ตอนที่แล้วเคียวที่ 23 : อดีตที่ยากจะลบเลือน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเคียวที่ 25 : บาปไม่จบ นรกไม่ไม่รู้จัก

เคียวที่ 24 : แก้เสน่ห์


ทันทีที่คาบเรียนสุดท้ายจบลงไป ผม อิฐและใยไหม ก็เดินเข้าไปหาครีมและชาบูทันที

ชาบูหันมามองที่พวกผม เมื่อพวกเราเดินไปหยุดอยู่ที่ข้างตัวมัน แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจ หันกลับไปจับมือครีมทำท่าจะลุกหนี ท่าทีที่มันทำเหมือนพวกเราเป็นธาตุอากาศ ไม่แม้แต่จะทักทาย ทำให้ไอ้อิฐหัวร้อนขึ้นมาทันที อิฐเดินเข้าไปด้านหลังก่อนล็อกคอชาบูให้ลุกจากเก้าอี้ให้เดินตามผมออกมา

“พวกมึงทำอะไรเนี่ย ปล่อยดิวะ เฮ้ย ! ปล่อย” คนโดนล็อกตัวโวยวายขึ้นมา

“มากับพวกกูแปบหนึ่ง มีเรื่องจะคุยด้วย” ผมพูดกับชาบู

“แต่กูไม่มีอะไรจะคุยกับพวกมึง ปล่อย กูจะไปกับครีม !”

โอ๊ย ... อะไรจะหลงกันขนาดนั้นวะน่ะ แค่ขอคุยด้วยแปบเดียวเอง

“นี่พวกนายจะทำอะไรชาอะ ไหมปล่อยฉันนะ” ครีมพูด

ผมพยักหน้าให้ไหมรีบพาตัวครีมออกไป เมื่อเห็นท่าว่าเจ้าตัวจะเริ่มเอาตัวเข้ามาขวาง ยื้อยุดชาบูไว้

“เพื่อนเขาจะคุยกันแปบหนึ่ง รอหน่อยไม่ได้หรือยังไงครีม ส่วนอดีตเพื่อนอย่างเธอ มากับฉัน”

ผมกับอิฐลากตัวชาบูมาจนถึงหน้าห้องน้ำชายที่อยู่ริมสุดทางเดินของอาคารเรียน แล้วก็วิ่งเข้าไปดูว่าข้างในมีคนอยู่หรือเปล่า เมื่อแน่ใจว่าไม่มี ก็กวักมือเรียกไอ้อิฐให้ลากตัวชาบูตามเข้ามา

และ คลิก ...

“มึงล็อกประตูห้องน้ำทำไม” ชาบูพูด จ้องมาที่ผมด้วยความสงสัย แต่ผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรออกไป ก่อนวางกระเป๋าสะพายของตัวเองลง และหยิบของที่เตรียมไว้ออกมา น้ำใต้ท้องเรือ น้ำล้างเท้าพ่อแม่ กระโปรงของแม่มัน

“พวกมึงมีไรก็รีบพูดมา ปล่อยกูได้แล้วไอ้อิฐ กูจะได้รีบกลับไปหาครีม”

ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เห็นหน้ามันแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อ แค่เวลาผ่านไปสองสามวันหลังจากย้ายไปอยู่หอเดียวกับครีม มันจะกลายเป็นไปได้ถึงขนาดนี้

“ชา มึงกินน้ำหน่อยไหม”

ผมไม่รอให้มันได้ตอบ หยิบขวดน้ำขึ้นมาเปิดแล้วบีบปาก กรอกน้ำในขวดใส่ปากมันเข้าไปทันที คนถูกกรอกน้ำสำลักออกมา แต่ผมก็ดันหน้ามันขึ้นให้กลืนน้ำลงไป

“ล้างหน้าด้วยมึง”

ตามด้วยน้ำอีกขวดที่เตรียมมาเพื่อใช้ล้างหน้ามัน

“แค่ก ๆ เล่นบ้าไรของพวกมึงเนี่ย” ชาบูถามออกมาอย่างหงุดหงิด พยายามจะสะบัดตัวออกจากไอ้อิฐที่ยังคงจับตัวมันไว้แน่น ถ้าเป็นปกติ ผมคิดว่ามันคงสู้แรงไอ้อิฐได้แหละ แต่เวลานี้ดูมันแทบจะไม่ค่อยมีแรงเลย

ว่าแต่ ทำไมมันยังไม่หายวะ ... เหลืออย่างสุดท้ายแล้ว ผมหยิบกระโปรงของแม่ชาบูขึ้นมาก่อนคล้องไปที่คอมัน

“เฮ้ย ! มึงเอาไรมาคล้องคอกู ทำอะไรกันอยู่วะ” ชาบูพูด พยายามดิ้น เอาหัวออกจากกระโปรงที่ผมคล้องใส่ไปที่ลำคอ

“มึงโดนครีมทำเสน่ห์ใส่ พวกกูจะแก้ให้” อิฐพูดขึ้นมา พอได้ยินคำตอบ คนถูกจับตัวไว้ก็โมโหหงุดหงิดมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก แต่สภาพมันตอนนี้ทำอะไรไม่ได้เพราะดูอ่อนเพลียเหลือเกิน

“พวกมึงบ้าไปแล้ว เมื่อไรจะเลิกใส่ร้ายครีมสักทีวะ ไร้สาระ เรื่องไหมก็รอบแล้วนะ”

ผมดึงตัวมันมาที่อ่างล้างหน้าที่มีกระจกส่องสะท้อนภาพพวกเราสามคนออกมา

“มึงดูหน้าตัวเองในกระจกดิ๊ โทรมเป็นซากศพเดินได้ขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”

ชาบูเงยหน้าขึ้นมองภาพในกระจกอย่างไม่เชื่อสายตาของตัวเอง ใบหน้าตี๋ ๆ ดูหมองลง ซีดจนแทบไม่มีสีอย่างเห็นได้ชัด แก้มตอบ ขอบตาดำคล้ำเหมือนกับผ่านการอดหลับอดนอนมานานหลายคืน ดูโทรม ไม่มีสง่าราศีแบบไม่น่าเชื่อ ผมสีดำที่ปกติเคยเซตมาเรียนทุกวันกลับยุ่งเหยิงราวกับคนปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่เหลือเค้าของความเป็นเดือนมหาวิทยาลัยแม้แต่น้อย

“ปล่อยกู ! ปะ ปล่อ... อุ๊ป โอก” ชาบูพยายามสะบัดตัวหนีออกจากพวกเรา ก่อนมันทำท่าเหมือนจะอาเจียนออกมา ผมกับอิฐจึงรีบดันหน้ามันไปยังชักโครกในห้องน้ำทันที ก่อนพวกเราจะเลอะไปกันหมด

ของเหลวสีแดงปนดำออกมาจากปากชาบูลงสู่ชักโครก ผมกับไอ้อิฐตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ครีมทำแบบนี้กับไอ้ชาลงไปได้ยังไงวะ แบบนี้มันเกินไปแล้ว ผมกับอิฐได้แต่มองเพื่อนตัวเองที่โก่งคออาเจียนออกมาแบบทรมานก็รู้สึกแย่ไปพร้อมกับมันด้วย ไม่นานเจ้าตัวก็ทำท่าจะล้มลงกับพื้น ทำให้พวกเรารีบพยุงมันขึ้นมา

“ไอ้ชา เฮ้ย ! มึงเป็นอะไร”

“ชา ตื่นดิวะ”

คนตรงหน้าสลบลงไปแล้ว ผมหวังว่าวิธีที่พวกเราทำไปตั้งหลายวิธี มันจะแก้เสน่ห์ที่ครีมทำไว้ได้สำเร็จนะ พวกเราพาชาบูออกมาจากห้องน้ำ เพื่อจะนำตัวมันไปส่งโรงพยาบาล พอเดินออกมาถึงด้านหน้าของตึกก็เจอครีมกับไหมยืนทะเลาะกันอยู่ โดนมีคนมุงอยู่รอบ ๆ ทั้งคอยห้ามและคอยเชียร์ จนกระทั่งสายตาของทั้งคู่เห็นพวกเราสามคนจึงรีบเดินตรงมาหา

“นี่พวกนายทำอะไรชา” ครีมเดินเข้ามาต่อว่าผม ก่อนพยายามจะดึงตัวชาบูออกไป

“เราต่างหากที่ต้องถามเธอ” ผมพูดไปด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น จ้องไปยังผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตารังเกียจ จนครีมนิ่งไปสักพัก ไม่รู้สิ ... ความรู้สึกตอนนี้ ผมเกลียด ผมโกรธผู้หญิงคนนี้จับใจ คนที่พวกเราเคยเชื่อใจสนิทว่าเป็นเพื่อน แล้วมาทำกันแบบนี้กับเพื่อนผมน่ะเหรอ

“ชาเป็นอะไร” ไหมถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

“อย่าเพิ่งถามเลยไหม พามันไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า” อิฐพูดก่อนรีบเดินต่อไปที่รถของผม

“ฉันไปด้วย”

พูดจบ ครีมก็รีบเดินตามมาทันที ผมจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้ดี

“ไม่ต้อง”

แล้วผมก็นึกอะไรออก เมื่อมองไปเห็นรองเท้าคัทชูส้นสูงที่ครีมใส่อยู่

“โอ๊ย !” เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นมาทันที ผมแกล้งใช้พลังยมทูตทำให้รองเท้าส้นสูงของครีมพลิก

... จะหาว่ารังแกผู้หญิงก็ยอมล่ะ

หลังจากพาชาบูมาโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเสร็จ หมอก็ให้มันอยู่รอดูอาการสักคืน หมอบอกว่าคนไข้พักผ่อนไม่เพียงพอ ที่เหลือทุกอย่างก็ยังเป็นปกติดี

“เพื่อนผมอาเจียนเป็นเลือดเลยนะครับหมอ ตรวจไม่พบอะไรเลยเหรอครับ” อิฐถามออกไป

“อวัยวะภายในของคนไข้ปกติดีทุกอย่างครับ หมอดูจากฟิล์มเอกซเรย์และอัลตราซาวด์แล้ว”

เมื่อได้คำตอบแบบนั้นพวกเราก็สบายใจ หวังว่าของที่ครีมทำใส่มันจะออกไปพร้อมกับที่ชาบูอ้วกไปหมดแล้วนะ ตอนนี้ผม อิฐ และไหมก็มานั่งเฝ้าชาบูที่โซฟาในห้องพักของคนไข้ รอมันฟื้น

ไลน์ ! ไลน์ ! เสียงข้อความในมือถือของผมดังขึ้นมา ขณะผมนั่งเช็คข่าวสารในมือถือเพื่อฆ่าเวลา ผมใช้นิ้วสไลด์จอไปยังแอปพลิเคชันเพื่อเปิดดู ฟองนมนั่นเอง

คีย์ ชาเป็นไงบ้าง เห็นรุ่นน้องในคณะบอกว่าทะเลาะกันจนเข้าโรงพยาบาลเลยเหรอ 17:30

Read 17:31 ไม่ใช่แบบนั้นหรอกฟอง ชามันป่วยน่ะ ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันขนาดนั้น

สองสามวันนี้ ไม่ค่อยได้คุยกันเลย มีเรื่องอะไรเครียด ๆ หรือเปล่า 17:32

Read 17:32 นิดหน่อยน่ะ ช่วงนี้ยุ่งหลายเรื่องเลย เพื่อนในกลุ่มทะเลาะกันด้วย

อื้ม เข้าใจนะ ยังไงก็อย่าคิดมาก ปัญหาทุกอย่างมันมีทางแก้อยู่แล้ว 17:33

Read 17:34 ขอบใจนะครับที่เป็นห่วง

จ้า 17:35

ผมยิ้มให้กับข้อความที่อ่านตรงหน้า ฟองไม่ใช่คนงี่เง่า งอแง ขี้เซ้าซี้ ผมคิดว่าฟองเป็นผู้หญิงที่เข้าใจผู้ชายที่สุด เราไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลา หรือโทรคุยกันทุกวัน เรามีช่องว่างเว้นให้กันเสมอ แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ห่วงกัน ไม่คิดถึงกัน ทุกครั้งที่ผมมีปัญหาหรือฟองมีเรื่องกลุ้มใจเราปรึกษากันตลอด แม้กระทั่งตอนเรื่องผมกลับมาเจอแพทอีกครั้งเมื่อหลายเดือนก่อน ฟองก็ไม่เคยเซ้าซี้ถามรายละเอียดต่อ จนผมเป็นคนเอ่ยปากเล่าให้ฟังเอง พูดง่าย ๆ คือเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลและรับฟังทุกอย่างนั่นเอง เพราะแบบนี้ไงผมถึงชอบเธอมาก

“เพื่อนนอนนิ่งเป็นผักอยู่บนเตียง มึงยิ้มไรไอ้คีย์” เสียงทักข้างตัวดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดเพลิน ๆ ของผม

“เปล่า กูคุยกับฟอง” ผมตอบมันไป

“อิจฉาเว่อร์ แล้วนี่เป็นแฟนกับพี่เขายั้งวะ”

“นั่นสิ” ไหมที่นั่งอ่านแมกาซีนอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาถามร่วมวงด้วย

“ยัง ก็จีบ ๆ เขาอยู่”

“หูย หลายเดือนแล้วนะคีย์ ถ้าฉันเป็นพี่ฟอง ฉันชิ่งนายไปแล้ว คบแบบไม่มีสถานะนานเกิน”

แช่งกันอีกแล้วครับเพื่อน ผมว่าฟองรู้อยู่แล้วแหละว่าผมจีบเขาอยู่ ก็เราคุยกันเกือบทุกวันซะขนาดนั้น เพียงแต่สถานะมันยังไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง แต่อีกไม่นานหรอกครับ

“ช้าอีกแล้วมึงไอ้คีย์ เดี๋ยวก็เป็นเหมือนเรื่องพี่แพทหรอก พอไปบอกชอบเขา เขาบอกไม่ชอบ”

ตามด้วยอิฐ ไอ้นี่ก็ตอกย้ำจัง เรื่องเก่า ๆ เนี่ย เอามาเล่ายันลูกบวช

“เออ รู้แล้วน่า ไว้สะสางเรื่องไอ้ชาเสร็จก่อน กูจะไปขอคบกับเขา”

“ว่าแต่สเป็คมึงนี่ต้องแก่กว่าตลอดเลยปะ กูสังเกตตั้งแต่ตอนพี่แพทละ”

เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้มีสเป็คว่าต้องแก่กว่านะ แค่มองแล้วมันใช่ นิสัยใช่ มันก็ใช่อ่ะ

“เออ กูไม่ชอบกินเด็กเหมือนมึงหรอก น้องเขากลับมาแล้วนี่หว่า มีแพลนเดินหน้าต่อเมื่อไรวะ”

ว่าแล้วก็ถือโอกาสแซวไอ้อิฐมัน ไอ้นี่เคยแอบจีบน้องสาวเพื่อนครับ แต่ชาบูก็กันท่าตลอด หวงน้อง จนล่าสุดสุกี้ได้ไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศหลายเดือน ความสัมพันธ์ระหว่างมันกับกี้เลยห่างกันไปบ้าง แต่ผมว่ามันต่อติดไม่ยากหรอก

“ไอ้นี่ ! เดี๋ยวไอ้ชามันก็ตื่นมาโบกหัวกูคว่ำหรอก”

แล้วผมกับไหมก็หัวเราะขำ เพราะจำกันได้ว่าสมัยตอนอยู่ ม.ปลาย พอชาบูมันจับได้ว่าอิฐแอบจีบน้องสาวมัน มันก็โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเปลี่ยนลุคจากหนุ่มตี๋ขี้เล่นกลายเป็นพ่อตาหวงลูกสาวโดยอัตโนมัติ เอะอะตัดเพื่อนตลอด ทะเลาะกันทุกวี่วัน มีผมกับไหมนี่แหละที่เป็นคนคอยห้ามศึก ถ้าช่วงนั้นมันไม่ไปกวนตีนไหมไว้ด้วยอะนะ

“เฮ้ยไอ้คีย์ ! ไอ้ชาฟื้นแล้ว” อิฐร้องบอก ก่อนพวกเราทั้งสามคนจะเดินไปล้อมเตียงชาบูเพื่อพูดคุยกับคนป่วย ใบหน้าของเจ้าตัวยังคงซีดเซียว แต่ก็ดูดีขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยแล้ว

“มึงเป็นไงบ้างวะ” ผมถามมัน

“กู กูมาโรงพยาบาลทำไม” ชาบูพูด กะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ก่อนมองรอบห้องแล้วพูดออกมา เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

“มึงป่วย” อิฐเป็นคนตอบ

“ป่วย ป่วยเป็นไรวะ กูจำอะไรไม่ค่อยได้เลย มันเลือนรางเหลือเกิน” ชาบูพูดขึ้นมา ดูมันยังคงมึน ๆ เบลอ ๆ จับต้นสายปลายเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้

“มึงจำเรื่องอะไรได้ล่าสุด” ผมถามมันออกไป

“กูจำได้ว่าพวกมึงพากูกลับมาจากร้านเหล้า จากนั้นกูก็ฝัน เป็นฝันที่แปลก ๆ กู ...กูทะเลาะกับพวกมึง แล้วก็...ไหม”

ประโยคสุดท้ายสายตามันเลื่อนไปมองใยไหมที่ยืนอยู่ปลายเตียงอย่างเศร้าสร้อย เหมือนคนอกหักใหม่ ๆ ไหมก็มองชาบูกลับเหมือนกัน ต่างคนต่างนิ่ง ไม่ได้พูดอะไร

อย่านะ ... อย่าดึงดราม่านะพวกมึง

“มึงไม่ได้ฝันหรอก” ผมพูดแทรกขึ้นมาในความเงียบ

“หมายความว่าไง โอ๊ย ! ... ปวดหัว”

อยู่ ๆ ชาบูก็ร้องออกมาทำให้พวกเราตกใจ ไหมรีบพรวดพราดแทรกเข้ามาระหว่างผมกับอิฐที่ยืนอยู่ข้างเตียงทันที เจ้าตัวยื่นมือไปกุมมือชาบูเอาไว้ ก่อนพูดขึ้นมา

“อย่าเพิ่งคิดมากเลยชา นอนพักผ่อนก่อนเถอะ”

ชาบูดูสงบขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ก่อนมันจะพยักหน้ารับแล้วค่อย ๆ หลับตาลงไปอีกครั้ง

“นี่ชาโดนเสน่ห์จริง ๆ เหรอ” ไหมหันมาถามผมกับอิฐแบบไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไรนัก หลังจากพวกเรากลับมานั่งลงที่โซฟา

“คิดว่าไงล่ะไหม คนเรามันเปลี่ยนกลับไปกลับมาได้เร็วแบบนี้เหรอ”

“ฉันไม่อยากจะเชื่อ เรื่องแบบนี้ยังมีอยู่ได้ยังไง”

ขณะพวกเรากำลังพูดคุยกันเพลิน ๆ ประตูห้องของคนป่วยก็ถูกเปิดออกมา พร้อมกับร่างของคนสามคนปรากฏขึ้น ป๊า ม๊า และสุกี้นั่นเอง พวกเราลุกขึ้นจากโซฟาแล้วไปทักทายผู้ใหญ่ที่เข้ามาถึง

“สวัสดีครับ ป๊า ม๊า”

“ชาเป็นยังไงบ้างลูก”

ป๊าม๊าชาบูรับไหว้พวกเรา ก่อนเอาผลไม้เครื่องดื่มที่เตรียมมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วรีบเดินไปที่เตียงของลูกชายตนเอง

“เพิ่งจะฟื้นเมื่อกี้น่ะครับ แต่หลับไปอีกแล้ว” ผมตอบ

“ป๊าดูหน้าลูกซิ ทำไมถึงได้ดูโทรมเหมือนคนติดยาแบบนั้น”

ป๊าชาบูเดินมาโอบไหล่ภรรยาตัวเองเป็นเชิงปลอบใจพร้อมบอกว่าลูกปลอดภัยแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรอก

“ขอบใจคีย์ อิฐ แล้วก็ไหมนะลูก ที่ช่วยดูแลชาแทนพวกเรา พวกหนูสามคนกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้ ป๊า ม๊า จัดการเอง”

ผมกับเพื่อนพยักหน้ารับก่อนลาคนในครอบครัวชาบูแล้วเดินออกจากห้องคนป่วยกัน นี่ก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว ถือว่าภารกิจวันนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ระหว่างทางที่พวกเราเดินออกมาจากห้องชาบู สุกี้ก็วิ่งออกจากห้องคนป่วยตามมาข้างหลัง ดูเหมือนเจ้าตัวจะมีเรื่องอยากคุยกับพวกเรา

“เฮียอิฐ นี่มันเรื่องจริงเหรอ ที่เฮียชาโดนทำของใส่อะ” สุกี้ถามอิฐขึ้นมา ดูท่าทางคงจะเป็นห่วงพี่ชายตัวเองมาก

“คิดว่าไงล่ะ เห็นสภาพเฮียกี้แล้ว ควรเชื่อไหม หืม” อิฐเอื้อมมือไปลูบหัวน้องด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นหน้าบูด ๆ ของสุกี้ ... หรือมันแอบแต๊ะอั๋งน้องวะ

“ใครมันทำกับเฮียหนูแบบนี้ หนูจะไปจัดการมัน”

พูดด้วยความห้าวหาญพร้อมพุ่งตัวจะไปประจันหน้ากับศัตรูด้วยความสูงที่เกิน 160 มาเพียงนิดเดียว ทำให้สุกี้อยู่เพียงระดับหน้าอกของพวกเราเท่านั้น อิฐจึงยื่นมือไปข้างหน้าดันหัวน้องที่กำลังทำท่าจะก้าวขาไปข้างหน้า ทำให้เหมือนเดินอยู่กับที่

“เดี๋ยว ๆ ตัวเท่าลูกหมาจะไปทำอะไรใครเขาได้ หยุดเลย”

“เฮียอิฐ !” เจ้าตัวโวยวายออกมาเมื่อไม่ได้ดั่งใจ

“มึงก็ไปแกล้งน้องไอ้อิฐ” ผมขำ

“เจ้ไหมเป็นไรหรือเปล่าคะ ดูเงียบ ๆ เหม่อ ๆ” สุกี้ทักขึ้นมา จนทำให้ผมหันไปมองไหมด้วย ไหมดูเงียบ ๆ เหม่อ ๆ จริงด้วย ตั้งแต่เดินออกมาแล้ว

“ฮะ เปล่า ๆ แค่คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะกี้” คนถูกทักตอบออกมา

“งั้นหนูไปก่อนนะ” สุกี้โบกมือลาพวกเราก่อนหันหลังกลับ

 

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด