ตอนที่แล้วGE485 สยบเผ่าเขาคู่ (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE487 บ่วงสยบปีศาจ (ฟรี)

GE486 ชื่อเสียงที่มาพร้อมความแข็งแกร่ง (ฟรี)


เรื่องที่เผ่าเขาคู่ 1 ใน 4 เผ่าปีศาจที่ยิ่งใหญ่และลึกลับได้ถูกหนิงฝานสยบ แพร่ไปทั่วทะเลส่วนในในชั่วข้ามคือ

บางแห่งในตระกูลซัว หงยี่ที่เก็บตัวฝึกฝนทราบข่าว สีหน้าและแววตาเผยความสุข

“สยบเผ่าเขาคู่? เขาช่างแตกต่างจากข้า หากเป็นข้าคงทำลายพวกมันทิ้ง แต่เขากลับเลือกที่จะทำให้พวกมันเป็นทาส หากฝึกฝนพวกมันเป็นอย่างดี เผ่าเขาคู่จะกลายเป็นขุมกำลังที่ทรงพลัง และเด็กนั่นจะช่วยให้ข้าคานอำนาจกับวิหารพิรุณได้... พวกเจ้าเข้ามานี่!”

หงยี่ที่อยู่โลกจักรวาลเล็กได้เรียกคนที่เฝ้าอยู่ข้างนอกเข้ามา ก่อนที่ผู้เชี่ยชาญไร้ดัดแปลง 3 คนจะเร่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ผู้ที่เข้ามาคือซัวเฉิน และผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงที่ไม่คุ้นหน้าอีก 2 คน ซึ่งสมควรเป็นคนของตระกูลซัว แต่มีกลิ่นอายที่ทรงพลังกว่าซัวเฉิน

“กษัตริย์อัสนีมีเรื่องอะไรให้ข้ารับใช้?” ทั้งสามกล่าวขึ้นพร้อมกันด้วยน้ำเสียงที่เคารพ

คำที่ทั้ง 3 เรียกขานหงยี่ หากรู้ไปถึงหูคนอื่น คงทำให้ทั้งโลกพิรุณสั่นเทือน เพราะนางคือกษัตริย์อัสนี!

แต่ดวงจิตของกษัตริย์อัสนีสมควรอยู่ในสุสาน เหตุใดถึงออกมาภายนอกเช่นนี้ได้!

หากวิหารพิรุณรู้ถึงการคงอยู่ของนาง พวกมันคงหวั่นเกรง

“ซัวเหว่ย ซัวถง ซัวเฉิน ข้าเปลี่ยนแผน! ข้าจะเลื่อนวันคืนชีพออกไป จนกว่าคนผู้นั้นจะมาคืนชีพให้ข้าด้วยตัวเอง!”

“แต่ว่า...! การคืนชีพเป็นเรื่องสำคัญ ไม่อาจให้เกิดความผิดพลาดใดๆได้ พวกข้าต่างก็พร้อมจะคืนให้ท่าน เหตุใดต้องรอให้ผู้อื่นมาคืนชีพ?”

“ข้าไม่อยากพูดมาก… เด็กคนนั้นเหมาะที่จะคืนชีพให้ข้ามากกว่าพวกเจ้า!” เมื่อกล่าวจบนางก็หลับตา

ผู้อาวุโสทั้ง 3 ตกตะลึง แม้พวกมันจะมีเรื่องกล่าวแต่ไม่กล้ากล่าวออกมา จึงทำได้เพียงจากไป

เมื่อแผนเปลี่ยน พวกมันก็มีเวลาว่างมากขึ้น...

ภายในสถานที่ลึกลับของเผ่าปีศาจยักษ์ บรรพบุรุษทั้ง 8 ที่ทราบข่าว สีหน้าแปรเปลี่ยนตื่นตะลึง

“เด็กนั่นประทับตราทาสให้กับเผ่าเขาคู่ทั้งเผ่า! พวกเราตามหาวิธีทำลายตราประทับทาสมาทั้งชีวิต แต่เด็กนั่นกลับทำได้ง่ายๆ… พรสวรรค์ของมันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว หรือว่า...พวกเราจะขอให้มันทำลายตราประทับทาสให้?”

“ล่าสุดที่พวกเราเจอมัน มันยังเป็นเพียงผู้เยาว์ในขอบเขตกึ่งไร้ดัดแปลง แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือนกลับทะลวงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง… หรือว่ามันจะมีปราณมหาศาลที่สะกดเอาไว้ในขอบเขตตัดวิญญาณ เมื่อทะลวงขอบเขต จึงบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางในคราวเดียว?”

พวกมันสงสัย เพราะขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางต้องมีปราณอย่างน้อย 3 ล้านเกราะ ไม่มีทางที่ปราณขนาดนั้นจะอยู่ในร่างของขอบเขตตัดวิญญาณได้

“ฮึ่ม! บรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางแล้วยังไง? เอาชนะซีโม๋ หยินกง และกุ๋ยเจี่ยวได้แล้วยังไง? มันไม่มีทางเอาชนะพวกเราได้หรอก! ขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางและสูงมีช่องว่างที่ห่างชั้นกันอยู่ หากไม่ใช่หยุนเทียนเฉวหรือราชาสุสานบุบผา มันก็ไม่มีทางสู้เราได้!”

สตรีนางหนึ่งกล่าว น้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความเกลียดชังและอิจฉา

“หยุดพูดได้แล้ว!” ชวี่หลู่หวางกล่าวขึ้น พลางแผ่กลิ่นอายที่ทรงพลัง จนทำให้บรรพบุรุษคนอื่นไม่กล้าพูด

“ถึงเด็กนั่นจะสามารถลบล้างและประทับตราทาสได้ แต่พวกเราจะไม่ขอร้องมัน เราต้องพยายามด้วยตัวเอง… อีก 10 ปีหลังจากนี้ โลหิตปีศาจในกายฉุ่ยเยวียนจะช่วยให้พวกเราทุกคนในเผ่าลบล้างตราประทับได้!”

“แต่ในเมื่อซัวหมิงสามารถลบล้างตราประทับได้ง่าย เหตุใดเราต้องบูชายัญฉุ่ยเยวียน แค่ขอให้ซัวหมิงช่วยก็พอแล้ว อีกอย่าง นางก็เป็นหลานสาวข้า ข้าทนดูนางตายไปต่อหน้าไม่ได้...” ชวี่หยานกล่าว

“ชวี่หยาน… เจ้าคิดจะขัดคำสั่งข้าเหรอ!” ชวี่หลู่หวางขมวดคิ้ว ชวี่หยานไม่กล้ากล่าวต่อ

“ข้าไม่กล้า… แต่ฉุ่ยเยวียน...”

“เราได้ข้อสรุปเรื่องนี้แล้ว… พวกเราจะทำกันเอง ไม่ยืมมือผู้ใด เพราะยังไงซัวหมิงก็เป็นเพียงคนนอก ถึงมันจะลบล้างตราประทับได้ แต่มันก็สลักตราประทับได้เช่นเดียวกัน… หากมันประทับตราทาสให้พวกเรา เราจะทำยังไง?”

“ท่านชวี่กล่าวไม่ผิด” ชวี่หยานทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับ

“อืม… เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว เราแค่รอให้มันปรุงโอสถให้ จากนั้นก็รออีกเพียง 10 ปีเท่านั้น...”

แววตาชวี่หลู่หวางเปล่งประกายประหลาด แต่ไม่มีผู้ใดสังเกตุเห็น

การที่มันทุ่มความพยายามไปมากขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะลบล้างตราประทับทาสอย่างเดียว แต่มันย่อมมีจุดมุ่งหมายของตน

เพื่อจุดมุ่งหมายของมันแล้ว ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของฉุ่ยเยวียน ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของบรรพบุรุษคนอื่น หรือต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของคนทั้งเผ่า มันก็ไม่สนใจ

“ตราบใดที่แผนการเป็นไปได้ด้วยดี นอกจากข้าจะได้เข้าสู่วิถีของปีศาจโบราณ ข้ายังจะได้ครอบครองโลหิตปีศาจในร่างฉุ่ยเยวียน อย่างน้อยๆ โลหิตของข้าต้องยกระดับไปยังโลหิตปีศาจแท้จริง หรืออาจจะถึงโลหิตราชาปีศาจในตำนาน!... ในอดีตข้าถูกทัณฑ์สวรรค์จนบาดเจ็บ จนพลาดการทะลวงขอบเขตไร้แบ่งแยก แต่หากข้าได้ฝึกฝนตามวิถีของปีศาจโบราณและบรรลุขอบเขตจ้าวปีศาจ ข้าจะทรงพลังยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก! เมื่อถึงยามนั้น ไม่ว่าผู้ใดก็เป็นได้เพียงมดปลวก!”

ชวี่หลู่หวางลูบสัมผัสกล่องหยกใบหนึ่ง ในนั้นมีโอสถผันแปรที่ 7 ขั้นต้น นามโอสถโลหิตจ้าวปีศาจ

โอสถโลหิตจ้าวปีศาจเป็นโอสถที่จะช่วยให้ทะลวงขอบเขตจ้าวปีศาจ นับว่าเป็นโอสถที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก

“หากไม่ได้โอสถโลหิตจ้าวปีศาจ ข้าก็คงไม่มีความหวังที่จะได้บรรลุขอบเขตจ้าวปีศาจ ฮ่าฮ่า… โลกพิรุณ… ไม่… โลกทั้ง 9 ใบจะไม่มีผู้ใดต่อกรข้าได้!”

โอสถโลหิตจ้าวปีศาจเป็นสมบัติล้ำค่าที่ชวี่หลู่หวางเก็บรักษามานาน แต่ในระหว่างที่มันกำลังเพ้อฝันกับอนาคต หนิงฝานได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งปีศาจโบราณไปแล้ว ทั้งยังบรรลุขอบเขตปีศาจคลั่งขั้นกลางที่ทรงพลัง

หากเทียบกันแล้วโชคชะตาของชวี่หลู่หวางไม่อาจเทียบเคียงหนิงฝานได้...

แคว้นกลาง วิหารพิรุณ

กษัตริย์พิรุณได้ทราบข่าวที่หนิงฝานบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางในช่วงเวลาไม่กี่เดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

“หรือเด็กนั่นจะโชคดี? จนกลายเป็นผู้มีพรสวรรค์เหมือนกษัตริย์อัสนีและหยุนเทียนเฉว” กษัตริย์พิรุณขมวดคิ้วแน่น มันกำลังขบคิดว่าจะปล่อยผ่านหนิงฝานดีหรือไม่ เพราะมีโอกาสสูงมากที่หนิงฝานจะกลายมาเป็นศัตรูของมันในอนาคต

นอกจากนี้ ราชาสุสานบุบผายังไม่ได้สั่งสอนหนิงฝานตามที่กษัตริย์พิรุณสั่ง ทำให้มันไม่พอใจเป็นอย่างมาก

โดยนิสัยของมันแล้ว หากผู้ใดที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นพิเศษ มันจะจับตาคนผู้นั้นเพื่อคอยเฝ้าระวัง แต่หนิงฝานเป็นคนของมัน ซ้ำยังแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว จนทำให้มันเริ่มปวดหัว

หากหนิงฝานแข็งแกร่งพอที่จะเหยียบย่างเข้าไปในทะเลเพลิงแห่งนั้นได้ มันก็จะให้หนิงฝานเข้าไปนำของสิ่งนั้นมาให้มันทันที

ก่อนหน้านี้มันได้ลั่นวาจาว่าหากหนิงฝานบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลง จะมอบตำแหน่งจ้าววังสวรรค์แดงให้

ในบรรดาวังต่างๆที่มีอยู่รอบโลกพิรุณ จะถูกปกครองโดยผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง แต่ที่เหนือกว่าวังเหล่านั้น ยังมีสถานที่ที่มีชื่อว่า ‘วิหารเก้าสวรรค์’ เป็นสถานที่ปกครองโดยผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกทั้ง 9

ตำแหน่งจ้าววังสวรรค์เป็นตำแหน่งที่สูงส่งในวิหารพิรุณ หากไม่เพราะหนิงฝานมีประโยชน์กับกษัตริย์พิรุณ มันคงไม่คิดจะมอบตำแหน่งนี้ให้ ยิ่งเรื่องที่หนิงฝานสังหารโม่ฉุยไป มันยิ่งไม่มีทางปล่อยให้หนิงฝานอยู่เฉยเช่นนี้

“บางทีการมอบตำแหน่งจ้าววังให้มัน อาจเป็นการผนึกมันเอาไว้ที่นี่และเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไว้มันมาที่แคว้นกลางเมื่อไหร่ จิงหงจะมีวิธีจัดการกับมัน ให้มันไม่ทะยานอยากเหมือนอย่างที่เป็น… ด้วยพรสวรรค์ของมัน หากช่วยให้มันเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกได้ อำนาจของข้าก็จะมากขึ้น แต่จะให้มันกลายมาเป็นคู่แข่งของข้าไม่ได้...”

“เมื่อได้พบมันคงรู้ว่ามันอยากจะขึ้นเป็นกษัตริย์แทนข้าหรือเปล่า...”

ผู้เชี่ยวชาญคนใดของโลกพิรุณที่บรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก จะได้รับการแต่งตั้งศักดิ์ฐานะพิเศษ หากจะเปรียบก็ไม่ต่างจากการได้รับแต่งตั้งยศเป็นขุนนาง

ยามนี้ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นสูงและสูงสุด ที่มีโอกาสได้บรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก มีราชาสุสานบุบผา ยู่กุ่ยโหว หรือชวี่หลู่หวาง หากทั้งสามบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก พวกมันได้จะรับการแต่งตั้งศักดิ์ฐานะพิเศษจากกษัตริย์พิรุณทันที

การแต่งตั้งศักดิ์ฐานะนั้น จะมีการกำหนดฉายาให้ได้เลือก เช่นหากหนิงฝานบรรลุขอบเขตไร้แบ่งแยก กษัตริย์พิรุณจะมีฉายาให้เลือกอยู่ 2 ฉายาได้แก่ ‘ราชาหมิง’ และ ‘ขุนนางอาภรณ์ขาว’

หากหนิงฝานเลือกราชาหมิง กษัตริย์พิรุณจะรู้ถึงความทะเยอทะยานของหนิงฝาน และมีโอกาสสูงที่สักวันจะขึ้นมาชิงตำแหน่งกษัตริย์แห่งโลกพิรุณกับมัน แต่หากเลือกขุนนางอาภรณ์ขาว แสดงว่าหนิงฝานไม่ได้สนใจจะเป็นกษัตริย์

“องค์กษัตริย์ โลกปีศาจส่งข่าวมาว่า ผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลง หนึ่งในองครักษ์ของกษัตริย์ปีศาจเนี่ยนามว่า ‘เต้าเหยียน’ จะขอเดินทางมาที่นี่เพื่อสังหารคนผู้หนึ่ง!” หนึ่งผู้ติดตามของกษัติรย์พิรุณเข้าพบและกล่าวรายงาน

“เต้าเหยียน? หนึ่งในองครักษ์ของกษัตริย์ปีศาจเนี่ยจะมาที่นี่! ฮึ่ม! ในอดีตหานเนี่ยเทียนแหกกฏ ลุกล้ำโลกพิรุณของข้าตามอำเภอใจ ยามนี้ยังคิดจะส่งคนมาสังหารคนของข้าถึงที่นี่ มันคงคิดว่าโลกพิรุณอ่อนแอที่สุด จึงคิดข่มเหงได้ตามใจ! ตอบปฏิเสธไป อย่าให้มันเข้ามา!” แววตากษัตริย์พิรุณแปรเปลี่ยนเย็นชา

“แต่...”

“เจ้าจะขัดคำสั่งข้าเหรอ?”

“บ่าวไม่กล้า! เพียงแต่องครักษ์เต้าเหยียนมีป้ายคำสั่งสังหาร...”

“ป้ายคำสั่งสังหาร!”

กษัตริย์พิรุณขมวดคิ้ว ป้ายคำสั่งสังหารเป็นสิ่งที่กษัตริย์ในแต่ละโลกถือครอง ซึ่งสามารถใช้เป็นใบผ่านทางในการสังหารคนของโลกอื่นได้ 1 คน

ในเมื่อเต้าเหยียนมาพร้อมกับป้ายคำสั่งสังหาร กษัตริย์พิรุณต้องเปิดทางให้มัน

“อืม… เช่นนั้นข้าก็อนุญาติให้มันข้ามมา แต่จงเตือนมันเอาไว้ว่า ให้สังหารได้แค่เพียงผู้เดียวเท่านั้น”

“ขอรับ ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง!”

ในเส้นทางที่ทอดยาวในมิติ เต้าเหยียนเดินทางข้ามมายังโลกพิรุณพร้อมกับป้ายคำสั่งสังหาร ไม่นานมันก็เข้ามายังโลกพิรุณได้สำเร็จ

“ผู้อาวุโสเดินทางมาที่นี่มีธุระอันใด?” ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณผู้หนึ่งที่ทำหน้าที่เปิดประตูกล่าวถาม

เต้าเหยียนไม่ได้ตอบสิ่งใด มันนำป้ายสังหารออกมาแล้วกระตุ้นเพื่อตรวจหาตำแหน่งของกลิ่นอาย

“สุดขอบตะวันออกของโลกพิรุณ?”

“สุดขอบตะวันออกของโลกพิรุณ? ท่านหมายถึงทะเลไร้สิ้นสุด?”

ผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณประหลาดใจ มันไม่รู้ว่าเต้าเหยียนจะไปสังหารผู้ใดที่นั่น

แต่สิ่งที่ทำให้มันสงสัยคือ กลิ่นอายที่อยู่ในป้ายคำสั่งเป็นกลิ่นอายของผู้เชี่ยชาญประสานวิญญาณ

เท่าที่มันเคยเห็น ผู้ที่มาเดินทางโลกพิรุณเพื่อสังหาร ส่วนใหญ่จะมาเพื่อสังหารผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตไร้ดัดแปลง

ป้ายคำสั่งสังหารเป็นของล้ำค่า ไม่สมควรนำมาใช้เพื่อสังหารมดปลวก ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญตัดวิญญาณจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องสังหารขอบเขตประสานวิญญาณ

แต่มันก็รู้ว่า ต่อให้กษัตริย์เนี่ยต้องการสังหารผู้ใด ก็ไม่ใช่เรื่องที่มันควรกล่าวถาม

มันเร่งเปิดข่ายอาคมเคลื่อนย้ายให้ เต้าเหยียนก็ไม่ได้ตอบคำถามใดๆแล้วก้าวข่ายอาคมเคลื่อนย้ายไป

“ข้าลงมือด้วยตัวเอง มดปลวกในขอบเขตประสานวิญญาณอย่างเจ้าไม่มีทางรอด!”

ในขณะเดียวกันนั้น ซูหยาน หนิงฝาน หมิงเชว่ และคนของเผ่าเขาคู่เงยหน้ามองท้องนภา

เมื่อครู่ที่เต้าเหยียนกระตุ้นเหรียญคำสั่งสังหาร หนิงฝานและคนอื่นๆสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายสายหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ ซึ่งเจ้าของกลิ่นอายนั้น แผ่ปราณสังหารออกมาอย่างชัดเจน

“นายท่าน… เกิดอะไรขึ้น?” ซูหยานกล่าวถามหนิงฝานด้วยความเป็นห่วง นางรู้สึกขอบคุณที่หนิงฝานประทับตราทาสให้กับคนของเผ่า โดยไม่สังหารคนในเผ่าทิ้ง และนั่นก็ทำให้นางนับถือในตัวหนิงฝาน

“มีบางคนอยากสังหารข้า แต่เจ้าไม่ต้องกังวล มันอยู่เพียงขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลาง อีกอย่าง มันยังอยู่ไกลจากตัวข้ามา กว่าจะมาถึงคงใช้เวลาหลายเดือน แต่ยังมีบางสิ่งที่ทำให้ข้าสนใจ...”

สิ่งที่ทำให้หนิงฝานใจคือกลิ่นอายของคนผู้นั้น มีกลิ่นอายของผู้อื่นติดมาด้วย และกลิ่นอายนั้นให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยมาก

“ฮึ่ม! เจ้านั่นกล้าคิดสังหารพี่ขนมของข้า ข้าไม่ปล่อยมันไว้แน่! ข้าว่าตอนนี้เรายังไม่ต้องไปเกาะอสูรหรอก เรามารอจัดการมันก่อนดีกว่า” หมิงเชว่ชูหมัดน้อยๆขึ้น

“ทำไมถึงจะยังไม่ไปหล่ะ? เท่าที่ท่านปู่ฉู่ของเจ้าบอกข้า ตอนนี้เจ้ายังไม่ได้รับพลังสืบทอดจากราชานินีซือชางเลย ฉะนั้นก่อนจะจัดการกับมัน เจ้ากลับเกาะไปรับสืบทอดพลังก่อนเถอะ”

หนิงฝานหันมองชายชราฉู่ จนชายชราต้องเร่งก้มหน้าด้วยความหวาดกลัว

หลังจากสยบเผ่าเขาคู่เสร็จ หนิงฝานได้สอบถามถึงความลับของหมิงเชว่กับชายชราฉู่ ตอนแรกชายชราไม่ยอมบอก แต่เมื่อถามเค้นเข้า ชายชราก็บอกหมดทุกสิ่ง

หนิงฝานได้รู้ว่าชายชราไม่มีเจตนาร้ายใดๆกับหมิงเชว่ เพราะชายชราต้องการเพียงให้นางสืบทอดตำแหน่งและพลังของราชินีซือชาวต่อเท่านั้น

“ก็ได้… แต่พี่ขนมต้องกลับไปกับข้างด้วย ข้าจะได้มีของอร่อยกิน!” หมิงเชว่คล้องแขนหนิงฝาน พลางส่งสายออดอ้อนอย่างน่าเอ็นดู

นางไม่อยากจากหนิงฝาน เพราะนางจะได้มีของอร่อยกินเรื่อยๆ

“อืม… ถ้างั้นข้าจะไปเกาะอสูรกับเจ้าก่อน จากนั้นค่อยไปเกาะโอสถแล้วกลับไปยังเผ่าปีศาจยักษ์ ด้วยความแข็งแกร่งของข้ายามนี้ สมควรสะสางบางสิ่งได้แล้ว… พรุ่งนี้เช้าเราออกเดินทางกัน”

เมื่อกล่าวจบหนิงฝานก็กลับห้องพักไป

เมื่อไปถึงห้อง เขานำสิ่งที่ได้จากการต่อสู้ออกมาจากระเป๋า ของเหล่านี้มีหยกสวรรค์ สมุนไพร โอสถ ตำรับโอสถ และสมบัติ แต่เขาไม่ได้สนใจพวกมันมากนัก

สิ่งที่เขาสนใจคือแผ่นหยกที่ได้มาจากซีโม๋ ซึ่งภายใน อัดแน่นไปด้วยพลังของบรรพบุรุษเผ่าเขาคู่

แม้แผ่นหยกเหล่านี้จะผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน อานุภาพลดทอนไปมาก แต่ก็ยังไม่อาจดูแคลนได้

ในจำนวนแผ่นหยกที่หนิงฝานได้มา มีการจู่โจมระดับไร้ดัดแปลงขั้นกลางอยู่ 7 แผ่น ขั้นสูง 3 แผ่น ขั้นสูงสุด 1 แผ่น และไร้แบ่งแยกอีก 1 แผ่น

หนิงฝานจ้องมองพวกมันด้วยความเสียดาย เพราะหากฟื้นฟูอานุภาพของพวกมันได้ คงจะได้การจู่โจมที่ทรงพลังไม่น้อย

“หากจะฟื้นฟูพลังของพวกมันคงเป็นไปได้ยาก แต่ดูเหมือนพวกมันจะใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นได้” หนิงฝานขบคิดบางสิ่ง...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด