เคียวที่ 33 : ดวงวิญญาณสุดท้าย
ผมเปิดประตูตรงระเบียงหลังห้องเข้ามาก็เจอกับชาบูและอิฐที่นั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดกันอยู่กลางห้อง
เมื่อมันสองคนสังเกตเห็นผม ก็รีบลุกขึ้นวิ่งมาดู
“เฮ้ย ! ไอ้คีย์มึงเป็นไงบ้างวะ มึงโผล่มาจากไหนวะเนี่ย ระเบียงหลังห้องเหรอ” อิฐพูดขึ้นมา พร้อมพลิกตัวผมไปมา หาร่องรอยบาดแผลว่าผมบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า
“พวกกูเป็นห่วงแทบแย่ ข่าวที่ห้องชมรมเราระเบิดดังไปทั่วมหาลัยแล้วตอนนี้” ตามด้วยชาบูที่พูดต่อ
“มันเกิดอะไรขึ้นวะ” อิฐพูด เจ้าตัวเดินกลับไปนั่งบนเตียงของตัวเองแล้วเมื่อเห็นผมไม่ได้เป็นอะไร
“มีเรื่องว่ะ เรื่องใหญ่ด้วย” ผมตอบพวกมันไปก่อนเดินไปนั่งบนเตียงเหมือนกัน
ว่าแล้วผมก็เล่าเรื่องที่มันเกิดขึ้นทุกอย่างให้อิฐกับชาบูฟัง ตั้งแต่เรื่องพี่เชนเป็นยมทูตตาสีฟ้า แพทเป็นสาวกของพี่เชนร่วมมือกันเพื่อยึดนรก รวมถึงเรื่องฟองที่ถูกแพทจับตัวไปด้วย
“อะไรนะ! พี่เชนคือไอ้ยมทูตตัวร้ายที่มึงเคยเล่าก่อนหน้านี้น่ะเหรอ” ชาบูพูดขึ้นมา
“เออดิ” ผมพูดเนือย ๆ รู้สึกหมดแรงจริง ๆ
“แล้วพี่แพท จับตัวพี่ฟองของมึงไป เพราะเป็นลูกน้องพี่เชน ?” อิฐพูดขึ้นบ้าง ผมพยักหน้า
“โอ๊ย ! ทำไมเรื่องมันเป็นแบบนี้ไปวะไอ้คีย์ อย่างกับนิยาย”
ขณะที่พวกมันกำลังซักผมอยู่ มือถือผมก็สั่นครืด ๆ อยู่ในกระเป๋ากางเกงอยู่อีกหลายครั้ง ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นใคร ยังไงก็ต้องเป็นพี่เต้ผู้หวงน้องที่สุดในสามโลกแน่ ๆ
“พวกมึงช่วยกูคิดหน่อย ถ้ากูรับโทรศัพท์พี่เต้ กูจะตอบเรื่องฟองยังไงดี พี่มันโทรจิกกูยิกเลยเนี่ย”
พูดจบ ผมก็หยิบมือถือโชว์หน้าจอให้พวกมันดู
“กูไม่รู้” อิฐพูด
“กูก็จนปัญญา เอ่อ เดี๋ยวกูโทรบอกไหมให้ละกันว่ามึงปลอดภัย รายนั้นก็คงโทรหามึงเหมือนกัน” ชาบูพูดต่อ
“เออ ๆ”
ในที่สุด ผมก็ทนรำคาญมือถือที่สั่นไม่หยุดไม่ได้ ผมก็เข้าใจพี่เต้แหละ พี่แกก็คงเป็นห่วงน้องมาก หลังจากได้ยินข่าวที่เกิดขึ้นในห้องชมรม ผมเลยกดรับสายไป
“ฮัลโหลไอ้คีย์ ! มึงได้ไปห้องชมรมกับฟองหรือเปล่า กูได้ข่าวห้องชมรมระเบิด”
เสียงดังมาทันทีที่ผมเอาหูแนบกับมือถือ ตามด้วยคำถามที่ตามมามากมาย จนผมไม่รู้จะตอบอันไหนก่อนดี
“ทำไมมึงรับสายกูช้าจังวะ กูโทรไปเป็นร้อยสายเนี่ย”
“ฟองอยู่กับมึงหรือเปล่า”
“ตอบกูช้าจังวะ”
“พี่เต้ใจเย็น ๆ นะ เอาทีละคำถาม” ผมรีบขัดจังหวะขณะที่เขาพูด ก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้
“ฟองอยู่กับผมเอง ไม่เป็นอะไรนะ” ผมตอบไป ยังไงก็คงต้องโกหกเขาไปก่อน เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย จะให้บอกความจริงไปก็คงจะไม่ได้
“แล้วทำไมกูโทรหาฟองไม่ติดเลย” พี่เต้ถามกลับ
“สงสัยแบตหมดมั้งพี่” ผมแถต่อไป
“กูขอคุยกับฟองหน่อย”
ผมถึงกับยกมือมากุมขมับ ... เอาไงดีวะ เอาไงดี ในใจตอนนี้ร้อนรนไปหมด ผมโกหกคนไม่ค่อยเก่งด้วยสิ
“เอ่อ ... ฟองไปห้องน้ำอะพี่ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ คือห้องมันระเบิดก่อนพวกเราเข้าไปน่ะ ทุกคนปลอดภัยดี” ผมพูดออกไป ในใจก็ภาวนาให้พี่เขาไม่ซักไซ้อะไรต่อ
“แล้วห้องมันระเบิดได้ไงวะ”
นั่นไง
“ผมก็ไม่รู้อะพี่ ไฟฟ้าลัดวงจรมั้ง” ผมตอบออกไป พยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด
“สรุปน้องกูปลอดภัยแน่นะ” พี่เต้ถามย้ำอีกครั้ง
“แน่ครับ”
“เฮ้อ ค่อยโล่งอกหน่อยเห็นติดต่อใครไม่ได้สักคน”
พูดจบก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก พี่เต้อาจจะโล่งอกแต่ผมยังกลุ้มใจอยู่เลยสิ ป่านนี้ฟองจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้
“ครับ งั้นแค่นี้นะครับพี่” ผมรีบพูดแล้วกดวางสายไป กลัวว่าพี่เขาจะถามอะไรต่ออีก
“เอาไงต่อทีนี้” ชาบูพูดขึ้นมาหลังจากนั่งดูการแสดงที่ผมแถให้พี่เต้ฟังมานานพอสมควร
“กูจะลองโทรหาแพทดู” ผมตอบมันไป ผมยังมีเบอร์แพทอยู่หลังจากการร่วมงานกันคราวก่อน แต่ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยหลังจากนั้น ได้แต่หวังว่าเขาจะใช้เบอร์เดิม
หลังจากกดโทรออกไปสักพัก ผมก็ได้ยินเสียงจากปลายสายเหมือนกำลังอยู่ในงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง
“แพท แพทใช่ไหม” ผมรีบกรอกเสียงลงไปในสาย
“สวัสดีคีย์” เสียงใสดังขึ้นมา
“แพทจะทำอะไรฟอง จับตัวฟองไปทำไม” ผมพูดจบ ปลายสายก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ราวกับเป็นเรื่องขำขัน
“ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ใจเย็น ๆ ซิคีย์” แพทพูด
“คีย์ขอร้อง ปล่อยฟองเถอะ ฟองไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย”
“เกี่ยวซิ ทำไมจะไม่เกี่ยว คนสำคัญของคีย์ไม่ใช่เหรอ แพทเคยเตือนแล้วใช่ไหม สิ่งที่เราเป็นอยู่ มันไม่ได้เหมาะกับการมีความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ... กับมนุษย์”
คำพูดสุดท้ายเน้นย้ำตรงคำว่ามนุษย์ ผมจำได้ว่าแพทเคยพูดแบบนั้น แต่ไม่เคยคิดว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ ตอนนั้นก็เข้าใจว่าเราแค่มองต่างมุมกัน แล้วตอนนี้มันยังไงกันแน่ แพทต้องการอะไร
“แพทจะเอายังไง ต้องการอะไรกันแน่ ในเมื่อวันนั้นเราเคลียร์เรื่องที่คาใจกันไปหมดแล้วไง” ผมพูดออกไป
“แพทยังไม่เคลียร์ แพทยอมรับว่าแพทเคยทิ้งคีย์ไปเพราะคีย์เป็นมนุษย์ แต่ตอนนี้คีย์ไม่ใช่แล้ว แพทยอมไม่ได้ คีย์ลืมเรื่องของเราหมดแล้วเหรอ” เสียงใสเอ่ยต่อออกมา
“เรื่องของเรามันจบแล้วแพท แพทจะรื้อมันขึ้นมาอีกทำไม”
“แพทไม่เคยลืมเรื่องระหว่างเรา คีย์รู้ไหม แพทดีใจแค่ไหนตอนรู้ว่าคีย์เป็นยมทูต แต่วันนั้น วันที่แพทเห็นคีย์เดินคู่กับมันที่ห้างสรรพสินค้า คีย์ทำแพทผิดหวังมาก” แพทพูด
อารมณ์ตอนนี้ผมรู้สึกหงุดหงิดที่สุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คืออะไร... คือต้องการอะไรอีก ผมไม่เข้าใจ
“เหตุผลมันตลกว่ะแพท ตอนคีย์เป็นมนุษย์ แพททิ้งคีย์ แต่พอคีย์เป็นยมทูต แพทกลับอยากได้คีย์คืน”
“ก็เพราะแพททนเห็นคีย์จากไปก่อนไม่ได้ไง แต่ตอนนี้ไม่แล้ว พวกเรามีอายุขัยยืนยาว แล้วถ้าเรามีพญายมราชคนใหม่ คีย์รู้ไหม อะไรจะเกิดขึ้น เราจะไม่มีวันหมดอายุขัย เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” แพทพูดออกมา ยิ่งพูด มันยิ่งเหมือนแพทโดนพี่เชนล้างสมองไปหมดแล้ว นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย
“แต่มันผิดกฎธรรมชาติ ไม่มีอะไรที่คงอยู่ตลอดกาล แพทกำลังโดนหลอกใช้อยู่นะ หยุดเถอะ”
“มาอยู่กับพวกเรานะคีย์ เชื่อแพท”
เหมือนปลายสายจะไม่ได้ฟังประโยคที่ผมพูดก่อนหน้านั้นเลย
“ผมไม่มีวันทำแบบนั้นหรอก”
“รักมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
เสียงใสของแพทเปลี่ยนไปเป็นแข็งกร้าวจนน่ากลัว
“ใช่” ผมตอบออกไปอย่างหนักแน่น แพทควรเข้าใจเรื่องนี้สักที ควรเข้าใจตั้งแต่วันนั้น วันที่เราเปิดใจคุยเรื่องราวต่าง ๆ กันแล้ว แต่ผมเข้าใจผิด มันเป็นผมเองที่เข้าใจว่าเราเคลียร์กันแล้วคนเดียว
“ก็ดี แพทจะทำให้คีย์ได้รู้ ว่าถ้าเห็นคนที่รักตายไปต่อหน้าต่อตา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายร้อยปีมันจะรู้สึกยังไง” พูดจบเจ้าตัวก็ตัดสายผมทิ้งไป
“แพท ! ฮัลโหล แพท!”
ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง คนภายในงานเลี้ยงราว ๆ ร้อยกว่าคนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ดื่มเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จของอะไรบางอย่าง ณ มุมมุมหนึ่งของห้องนั้น ร่างบางระหงร่างหนึ่งในชุดเกาะอกสีดำกดตัดสายโทรศัพท์มือถือในมือทิ้งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด เหมือนไม่พอใจกับปลายสายที่คุยด้วย ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสูทสีดำเดินตรงมาทางเธอแล้วยิ้มให้ ก่อนเจ้าตัวจะพูดอะไรออกมา
“คีย์โทรมาเหรอ”
พูดจบ คนพูดก็ยื่นแก้วไวน์ส่งให้หญิงสาว
“ค่ะท่าน”
“หึ ๆ หมอนั่นคงร้อนรนจนใจจะขาด ที่เธอจับตัวฟองมา”
“ท่านจะเอายังไงต่อคะ” หญิงสาวถามขึ้นมา
“แล้วแต่เธอ ถือว่าฉันให้เป็นของขวัญที่เธออดทนไม่เปิดเผยตัวมานานขนาดนี้ แถมยังเป็นสายให้ฉันในนรกอีกด้วย อยากทำอะไรก็ทำ”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับ
“ของที่เตรียมมาพร้อมแล้วครับท่าน เชิญท่านบนเวทีเลย” เสียงพูดที่สามดังขึ้นข้าง ๆ มาจากชายวัยสามสิบอีกคนที่เดินมาหาบุคคลที่ยืนคุยกันทั้งสอง
“ดวงวิญญาณดวงสุดท้ายครับท่าน”
พูดจบก็ยื่นขวดโหลที่ภายในมีลูกไฟหนึ่งดวงอยู่ในนั้นส่งให้
“ขอบใจ” ชายหนุ่มตอบก่อนรับขวดโหลนั่นมาแล้วเดินขึ้นไปบนเวที
เสียงพูดคุยสงบลงเมื่อผู้เป็นเจ้าของงานเดินขึ้นไปบนเวที เจ้าตัวมองลงมา พร้อมกับยิ้มให้กับทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะด้านล่าง มือหนาหยิบขวดโหลที่ถืออยู่ขึ้นมาเปิด ก่อนจะหยิบดวงไฟนั้นใส่เข้าไปในปากของตนเอง
ทันทีที่ลูกไฟนั้นเข้าไปภายในปาก ดวงตาสีดำก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีฟ้าเข้ม ออร่าสีดำแผ่ไปทั่วร่างกาย พร้อมกับหมอกสีดำหนาที่ออกมาปกคลุมทั่วห้อง
ทั้งห้องเงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจ
ริมฝีปากสีดำค่อย ๆ ขยับขึ้นพูดด้วยเสียงเยียบเย็นและดังกังวานไปทั่วบริเวณ
“กินให้อิ่ม เตรียมตัวให้พร้อม เพราะคืนนี้ ...”
“เราจะมีพญายมราชคนใหม่ !”
หลังจากคำพูดสุดท้ายจบลง เสียงปรบมือพร้อมกับเสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นมาสนั่นหวั่นไหว เหมือนกับทหารที่ได้รับการปลุกขวัญกำลังใจจากแม่ทัพในสงคราม แต่นี่ไม่ใช่สงครามทั่วไป
แต่มันคือ
...สงครามยมทูต