ตอนที่ 6 เปลวไฟแห่งความหวัง 1
ตอนที่ 6 – เปลวไฟแห่งความหวัง 1
ในวันที่ฝนตก เมฆครึ้มปกคลุมทั่วท้องฟ้าพร้อมกับน้ำไหลรินลงมาอย่างหนัก แม้มีร่มคอยป้องพายุฝนก็ไม่สามารถต้านทานไว้ได้
ความมืดมิดและฝนที่โหมกระหน่ำอย่างหนักทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่ ซังยอนยังคงยืนอยู่หน้าประตูอาคารแห่งหนึ่งพร้อมหันหน้าไปหาชินเฮ
อาคารแห่งนี้มีสามชั้นและขนาดค่อนข้างใหญ่ ถูกสร้างขึ้นด้วยอิฐที่แข็งแรงและทนทาน แต่ทว่าส่วนที่สะดุดตาที่สุดของอาคารแห่งนี้คือตัวหนังสือขนาดใหญ่ที่เขียนไว้ตรงผนังด้านหน้าว่า “มูลนิธิเด็กกำพร้า”
ซังยอนใช้มือลูบแก้มชินเฮ ใบหน้าเธอสะอาดสดใส นุ่มนวลและยังดูเป็นเด็กรอบรู้ สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปคือเธอค่อนข้างผอมลงจากแต่ก่อน ซังยอนนั้นยิ่งต่างออกไปมือเขาดูเหี่ยวแห้งยิ่งนัก
ไม่ใช่แค่มือเขาที่ดูเปลี่ยนไป สุขภาพจิตย่ำแย่และใบหน้าซูบผอม น้ำหนักเขาลดลงไปอย่างมาก พุงที่เคยยื่นก่อนหน้านี้ไม่มีอีกแล้ว เขาสวมเสื้อตัวเก่าพร้อมกับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบสกปรกมอมแมม มันแสดงให้เห็นถึงฐานะเขาตอนนี้
ในทางกลับกันชินเฮดูไม่เปลี่ยนไปเท่าไหร่นักถ้าเปรียบเทียบกับเขา เธอเพียงแค่สวมเสื้อที่ดูชำรุดนิดหน่อย
“ชินเฮ ลูกต้องเป็นเด็กดีและเชื่อฟังคุณครู เข้าใจมั้ยลูก?”
เขาคงไม่ได้พบชินเฮไปอีกสักพักใหญ่ เขารู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายของลูกสาวขณะที่เขาคุกเข่าต่อหน้าเธอ ชินเฮอยู่ช่วงระดับสายตา จากนั้นเขาจึงวางมือบนแก้มเธอ
“… หนูขออยู่กับปะป๋าต่อ ไม่ได้เหรอคะ”
น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาจากตาชินเฮ เขารู้สึกเหมือนลำคอหดตัวและมันยากลำบากที่จะกล่าวอะไรออกไป
ดวงตาซังยอนเปลี่ยนเป็นสีแดง เขารู้สึกแสบขึ้นจมูกเหมือนกำลังจะร้องไห้ แต่สุดท้ายเขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะยิ้มให้ลูกสาว
“ไม่ได้หรอกลูก ปะป๋าต้องไปทำงานแต่ยังไงปะป๋าจะมาเยี่ยมลูกบ่อย ๆ นะ”
“หนูต้องนอนหลับอีกนานแค่ไหนเราถึงจะได้พบกันคะ?”
ชินเฮชูนิ้วขึ้นราวกับกำลังนับวัน ซังยอนคว้ามือเธอไว้แน่น
“สามสิบคืน ใช่แล้ว ปะป๋าจะกลับมาหาลูกก่อนคืนที่สามสิบนะ”
“นั่นมันนานเกินไปค่ะ....”
ชินเฮคอตกด้วยความรู้สึกผิดหวัง ขณะเดียวกันซังยอนก็รู้สึกราวกับหัวใจจะแตกสลาย
จนกระทั่งตอนนี้ชินเฮไม่ได้คร่ำครวญอะไรต่อ เพราะเธอรู้ว่าพ่อเธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อย่างไร เธอเข้าใจทุกอย่างและโยนความโกรธทิ้งไป แต่เธอแค่ยังเกลียดการที่จะต้องแยกจากพ่อ
ถ้าซังยอนยังพอมีทางเลือก เขาคงพูดออกไปว่า “โอเค งั้นเรากลับมาอยู่ด้วยกันนะ” เขาจะโอบกอดชินเฮแล้วพาเธอออกจากมูลนิธิเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ แต่ถึงกระนั้นสถานการณ์ตอนนี้ไม่ได้เอื้ออำนวยให้เขาทำแบบนั้น
ผลกระทบจากสภาพการเป็นอยู่ที่ย่ำแย่และขาดแคลนอาหารจะเป็นผลเสียต่อการเติบโตของชินเฮ และไหนจะเจ้าหนี้ที่คอยก่อกวนเขาทุกวันอีก สภาพพ่อที่โดนเจ้าหนี้คุกคามตลอดเวลาจะทำให้จิตใจเธอตกต่ำ ยิ่งกว่านั้นเขาต้องออกเดินทางเพื่อหางานอยู่บ่อยครั้ง มันไร้ซึ่งหนทางที่คนเป็นพ่อจะสามารถเลี้ยงดูเด็กผู้หญิงได้ในสภาพเช่นนี้
เขาไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เขาคิดหาทางออกและร้องไห้กับปัญหานี้ ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่ตะโกนเสียงดังด้วยความสิ้นหวัง ดังนั้นนี่เป็นทางออกเดียวที่จะทำให้ชินเฮโตขึ้นมาโดยไม่ส่งผลเสียต่อเธอ
“ปะป๋าจะมาเยี่ยมลูกให้บ่อยที่สุด ปะป๋าสัญญา”
น้ำตาที่ไหลอย่างหนักหน่วงจากตาของลูกสาว ซึ่งสามารถบรรยายทุกอย่างได้อย่างดี ชินเฮกอดพ่อไว้แน่น
“ปะป๋าสัญญาแล้วนะคะ ว่าจะมาหาหนูบ่อย ๆ”
เขาได้ยินเสียงร้องไห้กระซิบข้างหู ไหล่เขาเริ่มเปียกจากน้ำตาและน้ำมูกของลูกสาว แต่ซังยอนไม่ได้สนใจกับสิ่งนั้น เขากอดเธอไว้แน่น
“แน่นอน...ปะป๋าจะมาหาลูกบ่อย ๆ”
ราวกับว่ามีก้อนบางอย่างติดอยู่ที่ลำคอ จนแทบไม่สามารถให้คำมั่นสัญญากับเธอได้ แต่เขาก็ยังพยายามที่จะพูดออกไป ในขณะนั้นน้ำตาเขาไหลอาบแก้ม
พ่อลูกสวมกอดอำลากันเป็นเวลานาน
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาไม่สามารถกอดกันแบบนี้ได้ตลอดไป ซังยอนปาดน้ำตาพร้อมกับจับไหล่ชินเฮออกจากอ้อมกอด ชินเฮไม่ขัดขืนอะไร เธอถอยห่างจากอ้อมแขนซังยอน
“เอาล่ะ ช่วยดูแลเธอด้วยนะครับ”
ซังยอนลุกขึ้นและก้มหัวลงประมาณเก้าสิบองศา คุณครูยืนมองดูพ่อและลูกสาวอำลากันอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ เธอเป็นคนที่จะดูแลชินเฮต่อไป ดังนั้นซังยอนจึงแสดงความเคารพต่อเธอ
“ได้ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ”
คุณครูส่งยิ้มเล็กน้อยเพื่อให้ซังยอนสบายใจ เธอดูเป็นผู้หญิงที่มีคุณธรรมในช่วงอายุสี่สิบต้น เธอจับมือชินเฮอย่างระมัดระวัง แต่มือเธอยังคงจับเสื้อของซังยอนอยู่
“เอาละชินเฮ ถึงเวลาที่ต้องบอกลาคุณพ่อแล้วนะคะ”
ช่วงเวลาที่เขาไม่ต้องการให้มาถึงในที่สุดก็มาถึง น้ำตาได้พรั่งพรูออกมาจากดวงตาชินเฮอีกครั้ง ในขณะที่เธอดึงมือซังยอน
“ปะป๋าต้องรีบกลับมาไว ๆ นะคะ!”
“แน่นอนที่สุด ลูกรัก”
ซังยอนยกนิ้วโป้งขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้กับลูกสาว
ท้ายที่สุดเขาหันหลังให้กับลูกสาวพร้อมทั้งกางร่มและเดินตรงไปกลางสายฝน คงเป็นเพราะน้ำฝนที่ไหลลงสู่พื้นอย่างมากทำให้ทุกย่างก้าวดูหนักแน่น เขาหันกลับไปมองเป็นครั้งคราว ชินเฮยังคงโบกมือล่ำลา ทุกอย่างกำลังจบลงเมื่อเขาก้าวออกมาจากประตูมูลนิธิเด็กกำพร้าและถูกบดบังไว้หลังกำแพงนี้
เขาไม่สามารถมองลูกสาวได้อีกต่อไป
“ฮึก ครึดฮึก!”
น้ำตาที่เขากลั้นเริ่มไหลรินออกมา ร่มถูกปล่อยวาง ฝนถาโถมลงมาอย่างหนักพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงเต็มใบหน้า จากนั้นเขาไม่สามารถหยุดเสียงร่ำไห้ที่เล็ดลอดออกมาจากส่วนลึกในจิตใจได้
“ชะ...ชินเฮ พ่อขอโทษ พ่อขอโทษจริงนะลูก”
เขาไม่สนสายตาใครทั้งนั้น ซังยอนดูคล้ายคนบ้าขณะที่กล่าวขอโทษชินเฮ
เขาเคยสัญญาว่าจะปกป้องลูกสาวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่สุดท้ายมันก็เป็นเพียงสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ เจ้าหนี้เขาไม่อนุญาตให้ทำตามที่สัญญาไว้ โลกนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก
ขณะที่ซังยอนยืนพิงกำแพงรั้วมูลนิธิเด็กกำพร้า ชินเฮเองไม่สามารถกลั้นเสียงร้องไห้ที่ดังลั่นได้ หลังจากที่พ่อของเธอเดินหายลับไป ครูพี่เลี้ยงพยายามปลอบเธอแต่ก็ไม่เป็นผล
วันที่สายฝนโหมกระหน่ำจากฟากฟ้า พ่อลูกคู่หนึ่งเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่ถูกแยกจากกันผ่านกำแพงกั้นไว้
* * *