมือซะ!”
“หากว่าคนขององค์ชายหลิงเฟยกล้าที่จะขัดขืน เช่นนั้นก็ลงมือสังหารพวกเขาได้เลย ผู้ตรวจการคนนี้จะรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมดเอง!”
“เจ้า…!!”
ร่างของหลิงเฟยสั่นสะท้ายด้วยความโกรธ นิ้วของเขายกขึ้นและชี้ไปที่หน้าของเจียงอี้พร้อมกับตวาดเสียงดัง
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ทูตตรวจการรึ? ในสายตาของข้า เจ้ามันก็ไม่ต่างอะไรไปจากหมารับใช้*&^%$#@”
เจียงอี้ยังคงยืนอย่างมั่นคงและหาได้สนใจคำสาปแช่งของหลิงเฟยไม่ ทหารใต้บังคับบัญชาของเขาลงมืออย่างรวดเร็วและเริ่มค้นหาทุกซอกทุกมุม
แม้ว่าองค์ชายหลิงเฟยจะยังคงก่นด่าไม่หยุดปาก แต่เขาก็ไม่ได้ให้คนของเขาเข้าขัดขวางการทำงานของกองทัพแต่อย่างใด
“รายงาน! ไม่พบสิ่งผิดปกติทางฝั่งตะวันตกขอรับ!”
“รายงาน! ไม่พบสิ่งผิดปกติทางฝั่งตะวันออกเช่นกันขอรับ!”
“รายงาน! ทางทิศใต้เองก็ปกติดีขอรับ!”
“รายงาน…”
ไม่นานเกินรอ เหล่าทหารก็กลับมารายงานและทำให้สีหน้าของแม่ทัพหลงย่ำแย่อย่างถึงที่สุด ในขณะเดียวกันใบหน้าของหลิงเฟยก็เผยให้เห็นความเย้ยหยันและกล่าว
“เป็นไงล่ะ เจอคนทรยศใต้ตำหนักขององค์ชายผู้นี้หรือไม่?”
“เหอะ ประเสริฐมากเจียงอี้! ตอนนี้เจ้าทำให้ข้าขุ่นเคืองแล้ว เจ้าเตรียมบอกลาตำแหน่งทูตตรวจการของเจ้าได้เลย! ข้าจะเข้าวังและบอกให้หลิงเสวี่ยออกพระราชโองการให้ตัดหัวเจ้าซะ!”
“รายงาน! พวกเราตรวจค้นตำหนักทั้งหลังแล้วแต่ไม่พบบุคคลน่าสงสัยเลยขอรับ!” เมื่อรายงานสุดท้ายถูกกล่าวขึ้น สีหน้าของหลิงเฟยก็ยิ่งเผยให้เห็นความหยิ่งผยองจนน่าหมั่นไส้
แต่การแสดงออกของเจียงอี้ก็ยังคงเฉยเมยและไม่แยแส จากนั้นเขาก็กล่าวออกมา
“ถอนกำลัง! อ่อ อีกอย่างนะองค์ชาย… ตัวข้าไม่เคยรู้สึกยินดีกับตำแหน่งทูตตรวจการนี่เลยแม้แต่นิดเดียวและถ้าท่านต้องการหัวของข้า เช่นนั้นก็ต้องมาดูก่อนว่าท่านมีความสามารถเพียงพอหรือไม่?”
“แต่ข้าขอเตือนไว้อย่างหนึ่ง หากต้องการที่จะฆ่าข้า เช่นนั้นก็จงเตรียมตัวที่จะเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของข้าให้ดี!”
“พวกเราไป!”
เจียงอี้สั่งให้อินทรีมังกรโผบินออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่เหลียวกลับมามองหลิงเฟยที่กำลังยืนกำหมัดแน่นด้วยความเคียดแค้นและอับอาย
อีกด้านหนึ่ง ทหารหลายนายก็เริ่มแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนเพราะพวกเขาเองก็เริ่มสงสัยแล้วว่าข้อสันนิษฐานของเจียงอี้นั้นถูกต้องหรือไม่
“รายงาน! องค์ชายหลิงปู้ปฏิเสธไม่ให้กองทัพเข้าตรวจค้นและยังสังหารคนของเราไปหลายสิบคนด้วยขอรับ!”
แต่หลังจากที่ออกมาจากตำหนักขององค์ชายหลิงเฟยได้ไม่นาน รายงานใหม่ก็ถูกส่งเข้ามาและทำให้ม่านตาของเจียงอี้หดแคบลง
“แม่ทัพหลง ท่านจงนำคนลงไปทางใต้ดินและปิดล้อมที่พักขององค์ชายหลิงปู้เอาไว้จากด้านล่าง หากมีคนคิดหนี เช่นนั้นก็สังหารพวกมันได้เลย!”
ฟึ่บ!
หลังจากที่ออกคำสั่ง เจียงอี้ก็สั่งให้อินทรีมังกรมุ่งหน้าไปทางที่พำนักขององค์ชายหลิงปู้ในทันที ไม่นานนักเขาก็มาถึงทางฝั่งตะวันออกของเมืองและพบกับเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับก่อนหน้านี้
องค์ชายหลิงปู้สั่งให้คนของเขาปิดล้อมตำหนักทั้งหมดและไม่อนุญาตให้ผู้ใดก้าวเข้าไปได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว
“ผู้ตรวจการเจียง!”
เมื่อองครักษ์หลวงเห็นร่างของเจียงอี้ซึ่งกำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาก็คุกเข่าลงทันที ในเวลาเดียวกันแม่ทัพผู้หนึ่งซึ่งดูแล้วมีอายุราวๆห้าสิบปีก็เดินออกมาและรายงาน
“รายงานท่านผู้ตรวจการ คนขององค์ชายหลิงปู้ปฏิเสธไม่ให้พวกเราเข้าตรวจค้นและยังสังหารคนของเราไปถึงสี่สิบแปดนาย พวกเราจะเอายังไงดีขอรับ?”
ทันใดนั้น ดวงตาของเจียงอี้ก็เผยให้เห็นร่องรอยจิตสังหาร จากนั้นเขาก็แสยะยิ้มออกมาและกล่าว
“เพียงแค่ทำตามหน้าที่ของพวกท่านก็พอ ผู้ที่กล้าขัดขวางก็เท่ากับว่าพวกมันกำลังท้าทายพระราชโองการ เช่นนั้นก็สังหารพวกมันให้หมด ผู้ตรวจการคนนี้จะเป็นคนรับผิดชอบเอง!”
“ทราบแล้วขอรับ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่ทัพผู้นั้นก็ไม่กล้ารอช้าและออกคำสั่งทันที “โจมตี!”
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ตู้มมมม!
แต่ก่อนที่ขบวนทหารจะได้เคลื่อนพล จู่ๆคลื่นพลังจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถูกยิงออกมาจากภายในตำหนัก ส่งผลให้ทหารธรรมดาหลายร้อยนายสิ้นชีพทันทีพร้อมกับเศษเลือดเนื้อที่กระจัดกระจายไปทั่ว
“ผู้ที่กล้าก้าวเข้ามาจะถูกสังหารทันทีโดยไม่มีการเตือน!”
น้ำเสียงอันเย็นชาดังออกมาจากในตำหนักพร้อมกับร่างของผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่ทะยานออกมา พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่บนหลังคาพร้อมกับอาวุธครบมือราวกับเตรียมพร้อมที่จะเข้าปะทะได้ทุกเมื่อ
“ฮึ่ม!”
เจียงอี้เค้นเสียงด้วยความเย็นชา ในเมื่ออีกฝ่ายมาไม้แข็งเช่นนี้ มีหรือที่เขาจะกลัว?
“บุกเข้าไป!”
ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ขบวนทหารเคลื่อนพลเข้าไปในตำหนักและคอยหลบคลื่นพลังที่พุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ข้ามกำแพงเข้าไปได้แล้ว การต่อสู้ก็บังเกิดขึ้นทั่วทุกหนทุกแห่ง
นับตั้งแต่ที่เจียงอี้ประกาศว่าเขาจะเป็นผู้รับผิดชอบสิ่งที่ตามมา บรรดาทหารทั้งหลายก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวโทษทัณฑ์อีกต่อไป
“สังหารพวกมันทุกคนยกเว้นองค์ชายหลิงปู้!”
เจียงอี้ออกคำสั่งอีกครั้ง เนื่องจากคนที่ตายไปทั้งหมดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเขาแต่อย่างใด เขาจึงไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด นอกจากนี้เขายังไม่ใช่ส่วนหนึ่งของจักรวรรดิมังกรเวหา เขามาที่นี่เพื่อตามหาจิ้งจอกน้อยเท่านั้น
ปังง!
แต่ในขณะที่กำลังเกิดการปะทะอยู่นั้น จู่ๆผิวดินก็สั่นสะเทือนก่อนที่จะระเบิดออกมา ในเวลาเดียวกันผู้บัญชาการขอบเขตเสินโหยวผู้หนึ่งก็ทะยานขึ้นมาและรีบมองหาเจียงอี้ก่อนจะเข้าไปรายงาน
“รายงานท่านผู้ตรวจการ บุคคลลึกลับที่สวมชุดคลุมสีดำสามคนหนีรอดไปได้ทางใต้ดิน ความแข็งแกร่งของพวกมันอยู่ในขั้นที่แปดของขอบเขตเสินโหยวเป็นอย่างน้อย”
“ทหารของฝ่ายเราไม่อาจสกัดกั้นพวกมันไว้ได้และพวกมันก็หนีไปทางตะวันออกแล้วขอรับ ตอนนี้แม่ทัพหลงกำลังติดตามพวกมันอยู่”
“ดีมาก! ทหารทุกนายจงฟัง หลังจากที่สังหารพวกมันหมดแล้ว จงนำตัวคนทรยศหลิงปู้ให้ไปองค์หญิงหลิงเสวี่ยตัดสินโทษซะ!”
ดวงตาของเจียงอี้สาดประกายความเย็นชา จากนั้นเขาก็หันไปกล่าวกับรองเจ้าสำนักฉีและคนที่เหลือ “ไปกันเถอะ! เราจะไปไล่ล่าพวกมันและต้องช่วยจิ้งจอกน้อยก่อนที่กองทัพสัตว์อสูรจะมาถึงที่นี่!”
[1] จ้งหมิง – วิหคเพลิงชนิดหนึ่ง