ตอนที่แล้วเคียวที่ 29 : ค่ายอาสา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเคียวที่ 31 : ศัตรูปรากฏตัว

เคียวที่ 30 : ยมทูตตาสีฟ้า


ผมและเพื่อน ๆ กลับมาถึงมหาวิทยาลัยกันเกือบหกโมงเย็นของวัน

จากที่คุยกันมาตลอดทาง ตอนนี้ทุกคนเริ่มหมดสภาพ เนื่องจากเพลียจากการนั่งรถแถมหิวอีกต่างหาก ท้องผมเริ่มร้องแล้วเนี่ย ข้าวมื้อล่าสุดก็ตอนสิบเอ็ดโมงเช้าก่อนกลับจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน แม้ว่าจะได้ซื้อของกินเล่นมากินนิดหน่อยตอนแวะเข้าปั๊มน้ำมัน แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกอยู่ท้องเลย

“เอ่อ น้อง ๆ ผู้ชายอย่าเพิ่งรีบกลับนะครับ พี่ขอแรงช่วยเก็บของเข้าห้องชมรมหน่อย” พี่เชนประธานชมรมที่นั่งข้าง ๆ พี่เต้รีบพูดทันทีที่รถจอดลงด้านหน้าของคณะ เหมือนเจ้าตัวจะกลัวว่าน้อง ๆ จะหนีกลับหมดไม่ช่วยขนของ ของที่ว่าก็เป็นพวกกลอง ของสันทนาการน้อง ๆ น่ะครับ พวกเต็นท์อีก ถุงนอน หลายอย่างที่ยืมมาจากทางคณะ ดูเหมือนจะไม่เยอะมากเท่าไร แต่ถ้าต่างคนต่างหนีกลับ งานหนักประธานชมรมแน่ครับ

ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็ขนของเก็บเข้าห้องชมรมเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ผมจึงชวนเพื่อน ๆ ไปหาอะไรกินกันเป็นมื้อเย็น ตอนนี้หิวจนแทบจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว

“หิวมากเลยอ่ะพวกมึง อยากกินไรหนัก ๆ ไปแดกชาบูกัน” ผมบอกเพื่อน ๆ

“หูย อยากกินเค้าก็ไม่บอก อยากกินส่วนไหนของเค้าอะตัวเอง” ชาบูพูดขึ้นมา ก่อนเอาหน้าตัวเองมาไซร้ที่แขนผมเหมือนแมว หิวขนาดนี้แล้วยังทำเป็นเล่นอีก คิดว่าทำแล้วมันน่ารักเหรอ ?

“ปากดี วันนี้ไอ้ชาเลี้ยง ไปร้านมันกัน ยังไงก็ต้องแวะส่งกี้ด้วย”

“เฮ้ย ! ไม่เอา ไม่เลี้ยงโว้ย”

คนที่กำลังจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเย็นรีบกระโดดออกห่างจากตัวผมแล้วร้องโวยวายทันที ผมกับคนอื่น ๆ หัวเราะ ต่อให้เป็นเพื่อนลูกเจ้าของร้าน ยังไงก็ต้องจ่ายเงินครับ หัวหนึ่งไม่ใช่ถูก ๆ ผมชวนฟองกับพี่เต้ให้ไปด้วยกัน แต่เหมือนพวกเขาจะติดธุระ พวกผมเลยไปกันได้แค่ 5 คน มี ผม อิฐ ชาบู ไหม และสุกี้

“กี้อะ กุ้งสุกแล้ว” อิฐพูดขึ้นมา ก่อนใช้ตะเกียบคีบกุ้งส่งไปในจานของสุกี้ ที่นั่งอยู่ทางด้านขวามือของชาบูตรงกันข้ามกับตัวเอง

“น้องกูไม่ชอบกินกุ้ง” เสียงขัดดังขึ้นมา ก่อนคนพูดจะใช้ตะเกียบคีบกุ้งในจานน้องสาวมาที่จานของตัวเอง

“อะ เบคอน” ดูเหมือนว่าอิฐจะยังไม่ยอมแพ้ อื้ม ตามสบายเลยนะพวก ตอนนี้ผมกำลังหิวมาก ขอกินอย่างเดียวไม่ยุ่งเรื่องของคนอื่นดีกว่า

“น้องกูกลัวอ้วน”

“งั้นนี่อะผัก”

“โว้ย ! ไอ้อิฐ กี้มันมีมือตักเองได้ ไม่ต้องตักให้หรอก ถ้าอยากตัก ตักให้กูนี่” ชาบูโวยวายขึ้นมา

“ทำไมกูต้องตักให้มึงด้วยอะ” ไอ้อิฐย้อนเข้าให้

เหมือนมีประกายไฟฟ้าพุ่งออกมาจากดวงตาของทั้งสองคน ดูท่างานนี้ จะไม่มีใครยอมใคร อิฐมันคงอยากยั่วโมโหชาบูด้วยแหละ ผมเองก็หมั่นไส้ชาบูมันมาตั้งแต่อยู่ในค่ายแล้ว เยอะไม่เข้าเรื่อง จนผมต้องไปนอนกับไอ้พี่เต้เนี่ย เกือบความลับแตกแล้ว ถ้าพี่เต้มันไปเจอผมยืนคุยกับวิญญาณหลังอาคารเรียน ดีนะที่วิญญาณดวงนั้นไม่ได้มาตามนัด ความจริงก็คือผมเอาเรื่องไอ้พี่เต้มาปนด้วย ตอนนี้เลยเชียร์ไอ้อิฐ ฮ่าฮ่า

เต็มที่เลยนะครับเพื่อน ผมคีบหมูสไลด์แผ่นบาง ๆ แกว่งลงในหม้อก่อนยกขึ้นมาใส่ถ้วยน้ำจิ้ม แล้วเอาเข้าปาก อื้ม ... หมูร้านนี้นิ่มจัง ราวกับละลายในปากได้ น้ำจิ้มก็อร่อย ฟินครับ

“โอ๊ย ! เฮียสองคนจะทะเลาะอะไรกันหนักหนาเนี่ย”

ในที่สุดสุกี้ก็โวยวายขึ้นมาบ้าง

“ก็มันจะจีบกี้อะ เฮียหวง”

“แล้วไง ทีเฮียแรดไปทั่ว ควงหญิงไปเรื่อย จนโดนเสน่ห์ กี้ยังไม่หวงเลย อย่าคิดว่าไปทำอะไรแล้วกี้ไม่รู้นะ”

นั่น โดนเข้าให้ ชาบูถึงกับอ้าปากค้างเถียงไม่ออก เอามือไปล็อกคอน้องสาวตัวเอง

“ไอ้เด็กคนนี้ ! เดี๋ยวนี้ปากคอเราะร้ายนะ”

“อ๊าย ! ปล่อยนะเฮีย เจ้ไหมช่วยด้วย เฮียชาแกล้งหนู” สุกี้เริ่มเรียกหาตัวช่วยที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเธอ

“กี้มาสลับที่กับพี่” ใยไหมพูด ก่อนลุกเดินไปตบกะโหลกชาบูที่เล่นไม่เข้าเรื่อง ในที่สุดก็มีคนเข้ามาเคลียร์ปัญหา ใยไหมสลับที่กับสุกี้ ทำให้ตอนนี้สุกี้นั่งข้างอิฐและใยไหมนั่งข้างชาบูแทน

... ส่วนผม ก็ยังคงนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่คนเดียว ก็คนมันหิวนี่ครับ

“จะหวงน้องอะไรนักหนาเนี่ย กี้มันโตแล้ว อิฐมันก็เป็นเพื่อนแกนะชา” ไหมหันไปคุยกับชาบู แต่ผมได้ยิน

“ก็ทำไงได้ ไอ้คนที่อยากหวง เขาไม่ให้หวงนี่หว่า เลยต้องไปหวงน้องแทน”

“หมายถึงใคร” ใยไหมถาม

“หมายถึงใครก็รู้อยู่”

นั่น ชาบูมันใจถึงจังวะ โดนปฏิเสธไปรอบแล้วก็ยังไม่เข็ด

“กินไปเลย พูดมาก” ไหมพูดจบ เจ้าตัวก็ใช้ตะเกียบคีบลูกชิ้นปลาในจานยัดใส่ปากชาบู จนมันสำลักรีบคว้าแก้วชาเขียวขึ้นมาดูดอึก ๆ

หลังจากอิ่มจังตังค์อยู่ครบเพราะว่าวันนี้เจอป๊ากับม๊าชาบู พวกท่านอยากตอบแทนเรื่องที่เราช่วยแก้เสน่ห์คราวที่แล้วให้ไอ้ชา เลยกลายเป็นการเลี้ยงตอบแทนไปเลย ผมขับรถไปส่งไหมที่บ้านเพราะเจ้าตัวอยากกลับบ้านเลย ส่วนชาบูมันบอกอยู่บ้านแล้วเบื่อเลยกลับหอมากับผมและอิฐ

“ชา ถามจริง มึงกับไหมนี่ยังไงต่อวะ” ผมถามมันไปขณะหยิบแล็บท็อปมาเปิดหาซีรีย์ดูฆ่าเวลาแก้เบื่อ คืนนี้ผมมีงานงอกอีกแล้ว ส่งวิญญาณสองเท่านั่นเอง เนื่องจากเมื่อคืนไปค่ายไม่ได้ส่งวิญญาณในพื้นที่ของตัวเองไปยังนรก

“ไม่รู้ว่ะ หลังจากเรื่องครีมผ่านไป กูว่า กูยังตัดใจจากไหมไม่ได้เลยอะ” ชาบูพูด

“แล้วมึงจะเดินหน้าต่อ ?” ผมถามมัน

“มึงคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างกูกับไหมมันจะไปต่อได้ไหมวะ หรือได้แค่เพื่อนจริง ๆ”

“กูก็เดาใจไหมไม่ออกหรอก แต่ตอนที่มึงโดนเสน่ห์ ไหมก็ดูเป็นห่วงมึงไม่ใช่น้อยเลยนะ” ผมตอบไป พูดไปตามความจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าห่วงแค่ในแบบของเพื่อนหรือเปล่า

“ไหมอาจจะยังไม่รู้ใจตัวเองก็ได้นะเว้ย ที่ผ่านมา มึงไม่เคยจีบไหมเลยด้วยซ้ำ เคยแต่กวนตีนเขาไปวัน ๆ” อิฐพูดขึ้นมาบ้าง

“งั้นกูคงต้องลองอีกสักครั้ง”

“พวกกูเอาใจช่วย” ผมพูด

“แล้วมึง ไอ้อิฐ ถ้าจะจีบน้องกู ลบไลน์สาว ๆ ในสต๊อกมึงทิ้งให้หมด” ชาบูพูด อิฐที่นอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงรีบเด้งตัวขึ้นมาจ้องหน้าชาบูทันที

“นี่มึงแอบค้นมือถือกูเหรอ” อิฐถามกลับ

“หึ ๆ มึงกับกูเห็นไส้เห็นพุงกันหมดแล้ว ไม่ต้องมาแอ๊บ ถ้ามึงเป็นเหมือนไอ้คีย์กูจะไม่หวงขนาดนี้เลย”

แสดงว่าผมเป็นคนดีที่สุดในกลุ่มนี้แล้วใช่ไหมครับ

“จริงนะ ถ้ากูลบมึงต้องเลิกกันท่านะ” อิฐถามย้ำ ก่อนมองชาบูอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“เออ”

“โอ๊ย ! มึงนี่น่ารักที่สุดเลย กูจะดูแลน้องกี้เป็นอย่างดี”

พูดจบเจ้าตัวก็ลุกจากเตียงตัวเองมาเขย่าหัวชาบูเล่น

“ไอ้สัส ลามปาม !”

ผมออกมาส่งวิญญาณตอนตีสาม ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก็เสร็จ ช่วงหลังเหมือนจะไวขึ้นหลังจากเคยชินกับการส่งวิญญาณไปทุกวัน ขณะที่ผมกำลังจะล้มตัวนอนอีกครั้ง เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาในหัว มันเป็นเสียงของพี่สิงห์นั่นเอง

คีย์ ถ้าส่งวิญญาณเสร็จแล้วลงมาคุยกันที่นรกหน่อย

เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีกเนี่ย ถึงเรียกผมลงไปคุยตอนตีสามครึ่ง ผมลุกไปเปลี่ยนเสื้อและกางเกงที่ใส่ เพื่อจะลงไปนรก ถ้าจะให้ใส่เสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์ลงไปคงจะไม่เหมาะ

ผมเดินเข้ามาในตึกนรก ก็เห็นท่านพญายมราช พี่สิงห์ พี่ศรี และใครอีกคนที่ไม่คุ้นหน้านั่งรออยู่ที่โซฟาชั้นล่างของตึก

“เอ่อ สวัสดีครับ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าครับ ทำหน้าเครียดกันเชียว” ผมพูดก่อนนั่งลงที่โซฟาตรงกันข้ามกับท่านพญายมราช

“เมื่อวันก่อน คีย์ไปทำค่ายที่ต่างจังหวัดมาใช่ไหม” พี่สิงห์เป็นคนเอ่ยปากถามผม

“ใช่ครับ”

“นี่เป็นยมทูตที่ทำหน้าที่ในบริเวณนั้น มีเคสพิเศษคือเขาต้องไปตามวิญญาณที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน แต่ไม่มีร่องรอยของวิญญาณดวงนั้นเลย” พี่สิงห์พูด แนะนำชายคนที่ผมไม่คุ้นหน้าให้ แต่เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าเป็นดวงวิญญาณของพ่อท้องฟ้า

“ผมอยากฟังรายละเอียดจากคุยหน่อย เพราะทางนรกบอกว่าคุณไม่ได้ส่งวิญญาณมาเมื่อวันก่อน และคุณอยู่ในพื้นที่ของผมในคืนนั้นด้วย” ยมทูตคนนั้นพูด

“จะเป็นไปได้ไงครับ ! ผมยังเจอดวงวิญญาณดวงนั้นอยู่เลย นี่อย่าบอกนะครับ ว่าทุกคนคิดว่าผมเป็นสาวกของยมทูตตาสีฟ้า จับวิญญาณไปให้เขาอะ” ผมอยากจะบ้าตาย มันเกิดขึ้นได้ยังไงเนี่ย ผมคิดว่าที่ดวงวิญญาณไม่มาหาผมในวันนั้นเพราะเขาไปหายมทูตในพื้นที่แล้วซะอีก

“ไม่หรอก เพราะถ้าคีย์เป็น คงไม่กล้าลงมาหาพวกเรา จริงไหม” พี่ศรีพูดขึ้นมา

“แต่เรื่องมันเกิดไปแล้ว พวกเราคิดว่ามีสาวกของยมทูตตาสีฟ้าแฝงตัวอยู่ในมหาวิทยาลัยคีย์ หรือไม่เราอาจจะเจอตัวเขาแล้วก็ได้ เพราะบริเวณที่คีย์ไปเข้าค่าย ไม่เคยมีประวัติดวงวิญญาณสูญหายมาก่อน แต่มันดันเกิดในช่วงที่คีย์ไปพอดี อีกอย่าง นับตั้งแต่ที่คีย์เล่าเรื่องที่เห็นยมทูตตาสีฟ้าล่าสุดในพื้นที่ของคีย์ที่กลางสี่แยก ประกอบกับการที่คีย์จับสาวกของมันมาได้ พี่กับเคนตะพยายามไล่ตามหาทุกที่แล้ว จับสาวกมันมาได้อีกสองสามคน แต่ก็ไม่พบเบาะแสมันในพื้นที่อื่นเลย”

ชรินทร์เป็นคนฉลาด พวกเราเคยคิดว่าถ้าคีย์เคยพบเห็นมัน มันจะย้ายที่ซ่อนตัว แต่ตอนนี้ ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด” ท่านพญายมราชเป็นคนพูดขึ้นมาบ้างหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน ดวงตาสีแดงดูเป็นกังวลอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

“ชรินทร์ ? หมายถึงชื่อของยมทูตตาสีฟ้าเหรอครับ” ผมถาม

“ใช่ ชื่อที่เขาใช้ตอนเป็นมนุษย์เมื่อสามสิบปีที่แล้ว”

“หมายความว่า ตอนนี้ทุกคนคิดว่าคนในชมรมที่ผมไปเข้าค่าย มีหนึ่งคนที่เป็นยมทูตตาสีฟ้า?”

“ใช่แล้ว คีย์สงสัยใครบ้างไหม” พี่สิงห์ถามต่อ

“ผม … ผมนึกไม่ออกเลย”

“ตอนนั้นผมนัดดวงวิญญาณเพื่อจะส่งเขามาที่นี่ตอนเที่ยงคืน ก่อนครบสิบสามวัน จะได้ไม่ต้องมียมทูตมาตามหาเขา ผมออกไปตอนเที่ยงคืนสิบห้าแล้วก็ไม่เจอใคร นั่นหมายความว่า ยมทูตตาสีฟ้าไปดักรอก่อนหน้านั้นแล้ว ...”

ใคร ... จะเป็นใครล่ะ ตอนผมออกไปบริเวณนั้นมันมืดมาก ผมคิดไม่ออกเลยว่าใครในชมรมน่าสงสัยที่สุด ... แต่เดี๋ยวก่อน คนเดียวที่ผมเจอที่หลังอาคารเรียนคือ ... พี่เต้

พี่เต้เนี่ยนะ ... ไม่จริงน่า

“อีกเรื่องที่นายควรควรจะรู้และเตรียมตัวไว้คีย์ การที่เขากล้าขโมยดวงวิญญาณที่อยู่ในเคสพิเศษไปและจงใจเผยตัวให้เรารู้มากขนาดนี้ มันเหมือนเขากำลังจะเตือนและบอกอะไรบางอย่างกับเรา” ท่านพญายมราชเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงเครียด

“บอกอะไรครับ ?” ร่างของคนที่ผมถามนิ่งไปสักพัก ก่อนพูดขึ้นมาช้า ๆ

“บอกว่าเขาพร้อม ... พร้อมสำหรับการที่จะปฏิวัตินรกแห่งนี้แล้วไง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด