เคียวที่ 23 : อดีตที่ยากจะลบเลือน
“เค้ก ไปกินข้าวกัน” เสียงเรียกดังขึ้นมาจากโต๊ะตัวข้างหลัง
เด็กสาววัย 15 ปีหันไปมองคนชวน ที่มองแล้วก็ได้แต่นึกอิจฉาในใจ หน้าตาขาวเนียน ใบหน้าที่แสนน่ารัก ตามแบบฉบับลูกคุณหนู เมื่อมองกลับมาที่ตัวเองก็ได้แต่ถอนหายใจ ตัวก็ดำ อ้วนก็อ้วน สายตายังสั้นอีก แถมสิวก็เต็มหน้า มีเรื่องเดียวที่เธอพยายามจะทำให้ดีที่สุดได้ก็คือเรื่องของการเรียน ที่เป็นที่หนึ่ง และคนที่เรียกเธอได้ที่สองเสมอมา
“เราเอาข้าวมากินน่ะไหม เธอไปกินกับเพื่อน ๆ เถอะ”
“ห่อข้าวมา ก็มากินด้วยกันได้ นั่งคนเดียวเหงาแย่”
ใบหน้าสวยยิ้มกว้างก่อนเดินมาจูงแขนคนพูดให้ลุกขึ้น
“เขาไม่อยากไปก็ไม่ต้องไปชวนก็ได้ไหม ไปกันเร็ว ๆ หิวแล้ว” เด็กผู้หญิงอีกคนพูด เดินมาขัดจังหวะก่อนดึงแขนคนชวนให้เดินห่างออกไป
“ใช่ เร็ว ๆ เถอะ ฉันหิวจะตายแล้ว” เสียงที่สองพูดตามมา
ใช่สิ ... คนอย่างฉัน ใครมันจะไปอยากคบด้วย
คนถูกชวนไปกินข้าวคิดในใจ เธอไม่เคยเข้าใจพ่อตัวเองเลยว่าจะส่งให้มาเรียนโรงเรียนเอกชนหรู ๆ แพง ๆ กับเด็กพวกนี้ให้โดนดูถูกทำไมกัน มันทั้งน่าอึดอัดและน่าน้อยใจ วัน ๆ เหมือนอดทนให้มันผ่านพ้นไป เพื่อนก็ไม่มีสักคน โดนแกล้ง โดนด่าว่าลับหลังสารพัด
“เธอไม่รู้เหรอไหม ว่ายัยนั่นเป็นลูกพวกคนทรง หมอผี อยู่ใกล้มาก ๆ ของเข้าตัวจะทำยังไง”
“นั่นสิ อย่าไปคบเลยคนแบบนั้น”
เสียงแบบนั้นดังแว่วออกมาเสมอผ่านสายลม แม้กระทั่งตอนนี้ ... เจ้าตัวก้มหน้ายิ้มรับให้กับชะตาชีวิตของตัวเอง
ยิ้มที่อยู่ดี ๆ น้ำตามันก็ไหลออกมา ...
“นี่ ๆ สามคนนั้น เธอว่าใครหล่อสุด” เด็กสาวคนหนึ่งพูด ชี้ไปทางกลุ่มของเด็กผู้ชายสามคนที่นั่งเล่นกีตาร์ร้องเพลงกันอยู่ทางด้านหลังของห้องเรียน
นี่แหละเรื่องเม้าท์ของวัยรุ่น ... วัยหัดเริ่มรัก
“ไม่มีอะ ก็งั้น ๆ แหละ”
“อะไรของเธอไหม ใช่ซิ๊ เธอสนิทกับพวกนั้นที่สุดในห้องนี่ แถมรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กด้วย ว่าแต่ไม่ชอบใครเป็นพิเศษเลยเหรอ”
“ก็เพื่อนกันทั้งนั้นอะ” เด็กหญิงพูดขึ้นมาแบบไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
“หูย เม้าท์ไม่มันเลย”
“เดี๋ยวฉันกับอิงจะไปห้องน้ำ ไหมไปด้วยกันปะ”
“ไม่อะ เดี๋ยวอาจารย์จะเข้าแล้ว รีบไปรีบมาละกัน” เจ้าตัวบอกปฏิเสธเพื่อน ก่อนหยิบหนังสือเรียนออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะ
“ไหมรู้จักชาบูตั้งแต่เด็ก ๆ เลยเหรอ” เสียงเรียกจากทางด้านหน้าทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านอะไรบางอย่างในหนังสือเงยหน้าขึ้นมามอง
“อื้ม เค้กถามทำไมเหรอ”
“แล้ว เอ่อ ชาบูชอบกินช็อกโกแลตไหมอะ”
ใบหน้าสวยทำหน้าสงสัย ก่อนจ้องไปยังคนตรงหน้าเหมือนพยายามหาคำตอบในคำถามนั้น
“ถามไปทำไม นี่อย่าบอกนะ ว่าเค้กชอบชา”
“มะ ไหม รู้ได้ไง” เสียงคนถามตะกุกตะกักขึ้นมาทันที
“ทำไมจะไม่รู้ล่ะ พูดถึงไปเขินออกท่าทางซะขนาดนั้น”
พูดจบเจ้าตัวก็ยิ้มกว้าง โถ ชอบลงไปได้ยังไง กวนตีนก็กวนตีน ปากหมาก็ปากหมา
“ไหมอย่าบอกเรื่องนี้กับใครนะ”
คนถามพูดขึ้นมาอย่างเขินอายเข้าไปอีก รักวัยรุ่น ถึงแม้ว่ามันจะไม่จริงจังอะไรมาก เป็นแค่การแอบรัก แอบปลื้ม แต่ก็ไม่อยากให้ใครมารับรู้มากมายนักหรอก
“อื้ม เราไม่บอกหรอก”
“สัญญานะ”
“สัญญาสิ”
“พรุ่งนี้วันวาเลนไทน์ ไหมช่วยเอาช็อกโกแลตไปให้ชาหน่อยได้ไหม”
พูดจบเค้กก็เปิดกระเป๋าตัวเองหยิบถุงช็อกโกแลตออกมาและยื่นให้ใยไหม
“ทำไมเค้กไม่เอาไปให้เองล่ะ”
“เราไม่กล้าอะ ไม่ต้องบอกว่าเราให้นะ เราแค่ปลื้มชา อยากให้เฉย ๆ”
“ก็ได้” ใยไหมตอบ รีบหยิบของที่ได้รับมาใส่กระเป๋าตัวเอง เมื่อเห็นว่าเพื่อนอีกสองคนของเธอเดินกลับมาจากห้องน้ำแล้ว เค้กก็รีบหันหน้ากลับไปเช่นกัน
16.10 น
“ไหม ตอนคาบสุดท้ายยัยนั่นมาคุยอะไรกับเธออะ เห็นหยิบอะไรใส่กระเป๋าด้วย” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งรีบถามทันทีเมื่อเห็นใยไหมกำลังเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าตัวเองและเตรียมตัวกลับบ้าน
“ไม่มีอะไรหรอก” คนถูกถามบอกปัด
“บอกมาเถอะน่า พวกเราเป็นเพื่อนเธอนะ”
“ไม่มีจริง ๆ”
นี่ก็คะยั้นคะยออยู่ได้
“ถ้าเธอไม่บอก พวกเราสองคนจะโกรธจริง ๆ แล้วนะ แล้วอยากไปคบกับยัยตัวประหลาดนั่นก็ตามใจ”
เด็กผู้หญิงทั้งสองคนที่กำลังถามเริ่มหน้างอ แล้วสะบัดตัวหันหลังหนี
... ทำยังไงดี ไม่อยากเป็นเหมือนเค้กที่โดนเพื่อน ๆ รังเกียจ
“เดี๋ยวก่อน คือ ... ถ้าบอกไปแล้วเธอต้องไม่บอกใครนะ”
เด็กผู้หญิงสองคนที่ถามรีบพยักหน้า แล้วใยไหมก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง เพียงเพราะคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย และไม่อยากให้เพื่อนโกรธตัวเอง
... โดยที่ไม่รู้เลยว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นั้น มันจะส่งผลมากมายเพียงใด
วันวาเลนไทน์
“ขอบใจนะ” ใบหน้าตี๋ฉีกยิ้มกว้างก่อนรับของจากคนให้แล้วพูด
“นี่ของคีย์กับอิฐ”
เด็กผู้หญิงอีกคนยื่นกล่องช็อกโกแลตส่งให้เด็กผู้ชายอีกสองคนที่นั่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก
“หูย ทำไมไอ้ชาได้กล่องใหญ่กว่าอะ” เด็กหนุ่มหน้านิ่งพูดขึ้นมา
“อย่าน้อยใจดิ ที่กองอยู่ด้านหลังทั้งสองคนก็เยอะอยู่แล้วนะ”
“แหม ก็ชอบใคร ของคนนั้นก็ควรจะได้เยอะสุดไม่ใช่เหรอ” เด็กผู้หญิงอีกคนพูดเสริม
“ชามีคนฝากของมาให้” ใยไหมพูด หลังจากเดินตามมาสมทบก่อนยื่นถุงใส่ขนมส่งให้คนตรงหน้า
“ให้เองก็บอกมาเถอะครับ ไม่ต้องเขินหรอก” คนรับเอ่ยแซว
“ไหม เธอก็บอกไปสิ ว่าเค้กฝากมา”
คนถูกถามยังไม่ทันจะอ้าปากค้าน เสียงข้าง ๆ ก็รีบดังขึ้นมาขัดจังหวะทันที ใยไหมหันไปมองหน้าคนพูดด้วยความตกใจ
“นี่พูดอะไรออกไปน่ะ เค้กบอกไม่ให้บอกนะ”
“เถอะน่า ไม่เป็นไรหรอก”
โรงอาหาร
เค้กเดินไปซื้อน้ำมากินอย่างอารมณ์ดี พลางคิดว่าป่านนี้คนที่ตัวเองแอบปลื้มจะได้รับของหรือยัง น่าจะได้แล้วล่ะ นี่ก็จะหมดวันแล้ว ใยไหมคงจะเอาไปให้แล้ว แค่ได้ให้ ... แค่แอบปลื้มอยู่ห่าง ๆ มันก็มีความสุขแล้ว ระหว่างเดินคิดอะไรไปเพลิน ๆ ความเย็นของอะไรบางอย่างก็มากระทบที่บริเวณด้านหลัง ทำให้เจ้าตัวสะดุ้งและหันไปมอง
“อุ๊ย ! ขอโทษนะ พอดีพื้นมันลื่นน่ะ”
น้ำแดงที่อยู่ในแก้วของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกสาดอย่างจงใจมายังเธอ จนเสื้อนักเรียนที่ใส่อยู่เปียกโฉกไปด้วยสีแดง
“นี่ พวกเธอทำบ้าอะไรเนี่ย !”
คนถูกสาดจ้องไปยังคนทำอย่างไม่เข้าใจ นี่มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ เธอไปทำอะไรให้นักหนาถึงต้องมาทำกันแบบนี้
“เฮ้อ ถามจริง หน้าอย่างเธอกล้าไปชอบชาบูได้ยังไง แล้วช็อกโกแลตถูก ๆ นั่น คิดเหรอว่าชาบูจะกิน”
ฟังจบเหมือนถูกตบจนหน้าชา เรื่องนี้ ... มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง
“พะ พวกเธอไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”
“พวกฉันรู้ก็แล้วกัน คิดจริง ๆ เหรอ ว่าใยไหมเป็นเพื่อนกับเธอ ไหมเป็นเพื่อนพวกฉันต่างหาก”
เจ็บและจุกจนพูดไม่ออก ...
คนคนเดียวที่เข้ามาดีด้วย และคิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกันได้โดยไม่รังเกียจ ... คำพูดวันก่อนยังก้องอยู่ในหัว
“สัญญานะ”
“สัญญาซิ”
“นี่มันอะไรกัน พวกเธอทำอะไรเค้ก” ใยไหมพูดขึ้นมา หันไปจ้องหน้าเพื่อนสองคน หลังเห็นเหตุการณ์และรีบวิ่งตรงมาดู
“ไหม เธอบอกเรื่องเรากับคนอื่นทำไม”
เค้กหันมาจ้องหน้าคนมาใหม่ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วแทบจะไม่รู้สึกว่าอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ ทั้งแววตา ทั้งท่าทาง นิ่งจนดูน่ากลัว
“เค้ก ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ เค้กฟังก่อน” ใยไหมพูด ยื่นมือไปจับมือของคนตรงหน้าก่อนจะถูกสะบัดออกมาอย่างรุนแรง
คนที่อยากให้ฟังวิ่งหนีออกไปแล้ว ใยไหมได้แต่ยืนนิ่งมองร่างนั้นห่างไกลออกไป เธอหันไปหาเด็กผู้หญิงอีกสองคนที่ทำท่าไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น
...ฉันยอมแลกความลับของเค้ก เพื่อคบกับคนพวกนี้งั้นเหรอ
…นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไป
“เฮ้อ ทำเวรในวันวาเลนไทน์ ซวยฉิบเลย” เด็กหนุ่มหน้าตี๋พูดขึ้นมาอย่างเซ็ง ๆ ขณะกวาดพื้นห้องเรียนอยู่ ในห้องนั้นเหลือเพียงเด็กหนุ่มสามคนเท่านั้น คนอื่นน่าจะกลับบ้านไปกันจนหมดแล้ว
“อย่าบ่นเลย รีบกวาดเข้า จะได้กลับสักที ว่าแต่ มึงก็ไม่น่าเอาของที่เค้กให้มึงไปให้คนอื่นนะไอ้ชา” เด็กหนุ่มหน้านิ่งที่กำลังปิดหน้าต่างพูดขึ้นมา
“เขาไม่รู้หรอกน่า”
คนพูดพูดออกมาเหมือนไม่แยแสอะไร
“อ้วนก็อ้วน ดำก็ดำ หน้าตาเหมือนกอลิล่าใส่แว่นแบบนั้น กูจะไปชอบลงได้ไงวะ”
พูดจบเจ้าตัวก็หัวเราะออกมา
“จริงของมึง ฮ่าฮ่า”
“มึงอย่าเอาเรื่องตลก มาพูดให้ตลกได้ปะ ฮ่าฮ่า”
เด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังลบกระดานอยู่ก็พลอยขำไปกับคำพูดของคนที่กำลังกวาดพื้นไปด้วย โดยที่ไม่รู้เลยสักนิดว่าคำพูดพวกนั้นมันทำให้คนอื่นเจ็บเพียงใด แม้จะเป็นคำพูดของเด็กวัยรุ่นที่พูดอะไรออกไปแบบไม่คิด แต่มันกลับสร้างบาดแผลที่แสนใหญ่โต
ปั่ง ! เสียงประตูห้องเรียนถูกกระแทกปิดลงดังสนั่น
ร่างของเด็กหนุ่มสามคนที่กำลังทำความสะอาดห้องเรียนและหัวเราะอยู่สะดุ้งโหยง ก่อนรีบหันไปมองที่ประตู ...
มีคนอยู่ตรงนั้น ... คนที่พวกเขากำลังพูดถึงและหัวเราะด้วยความสนุกสนาน
หลังจากได้สติ ร่างของเด็กหนุ่มทั้งสามก็รีบวิ่งตามออกไปดูทันที เด็กหญิงที่พวกเขาพูดถึงเมื่อสักครู่กำลังวิ่งหนีห่างออกไป
“เฮ้ย ! ใครอะ หยุดนะ” เด็กหนุ่มหน้าตี๋ตะโกนถามออกไป
“พวกมึง นั่นมันเค้กนี่หว่า เฮ้ย เค้กเดี๋ยวก่อน ฟังก่อน ขอโท..”
ทั้งสามคนวิ่งตามมาจนถึงด้านหน้าของโรงเรียน ดูเหมือนเด็กผู้หญิงจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น อยากวิ่งหนีไปให้พ้น ๆ จากที่แห่งนี้ ทนไม่ไหวอีกแล้ว มันเหมือนลูกโป่งที่ถูกใส่ลมเข้าไปทีละนิด ทีละหน่อย จนท้ายที่สุดมันใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนต้านทานไม่ไหวแล้วระเบิดออกมา
“เธอไม่รู้เหรอไหม ว่ายัยนั่นเป็นลูกพวกคนทรง หมอผี อยู่ใกล้มาก ๆ ของเข้าตัวจะทำยังไง”
“นั่นสิ อย่าไปคบเลยคนแบบนั้น”
“สัญญาสิ”
“เฮ้อ ถามจริง หน้าอย่างเธอกล้าไปชอบชาบูได้ยังไง แล้วช็อกโกแลตถูก ๆ นั่น คิดหรอว่าชาบูจะกิน”
“อ้วนก็อ้วน ดำก็ดำ หน้าตาเหมือนกอลิล่าใส่แว่นแบบนั้น กูจะไปชอบลงได้ไงวะ”
“จริงของมึง ฮ่าฮ่า”
“มึงอย่าเอาเรื่องตลก มาพูดให้ตลกได้ปะ ฮ่าฮ่า”
คำพูดทำร้ายจิตใจและเสียงหัวเราะเหล่านั้นดังก้องขึ้นมาพร้อมกันในหัวแบบไม่หยุด เอามีดมากรีดตามร่างกายยังไม่รู้สึกเจ็บขนาดนี้เลย เด็กหญิงวิ่งไปน้ำตาไหลไป
เหมือนโชคชะตาที่ผ่านมายังทำร้ายเจ้าตัวไม่พอ ระหว่างที่เด็กหญิงกำลังวิ่งข้ามถนนจากหน้าโรงเรียนไปยังอีกฝั่ง รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็วิ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเดาว่าอะไรจะเกิดขึ้น
“เค้ก หยุด !”
“เค้กระวัง !”
“เค้ก !”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะล้มลงไปนอนกับพื้น ใบหน้าที่ทุกคนบอกว่าน่าเกลียดเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตาและเลือดที่ไหลออกมาเพราะหัวแตก ภาพที่เคยแจ่มชัดเบลอไปหมดเพราะแว่นที่ใส่กระเด็นหล่นไปไหนแล้วก็ไม่รู้ อยู่ดี ๆ เด็กหญิงก็หัวเราะขึ้นมา ผู้คนที่จะเข้ามาช่วยเหลือต่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ถัดมาไม่กี่วินาที เจ้าตัวก็เริ่มกรีดร้องขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง จนผู้คนแถวนั้นต้องพากันเข้าไปช่วยทำให้สงบลง ความวุ่นวายเกิดขึ้นทันที เด็กหญิงร้องไห้ไปกรีดร้องไป หัวเราะเหมือนคนบ้า จนในที่สุดเจ้าตัวก็หมดแรงและสลบไป พร้อมกับรถพยาบาลที่มาถึงพอดี
“ฟื้นแล้วเหรอลูก” ชายวัยกลางคนพูดกับคนเป็นลูกที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยภายในโรงพยาบาล รู้สึกสงสารลูกจับใจ ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้ เขาน่าจะฟังลูกให้มากกว่านี้ เชื่อลูกมากกว่านี้ ทั้งที่คิดว่าก่อนหน้านี้ลูกมาเล่าให้ฟังเรื่องเพื่อน ก็คิดว่าเป็นแค่เรื่องแกล้งกันสนุกตามประสาเด็กธรรมดา แต่นี่มันไม่ใช่แล้ว เขาแค่หาเงิน ส่งลูกเรียนโรงเรียนดี ๆ มีชีวิตดี ๆ แต่ทำไม สังคมที่นั่นมันถึงได้เป็นแบบนี้
“พะ พ่อ หนูไม่ไหวแล้ว หนูอยากย้ายโรงเรียน”
“โอเค พ่อยอม ยอมแล้วลูก แกอยากทำอะไร พ่อให้ทำหมดเลย” ผู้เป็นพ่อลูบหัวลูกสาว น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง นี่ลูกเจ็บปวดขนาดนี้เลยเหรอ อาชีพที่เขาทำเพื่อช่วยเหลือคนอื่นมันน่าดูถูกขนาดนั้นเลยเหรอ เป็นคนทรง เป็นคนไล่ผี มันผิดขนาดนั้นเลยเหรอ ...
มือหนาลูบหัวลูกสาวตัวเองจนเจ้าตัวหลับไปอีกครั้ง ชายวัยกลางคนมองไปยังหน้าต่างโรงพยาบาลที่มีแต่ความมืดมิดในยามราตรีอย่างเหม่อลอย
แค่มีเงิน ... แค่รวยกว่า ...จะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ
งั้นกูก็จะใช้วิชาที่กูมี หาเงินมาให้มากที่สุด
ถ้าเป็นคนดีแล้วชีวิตมันฉิบหายนัก ... เป็นคนเลวดูจะเป็นไร
ท่ามกลางความมืดในห้องสี่เหลี่ยมของโรงพยาบาล ดวงตาคู่หนึ่งกำลังเบิกตาโพลงมองบนเพดานห้อง ความเสียใจที่เคยมี ความเจ็บปวดมันหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงความแค้นที่รอวัน และเวลาเอาคืน มือข้างขวากำหมัดแน่นจนเข็มที่เจาะที่บริเวณข้อพับเคลื่อน เลือดไหลย้อนกลับไปตามสายน้ำเกลือจนเห็นสายน้ำเกลือเป็นสีแดง
กูเกลียดพวกมึง
ดูละครแต่ละเรื่อง แล้วก็ได้แต่สงสัยว่าตัวร้ายหรือตัวอิจฉาสามารถทำเรื่องเลวร้ายแบบต่าง ๆ ลงได้ยังไง ในเมื่อสาเหตุเป็นเพียงแค่แย่งพระเอกก็เท่านั้น เป็นเรื่องรักบ้าบอคอแตกอะไรที่ไร้สาระสิ้นดี
แต่วันนี้ ... เรื่องของกูมันมากกว่านั้น
กูจะทำให้พวกมึงทุกคนต้องชดใช้ที่ทำกับกูแบบนี้
ปีศาจมันไม่ได้เกิดขึ้นเองหรอก ... มันถูกสร้างขึ้นมาต่างหาก
เสียงออดดังขึ้นบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาหมดคาบเรียนแล้ว
“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ อย่าลืมทำการบ้านเรื่องตรีโกณมิติมาส่งครูด้วย ที่สำคัญห้ามลอกเฉลยมาส่ง เข้าใจไหม” คุณครูผู้สอนวิชาคณิตศาสตร์ย้ำเรื่องการบ้านอีกครั้งก่อนเดินออกจากห้องไป
“ค่า/ครับ”
ใยไหมเก็บของและลุกออกจากโต๊ะทันทีหลังจากคาบเรียนสุดท้ายจบลง ไม่สนใจเพื่อนอีกสองคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ไม่ใช่สิ ... อดีตเพื่อนต่างหาก ตั้งแต่รู้เรื่องเค้กประสบอุบัติเหตุจนเข้าโรงพยาบาล เธอก็ได้บทเรียนที่สำคัญอันหนึ่งมา
เราไม่ควรแคร์สายตาคนอื่นมากจนเกินไป...
“เธอได้ไปเยี่ยมเค้กบ้างหรือเปล่าไหม” เสียงทักดังขึ้นมาข้างหลังทำให้ใยไหมหันไปมอง เพื่อนสนิทผู้ชายสามคนที่เธอรู้จักด้วยตั้งแต่สมัยเด็กนั่นเอง นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอไม่อยากทำตัวสนิทสนมกับพวกเขามากจนเกินไป เพราะกลัวถูกเอาไปนินทาลับหลัง ว่าชอบเข้าหาผู้ชาย แต่ตอนนี้ ... ไม่อยากจะแคร์ว่าใครจะมองยังไงแล้ว
“ฉันติดต่อไม่ได้เลย”
“พวกเราก็เหมือนกัน กูไม่น่าปากหมาเลยว่ะพวกมึง ไม่คิดว่าเค้กจะบังเอิญมาได้ยิน” เด็กหนุ่มหน้าตี๋พูดขึ้นมาแบบสำนึกผิดและเสียใจกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริง ๆ
“กูกับไอ้อิฐก็ผิด”
“เพื่อนเธออีกสองคนเดินมาหาน่ะ” เด็กหนุ่มหน้านิ่งบอกใยไหม
“ฉันไม่อยากคบพวกนั้นเป็นเพื่อนแล้ว” เด็กสาวถอนหายใจออกมา
ฉันผิดเองจริง ๆ เค้ก ผิดเองที่ไปบอกเรื่องของเธอกับคนอื่น ผิดเองที่กลัวว่าคนอื่นจะมองว่าฉันคบกับพวกลูกหมอผี ... ขอโทษ
“หะ ไหม”
“เธอสองคนมีอะไรอีก ฉันว่าเราไม่มีเรื่องต้องคุยกันแล้วนะ” ใยไหมพูด หันไปเผชิญหน้ากับเด็กหญิงทั้งสองคน แต่ก็แปลกใจเพราะหน้าตาของทั้งคู่ดูซีดเซียวเอามาก ๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่า เธอสองคนหน้าซีด ๆ นะ”
เด็กหญิงสองคนยังไม่ทันจะอ้าปากตอบก็ต้องรีบเอามือปิดปากของตัวเองเอาไว้ ทั้งสองคนทำท่าพะอืดพะอมเหมือนจะอ้วก และในที่สุดก็กลั้นเอาไว้ไม่ไหว ...
ของเหลวที่อยู่ภายในช่องท้องของทั้งสองคนถูกปล่อยออกมาพร้อมกัน โชคดีที่ใยไหมและเพื่อนชายอีกสามคนถอยตัวออกห่างทัน แต่นั่นกลับไม่น่าตกใจเท่ากับภาพที่เห็นบนพื้นขณะนี้
อ้วกที่กองอยู่ที่พื้นมีเลือดปะปนอยู่จำนวนมาก ที่สำคัญหนอนเกือบสิบตัวกำลังเคลื่อนที่ยั้วเยี้ยอยู่บนกองของเหลวอันนั้น ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ออกมาจากปากของมนุษย์
ใยไหมตกใจจนต้องส่งเสียงร้องออกมา ขณะเพื่อนผู้ชายอีกสามคนรีบประคองเธอเอาไว้ จากนั้นก็เรียกคนมาช่วยเด็กผู้หญิงสองคนที่หลังจากอ้วกก็ล้มลงไปนอนสลบกับพื้นเรียบร้อยแล้ว
“แล้วพวกมันที่เหลือ แกจะเอายังไง” เสียงเข้มเอ่ยถามลูกสาวของตนเอง
“ปล่อยไว้ก่อนพ่อ มันยังไม่ถึงเวลา”
“หนูจะทำให้พวกมันได้เห็น ว่าคนอย่างหนูทำอะไรได้บ้าง”
เด็กหญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าของพ่อตัวเองมองหนอนที่อยู่ในถ้วยก่อนกำมันขึ้นมา แล้วบีบจนสิ่งมีชีวิตพวกนั้นแหลกเละคามือ
“ครีม ครีม เหม่ออะไรอะ” คนข้าง ๆ ทักขึ้นมาจนทำให้รู้สึกตัวแล้วหันไปมอง ใบหน้าตี๋ ๆ ฉีกยิ้มกว้างก่อนเอื้อมมือมากุมมือคนถูกเรียกใต้โต๊ะเลกเชอร์
ชาบู ... ในที่สุดนายก็รักฉัน รักแบบโงหัวไม่ขึ้น ... และจะรักจนวันตาย
“เปล่าหรอก แค่คิดเรื่องสมัยก่อนนิดหน่อยน่ะ ไม่มีอะไร”
“จริงดิ เรื่องไรอะ” ชาบูพูด เอนตัวไปซบไหล่คนถูกถามแบบไม่แคร์สายตาอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่เลยสักนิด
“ไม่บอกหรอก”
“ชารักเค้าไหม”
“รักสิ รักมากด้วย”
“ถ้ารักก็ต้องเชื่อฟังเค้า ห้ามถาม” คนถามหัวเราะร่วน พยักหน้าอย่างเข้าใจ
ผมมองร่างของชาบูกับครีมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของห้องสโลปแล้วได้แต่ถอนหายใจ หลังจากวันที่พวกเราทะเลาะกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ครีมกับชาบูก็แยกไปนั่งเรียนกันเกือบคนละฝั่งของห้อง วันนี้ที่ผมเห็นมันก่อนเข้าห้องยังตกใจเลย ตอนแรกก็ยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันโดนของจริงหรือเปล่า แต่ตอนนี้ผมชัวร์มาก ๆ แล้ว ใบหน้าของมันดูหมองและซูบลงอย่างเห็นได้ชัด หลังจากผ่านไปแค่ไม่กี่วัน บอกลักษณะไม่ถูกมากนัก แต่มันดูไม่มีสง่าราศีเอาซะเลย
ของที่ผมกับอิฐหามาเพื่อแก้เสน่ห์ตอนนี้ได้ครบแล้วเกือบทุกวิธี ติดก็ตรงแต่ยังไม่มีเวลาได้คุยกับไอ้ชาแค่คนเดียวสักที มันตัวติดกับครีมตลอดไม่เคยแยกกันไปไหนเลย แถมไม่เคยรับโทรศัพท์จากพวกผมเลยนับตั้งแต่วันนั้น ผมเลยวางแผนกับไอ้อิฐว่าจะแก้เสน่ห์ไอ้ชาวันนี้ให้ได้ แต่เราสองคนต้องหาตัวช่วยก่อน
“ไหม เย็นนี้หลังเรียนเสร็จพวกเรามีเรื่องให้เธอช่วยอะ” ผมบอกไหมไป
“เรื่องอะไรเหรอ”
“เธอช่วยแยกครีมออกไปหน่อยได้ไหม หาเรื่องคุยอะไรก็ได้ให้แยกออกไป ถ่วงเวลาไว้สักแปบ พวกเราอยากคุยกับไอ้ชา”
“นี่ยังคิดอีกเหรอ ว่าชาจะฟัง หลงกันซะขนาดนั้น”
ไหมพูดจบก็ถอนหายใจ ตาหลบลงมองไปที่พื้น ดูเจ้าตัวยังคงเสียใจและน้อยใจอยู่แน่ ๆ
“ไม่รู้ว่าเธอจะเชื่อหรือเปล่านะ แต่ไอ้ชามันโดนเสน่ห์”
ได้ผล ไหมเงยหน้าจ้องผมแทบทันทีที่พูดจบ
“นะไหม ทำเพื่อเพื่อนหน่อย” อิฐเสริม
“คีย์ อิฐ พวกนายคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ขึ้นมาได้ไงเนี่ย”
“เราไม่มีทางเลือกแล้วไหม มันไม่มีคำอธิบายอะไรที่บอกได้ว่าทำไมชามันเปลี่ยนไปรักครีมได้เร็วขนาดนี้ แถมทำตัวไร้เหตุผลอีก”
ไหมนิ่งไปสักพักก่อนเอ่ยปากออกมา
“ก็ได้ งั้นลองดู”