ตอนที่ 4 ราตรีอันมืดมิดบนดวงจันทร์โฉมใหม่
ตอนที่ 4 ราตรีอันมืดมิดบนดวงจันทร์โฉมใหม่
ครอบครัวมียุนมีทรัพย์สมบัติเยอะพอสมควร เขาเคยหวังว่าครอบครัวเธอคงพอช่วยได้บ้าง แต่ทว่าเขาโยนความหวังนั้นทิ้งไปแล้ว ถึงแม้ว่าพ่อแม่ของเธอจะร่ำรวยแต่มันคงไม่มากพอที่จะจ่ายหนี้หลายล้านให้หมดได้
ซังยอนนึกถึงเรื่องนั้น ทั้งตระหนักว่าคงไม่อาจหลีกเลี่ยงทางเลือกที่มียุนเสนอให้
ถึงกระนั้นเขาเองไม่สามารถทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวและปล่อยเธอจากไป ธุรกิจเขาล้มละลายและยังโดนเพื่อนทรยศหักหลัง สิ่งที่เหลืออยู่ตอนนี้มีเพียงลูกและภรรยาเท่านั้น ครอบครัวเพียงเท่านี้ที่เขาเหลืออยู่
“คุณรอผมอีกสักหน่อยได้ไหม? ได้โปรดรอผมอีกสักหน่อยเถอะ”
เขาเอ่ยคำถามที่บีบเค้นออกมาจากหัวใจ เขาขอร้อง ไม่สิเขาอ้อนวอนเลยละ เขาทำตัวเอะอะเหมือนเด็กที่ร้องงอแงอยากได้ของเล่น
“ทั้งหมดมันเป็นความผิดแจโฮ ผมจะฟื้นฟูเทคโนโลยีที่เขาเอามันไปจากผม ผมจะทำทุกวิถีทาง แล้วถ้าสำเร็จ ผมจะทำให้คุณกับชินเฮมีชีวิตที่สุขสบายที่สุด”
“ไม่ต้อง”
มียุนปฏิเสธข้อเสนอเขาอย่างเย็นชา
มันรู้สึกราวกับถูกดึงพรมออกจากเท้า ทั้งอยู่ในพื้นที่ว่างเปล่าและไกลสุดลูกหูลูกตา สิ่งเดียวที่เขายืนยัดไว้ได้ก็กำลังหายไป ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนถูกผลักลงไปในเหวลึก
“อย่า...ทำแบบนั้นเลย ผมจะลุกขึ้นใหม่ให้ได้ มันจะใช้เวลาไม่นาน ได้โปรดรอผมเถอะ”
ซังยอนสงสัยว่าจะออกจากฝันร้ายนี้ได้อย่างไร ถ้าเธอบอกให้เขาคุกเข่าอ้อนวอน เขาก็จะยอมทำโดยไม่ลังเลสักนิดเขาคิดอย่างสิ้นหวัง
มียุนยังคงเย็นชาดังเดิม เมื่อก่อนเธอมักมีแต่รอยยิ้มและคำหวานให้เขาแต่ตอนนี้ไม่มีแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
“ถ้าคุณกังวลเรื่องหนี้สิน พวกเราก็หย่ากันแบบปลอม ๆ ก็ได้”
จากที่เห็นมียุนไม่ได้แสดงท่าทีอันใด แต่ซังยอนยังพยายามที่จะทำให้เธอกลับมา เขาไม่ยอมแพ้ที่จะโน้มน้าวเธอ
“ผมสามารถเอาชนะเขาได้จริงนะ ถึงแจโฮคิดว่าเขามีแผนที่ดีที่สุดแล้ว แต่ผมมีหลักฐานทั้งสัญญาและเอกสาร ผมเอาชนะเขาในศาลได้แน่ มันอาจจะยากเย็นหน่อยแต่ขอร้องละอยู่กับผมเถอะ ถ้าผมชนะคดีนี้ได้ผมเริ่มต้นใหม่ได้แน่!”
“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้”
ซังยอนพยายามยื่นข้อเสนอที่ดีให้กับมียุน แต่เธอไม่สนใจทั้งพยายามที่จะตัดเขาออกไปจากชีวิต
“เอกสารพวกนั้นไม่มีแล้ว”
“อะไรนะ?”
“ฉันเอามันทั้งหมดให้คุณแจโฮแล้ว”
“···”
ขณะเดียวกันซังยอนยังคิดว่าเขาได้ยินผิดรึเปล่า บริษัทที่เขาอุทิศให้ทั้งชีวิตได้ถูกทำลายด้วยฝีมือลีแจโฮผู้ซึ่งเป็นทายาทของตระกูลที่ร่ำรวยมหาศาล เขามีหลักฐานที่จะเอาคืนลีแจโฮ เขาบดฟันพร้อมกับนึกถึงการแก้แค้น แต่แล้วไม่มีหลักฐานพวกนั้นอีกต่อไป เมื่อครั้นที่บริษัทล้มละลาย เขาได้ฝากหลักฐานไว้ที่ภรรยาคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด
“มันคือเอกสารที่เก็บไว้ในตู้นิรภัยบนห้องนอนใช่ไหม? มันไม่มีแล้ว เลิกฝันเถอะ”
หรือซังยอนฟังผิดไป? เขายืนอึ้งพร้อมทั้งพูดไม่ออก นี่ไม่ใช่ภรรยาเขาอีกต่อไปแต่มันคือปีศาจที่อาศัยร่างภรรยาเขาอยู่ ปีศาจตนนี้เหมือนเพึ่งหลุดออกมาจากนรกอย่างไรอย่างนั้น
“ท...ทำไม”
ลิ้นเขาเริ่มชาราวกับว่าดื่มโซจูไปสองขวดแต่ถึงอย่างนั้นเขายังมีสติดี ถ้าสมองเขาได้รับแอลกอฮอล์ก็คงทำให้หลีกเลี่ยงที่จะรับรู้ความความจริงนี้ได้
“คุณไม่มีโอกาสจะชนะแจโฮได้เลยถ้าไม่มีหลักฐานพวกนั้น คุณไม่มีเงินสักวอน ยอมแพ้ไปเถอะ”
“ทำไมถึงทำแบบนี้!”
เมื่อเขารู้ตัวอีกทีก็ได้กระชากเสื้อมียุนแล้ว
“นั้นมันเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ผม คุณและชินเฮได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ทำไมคุณถึงเอาไปให้มันง่ายดายขนาดนี้!”
“ปล่อยฉัน!”
มียุนปัดมือซังยอนออกไป มือที่แข็งแรงยังคงยึดติดเสื้อเธอไว้เล็กน้อย เมื่อเธอเห็นเช่นนั้น มียุนจ้องมองซังยอนด้วยความโกรธ
“คุณรู้ไหมว่านี่มันราคาเท่าไหร่!”
เสื้อผ้าราคาแพงของเธอยังมีค่ามากกว่าสามีเธอเสียอีก
ซังยอนรู้สึกสับสน นี่เธอไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปเลยเหรอ? อีกทั้งยังห่วงเสื้อผ้าราคาแพงของเธออีก เขารู้ว่าเธอเป็นคนที่คอยใส่ใจเรื่องเครื่องประดับและเสื้อผ้าอยู่เสมอ แต่มันไม่ใช่เวลาที่เธอจะถามเรื่องแบบนี้
“แล้วมันเท่าไหร่ล่ะ ผมคงไม่มีปัญญาจ่ายเพราะต้องเอาเงินไปใช้หนี้ของเราไง ต้องขอบคุณคุณอย่างสุดซึ้ง!”
“คุณนี่ยังพูดจาประชดประชันเหมือนเดิมเลยนะ แต่อย่างไรก็เถอะมันไม่ใช่หนี้สินของพวกเรา มันคือหนี้สินของคุณคนเดียวต่างหากละ!”
“นี่คุณ...”
เขามีหลายอย่างที่อยากจะพูดออกไป ทั้งอยากรู้ว่าได้ทำอะไรให้เธอแค้นเคืองใจ เขาอยากถามถึงเหตุผลเหล่านั้นและแทบอยากจะระเบิดมันออกมา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ราวกับลำคอเขาอยู่บนทางจราจรที่ติดขัดจนไม่สามารถกล่าวคำใดออกมาได้
อย่างไรแล้วมียุนมองอย่างไม่สะทกสะท้านว่าเขาจะรับเรื่องทั้งหมดนี้ได้หรือไม่ ในความจริงเธอเริ่มพรั่งพรูคำพูดที่ฟังแล้วสะเทือนใจออกมาอีกครั้ง
“ฉันจะบอกอะไรให้คุณฟัง เอาไหม? ใช่ ฉันเองนี่แหละที่บอกความลับทางธุรกิจของคุณให้คุณแจโฮรู้ตั้งแต่แรก”
“อะไรนะ?”
“ฉันเป็นคนที่เอาความลับของบริษัทเฮงซวยของคุณไปเผยแพร่ไงละ! แต่คุณก็ไม่เคยสงสัย! ทั้งยังบอกความลับทุกอย่าง!”
เธอมักจะพูดจาไพเราะอ่อนหวาน แต่ตอนนี้กลับมีแต่คำพ่นพิษร้ายออกมาใส่เขา ใบหน้าของเธอเคยเต็มไปด้วยความรัก แต่ตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยคำเยาะเย้ยถากถาง มันยิ่งทำให้เขาสงสัยว่าเธอคือภรรยาที่เขาเคยรักมาตลอดจริงหรือเปล่า แต่ยังไงเธอก็คือมียุน คนที่เคยเป็นทั้งภรรยา แม่ของลูกเขาและผู้หญิงที่เขาเคยรัก
“ใช่ แน่นอน ฉันไม่สามารถบอกข้อมูลที่สำคัญทั้งหมดได้ ฉันไม่รู้หรอกนะว่าข้อมูลไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ ก็แค่บอกเขาทุกอย่างทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ที่เราคุยกัน มันคงเพียงพอสำหรับเขาแล้ว”
เธอไม่ใช่ภรรยาที่เขาเคยรู้จัก เธอเหมือนปีศาจร้าย
“ทำไม ...ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้”
เขายังอยากรู้ถึงแม้เรื่องจริงมันจะโหดร้ายและสาหัสเพียงใดพร้อมถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอ
มียุนให้คำตอบอย่างง่ายดาย
“เงิน”
เงินเพียงคำเดียวแต่อธิบายทุกอย่างได้ดี
“เมื่อคุณแจโฮเริ่มจับตามองธุรกิจคุณ ฉันก็รู้เลยว่าธุรกิจคุณมาถึงจุดจบแล้ว และมันก็เหมือนจะเป็นแบบที่คิดไว้ด้วยสิ ฉันเองก็ได้รับผลประโยชน์จากการส่งมอบธุรกิจของคุณเช่นกัน”
ราวกับเธอสวมหน้ากากเหล็กไว้ เหมือนเธอไม่รู้ตัวเลยว่ามันน่าละอายแค่ไหนกับสิ่งที่ทำลงไป
“สารเลว! แม้เขาจะเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่ แต่บริษัทผมจะไม่ตกเป็นของเขาโดยง่ายอย่างแน่นอน!”
“ก็ไม่เห็นต่างอะไรกับแย่งขนมจากมือเด็ก”
เส้นเลือดเริ่มโผล่ออกมาให้เห็นเต็มบริเวณคอของซังยอน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีผลอะไรต่อมียุน
“สามีคุณสร้างบริษัทมาด้วยเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตา แต่คุณกลับให้มันเพื่อแลกกับเงินเนี่ยนะ!”
“แน่นอน เหตุผลส่วนใหญ่ก็คือเงินนั่นแหละ แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด”
มียุนสะบัดผมเธอไปด้านข้าง
“คุณคงไม่รู้ เพราะคุณมันโง่ ฉันกำลังคบกับคุณแจโฮอยู่”
“อะไรนะ!”
เขาไม่รู้ว่าจะรับสิ่งเหล่านี้ได้อีกมากแค่ไหน หัวใจเขาเต้นแรงและรู้สึกได้ถึงความตกใจและความโกรธ หน้าซังยอนเริ่มแดงราวกับว่าหัวเขาจะระเบิด
“ตอนคุณยังเด็กคุณช่างดูเป็นคนยอดเยี่ยมไปทุกเรื่อง แต่พอคุณโตขึ้นคุณกลับดูเป็นแค่ชายวัยกลางคนที่เหมือนลุงแก่ชราที่โคตรจะน่าเบื่อ ฉันไม่ยอมอยู่กับคนแบบนี้ไปทั้งชีวิตแน่ ฉันยังสวยและดูดี ฉันว่าคุณถามฉันมากเกินไปแล้ว”
ขณะเดียวกันมียุนแสดงท่าทางออกมาอย่างภาคภูมิใจ เธอมีอายุมากขึ้นแต่ในฐานะผู้หญิงเธอปลื้มใจในความจริงที่ว่าเธอยังสวยไม่แพ้ใคร
“คุณแจโฮเป็นคนรวยและเขาดูแลตัวเองอยู่เสมอ เขาเลยยังหล่อเหลาและดูดี คุณเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยว”
มียุนเริ่มชายตามองเขาอย่างละเอียดอีกครั้ง เธอมองไปที่พุงยื่นออกมาและริ้วรอยบนหน้าเขาพร้อมถอนหายใจ แต่ละการกระทำที่ทำอยู่นั้นมันทำให้หัวใจของซังยอนแหลกสลาย
“… นี่คุณนอกใจผม? คุณคิดเหรอว่าเขาจะอยู่กับคุณไปตลอดชีวิต! เขาคิดว่าคุณเป็นแค่ของเล่นแค่นั้นแหละ!”
“ฉันรู้”
มียุนดูไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของซังยอน
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ถึงแม้ฉันจะคอยดูแลตัวเองอยู่เสมอแต่ก็ทำอะไรไม่ได้กับอายุที่มากขึ้นอยู่ดี ฉันจะวนเวียนอยู่อีกสักพักก่อนที่จะแต่งงานกับชายหนุ่ม”
เขาเจ็บใจและหัวเราะว่าเขามาถึงจุดนี้ได้ยังไง นี่คือธาตุแท้ของภรรยาเขาคนที่เห็นคุณค่าและเชื่อใจมาตลอด
“คุณคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเองหรือยังไง?”
“ฉันอยากได้เงินเพื่อที่จะมีความสุข ถ้ามีเงินโลกคงหมุนรอบตัวฉัน แล้วการที่ฉันได้เปิดโปงหลักฐานของคุณ ฉันก็ได้รับเงินค่อนข้างมากเลยล่ะ”
“พวกแกนี้มันคล้ายกับสุนัขที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน!”
เขารู้สึกโง่เง่าที่เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในเกมให้พวกเขาเล่น
‘ฉันอยากจะฆ่าเธอให้สิ้นซาก’
ซังยอนรู้สึกประหลาดใจที่ยังควบคุมตัวเองได้ เขาอยากจะต่อยเธอแต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำ ในสถานการณ์เช่นนี้เขาคิดว่าการฆ่าเธอทิ้ง มันคงเหมาะสมที่สุดแล้ว
เขาใช้การควบคุมตัวเองอย่างมากในการสยบอารมณ์โกรธ
“มันไม่จบแค่นี้แน่!”
เขารู้สึกเจ็บใจและจะไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไป
“สิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำ คือการเอาพวกแกทั้งสองเข้าคุกให้ได้!”
“มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ ฉันสัญญากับคุณแจโฮไว้แล้วว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“เธอได้เงินจากการทำแบบนี้?”
“แน่นอน ฉันได้เงินมาค่อนข้างมากเลยล่ะ”
“ฮ่า ผมดูเหมือนคนปัญญาอ่อนเหรอ? นี่คุณคิดว่าผมจะไม่แก้แค้นอะไรเลยหลังจากที่โดนทำร้ายขนาดนี้ใช่ไหม?”
“งั้นเหรอ?”
ซังยอนตะโกนออกมาด้วยเสียงที่โกรธแค้น แต่เธอก็ยังดูเงียบสงบเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่ายังมีไพ่เหนือกว่า ซังยอนเริ่มกังวล จากการถูกหักหลังอย่างต่อเนื่องมันทำให้จิตใจเขาสั่นคลอน แต่เขารู้ว่าเธอจะทำอะไรบางอย่าง อีกทั้งยังรับรู้ได้ถึงความเย็นชาของเธอ
มียุนเริ่มกล่าวอย่างใจเย็นพร้อมกับคำพูดที่ซังยอนแทบคาดไม่ถึง
“ถ้านายยังไม่ยอมหยุด คงไม่เกิดผลดีกับชินเฮแน่”
ซังยอนมั่นใจว่าเขาได้ยินไม่ผิด
“เธอ... นี่เธอ!”
ซังยอนไม่เคยลืมสิ่งที่เธอกล่าว เขาไม่สนอะไรจะเกิดขึ้นกับเขา แต่กับชินเฮ...
“เธอมันสารเลว! ชินเฮคือลูกสาวเธอนะ!..”
เขาด่าเธอออกมาในที่สุด ครั้นยังเคยเป็นสามีภรรยากัน เขาไม่เคยสบถกับเธอเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่สามารถสยบอารมณ์ได้อีกต่อไป
“เธอไม่ใช่ลูกสาวฉันคนเดียว! แต่เธอคือลูกสาวของเรา!”
เรื่องแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น ถ้าเธอไม่เห็นแก่เงินและยังคำนึงถึงความเป็นแม่ เธอเอาลูกที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเธอมาขู่กันได้อย่างไร?
“ใช่ ถ้าเรายังจดทะเบียนสมรสกันเธอยังคงเป็นลูกสาวเรา แต่ฉันเลือกแล้วที่จะหย่ากับคุณ เด็กคนนั้นก็เป็นแค่สัมภาระที่ฉุดอนาคตฉันให้แย่ลงเท่านั้น”
ในฐานะแม่หม้าย เธอจะกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว มียุนไม่สามารถทนกับสิ่งนั้นได้และไม่สามารถกลบความเป็นจริงที่เคยมีลูกมาก่อนจึงปฏิเสธภาระนี้แทน
“...เธอเอาจริงงั้นเหรอ”
เธอเรียกลูกสาวของเธอโดยใช้คำว่า ‘เด็กคนนั้น’ และ ‘สัมภาระ’ เธอไม่สนใจสิ่งใด ซังยอนคงต้องยอมรับว่าเรื่องตลกนี้เป็นเรื่องจริงในที่สุด
“ใช่ ฉันพูดจริง คุณควรปล่อยให้เรื่องนี้จบไปเงียบ ๆ มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ และ ชินเฮ”
“ทางเลือกนี้มันดีต่อเธอคนเดียวละสิ!”
“งั้นนายจะไม่ยอมจบเรื่องนี้สินะ? ดูเหมือนนายจะไม่ได้กังวลเกี่ยวกับลูกสาวเลยใช่ไหม?”
“นี่เธอต้องการทำแบบนี้จริงเหรอ!”
“นี่คุณคิดว่าฉันไม่กล้า? ใช่ ฉันอาจจะไม่สามารถเพิกเฉยหรือว่าทำร้ายเด็กคนนั้นได้ มันโจ่งแจ้งเกินไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลายวิธีที่ฉันจะทรมานเธอได้ มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับฉันที่จะกำจัดเด็กหญิงอายุห้าปีออกไปให้พ้นโลกนี้!”
ใครกันจะไปคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่คน? ถ้าไม่ใช่คนบ้า แม้แต่คนแปลกหน้ายังไม่กล้าข่มขู่เด็กถึงขนาดนี้
ที่เขายอมให้ชินแฮหลบไปอยู่กับฝ่ายแม่ของภรรยา มันทำให้เขาสำนึกเสียใจที่ทำแบบนั้น เมื่อคิดว่าตัวเองยอมปล่อยให้ชินแฮไปอยู่กับมียุนก็ทำเขาแทบเป็นบ้าแล้ว
“ถ้านายอยู่เงียบ ๆ ฉันจะยอมพานายไปหาเธอตอนนี้ ฉันไม่ต้องการเด็กนั้นอีกต่อไปแล้ว”
“คุณไม่ต้องการลูก? คุณนี่มันต่ำที่สุดของคำว่าต่ำ คุณคิดเหรอว่าฉันจะยืนอยู่เฉยโดยไม่ทำอะไร!”
“คุณจะฟ้องฉันเหรอ?”
มียุนมองซังยอนอย่างเย้ยหยัน ราวกับเธอกำลังจ้องมองแมลงใกล้ตายที่ดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์
“ฉันน่ะไม่ทำร้ายชินแฮ แต่ดูตัวคุณที่มีหนี้สินมหาศาล รู้ใช่ไหมว่าประเทศนี้ฝ่ายแม่มีโอกาสได้สิทธิ์เลี้ยงดูลูกสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างนั้นแล้วคุณคิดว่าศาลจะเข้าข้างใครกัน?”
“เธอ... นี่เธอ!”
“ถ้าเรื่องมันไปไกลถึงขั้นนั้น คุณแจโฮจะส่งทนายให้ฉัน นายจะสามารถจ้างทนายความที่ดีได้แค่ไหนกันเชียว?”
ซังยอนไร้ซึ่งคำตอบ ถ้าเขายังต่อสู้ที่จะได้สิทธิ์การเลี้ยงดู เขามีแต่ข้อเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เหนือสิ่งอื่นใดปัญหาที่แท้จริงคือหนี้สินอันมหาศาลของเขา
“แน่นอน มันอาจจะเป็นไปได้ที่นายจะได้สิทธิ์การเลี้ยงดู ถ้านายสามารถพิสูจน์ความผิดของฉันได้ แต่อย่างไรแล้วคงไม่เป็นผลดีกับเด็กแน่ นายจะรับผลลัพธ์นั้นได้เหรอ?”
คำพูดเหล่านั้นเหมือนขุดหลุมฝังศพเขาท้ายที่สุดซังยอนทำได้แค่คอตก