บทที่ 24 : การดวลและการแบ่งแยก
เมื่อลอทเนอร์เห็นความโกรธเกรี้ยวของออร์คขาว เขาก็สะบัดดาบฉีกกองทัพออร์คเป็นสายเลือด
ความเร็วของเขาราวกับสายฟ้าฟาด เมื่อแสงจากดาบหายไปอย่างสมบูรณ์ เขาก็มาปรากฎตรงหน้าออร์คขาว ด้านหลังของเขาเป็นเหล่าออร์คที่ถูกสับเป็นชิ้นๆอย่างกับฉากสยองขวัญที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนของร่างกายและเลือดที่ไหลนองอย่างกับแม่น้ำ…
เอลฟ์ระดับกลางที่มีสายเลือดระดับอีปิคซึ่งมีอาชีพลับเป็นนักล่าปีศาจ ผู้มีพลังที่น่าสะพรึงกลัว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหล่าออร์ค เขาก็ยังสามารถต่อสู้กับพวกมันได้ด้วยตัวคนเดียว
“โอ้ ออร์คขาวงั้นหรือ? สายพันธุ์หายากในยุคที่สอง ท่านพ่อของฉันก็พวกมันฆ่าไปหลายสิบตนนี่ แกมาจากที่ไหนล่ะ?” ลอทเนอร์มองไปยังออร์คขาวอย่างถี่ถ้วน บรรยากาศของออร์คขาวดูสูงกว่าเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ระดับที่มากกว่า
เขาไม่ได้แสดงความห่วงใย แต่กลับมองด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
แน่นอนว่าเขารู้ชัดแน่ไปถึงในใจ มือจับดาบยาวแน่นขึ้น เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
ส่วนออร์คขาว?
เขาเกลียดไอ้ตาโตๆของพวกเอลฟ์ชะมัด!
หรือกล่าวได้ว่าไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนที่ชื่นชอบความงดงามที่หยิ่งยโสของพวกมันหรอก ‘ฉันรู้สึกว่าแกน่ะเป็นคนชั้นต่ำ’ ‘ผู้อาวุโสเป็นบรรพบุรุษของพวกแก’ ‘ฉันจะฆ่าปู่ทวดของแก’ ‘ฉันจะฆ่าปู่ฆ่าพ่อของแก’ ‘หากฉันฆ่าแกไม่ได้ก็จะทรมานแกจนตาย’ ‘เข้ามาสู้กับฉันสิ’ ‘แกเอาชนะฉันไม่ได้หรอก’ ‘ฉันอายุยืนยาวกว่า นี่ล่ะดวงตาที่น่าประทับใจของเหล่าเอลฟ์’
ในแง่ของการสร้างความชิงชัง เอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์แรกในดินแดน Gods โดยปกติแล้ว พวกเขาจะเติมความเกลียดชังให้เต็มเปี่ยม
ดังนั้น คำพูดของลอทเนอร์จึงทำให้ออร์คขาวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ
พวกเขาไม่ได้ต่อสู้กันทันที แต่กลับทำตามธรรมเนียมของ Gods ที่มีมาหลายปี เมื่อสองกองทัพต่อสู้กัน หากแม่ทัพของทั้งสองเจอกัน พวกเขาจะต้องเยาะเย้ยและสาปแช่งกันและกันเพื่อเพิ่มความเกลียดชัง
“ฉันจะกระชากหัวแกออกมา ไอ้พวกหูแหลมอย่างพวกแกตั้งใจจะมาช่วยพวกคนแคระงั้นหรอ?” แม้ว่าออร์คขาวจะเป็นผู้บัญชาสูงสุดของกองทัพนี้ แต่เขาก็ยังมีภารกิจที่ต้องจัดการ สติปัญญาของออร์คสายเลือดระดับนี้ไม่ได้ต่ำ
แม้ว่าเอลฟ์และออร์คจะเป็นศัตรูคู่อาฆาต เขาก็ยังต้องถาม เผื่อว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ครั้งนี้ได้!
เขาไม่ได้กลัวหรอก แค่ถามไปส่งๆอย่างนั้น เขาไม่ได้สนว่าคำสบถจะนำไปสู่จุดเริ่มต้นของสงครามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อลอทเนอร์ได้ยินในสิ่งที่ต้องการ… เขาก็ไม่ได้ตื๊ออยากที่จะฟังมันต่อ ก่อนจะถ่มน้ำลายลงบนดาบใหญ่ของรักของหวงของออร์คขาว…
ไม่ต้องสงสัย
ชายทั้งสองไม่มีอารมณ์ที่จะคุยกัน ดังนั้นจึงเข้าต่อสู้ในทันที
………………………………
วิลเลียมยืนบนยอดไม้ หยุดเหล่าเอลฟ์ที่ยิงธนูไว้ชั่วคราวเพราะว่าออร์คไม่ได้เข้าไปล้อมลอทเนอร์แล้ว
นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!
เมื่อมีใครซักคนที่สามารถฝ่ากองทัพและแม้กระทั่งบุกไปตรงหน้าแม่ทัพของศัตรู ไม่มีใครที่สามารถหยุดยั้งการกระทำเหล่านี้ได้ มิฉะนั้น พวกเขาจะถูกปฏิเสธโดยเหล่าพระเจ้า
ไม่กี่ปีหลังจากที่ทวยเทพได้รับเลือกให้มายังพื้นดิน ไม่มีใครพูดคุยกับผู้เล่นเกี่ยวกับการให้ความสนใจกับมารยาทของเหล่าทวยเทพ ตราบใดที่ศัตรูเป็นผู้ที่สวรรค์เลือกสรร มันก็จบลงแล้ว
สำหรับเอลฟ์ พวกเขาปากร้ายและทำกระทั่งถ่มเสมหะ?
มันไม่ปกติใช่ไหม?
เอลฟ์ไม่จำเป็นต้องอึต้องฉี่หรอ?
ตดของเอลฟ์ต้องมีกลิ่นหอมหรือไม่?
พวกเอลฟ์ไม่ต้องอาบน้ำงั้นหรือ?
นั่นคุณกำลังกล่าวถึงเทพธิดาไม่ใช่หรอ? การอุจจาระอาจจะทำให้ท่านสูญเสียบารมี ถ้าเทพธิดาได้ยินเข้า มันคงจะแปลกมากถ้าเธอไม่ตบคุณจนตาย…
สรุปแล้วเกมอย่าง Gods น่ะ คุณจะสามารถเห็นธาตุแท้ของเผ่าพันธุ์เอลฟ์หรือแม้กระทั่งทุกเผ่าพันธุ์
คุณจะสามารถเห็นความแตกต่างอย่างมากระหว่างเอลฟ์ในสนามรบกับเอลฟ์ในชีวิตประจำวัน!
คุณจะสามารถเห็นเอลฟ์ที่สมบูรณ์แบบและสง่างามได้ในป่าอันเงียบสงบ
แต่ในสนามรบ คุณจะเห็นว่าพวกเขากวัดแกว่งดาบไปที่สิ่งมีชีวิตต่างๆอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นคนป่วยหรือคนพิการ เด็กหรือคนชรา ความเฉยเมยต่อชีวิตทำให้ใครต่อใครที่ไม่ทราบความจริงตกตะลึงกันอยู่บ่อยครั้ง
พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่สุดโต่ง แต่กระนั้นก็เป็นนักรบที่ยอดเยี่ยมที่สุดอีกด้วย!
ปัง!
ทั้งคู่ใช้ดาบเป็นอาวุธ ดาบจับมือเดียว และดาบที่จับสองมือ ตามหลักการแล้วเมื่ออาวุธเหล่านี้ปะทะกัน คนที่ใช้ดาบมือเดียวมักจะเสียเปรียบ แต่ด้วยความได้เปรียบทางสายเลือดและสายอาชีพของลอทเนอร์ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้เสมอภาคกัน
พลังต่อสู้ที่พุ่งพล่านกระจายขอบเขตไปไกลนับสิบเมตร!
ผืนหญ้าและต้นไม้ถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายออกไปไกลด้วยคลื่นพลัง
ภายในไม่กี่วินาที คราบเลือดก็ปรากฎจากกายของทั้งสอง เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถป้องกันได้ทุกการโจมตีของอีกฝ่าย
เอลฟ์ไม่หวาดกลัวที่จะมีบาดแผลหากศัตรูได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
เอลฟ์สายเลือดบริสุทธิ์ที่แท้จริงนั้นไร้จุดอ่อน!
การป้องกันของพวกเขานั้นสูงกว่าเผ่าพันธุ์อื่นมาก
โดยเฉพาะลอทเนอร์ บอสสายเลือดระดับอีปิค เขารู้ว่าเขามีเลือดไหลเวียนในร่างกายจำนวนมาก และเขาก็ไม่กังวลสักนิดที่จะปล่อยให้มันไหลออกมา!
ทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด พลังต่อสู้ของทั้งคู่กำลังโบยบิน พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาจมลงไปเนื่องจากแรงปะทะ ฉากนั้นน่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก
เหล่าออร์คพากันตะโกนกู่ร้อง และถกเถียงกันเป็นครั้งคราวว่าใครจะเป็นผู้ชนะ?
ถ้าผู้นำของพวกมันพ่ายแพ้ จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน?
อืม…
ไม่ใช่ว่าควรพิจารณาเรื่องนี้หลังจากที่พวกมันพ่ายแพ้หรอกเหรอ?
แต่เมื่อมองไปยังผู้นำที่เริ่มจะเสียเปรียบ ความกังวลก็เริ่มก่อขึ้นในจิตใจ
เหล่าเอลฟ์ยืนอยู่บนต้นไม้อย่างไร้อารมณ์ ไม่ส่งเสียงเชียร์หรือตะโกนโหวกเหวกโวยวาย มีเพียงความเงียบสงบ สายตาของพวกเขาจ้องมองตรงกลางสนามรบอย่างมั่นคง พร้อมที่จะโจมตีตลอดเวลา
เอลฟ์ไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ?
แน่นอนว่าตื่นเต้น
แต่พวกเขารู้สึกว่ามันน่าอายเกินกว่าที่จะตะโกนหรือกรีดร้อง มันไม่เหมาะกับลักษณะที่เย่อหยิ่งของพวกเขา…
ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขานั้นดำรงเผ่าพันธุ์มายาวนานและมีประสบการณ์มากมาย พวกเขาต้องไม่มีพฤติกรรมที่เหมือนกับเผ่าพันธุ์อายุสั้นเหล่านี้ มิเช่นนั้น มันจะฉุดดึงภาพลักษณ์ของเหล่าเอลฟ์ทันที
ดังนั้น
เมื่อเห็นการโจมตีของเอลฟ์ การต่อสู้อย่างไร้อารมณ์และไม่แม้แต่จะโอดโอยถึงความเจ็บปวดขณะถูกนำไปสู่ความตาย ทั้งหมดนั้นมาจากความเย่อหยิ่งของเผ่าพันธุ์…
วิลเลียมจ้องไปยังสนามรบอย่างแน่วแน่ เขาไม่ได้กังวลว่าลอทเนอร์จะพ่ายแพ้มากนัก!
จากที่เขาคิด ลอทเนอร์จะชนะและออร์คเหล่านี้จะไม่สามารถหลีกหนีไปได้
แล้วทำไมวิลเลียมที่ขาดกองกำลังทหารถึงมาช่วยเหล่าคนแคระล่ะ?
แต่สิ่งที่เขากังวลมากที่สุดคือ ใครกันที่อยู่เบื้องหลังออร์คพวกนี้?
เผ่าออร์คทั่วไปงั้นหรอ?
หรือจะเป็นกลุ่มที่อยู่ภายใต้มังกรยักษ์?
ทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างมาก
แม้ว่ามังกรยักษ์จะไม่คิดแก้แค้นให้กับออร์ค และอาจจะกลืนกินพวกมันเพราะความล้มเหลว
ไม่มีใครที่สามารถระวังไปซะทุกเรื่องได้
หากมังกรยักษ์บนภูเขาหิมะออกจากหุบเขาก่อนเวลา
ในเมืองคงสนุกน่าดู… หากไม่เกิดสิ่งใดขึ้น
ในระยะต่อมาของเวอร์ชัน 1.0 มังกรยักษ์ในภูเขาหิมะเป็นบอสระดับรีเจนดารีเลเวลเกือบ 70
ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งปีก่อนจะทดสอบเบต้า
หากมังกรยักษ์ยังเลเวลไม่ถึง 70 อย่างน้อยก็อยู่ประมาณเลเวล 60!
ไม่ว่าจะอยู่ในกรณีใด มังกรยักษ์ก็เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง