13 นักเวทย์เปิดสมัครนักผจญภัยหน้าใหม่
“ใช่ มีอะไรดีๆ แนะนำก็ว่ามาได้เลย” ซิสนอนหมดพลังอยู่บนเตียง
“ในระหว่างที่ไปส่งสินค้า ฉันก็ถามหาข้อมูลให้ ค่าเรียนทักษะลอบสังหาร แพงเกินไป ทักษะอัศวิน ก็แพงไปอีก ทักษะนายพรานนักล่า ไม่ใช่ทางของนาย ฮ่า” คิวหัวเราะ
“รู้ได้ไงว่า ฉันไม่ใช่นักล่า” ซิสพยายามตอบโต้แต่ก็นอนต่อไป
“การโจมตีระยะไกล นายไม่ชอบตั้งแต่สมัยเล่นเกม ด้วยสายตาของนายมันไม่อำนวยนั่นส่วนหนึ่ง นายชอบระยะประชิด” คิวกอดอกภูมิใจ
“แล้วในโลกนี้คนจนอย่างฉันทำอะไรได้ล่ะ” ซิสบ่น “ไอ้นู่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ ชีวิตต้องพึ่งอยู่กับเงินอยู่อย่างเดียวรึยังไง”
“ฮ่าๆ นายนี่มัน” คิวหัวเราะ “ไม่เชิงหรอก อย่าพึ่งมองแง่ร้าย สิ่งที่ตัวตนนายมี ขุดสิ่งนั้นมาใช้ดีกว่า”
“ขอคิดก่อน” ซิสพูดต่อ “ฉันสนใจเวทย์มนต์ ทักษะที่คุ้นเคย แต่นั่นมันในเกมที่เราเคยเล่น โลกนี้มันไม่ใช่”
“นายเป็นคนพูดเองว่า เราทุกคนต่างมีเวทย์มนต์ที่ต่างกัน” คิวลูบโล่และจับที่ระเบิด “การป้องกันก็คือเวทย์มนต์ชนิดหนึ่ง โล่สุดที่รัก ช่วยกันทำมาหากินต่อไปนะ”
“คาถา การร่ายพลังงานของจิต ถ้าเป็นอย่างที่คิดก็ดีสิ” ซิสถอนหายใจ
“เอาล่ะ เข้าเรื่อง มีข่าวมาว่านักเวทย์ในดินแดนที่ห้า จะเปิดการทดสอบทักษะเพื่อสร้างเด็กรุ่นใหม่” คิวอ่านจากกระดาษที่ดึงมาจากกระดาน
“เมื่อไหร่ ที่ไหน ต้องทำอย่างไรบ้าง” ซิสลุกขึ้นมานั่ง
“พรุ่งนี้! สำคัญกว่านั้นคือ ถ้าผ่านเข้ารอบก็จะได้เข้าสมาคมนักเวทย์ดินแดนที่ห้า” คิวพับกระดาษ “ทิศใต้เมืองหลวง ลานดอกไม้”
“ขอบใจมากคิว วันนี้ขอพักก่อน” ซิสหลับไปทันทีด้วยความเหนื่อยล้า
คิวยังคงเดินลงไปที่บาร์ เพื่อลงไปพักผ่อน
ทิศใต้เมืองหลวง ลานดอกไม้
ผู้คนไม่ต่ำกว่า 50 คน มีทั้งอายุมาก และน้อยสุดก็น่าจะประมาณ อายุสิบห้า ชายหญิงร่างสูงใหญ่มีน้อย เพราะส่วนใหญ่จะมีลักษณะที่เหมือนกันก็คือ สวมผ้าคลุม คล่องตัว ถือคทาไม้หัวกลม มีอีกส่วนหนึ่ง การแต่งตัวช่างแตกต่าง คทาสีเงิน หัวสีแดง สีเขียว แตกต่างกันออกไป ผ้าคลุมไม่มีรอยขาดใดๆ เงาวาว รองเท้าขัดมันมาอย่างดี ที่สำคัญถือสมุดเวทย์กันทั้ง 10 คน
แต่สิ่งที่น่าแปลกสุดก็คือ
“นี่หรือสภาพนักเวทย์” หนึ่งในสิบพูดกับซิส อีกคนเสริมต่อ “สงสัยจะมาผิดกิจกรรม”
“พี่มาอยู่กับพวกเราก็ได้นะ” เด็กหญิงตัวเล็กอายุประมาณสิบแปด
ซิสเดินออกมาจากกลุ่มนั้นไปยังอีกฝั่งหนึ่ง
ทุกคนถือคทาไม้ แต่มีซิสคนเดียวไม่ได้ถือคทา ท่อเหล็กห้อยอยู่ที่หลังของเขา
“คิว ทำไมไม่บอกก่อนว่าต้องทำตัวอย่างไร” ซิสคิดในใจ เขารู้สึกอายที่ต้องเป็นแกะดำอีกครั้ง
“พี่ จะมาเป็นนักเวทย์หรอค่ะ” เด็กน้อยแนะนำตัว “หนูชื่อ โลลิ ความสนใจคือเวทย์แห่งแสงสว่าง”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะปกป้องเธอเอง” หนุ่มอายุรุ่นเดียวกับโลลิพูดแทรก “พลังเวทย์ของฉันจะคอยดูแลให้เราสงบสุข”
“นี่คือ เจล เขาเป็นเพื่อนของหนูเอง” โลลิอธิบาย
“คนรักในอนาคตต่างหาก” เจลพูดอย่างสง่า “ฉันจะปกป้องเธอจนลมหายใจสุดท้าย” เจลตกจากก้อนหินที่เขาพยายามจะยืนขาเดียว
ทุกคนแถวนั้นหัวเราะ รวมทั้งซิสด้วย
ในช่วงวินาทีนั้นเอง ซิสมีความรู้สึกของพลังงานอะไรบางอย่างอยู่บนก้อนหินอีกฝั่งหนึ่ง เป็นพลังงานที่อัดแน่น ทุกอย่างดูช้าไปหมด แต่ในความรู้สึกซิส มันไวยิ่งกว่าแสง ไม่มีใครสบตายกเว้นซิส
นักเวทย์ดินแดนที่ห้า ปรากฏตัว พร้อมด้วยผ้าคลุมชุดสีขาวสองคนยืนด้านข้าง
เสียงตะโกนมาจากคนในกลุ่มนั้น “ท่านมาแล้ว” ทุกคนรวมตัวกันเข้าไป
“ข้าขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ข้ามีนามว่า บริช เป็นนักเวทย์ดินแดนที่ห้า” กล่าวต่อ “วันนี้ข้าต้องการผู้ที่สนใจในเวทย์มนต์พลังแห่งธรรมชาติ เพื่อฝึกฝนในการต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อปกป้องดินแดนที่ห้า ขอให้ทุกคนแสดงความสามารถอย่างเต็มที่”
ทุกคนเริ่มลงทะเบียนเขียนชื่อในกระดาษแผ่นหนังที่วางอยู่บนโต๊ะ จากนั้นจะถูกส่งไปเพื่อทดสอบทักษะพื้นฐาน เวทย์ทั่วไป ดิน น้ำ ลม ไฟ
คนส่วนใหญ่ที่มาสามารถร่ายเวทย์ได้อย่างสบายโดนเฉพาะ10คน ที่บรีชมองเห็นแล้วว่าสามารถนำไปต่อยอดได้อีก
ซิสยืนด้านหลังโลลิ
“ไหนลองร่ายเวทย์ง่ายๆ ให้ดูหน่อย” บรีชสะบัดผ้าคลุม
โลลิจับคทา ท่องคาถาทำให้มีแสงออกมา นางฟ้าตัวน้อยสองตัวบินออกมา แสงสว่างแสนจะอบอุ่น เจลหน้าตาเคลิ้มไปกับเวทย์มนต์
“ฉันชอบเวทย์เธอจัง” เจลพูด
“พวกเราก็ด้วย” อีกสองคนข้างเจลก็พูดออกมา
“เอาล่ะ พอก่อน ไหนบอกมาว่า ต้องการเวทมนตร์ทางด้านไหน” บรีชถามด้วยความสุภาพ
“หนูต้องการฝึกฝนเวทย์แสงสว่าง” โลลิตอบอย่างอ่อนโยน
“ในดินแดนที่ฉันอยู่ยังไม่มีใครเปิดรับน่ะสิ” บรีชรู้สึกกังวล “น้อยคนที่จะมีทักษะแบบนี้สัญญาได้ไหมว่าจะไม่เสียใจที่ฉันไม่พาไปด้วย จนกว่าฉันจะเจอคนที่สามารถฝึกเธอได้ แล้ววันนั้นฉันจะมารับเธอไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ” โลลิยิ้ม
“อีกอย่าง ฉันชอบเวทย์ของเธอนะ” บรีชพูดอย่างจริงใจ
“ขอบคุณค่ะ” โลลิเดินไปหาเจล
“เอาล่ะ คนต่อไป” ชุดคลุมสีขาวส่งเสียงออกมา
ซิสท่าทางไม่เหมือนนักเวทย์สักนิดเดียว พยายามจับท่อให้เหมือนคทา เพื่อจะได้ดูกลมกลืน
บรีชไม่ได้สั่งให้ซิสร่ายเวทย์ แต่เขาคาใจเรื่องที่ซิสสัมผัสพลังเขาได้ก่อนใคร
“นายเห็นฉันได้อย่างไร” บรีชถาม
“ผมแค่รู้สึก” ซิสประหม่า “ผมขอแนะนำตัวก่อน ผมชื่อ ซิส” พูดเสริมว่า “ใครๆ เขาก็เห็นท่าน”