EP.20 คนรักมังกร (อ่านฟรี)
เมื่อพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นในยามเช้าก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องออกเดินทางต่อ อากาศวันนี้ช่างมืดครึ้มราวกับ
ฝนกำลังจะตกลงมาในไม่ช้า อาจจะเป็นเพราะเหตุผลบางอย่าง ความตึงเครียดระหว่างอัศวินก็ขุ่นมัวไม่ต่างกัน
ไม่มีคำพูดหรือบทสนทนาใดเกินขึ้นต่อกัน ต่างคนต่างถอนหายใจฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจ
ในขณะที่พวกเรามุ่งหน้าเดินทางต่อไปหมอกที่เคยหนาก็ค่อยๆจางลงจาทำให้เราเห็นถนนมากขึ้นเล็กน้อย
ผมต้องการที่จะถามคำถามกับพวกเขาแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสักคนที่อยากจะตอบผมสักเท่าไหร่นัก
เพราะอัศวินทุกคนดูเหมือนว่าจะอยู่ในโลกส่วนตัวของเขากันทั้งนั้น
“ทำไมถึงไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นี่เลยและหมอกอะไรทำไมมันหนาขนาดนี้?” ผมทนไม่ไหวจนต้องถามในที่สุด
“เราได้รับคำสั่งในระหว่างทางให้สังเกตุรอบๆหมู่บ้าน พวกเขาบอกว่ามีบ้านหลังนึงมีเงาสัตว์ร้ายอยู่ใกล้ๆ”
วินฟอร์อธิบายตอบ
“หมอกนี้ดูแปลกๆ” บาร์นาโดพูดพร้อมกับขว้าขวานให้เข้ามาใกล้กว่าปกติ
“แต่มันก็ดูไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะที่ผ่านมาเราก็เจอแต่เงาของสัตว์ปกติตลอด” เดลเบิร์ตแย้งพร้อมขมวดคิ้ว
แกรี่เริ่มกังวลดูได้จากสีหน้าของแล้ว ดูเหมือนว่าการที่เขาต่อสู้กับหมาป่าครั้งนั้นทำให้เขากลาย
เป็นคนขี้ระแวงมากขึ้น มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะรู้สึกแบบนี้เพราะแกรี่ไม่สามารถจะจัดการอะไรกับหมาป่านั่น
ในป่าดำได้เลย อีกทั้งการจินตนาการถึงเงาสัตว์ร้ายนั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
วินฟอร์ตสังเกตได้ถึงสีหน้ากังวลของแกรี่ที่แสดงออกมาได้ชัดทำให้เขาพูดเพื่อให้แกรี่รู้สึกอุ่นใจ
“อย่าไปเครียดเลยหนุ่มน้อย มีอัศวินตั้งสามคนที่คอยปกป้องเธออยู่ตรงนี้แล้วจะกลัวอะไรอีก”
เมื่อเรามุ่งหน้าเดินทางต่อไปผมตัดสินใจที่จะเปิดใช้ดวงตามังกรเพื่อที่จะสู้กับหมอกที่อยู่ตรงหน้า
เราแทบจะไม่เห็นเลยว่าเรายังอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องแต่การที่ผมใช้ตามังกรทำให้ผมรู้ได้ว่า
สัตว์ตัวใดก็ตามที่เข้าใกล้เราผมสามารถเตือนอัศวินทันเวลา
เส้นทางของเราเริ่มดูแปลกขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่เพราะพวกเราไม่เจอเงาสัตว์ร้ายเลย ดูเหมือนว่า
แม้แต่สัตว์ธรรมาดาก็ยังไม่พบ
เมื่อเราเดินทางกันไปเรื่อยๆหมอกก็เริ่มที่จะจางหายไป เมื่อพวกเราเข้าใกล้ไปเรื่อยๆจนทำให้
เห็นสิ่งที่อยู่ข้างหลังหมอก ช่างน่าประหลาดใจนักนั่นคือผู้หญิงนิ ผู้หญิงที่อยู่ในชุดสีเขียวตั้งแต่
หัวจรดเท้าพร้อมกับธนูที่อยู่ด้านหลังของเธอ เธอมีผมสีน้ำตาลและอายุราวๆยี่สิบปลายๆ
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นพวกเรากำลังใกล้เข้ามาเธอรีบที่จะโค้งทำความเคารพเหล่าอัศวินทั้งหลายทันที
“ฉันชื่อแอน วูดเสิค ฉันคือ adventure จาก Goneless guild พวกคุณทั้งสามคนใช่
คนที่จะมาช่วยฉันใช่ไหม? “ เธอถาม
วินฟอร์ตเดินมาข้างหน้าจากม้าของเขา
“ใช่เรามาที่นี่เพราะได้ยินว่ามีเงาของสัตว์ร้ายอยู่แถวนี้ ที่นี่มีหมอกหนาแบบนี้ตลอดเลยหรอ?”
“เป็นแบบนี้มาสองสัปดาห์แล้วละ เหล่า adventure หลายคนที่หายตัวไปอย่างไม่มีใครรู้ในหมอกนั่น
และบางคนก็ไม่ได้กลับออกมาอีกเลย เราเสียสมาชิก Guild ไปสี่คนแล้ว “
เดอเบิร์ตหันไปหาบาร์นาโดพร้อมกับทำหน้าสงสัย
“เราอาจจะไม่ได้เจอแค่หมอกอันตราย” เดอเบิร์ตพูด
“บางทีเราอาจจะเจอเงาของสัตว์ร้ายก็ได้” เบอร์นาโดตอบ
วินฟอร์ตยังคงหาข้อสรุปต่อไปจากพวกอัศวินทั้งสอง พวกเขาตกลงกันว่าจะอยู่ในเมืองนี้อีกหนึ่งคืน
และถ้าเห็นอะไรที่เป็นปัญหาก็จะรีบแก้ไขในทันที เหล่าอัศวันยืนกรานที่จะอยู่ให้นานกว่าเดิมเพื่อที่จะช่วย
แก้ใขปัญหาได้ทัน แต่ตัววินฟอร์ตนั้นคิดว่าพวกเรามีเวลาไม่มากนัก
เมื่อผมเดินเข้าไปในโรงแรมผมค่อนข้างตกใจกับสิ่งที่เห็น ตาของผมลุกวาวและรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งตรงหน้า
เพราะของทุกอย่างที่อยู่ในโรงแรมล้วนมีแต่ที่เกี่ยวกับมังกรทั้งนั้น อีกทั้งยังมีภาพวาดและรูปปั้นประดับในทุกมุม
ของโรงแรม
ในขณะที่ผมเริ่มมองไปรอบๆห้องแอนก็เดินเข้ามาใกล้ๆผมอย่างเงียบๆ
“สิ่งที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้ามันน่าถึงมากเลยใช่ไหม? เป็นที่รู้กันดีในแถวนี้ว่าเจ้าของโรงแรมแห่งนี้
เป็นพวกหมกมุ่นเกี่ยวกับมังกร “
“มังกรมีจริงหรอ?” ผมแกล้งถามเธอด้วยความสงสัย ถึงตัวผมเองจะเป็นคนที่รู้คำตอบมากที่สุด
แต่ผมแค่อยากจะเช็คเรื่องราวของมังกรในโลกของมนุษย์เท่านั้นเอง...
ในขณะที่แอนกำลังจะตอบคำถามผม คนที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอก็ออกมาจากหลังบาร์
นั่นก็คือเจ้าของโรงแรมนั่นเอง
“แน่นอนพวกเขามีตัวตันอยู่จริง” เจ้าของโรงแรมชิงตอบคำถามผมแทนแอน
“คุณทวดของตะกูลเราเคยได้รับความช่วยเหลือจากท่านมังกรผู้ยิ่งใหญ่หนึ่งครั้งและหลังจากนั้น
ครอบครัวของเราก็เริ่มที่จะรวบรวมข้อมูลและสะสมทุกอย่างที่เกี่ยวกับมังกรไว้ที่โรงแรมแห่งนี้ “
“มันก็แค่ตำนานเท่านั้นแหละ ใครจะเชื่อเรื่องมังกร? ก็แค่นิทานหลอกเด็กเท่านั้นแหละ” เสียงของ
เดลเบิร์ดังมาจากมุมห้อง
“คุณเองก็ไม่เชื่อในเรื่องเซนมังกรแดงสินะ?” ผมถามเดลเบิร์ตในทันที
“ก็แค่ตำนานไว้หลอกให้เด็กกลัวเท่านั้นแหละ คนเราส่วนมากก็แค่เพียงเห็นไวเวิร์นตัวใหญ่
และคิดกันไปเองว่านั่นเป็นมังกรทั้งนั้นแหละ” เดลเบิร์ตตอบอย่างมั่นใจ
ผมจะทำยังไงดีที่จะพิสูจน์ให้เห้นกันไปเลยว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นมันผิด ถ้าตอนนี้ผมเป็นมังกรละก็
ผมจะไล่ล่าและตามเขาไปทุกทีให้รู้แล้วรู้รอดกันไปข้าง
“เด็กผู้ชายคนนั้นก็ดูท่าจะชอบมังกรเหมือนกันสินะ” เจ้าของโรงแรมพูดถึงผม
“ให้ฉันได้เรื่องราวเพิ่มเถอะ ใครๆเขาก็พูดกันว่ามังกรเซนนั้นชั่วร้ายมากทำลายทุกอย่างที่เขาเห็น
แต่คนบางกลุ่มกลับพูดตรงกันข้าม บางกลุ่มที่เชื่อว่ามังกรนั้นมีจริงล้วนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
มันกรเซนนี่แหละที่จะคอยปกป้องทุกคน “
“แล้วยังไงต่อครับ?” ผมถามต่อถึงแม้ว่าผมจะรู้ความจริงอยู่แล้วก็ตาม แค่อยากจะได้ยินออกมาจากปากเขาเท่านั้นเอง
“จากเรื่องราวที่ฉันเคยได้รู้มา เรียกได้ว่ามันคือทฤษฎีแล้วกัน เมื่อมังกรปกครองแผ่นดินนั้นสัตว์ร้ายก็ไม่ออกมา
แต่ในเวลานี้สัตว์ร้ายแสดงตัวก็เพราะมังกรกลายเป็นแค่ตำนานไปซะแล้ว แต่บางทีมังกรอาจจะกำลังปกป้องเราจากสิ่ง
ที่อันตรายมากอยู่ก็ได้ “
หลังจากที่จบบทสนทนากับเจ้าของโรงแรมแล้ว เหล่าอัศวันทั้งหลายก็จัดการเรื่องห้องพักให้พวกเราพักที่นี่ในคืนนี้
ส่วนตัวผมเองนั้นนอนไม่หลับสักเท่าไหร่เพราะมัวแต่คิดถึงคำพูดที่เจ้าของโรงแรมอยู่ในหัวตลอดเวลา แม้ว่าบางอย่างที่เขา
อาจจะไม่เป็นจริง แต่มันก็เป็นสิ่งที่น่าเชื่อเพราะในช่วงเวลาที่ผมเป็นมังกร ก็ไม่เห็นมีสัตว์ร้ายสักตัวโผล่มา
มังกรคือสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งและทรงพลังมากที่สุดในโลกใบนี้ มีแต่พวกมนุษย์เท่านั้นแหละที่จะคอยทำร้ายเหล่ามังกรของผม
ในทางกลับกันโรคระบาดนี้เป็นสิ่งที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปสู่มนุษย์และทำให้พวกเขาติดได้ง่ายๆ
ส่วนมังกรมีพลังพิเศษมากมายกว่ามนุษย์หนึ่งในนั้นก็คือภูมิคุ้มกันที่สามารถป้องกันโรคพวกนี้ได้ทั้งหมด
ถึงตัวผมจะไม่แน่ใจว่ามันมีจริงไหม แต่ผมเองก็ไม่เคยเป็นอะไรแบบนั้นเลย หรือจะมีใครวางแผนเรื่องนี้ไว้?
บางทีมนุษย์อาจเป็นเครื่องมือในการกำจัดพวกเรา
หลายสิ่งหลายอย่างในหัวผมมันมากมายเหลือเกิน หัวผมเริ่มแบกรับไม่ไหว การหลับตาลง
และพักผ่อนคงจะเป็นทางเดียวที่หยุดคิดเรื่องนี้สักที
เป็นมนุษย์นี่มันทั้งอ่อนแอง่ายและเข้าใจยากจริงๆ.......