ไซตามะต่างโลก Ep.26 - กล้าลุกขึ้นต่อต้าน
ไซตามะต่างโลก Ep.26 - กล้าลุกขึ้นต่อต้าน
แปลกจริง
เขาไม่เคยติดต่อกับผู้ชายคนนั้นมาก่อน แล้วทำไมจู่ๆอีกฝ่ายถึงได้ติดต่อมา?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเรื่องที่เขารับสินบนจากอารอนจะถูกเปิดเผยแล้ว?
แต่ก็แล้วถ้ามันเป็นแบบนั้น ทำไมทางรัฐบาลโลกถึงไม่มาจับกุมตัวเขาเองเล่า? เรื่องนี้มันไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับราชาปีศาจหัวล้านเลยนี่นา
นาวาเอกเนซูมิครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจรับสาย แสร้งทำเสียงสงบเยือกเย็นออกไป “มีเรื่องอะไรให้กระผมรับใช้หรือครับท่านพลจัตวา?”
“ใช่ อันที่จริงแล้วฉันมีบางเรื่องอยากจะถามหน่อยน่ะ มันเกี่ยวกับ-”
จากปลายสาย น้ำเสียงที่ตอบกลับมาคล้ายกับว่ายังไม่ทันจะได้ตื่นนอน ไม่อาจจับความผันผวนใดๆทางอารมณ์ได้เลย “-ก่อนหน้านี้ นายได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือจากหมู่บ้านโกซา ที่อยู่ในเขตอำนาจการดูแลของนายใช่รึเปล่า? ดูเหมือนว่าพวกเขาพึ่งจะถูกโจมตีโดยโจรสลัดเมื่อไม่นานมานี้นะ”
หมู่บ้านโกซา?
นาวาเอกเนซูมิใช้เวลานานทีเดียว กว่าจะนึกออก
เมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนว่าจะมีคนไปร้องขอความช่วยเหลือจากสาขากองทัพเรือของเขาจริงๆ แต่หลังจากที่เขาได้รู้ว่านั่นเป็นฝีมือของกลุ่มอารอน เนซูมิจึงปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป …
ไอ้เจ้าพลเรือนพวกนั้น ทั้งๆที่ฉันปิดกั้นข่าวสารเอาไว้แล้วแท้ๆ
พวกมันสามารถติดต่อกับราชาปีศาจหัวล้านได้ยังไงกัน!?
“อ๊า ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆนะครับ”
นาวาเอกเนซูมิถักทอคำโป้ปดอยู่ในจิตใจ เอ่ยกับปลายสายว่า “ทางกระผมก็เคยไปที่เมืองโกซาตามคำร้องของพวกเขาด้วยตัวเองมาแล้วเหมือนกัน แต่เมืองของพวกเขา มันได้ถูกทำลายลงแล้วโดยกลุ่มโจรสลัดมนุษย์เงือก ต่อมา กระผมได้ส่งเรือรบออกค้นหาในบริเวณใกล้เคียงเป็นเวลานาน แต่กลับไม่พบถึงร่องรอยของพวกมนุษย์เงือกเลย”
เด็นเด็นมูชิในรูปลักษณ์ของไซตามะกระพริบตาปริบๆ “อืม มันน่าแปลกจริงๆ”
“แต่ความจริงแล้ว เรื่องแบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ดวงตาของนาวาเอกเนซูมิกลับกลอกไปรอบๆ ผุดแผนชั่วร้ายขึ้นในจิตใจ “เหตุการณ์จริงๆก็คือ เมื่อไม่นาน ได้เกิดพายุไต้ฝุ่นขึ้นในบริเวณนี้ และหมู่บ้านโกซาก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก พวกเขาต้องการได้รับเงินเยียวยา จึงแสร้งติดต่อไปทางรัฐบาลโลก ร่ำร้องว่าถูกพวกโจรสลัดบุกทำร้าย … ลูกเล่นแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร กระผมคาดว่าหากเป็นท่านคงพอจะคาดเดาถึงสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนั้นนี่เอง ฉันเข้าใจแล้ว”
ว่าจบ ไซตามะก็วางหูลง
เพราะปัจจุบัน เรือของเขาได้มาจอดเทียบท่าอยู่หน้าหมู่บ้านโกซาแล้ว
เบื้องหน้าเขา เป็นเมืองร้างที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง
และข้างๆเขา เป็นมนุษย์เงือกสองตนที่ถูกไซตามะจับได้ พวกมันกำลังส่งเสียงตะโกนก่นด่าไม่ขาดหู
ในตอนแรก เมื่อพวกมันเห็นเรือของเขา พวกมันไม่แสดงอาการตกใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเดินเข้ามาทักทายอย่างคุ้นเคย เอ่ยปากถามว่านี่คือเรือรบของนาวาเอกเนซูมิใช่ไหม
เพื่อเป็นการยืนยันขั้นสุดท้าย ไซตามะจึงตัดสินใจโทรหานาวาเอกเนซูมิ
ในโทรศัพทธ์ เนซูมิยังคงเลือกที่จะพูดโกหกและกลับกลอก
ข้อเท็จจริงมันชัดเจน และหลักฐานมัดตัวขนาดนี้ย่อมได้ข้อสรุปที่แน่นอนแล้ว
นั่นก็คือ-
-นาวาเอกเนซูมิ … เป็นความชั่วร้าย!
“ไอ้ทหารเรือน่ารังเกียจ! แกกล้าที่จะแข็งข้อกับพวกเรา!”
สองโจรสลัดมนุษย์เงือกที่ถูกมัดเอาไว้ ยังคงด่าอาละวาด คุกคามไซตามะด้วยความลำพอง “รอก่อนเถอะ! รอให้เสนาธิการของพวกเราที่อยู่ในเมืองกลับมา หลังจากที่เขาเห็นว่าเราถูกจับมัด แกจะต้องถูกฆ่าตาย!”
“โห? มีเสนาธิการด้วยงั้นหรอ?”
ไซตามะเหลือบมองพวกมันและกล่าว “แล้วเป็นยังไง เจ้าเสนาธิการนั่นทรงพลังมากไหม?”
“ฮึ่ม! ทรงพลังชนิดที่ว่าแกไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน!”
มนุษย์เงือกส่งเสียงฮึฮะ “พวกเรามนุษย์เงือก เกิดมาพร้อมกับพลังที่มากกว่ามนุษย์ถึงสิบเท่า! และคนที่กำลังจะมาถึง หากไม่นับ ‘เฮียวโซ’ แล้วล่ะก็ เขาคือนักดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในเกาะเงือก! ตราบใดที่แกตกอยู่ใต้คมดาบของเขา จดจำไว้เลยว่าแกจะรอดชีวิตต่อไปได้แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นเจ้าทหารเรือ!”
อ๋อเหรอ
ไซตามะหันไปทางลูกเรือของเขาและกล่าว “พวกนายเฝ้าเจ้าสองตัวอยู่ที่นี่นะ ฉันขอไปสำรวจดูในเมืองหน่อย ว่ายังมีผู้รอดชีวิตหลงเหลืออยู่รึเปล่า”
ทหารเรือยืดตัวตรง ยกมือตะเบ๊ะ “รับทราบครับ! ท่านนายพลจัตวาไซตามะ!”
กระโดดลงจากดาดฟ้าเรือ หยั่งเท้าลงบนฝั่ง ไซตามะซุกสองมือลงในกระเป๋ากางเกง ขยับๆมันให้เข้าที่
“การที่ต้องออกมาปกป้องความยุติธรรมด้วยเสื้อผ้าของตาลุงนั่น มันไม่สบายตัวเอาซะเลย”
ไซตามะเดินไปตามท้องถนนในหมู่บ้านเล็กๆที่กล่าวได้ว่าแทบจะถูกทำลายล้างไปโดยสมบูรณ์แล้ว ปากอ้าตะโกน “เฮ้ ยังมีใครอยู่อีกรึเปล่า? ถ้ายังมีคนรอดชีวิตก็ช่วยตอบฉันกลับมาด้วยนะ ฉันเป็นฮีโร่ มาที่นี่เพราะได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือ … ไม่มีใครอยู่เลยหรออออ”
เสียงสะท้อนไปในหมู่บ้านที่ว่างเปล่า
หลังจากตะโกนอยู่นาน ก็ยังไม่มีใครออกมา
แต่นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว
เนื่องจากหมู่บ้านนี้ถูกโจมตีโดยกลุ่มโจรสลัดมนุษย์เงือก ดังนั้นจึงย่อมแน่นอนว่าต้องไม่มีใครอยู่ที่นี่ ทุกคนคงวิ่งหนีไปกันหมดแล้ว
กระทั่งความปลอดภัยยังไม่อาจรับประกันได้ ฉะนั้นเรื่องการอยู่อาศัยคงไม่ต้องกล่าวถึง
ไซตามะยืนเกาหัวอยู่กลางถนน “อา … ดูเหมือนว่าฉันจะทำอะไรโง่ๆลงไปซะ-”
ยังไม่ทันจะกล่าวจบ ทันใดนั้นเอง หัวเล็กๆที่มีบาดแผลบนใบหน้าก็โผล่ออกมาจากมุมกำแพงด้านหน้า จ้องมองมาทางเขาอย่างระแวดระวัง
อ้าว นั่นมันเด็กไม่ใช่หรอ?
ไซตามะโบกมือด้วยความสุขให้กับเด็กน้อย และกล่าว “เฮ้ ฉันอยู่นี่ มาทางนี้สิ!”
เด็กชายตัวเล็กสังเกตไซตามะอย่างละเอียด มองอยู่นาน สุดท้ายก็ยอมออกมา ทว่ายังคงกุมมีดเอาไว้ในมือ ปากเอ่ยถาม “ลุงเป็นกองทัพเรือที่จะมาช่วยเหลือจริงๆรึเปล่า .. ?”
“ต้องบอกว่าฉันได้รับภารกิจชั่วคราวให้มาที่นี่ถึงจะถูกต้อง”
ไซตามะมองเด็กชาย เบนมองไปทางเบื้องหลังเขา “ว่าแต่ทำไมนายถึงอยู่คนเดียวล่ะเจ้าหนู?”
“ทุกคนไปซ่อนตัวอยู่ที่อื่นกันหมด ส่วนผมแอบออกมาเพื่อแก้แค้นเจ้าพวกมนุษย์เงือก”
เด็กชายตัวน้อยสูดน้ำมูกกลับเข้าไปในจมูก มองไซตามะด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “พวกผู้ใหญ่ได้อธิบายถึงอันตรายของพวกโจรสลัดกับรัฐบาลโลกไปแล้วแท้ๆ แต่ทำไมพวกเขาถึงได้ส่งคนที่ดูหน้าตาอ่อนแอ แถมยังไม่มีกระทั่งชุดคลุมทหารเรือแบบคุณมากันนะ …”
ไซตามะหัวเราะแหะๆ “ฉันดูอ่อนแออย่างงั้นหรอ ขอโทษทีนะ”
“ลุงกลับไปก่อนเถอะ ไปเรียกกำลังเสริมมาให้มากกว่านี้”
ใบหน้าของเด็กชายเผยถึงความดื้อรั้น ทว่าขณะเดียวกันก็หนักแน่น “เสนาธิการของพวกมนุษย์เงือกทรงพลังมาก ลุงคนเดียวเอามันไม่อยู่หรอก รีบฉวยโอกาสในตอนที่เจ้าปลาหมึกหกดาบนั่นยังไม่เจ อตัวลุง กลับไปขอความช่วยเหลือ ..”
ไซตาะมะขัดจังหวะ “เอาล่ะๆ แล้วนายล่ะเจ้าหนู จะไปกับฉันด้วยไหม?”
“คงไม่”
แววตาของเด็กชายทอประกายเกลียดชังฝังรากลึก “มนุษย์ปลาพวกนั้นฆ่าพ่อแม่ของผม ฉะนั้นผมจะต้องแก้แค้นให้พวกเขาด้วยมือตัวเอ-”
ยังไม่ทันจะเอ่ยจบประโยค ก็ปรากฏเสียงแว่วดังขึ้น มองไปตามเสียง พบว่าเป็นสาวสวยผมสีฟ้ากำลังวิ่งตรงมาที่นี่
“เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าคิดทำอะไรแบบนั้นนะ!”
สิ้นประโยค หนึ่งมือฉกแย่งเอามีดจากเด็กน้อยไป อีกหนึ่งมือตบกะบาลจนเด็กน้อยทรุดลงนั่งกุมหัวกับพื้น “ถ้านายคิดแส่หาเรื่องกับพวกมนุษย์เงือกล่ะก็ นายไม่รอดแน่ เรื่องนี้ก็รู้ดีอยู่เต็มอกไม่ใช่รึไง?”
“ผม … เรื่องนั้นทำไมผมจะไม่รู้ ..”
เด็กชายตัวน้อยเม้มริมฝีปาก น้ำตาเริ่มเอ่อนอง “แต่พวกมันฆ่าพ่อแม่ผม ผมจะไม่มีวันให้อภัยพวกมัน”
สาวสวยผมสีฟ้าส่ายหัวของเธอ “เป็นเด็กเป็นเล็กอย่ามาทำตัวเป็นฮีโร่ไปหน่อยเลย เดี๋ยวก็อายุสั้นอยู่ไม่ถึง 100 ปีหรอก”
…
“ไม่หรอก เธอพูดแบบนี้มันก็ไม่ถูก”
“ว่าไงนะ?”
…
“ในโลกใบนี้มีความชั่วร้ายอยู่นับไม่ถ้วน แต่คนที่กล้ายืนหยัดต่อสู้กับพวกมันน่ะ สมควรแล้วที่จะถูกเรียกว่าฮีโร่”
ไซตามะที่มองอยู่เฉยๆมานาน ในที่สุดก็กล่าวออกมา “นี่ไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะมีพลังมากหรือน้อย แต่มันคือจิตวิญญาณ! สาวหัวฟ้า! เธออาจจะมีเจตนาที่ดี แต่จิตวิญญาณที่ต้องการต่อต้านความชั่วร้ายนั้นไม่สมควรหายไป ทุกคนต่างก็เฝ้ารอการปรากฏตัวของฮีโร่ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ด้วยความห้าวหาญกันทั้งนั้น แต่ฮีโร่น่ะ ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาได้ตลอดเวลา ดังนั้นเธอจะไปตัดสินใจแทนผู้อื่นได้ยังไง ว่าเขาจะไม่สามารถรอดชีวิตไปได้”
“ฟังนะเจ้าหนู ถ้าวันหนึ่ง เมื่อศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่ของนายปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า แต่นายกลับไม่กล้าที่จะชักมีดออกมาต่อสู้กับมัน”
“ถึงตอนนั้น นายก็ไม่ควรค่าที่จะถูกเรียกว่าฮีโร่”
บังเกิดประกายแห่งความหวัง ระยิบระยับขึ้นในแววตาของเด็กชายตัวเล็ก “คุณลุง … ผมเข้าใจแล้ว! ผมจะไม่หวาดกลัว! ผมจะต้องฆ่ามนุษย์เงือกพวกนั้นด้วยตัวเอง เพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่!!”
“อ่า นั่น … จริงๆแล้วฉันไม่แนะนำให้นายส่งตัวเองไปตายแบบนั้นนะ”
ทันใดนั้นท่าทีจริงจังของไซตามะก็เปลี่ยนกลับมาเป็นเกียจคร้าน ดวงตาเลื่อนลอยดั่งปลาตายดังเดิม ยกมือขึ้นเกาหัว “ฉันไม่เห็นด้วยกับความคิดของนาย แต่ก็ไม่ยอมให้นายต้องไปตายเหมือนกัน ก่อนที่จะได้กลายมาเป็นฮีโร่ อย่างน้อยนายก็จะต้องปกป้องตัวเองให้ได้ก่อนนะเข้าใจไหม ..”
“ส่วนเวลานี้ ฮีโร่ที่แท้จริงอย่างฉันก็ได้มาถึงแล้ว ฉะนั้น-”
ไซตามะวางมือลงบนไหล่เด็กชาย กล่าวด้วยรอยยิ้ม “-ฉะนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง!”