ตอนที่แล้วเคียวที่ 26 : อะไรที่มันไม่พิเศษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเคียวที่ 28 : เด็กชายท้องฟ้า

เคียวที่ 27 : ชมรมขนหัวลุก


เดินเล่นรอบอ่างเก็บน้ำจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า

ผมกับฟองก็ไปทานข้าวเย็นด้วยกัน ก่อนจะพาเธอไปส่งที่หอ ผมกลับไปถึงหอก็เกือบสองทุ่ม เจออิฐกับชาบูกำลังนั่งเล่นเกมโทรศัพท์มือถือกันอยู่กลางห้อง ทั้งสองเงยหน้าขึ้นมามองผมเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกมา สายตามองตรงมาเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง

มองอะไรกันวะ ไม่เคยเห็นคนมีความสุขหรือไง

“ไอ้คีย์ ไหนข้าวพวกกูล่ะ” ชาบูเป็นคนถาม

นั่นไง ฮ่าฮ่าฮ่า ว่าแล้วผมลืมอะไร ลืมข้าวพวกมันนี่เอง

“เออจริงด้วย กูลืมซื้อว่ะ”

“โห ไรมึงเนี่ย” อิฐโวยวายออกมา

“แล้วมึงเป็นบ้าอะไร ยิ้มอยู่นั่นแหละ ปกติมึงต้องตีหน้านิ่งไม่ใช่เหรอ”

“กู กูยิ้มอยู่เหรอ” ผมพูดออกไป ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย ว่าตัวเองกำลังยิ้มอยู่ คนมีความสุขอะครับจะทำไงได้

“เออ ไปเช็คประสาทหน่อยมั๊ยครับเพื่อน”

“ตกลงมึงไปไหนมาตั้งนานเนี่ย ข้าวก็ไม่ซื้อมาให้พวกกู” ชาบูถามขึ้นมาอีกครั้ง แต่สายตากลับไปจ้องอยู่ที่จอมือถือ ส่วนมือก็กำลังรัวนิ้วไปบนจอเพื่อตีป้อมในเกมอยู่

“กูไปขอฟองเป็นแฟนมา” ผมตอบออกไป เท่านั้นแหละ คนที่กำลังตีป้อมอย่างเมามันรีบเงยหน้าขึ้นมองผมอย่างไม่เชื่อสายตาทันที

“เชรด ตกลงมึงกับพี่ฟองเป็นแฟนกันแบบออฟฟิเชียลแล้วใช่ปะ” ตามมาด้วยอิฐ

“อื้ม”

“สุดยอดเลยเพื่อนกู อย่างี้นี้มึงก็สละโสดคนแรกของกลุ่มอะดิ” ชาบูพูดต่อ

“เออโสดมาหลายปีแล้วปล่อยกูไปเถอะ อีกเรื่อง พรุ่งนี้ฟองบอกมา เข้าประชุมชมรมด้วย เห็นว่าจะมีค่ายอาสาว่ะ ขาดคนเยอะเลย” ผมบอกพวกมันไป เพิ่งนึกขึ้นได้ ฟองบอกเรื่องนี้ตอนผมไปส่งเธอที่หอ เห็นบอกว่าทางชมรมจะจัดค่ายอาสาและขาดคนไปจำนวนมาก เนื่องจากหลังจากสอบไฟนอลเสร็จ นักศึกษาส่วนใหญ่ก็พากันกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเลย จำนวนคนเลยไม่พอ

“เค ๆ แต่ตอนนี้มึงมาเล่นเกมกับพวกกูก่อน ขาดคน เจอแต่พวกไก่กา ยิ่งเล่นอันดับกูยิ่งร่วง หัวร้อนโคตร ๆ”

“พวกมึงไม่หิวแล้วเหรอวะ” ผมถามพวกมันออกไป เมื่อกี้ยังทำท่าเหมือนหิวใจจะขาดและโวยวายอยู่เลย

“ตานี้จบก่อน”

กับคำว่าตานี้จบก่อนของพวกมัน ผมคิดว่าโรคกระเพาะคงถามหาพอดี กระเพาะใคร กระเพาะมันนะครับเพื่อน

ห้องชมรมขนหัวลุก เป็นห้องที่ผมและเพื่อน ๆ ไม่ได้ย่างกายเข้ามานานแล้ว ตั้งแต่วันที่สมัครเข้าชมรมนี้ อาจจะมีชาบูคนเดียวมั้ง ที่เข้ามาบ่อยกว่าคนอื่น เพราะมันเป็นแอดมินเพจเรื่องผีสี่ห้าบรรทัด จึงต้องมาฟังเรื่องเล่าที่ชมรมจัดมีทติ้งทุกวันศุกร์เพื่อไปอัปเดตในเพจมัน อีกเหตุผลที่ผมไม่ค่อยได้เข้ามา ก็เนื่องจากทั้งกิจกรรมของปีหนึ่งมันมากมายมหาศาลเหลือเกิน และประกอบกับเรื่องราววุ่นวายของผมกับเพื่อน ๆ ด้วย รวมถึงงานยมทูตอีกต่างหาก ผมเลยแทบจะไม่มีเวลาเลย

หลังจากพวกเรานั่งคอยจนเลยเวลานัดมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ทั้งห้องก็มีจำนวนคนอยู่เพียงแค่ 30 กว่าคนเท่านั้นเอง

“มากันแค่นี้เองเหรอปีหนึ่ง” พี่เชนหนุ่มตี๋ประธานชมรมเป็นคนพูดขึ้นกับพวกเรา

“น่าจะหมดแล้วครับ” ผมตอบออกไป

“งั้นคงจะมีกันแค่นี้แหละพี่ว่า คืองี้นะ ชมรมเราจะมีกิจกรรมค่ายอาสาทุกปี ปีนี้เราว่าจะไปกันที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน แต่ปัญหาตอนนี้คือพวกเราอยากได้งบเพิ่ม เพื่อที่จะซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ไปบูรณะโรงเรียนและซื้ออุปกรณ์กีฬาต่าง ๆ ให้กับเด็ก”

“พี่เลยอยากให้พวกเราแบ่งกลุ่มไปช่วยขอรับบริจาคเงินเพื่อมาสมทบที่เราได้จากทางมหาวิทยาลัย”

พี่เชนพูดเรื่องรายละเอียดโครงการอีกนิดหน่อย ก่อนพวกเราจะแบ่งหน้าที่กันเพื่อไปหาเงิน และของบริจาคสมทบทุนเข้าชมรม กลุ่มของผมกับเพื่อน ๆ เลือกกันไปที่ตลาดนัดข้างมหาวิทยาลัย ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่สามารถทำให้ยอดเงินบริจาคมันเพิ่มขึ้นได้เยอะ

ระหว่างที่พวกเรากำลังคุยเรื่องทำกล่องรับบริจาคและกิจกรรมที่ทำให้คนสนใจร่วมบริจาค ประตูของห้องชมรมก็ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับร่างของคนคนหนึ่งเดินเข้ามา ผมว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่นี่แหละ ดูท่าจะเป็นนักศึกษาแพทย์เนื่องจากเสื้อที่ใส่เป็นแบบฟอร์มของนักศึกษาแพทย์ที่ทำงานในโรงพยาบาล เจ้าตัวเป็นผู้ชายที่หน้าตาจัดว่าหล่อเหลาเอาการ เดินเข้ามานี่ สาว ๆ ในห้องดูจะสนใจไม่น้อย

“อ้าว พี่เต้ นึกว่าจะไม่มาซะละ น้อง ๆ ครับ นี่พี่เต้ อดีตประธานชมรมเราครับ” พี่เชนพูดแนะนำรุ่นพี่คนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาถึงให้กับพวกเรา

“ยินดีที่ได้รู้จักน้อง ๆ นะครับ” เจ้าตัวพูดจบก็ยิ้มทักทายคนอื่น ๆ ก่อนเดินตรงมายังกลุ่มของพวกผม ที่กำลังทำกล่องรับบริจาคกันอยู่

“ว่าไงฟอง เป็นไงบ้างเรา” ร่างสูงเดินเข้ามาทักฟองที่กำลังเขียนกล่องรับบริจาคอยู่ข้าง ๆ กับผม เอ้าเฮ้ย ไอ้พี่นี่รู้จักฟองด้วยเหรอ

“ฟองเพิ่งสอบเสร็จอะพี่เต้ ก็โอเคดี”

ทำไมไอ้หมอนั่นมันต้องทำสายตาแพรวพราวกับฟองด้วยวะ ผมเริ่มเหม็นขี้หน้าหมอนี่ขึ้นมาละ

“อื้มดี ๆ แล้วมีอะไรให้พี่ช่วยเปล่า”

“ไม่มีอ่ะ เสร็จพอดีเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เต้มาช่วยฟองกับน้อง ๆ ที่ตลาดนัดดีกว่า”

“ได้ค้าบผม” พูดจบมือหนาก็ยกขึ้นลูบผมฟองอย่างเอ็นดู เฮ้ยเอาใหญ่แล้วนะนั่น คิ้วผมเริ่มกระตุกแบบไม่รู้ตัว

“มึงรีบแสดงตัวว่าเป็นแฟนพี่ฟองเร็ว” ชาบูหันมากระซิบกับผม เพราะมันก็เห็นเหมือนกัน

“ไม่มีไรหรอก คนรู้จักมั้ง” ผมหันไปกระซิบตอบมัน

“กูว่ามันดูเหมือนมีอะไรนะ ถึงเนื้อถึงตัวกันเลยนะเว้ย” อิฐเสริม ไอ้พวกนี้ก็ชอบเสี้ยมจัง

“อย่าไปฟังสองตัวนี้เลยคีย์ พวกนี้มันก็พูดไปเรื่อย พี่เขาหน้าตาดีขนาดนั้น ขาวขนาดนั้น โอปป้าขนาดนั้น ไม่เป็นเหมือนที่ไอ้สองตัวนี้บอกหรอก”

พูดซะขนาดนั้นเล่นเอาผมดรอปไปทันตาเห็นเลย

“นี่กระซิบขนาดนี้ ได้ยินด้วยเหรอไหม” ชาบูถาม

“เห็นหน้าแกสองคนก็รู้แล้ว ว่ากำลังเป่าหูคีย์” ไหมตอบกลับมา

“เอ่อ น้องสี่คนมีอะไรหรือเปล่าครับ พี่เห็นกระซิบกระซาบกันนานแล้ว นินทาพี่หรือเปล่าครับเนี่ย พูดดัง ๆ ก็ได้ครับ พี่ไม่ถือ” เสียงทุ้มพูดขึ้นมาขำ ๆ ขัดจังหวะการกระซิบกระซาบของพวกเรา

“เปล่า ๆ ครับ แค่ปรึกษาเรื่องงานน่ะครับ” ชาบูรีบตอบออกไป

“ไม่มีอะไรครับพี่” ตามด้วยอิฐ

“เนี่ย ๆ เอาเพลงไรไปร้องตอนรับบริจาคดีคีย์” ใยไหมเสริมเข้าอีกคน พร้อมชี้ไปที่จอไอแพดตัวเองเพื่อเลือกเพลง

“เพลงนี้ก็โอเคนะมึง มา ๆ ซ้อมร้องดีกว่า ไอ้คีย์ร้อง” ชาบูพูดจบก็หยิบกีตาร์ขึ้นมาดีด คือพวกเรากะว่าจะไปเล่นดนตรีและร้องเพลงที่ตลาดนัดเพื่อรับบริจาคด้วยน่ะครับ

ดูซิ เพื่อนผมแต่ละคน ... ขอยกรางวัลตุ๊กตาทองคำให้ไปเลย นินทาระยะเผาขนขนาดนี้แล้วยังตีเนียนได้อีก

ตลาดนัดข้างมหาวิทยาลัยมีในทุกวันพุธ และพฤหัสของแต่ละสัปดาห์ ส่วนใหญ่คนที่มาขายของล้วนเป็นนักศึกษาและเหล่าแม่ค้าที่อยู่แถวนั้น ร้านค้าส่วนใหญ่จะเป็นพวกเสื้อผ้าวัยรุ่นและของกิน ตอนนี้ผมกับเพื่อน ๆ ยืนอยู่บริเวณหนึ่งของตลาดนัด ที่เราได้เลือกทำเลกันไว้ตั้งวงร้องเพลงและเปิดรับบริจาคเงิน สิ่งของ เพื่อนำไปให้เด็ก ๆ ที่โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน

คนที่มาช่วยกันรับบริจาคตอนนี้มีหกคน ผม อิฐ ชาบู ใยไหม ฟองนม และไอ้พี่เต้นั่น ซึ่งตอนนี้ไอ้คนสุดท้ายในรายชื่อ มองไปทีไรก็ทำให้ผมหงุดหงิดทุกที ไอ้พี่เต้นั่นมันชอบมายุ่ง มาพูดคุยกับฟองตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว

“เชิญครับ มาช่วยเหลือเด็ก ๆ กันนะครับ”

คนที่ผมหมั่นไส้กำลังยืนยิ้มหวานเชิญชวนคนมาบริจาคอยู่คู่กับฟอง ขณะเดียวกัน ผมก็ทำหน้าที่ร้องเพลงคู่กับใยไหม ตาก็ได้แต่มองไปตามสองคนนั้น ชาบูทำหน้าที่เล่นกีตาร์สลับกับไอ้อิฐ

“ทางนี้เลยค่า มาฟังเพลงเพราะ ๆ กันด้วย”

“คีย์”

หมั่นไส้จังวะ

“ไอ้คีย์”

หมั่นไส้จังโว้ย

ผมหันไปหาเพื่อน ๆ ที่อยู่ ๆ ชาบูก็หยุดเล่นกีตาร์ ใยไหมก็หยุดร้องเพลงไปด้วย ทุกคนจ้องมาที่ผม

“มึงร้องผิดท่อน” ไอ้ชาพูดขึ้นมา

“มึงใจเย็น แล้วยิ้มด้วย คนจะหนีหายไปหมด เพราะมึงแผ่รังสีอึมครึมแบบนี้เนี่ย” อิฐพูด นี่ผมเป็นแบบนั้นเหรอ ไม่เห็นรู้สึกตัวเลย

“มีอะไรกันหรือเปล่า ทำไมหยุดเล่นอ่า” ฟองหันมาตะโกนถามพวกเรา ไอ้พี่เต้นั่นก็หันตามมาด้วยแล้วยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่น่าจะเอารองเท้าไปประทับชะมัด

“เปล่า ๆ ไม่มีไรครับพี่ฟอง ไอ้คีย์มันร้องผิดท่อน” อิฐพูดออกไป

“เฮ้ยมึงดูนั่นไอ้คีย์” ชาบูพูดขึ้นมาระหว่างที่พวกเรากำลังพักเบรกร้องเพลง มันไม่ต้องพูดผมก็เห็นอยู่ อื้มหืม มากไปแล้ว มันมากเกินไปแล้ว แฟนผมกำลังถูกไอ้พี่นั่นดึงแก้มเล่นพร้อมกับป้อนไอศกรีมเข้าปาก โอ๊ย ไม่ไหวแล้วโว้ย ผมเดินออกไปจากจุดที่ร้องเพลงทันที ก่อนเข้าไปกระแทกไหล่ไอ้พี่เต้นั่น จนถ้วยไอศกรีมที่ถืออยู่หกใส่เสื้อคนถือ

“ขอโทษครับพี่ พอดีผมมองไม่เห็นทาง”

“ไม่เป็นไรครับ” ไอ้พี่เต้พูด ทำไมยังยิ้มอยู่วะ นั่นยิ่งทำให้ผมอยากชกหน้าไอ้พี่นั่นเข้าไปอีก

“เดินยังไงเนี่ยคีย์” ฟองถามออกมา

“ไม่เป็นไรหรอกฟอง เดี๋ยวพี่ไปเช็ดเสื้อก่อน”

“ฟองมาคุยกันหน่อยดิ” ผมพูดก่อนดึงแขนฟองแยกออกมาจากบริเวณตรงนั้น

“เป็นอะไรเนี่ย ตั้งแต่เมื่อวานละ แล้วเมื่อกี้จงใจหาเรื่องพี่เต้ใช่ปะ”

“ใช่ ก็ดูไอ้พี่เต้นั่นมันทำกับฟองดิ” ฟองยิ้มก่อนหัวเราะออกมา เฮ้ย ! หัวเราะอะไร ไม่มีอะไรตลกสักหน่อย

“หึงเหรอ”

“หึงบ้าอะไร เปล่า ! ไม่ชอบให้ใครมายุ่งเฉย ๆ” ผมตอบออกไป

“ฟังให้ดี ๆ นะคีย์ พี่ลาเต้ เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของฟองเอง”

ลาเต้ ฟองนม พี่ชายแท้ ๆ ...

พี่ชายแท้ ๆ ...

พี่ชายแท้ ๆ ...

เพล้ง ! เสียงของแตกดังขึ้น ไม่ใช่อะไรที่ไหนหรอก หน้าผมนี่แหละ โอ๊ย ! แล้วทำไมฟองไม่เคยบอกเลยว่ามีพี่ชายด้วยเนี่ย ปล่อยให้ผมเข้าใจผิดหงุดหงิดอยู่ได้ตั้งนาน

“ไม่ต้องทำหน้างง พี่เต้บอกไม่ให้บอก เขาอยากรู้ว่าคีย์เป็นคนยังไง” ฟองพูดออกมา ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเฟลเข้าไปอีก ที่ไปทำแบบนั้นกับพี่แฟนตัวเอง

“เฮ้ยฟอง แล้วแบบนี้พี่เขาไม่โกรธผมแย่เหรอ”

“ไม่รู้ ลองไปถามเขาดูสิ” ฟองทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนเดินกลับไปที่บริเวณพวกเราร้องเพลงกัน

ผมเดินเข้าไปใกล้พี่เต้ที่กำลังเช็ดเสื้อตัวเองที่เลอะไอศกรีมอยู่ไม่ห่างเท่าไรนัก ทำหน้าไม่ถูกเลยเมื่อรู้ความจริง

“เอ่อ พี่เต้ครับ เมื่อกี้ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมพูดออกไป เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมามอง ... ทำไมตอนไม่อยู่ต่อหน้าน้องสาวทำหน้าโหดขนาดนี้วะ ... พี่เป็นหมอนะครับ พี่เป็นหมอ

“ไม่เป็นไรหรอก แค่อยากรู้ว่านายจะทำยังไง เห็นเป็นห่วงเป็นใยน้องสาวฉันก็ดี ...” พี่เต้พูดจบก็เว้นระยะไปสักพัก

“แต่ถ้านายทำน้องสาวฉันเสียใจล่ะก็ ...” ร่างพี่เต้เดินมาใกล้ตัวผม แล้วตบไหล่เบา ๆ

เป็นอันรู้กัน ว่าพี่ชายคนนี้เป็นคนหวงน้องสาวหนักพอ ๆ กับไอ้ชาบูเลย

เย็นวันนั้นเราได้เงินจากการรับบริจาคมากพอสมควร ถือว่าเป้าหมายของพวกเราเสร็จลุล่วงไปด้วยดี ผมได้รู้จักฟองมากขึ้น ว่าเธอยังมีพี่ชายอีกคน

หลังจากเก็บของและเครื่องดนตรีเข้าห้องชมรมเสร็จ ผมกับเพื่อน ๆ ก็แวะไปซื้ออุปกรณ์กีฬาที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อนำไปบริจาคให้โรงเรียน แล้ววันนี้ก็หมดไปอีกหนึ่งวัน

หวังว่าค่ายอาสาครั้งนี้ ... จะมีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นนะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด