ตอนที่ 6 เปลวไฟแห่งความหวัง 2
ตอนที่ 6 - เปลวไฟแห่งความหวัง 2
ชินเฮเปรียบดั่งสมบัติชิ้นสุดท้าย แต่เขาจำต้องทิ้งเธอไว้ที่มูลนิธิเด็กกำพร้า บุคลิกร่าเริงหายไปเหลือเพียงแต่ร่างไร้อารมณ์ หากไม่มีชินเฮ ตอนนี้เขาคงเป็นศพลอยอยู่ในแม่น้ำฮันแล้ว
ถึงแม้เขาจะไร้ซึ่งแรงจูงใจในชีวิต แต่เลือดเนื้อของเขาที่ชื่อว่าชินเฮเปรียบดั่งเปลวไฟที่ยังคงสว่างไสวในจิตใจ ทันทีที่แยกจากชินเฮ เขาพยายามระลึกถึงภาพสุดท้ายที่พบเธอ ความทรงจำเตือนเขาให้ขยับร่างกายต่อไปราวกับต้นไม้แก่ต้นหนึ่ง
ความปรารถนาจะมีชื่อเสียงและมั่งคั่งหมดสิ้นไป เปลวไฟแห่งความทะเยอทะยานดับลง เขามีเพียงเหตุผลเดียวในตอนนี้
เขาแค่อยากใช้ชีวิตร่วมกับลูกสาวอีกครั้ง
สำหรับคนอื่นมันอาจจะไม่ยากเกินไปที่จะบรรลุความปรารถนานี้ แต่กับซังยอนมันเป็นเรื่องยากสำหรับเขา หนี้มหาศาลคอยหลอกหลอนเขาอยู่ตลอด ทั้งหมดราวเจ็ดล้านสองแสนดอลลาร์ ตัวเลขนี้คนทั่วไปไม่สามารถเห็นได้ในช่วงชีวิต
ซังยอนสูญเสียไปหมดทุกสิ่ง ซึ่งเป็นไปได้ยากที่จะเอาทุกอย่างคืนกลับมา
สุดท้ายแล้วเขาพยายามจะยื่นตัวเองเป็นบุคคลล้มละลาย แต่หนี้สิ้นมากเกินไปมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้ กระบวนการยื่นขอเป็นบุคคลล้มละลายซับซ้อนและใช้เวลานานเกินไปที่จะได้รับการอนุมัติ และยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะยื่นสำเร็จ
นี่คือสาเหตุที่เขาต้องทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ ซังยอนวิ่งวุ่นจนไม่มีเวลาพักผ่อน
“คึก!”
เสียงร้องหลุดออกมาจากการโดนน้ำหนักมหาศาลกดลงไปที่ไหล่ทั้งสอง เขาเคยคิดว่าคงเหมาะสมกับงานนี้ แต่รู้สึกเหมือนจะคิดผิด
ซังยอนใช้แผ่นหลังแบกขนส่งก้อนอิฐ ร่างกายเคลื่อนไปแทบจะในสภาพรากเท้า เขาเคยเป็นผู้บริหารบริษัทที่ประสบความสำเร็จ แต่บัดนี้กลับต้องทำงานอย่างหนักด้วยมือตนเอง
“อ้าก!”
ไหล่เขาเริ่มปวด ถึงกระนั้นเขาอยากทำงานหาเงินให้ได้มากที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่บ่นเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าชื่อเขาก็ยังคงปรากฎอยู่ในรายชื่อคนงานก่อสร้างที่ทำงานได้แย่ที่สุด
เขาแทบไม่สามารถพาตัวเองไปยังจุดหมายปลายทางได้ มันคืออาคารที่มีแต่โครงคอนกรีตก่อไว้ ซังยอนยืนอยู่ตรงทางเข้าหน้าอาคารที่ยังไม่มีประตูและเริ่มปีนบันไดสีเทา
“ฮึ๊บ! ฮึ๊บ!”
ใช้เวลาเพียงไม่นานนักที่เขาอ้าปากเพื่อหายใจ เหงื่อที่ไหลออกมาราวกับเม็ดฝนและขาที่เริ่มสั่นชา เขาก้าวขึ้นอย่างเชื่องช้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะหยุดก้าวเลย แม้ว่ามันจะช้าสักหน่อยแต่เขาก็ตั้งใจก้าวเดินอย่างขยันขันแข็ง
มันเกิดขึ้นขณะที่เขาปีนใกล้จะถึงจุดหมาย
“ครึกก!”
ทันใดนั้นซังยอนกุมหน้าอกแน่น ร่างกายเข้าส่ายไปมาจนกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจัง
ครืน!!
อิฐจำนวนมากที่เขาแบกไว้ร่วงลงพื้น บางชิ้นแตกกระจาย แต่ซังยอนไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งนั้น
เขาเจ็บปวดหน้าอกและหัวใจเป็นอย่างมาก
“อ๊ะ อ๊ะ อ้าก!”
มันรู้สึกราวกับว่ามีกรดไฮดรอลิกกดลงในใจเขา ทั้งยังร้องครวญครางราวกับสัตว์บาดเจ็บ
ความเจ็บปวดกินเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่มันให้ความรู้สึกราวกับว่าคงอยู่ตลอดไป
“แฮ่ก! แฮ่ก!”
ซังยอนพยุงตัวนั่งคุกเข่าและหายใจเข้าลึก พร้อมทั้งเอามือลูบไปทั่วบริเวณหัวใจ ความเจ็บปวดนั้นหายไป ราวกับว่ามันคือภาพลวงตาแต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่ มันคือเรื่องจริงทั้งยังจำความเจ็บปวดนั้นได้ดี
“อึก-อั๊ก!”
เขาเริ่มเครียดมากขึ้นจนส่งผลให้กรดในกระเพาะเริ่มทำงาน น้ำมูกและน้ำตาเริ่มไหล ร่างกายเขากำลังได้รับผลกระทบจากความเจ็บปวด
* * *
คลิ๊ก!
ซังยอนกดปุ่มที่บริเวณกำแพงห้อง ทำให้มองเห็นสภาพได้ชัดเจน
ที่นี่มีเตียง ทีวีและตู้เสื้อผ้าขนาดเล็กอยู่ในห้องขนาดเท่ารูหนู ใช่มันคือที่พักที่ซังยอนอาศัยอยู่ เขาจับโยนข้าวของทั้งหมดไว้มุมห้องและกระโดดลงบนเตียง เขาไม่มีแรงแม้แต่จะลุกไปอาบน้ำ
ซังยอนลูบไปที่หัวใจพลางนึกถึงความเจ็บปวดที่เคยเกิดขึ้น
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?”
ความเจ็บปวดนั้นมันน่ากลัวเกินจินตนาการ เขาไม่อยากสัมผัสถึงความเจ็บปวดแบบนั้นอีก
ขณะนั้นมีคนงานอื่นเห็นเขากำลังพยุงตัวขึ้น จึงแจ้งให้หัวหน้าทราบ เขาจำต้องออกงานก่อนเวลาแม้ว่าไม่ต้องการจะออกก่อนก็ตาม
‘เราอาจมีชื่อปรากฏบนรายชื่อคนงานห่วยแตกอีกเป็นแน่’
เขาทำงานได้ค่อนข้างแย่ และตอนนี้ร่างกายเริ่มไม่สู้ดีนัก เขากังวลว่าข่าวนี้จะถูกแพร่ออกไปถึงหูเจ้านายแล้วจะทำให้ไม่ได้ทำงาน ถ้าเป็นเช่นนั้นคงทำให้เขาตายทั้งเป็น ครั้นที่ยังเป็นประธานบริษัทเงินเดือนเพียงเท่านี้เป็นแค่เศษเงินในกระเป๋า แต่ตอนนี้เงินจำนวนนั้นเป็นเงินมากมายมหาศาลที่เขาไม่อยากจะเสียไป
แต่ปัญหาที่แท้จริงคืออาการเจ็บปวดที่มาจากหัวใจ เขาต้องใช้ร่างกายในการทำงานเลี้ยงชีพ แต่ตอนนี้เริ่มมีสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังย้ำแย่ หากเป็นเรื่องจริงอนาคตเขาดูช่างมืดมนเต็มที
หากเป็นเมื่อก่อนเขาจะไปโรงพยาบาลทันทีเพื่อรับการรักษา
‘แต่ตอนนี้ฉันไม่มีเงินสักวอน’
เงินเป็นหนทางเดียวที่สามารถช่วยซังยอนได้
ซังยอนม้วนตัวราวกับลูกบอล ร่างกายเริ่มสั่นขณะเขาคิดกังวล หากเขาตายไปเพราะโรคร้ายล่ะ? เขากลัวจะจากโลกนี้ไป เขาไม่อยากทิ้งชินเฮไว้คนเดียว
‘มันจะไม่มีทางเกิดขึ้น’
อย่างน้อยที่สุดเขาต้องเห็นชินเฮได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดี เขาอยากมีชีวิตอยู่จนกว่าจะเห็นลูกสาวมีความสุขในชีวิตหลังแต่งงาน และอยู่ดูว่าคนที่ลูกสาวเลือกเป็นคนดีหรือร้าย เขาแค่อยากมั่นใจว่ามันจะไม่เกิดหายนะแบบเขาขึ้นอีก
“ได้โปรด! ได้โปรดอดทนอีกสักหน่อยเถอะ!”
ซังยอนอ้อนวอน เขาไม่ได้อธิษฐานต่อหน้าพระเยซู พระพุทธเจ้า หรือพระอัลลอฮ์ แต่เขาอธิษฐานต่อหัวใจ เขาเริ่มเข้าใจความรู้สึก ณ ตอนนี้ หัวใจเขาเต้นแรงอย่างต่อเนื่องเพราะมันยังคงทำงานอย่างเงียบงัน