ตอนที่ 3
ตอนที่ 3 จะชมปะป๊าบ้างก็ได้นะ
ฉันได้ลองถามเรื่องราวต่างๆ จากคลาวด์ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับการจัดการตำแหน่งภายในของทางโบสถ์
การที่เบตได้รับการแต่งตั้งให้เป็นซิสเตอร์นั้น สำหรับเบตคงจะเป็นเรื่องที่เธอใฝ่ฝันอยู่แล้ว
ตรงนี้ฉันไม่ได้ติดใจอะไร
แต่เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากคลาวด์ก็ทำให้ฉันเกิดคำถามขึ้นมาเต็มไปหมด
นี่มันค้ามนุษย์ชัดๆ เลยไม่ใช่หรือยังไง
คลาวด์บอกว่าก่อนที่ฉันจะมาเมืองท่าเมื่อ 1 ปีก่อน
มีลูกสาวของครอบครัวหนึ่งถูกชักชวนให้เข้าไปรับตำแหน่งซิสเตอร์ที่เมืองหลวง
แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวการกลับมาของผู้หญิงคนนั้น
การได้เป็นผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับคนที่นี่มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก
เพราะเชื่อกันว่าผู้ที่รับใช้พระผู้เป็นเจ้านั้นจะได้รับอำอวยพรจากสวรรค์ที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองตนเองและครอบครัวจากภัยร้ายทั้งปวง
“ถ้าเกิดเรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องจริง...เนเน่”
“รับทราบแล้วค่ะคุณหนู เรื่องการตรวจสอบฝากให้เป็นหน้าที่ดิฉันได้เลยค่ะ”
เอ๊ะ? ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ
เอาเถอะ
“ส่วนนายคลาวด์ พาฉันไปหาเบตที”
“รู้แล้วล่ะน่า คำสั่งของคุณหนูแองเจล่าผู้ยิ่งใหญ่ ตัวกระผมนั้นมิอาจปฏิเสธได้อยู่แล้วล่ะ”
คลาวด์แกล้งใช้คำพูดเพื่อล้อเลียนฉัน
ตัวฉันเมื่อก่อนก็วางตัวกับทั้งสามคนไว้อย่างชัดเจนว่าอยากเป็นเพื่อนด้วยกัน
ถึงเนเน่จะไม่คิดแบบนั้นก็เถอะ
ฉันที่ได้ยินแบบนั้นจึงส่งสายตาชนิดที่ว่าสามารถสูบเลือดสูบเนื้อให้หมดตัวได้ในพริบตาหากยังกล้าพูดอีก
“เข้าใจแล้วๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้”
ฉันหลับตาแล้วพยักหน้าให้เป็นการตอบโต้คล้ายๆ กับ “อืม”
“คุณหนูแองเจล่าผู้หยิ่งใหญ่ในราชอาณาจักร”
.....
หลังจากนั้นเพียงพริบตาเดียวคลาวด์ถูกเนเน่ทุ่มลงกับพื้น
เหมือนทุกๆ ครั้งที่ฉันโดนแกล้งก็จะได้เนเน่มาช่วยไว้เสมอ
หลังจากที่เนเน่ได้รับหน้าที่ไปตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของทางโบสถ์ที่ฉันไหว้วานไป ทำให้ตอนนี้ฉันไม่มีคนคอยคุ้มกัน
คลาวด์นายได้สิทธิ์นั้น
คลาวด์กลายมาเป็นคนคุ้มกันให้กับฉันชั่วคราวในระหว่างที่เนเน่ไม่อยู่
เรื่องเกี่ยวกับเบตและโบสถ์ในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาอย่างคลาวด์หรือแม้แต่ชนชั้นสูงอย่างฉันจะเข้าไปยุ่งได้เลย
เพราะศาสนาในบางประเทศนั้นมีพลังอำนาจเหนือกว่ากษัตริย์เสียด้วยซ้ำไป
แน่นอนว่าถึงแม้ในราชอาณาจักรคูราเซียจะไม่ได้มีอำนาจมากนัก
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย
กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรคูราเซียเองก็ยังต้องคิดไตร่ตรองก่อนที่จะเข้ามายุ่งเรื่องของทางโบสถ์เช่นกัน
แล้วตัวฉันที่ไม่ได้เป็นกษัตริย์ ไม่ได้มีอำนาจมากมายเท่าท่านพ่อจะสามารถจัดการปัญหาเรื่องนี้ได้หรอ
หรือว่าจะขอให้ท่านพ่อช่วยอีกแรง
ไม่ได้ๆ ถ้าทำแบบนั้นก็มีแต่จะสร้างเรื่องน่าปวดหัวให้ท่านพ่อเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แค่เรื่องที่ฉันถูกไล่ออกจากโรงเรียนนั่นก็มากพออยู่แล้ว
ฉันจะให้ท่านพ่อเข้ามายุ่งเรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ใจจริงฉันเองก็กลัวอยู่เหมือน
ทั้งในโลกใบนี้และอีกโลกหนึ่งนั้นการเข้าไปแทรกเรื่องพวกนี้มักจะจบไม่สวยเท่าไหร่นัก
“คลาวด์ แล้วหลังจากที่เบตได้เป็นซิสเตอร์แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปล่ะ”
“ก็ถ้ายังอยู่ในเมืองท่าแห่งนี้ฉันก็พอจะช่วยดูแลได้บ้าง แต่ถ้าหากถูกส่งตัวไปที่อื่นทางนี้เองก็จนปัญญาเหมือนกัน”
“หมายความว่าก่อนที่เบตจะถูกส่งตัวไปเราต้องทำอะไรสักอย่างสินะ”
“ก็ตามที่ว่ามานั่นแหละ”
หมายความว่าตอนที่เบตยังอยู่ที่นี่เรายังพอมีโอกาสสินะ
“เธอเอาจริงอย่างนั้นหรอ ที่จะเข้าไปยุ่งเรื่องของทางโบสถ์น่ะ”
“เอาจริงสิ”
“เธออาจจะกลายเป็นศัตรูกับโบสถ์และอาจจะถูกขับไล่เลยก็ได้นะ”
“ฉันไม่สนเรื่องพวกนั้นหรอก...ไม่สิถ้าบอกว่าไม่เลยก็ดูจะเป็นการโกหก แต่ตราบใดที่เพื่อนของฉันกำลังมีปัญหาแล้วจะให้ฉันอยู่เฉยๆ น่ะ ไม่มีทาง”
“ให้ตายสิ เธอนี่มัน”
ถ้าแค่เพื่อนคนเดียวยังช่วยไม่ได้ล่ะก็ นั่นก็ไม่ใช่ฉันแล้วล่ะ
ในระหว่างการเดินทางไปยังโบสถ์ที่เบตอยู่นั้นฉันก็ได้เดินผ่านและพบปะกับผู้คนมากมาย
เนื่องจากโบสถ์นั้นอยู่ไม่ไกลมากฉันจึงอยากเดินแทนการนั่งรถม้า
เพื่อปกปิดตัวตนด้วยส่วนหนึ่ง
ตอนนี้ฉันกลายเป็นเด็กสาวชาวบ้านธรรมดาจากชุดที่ใส่
เป็นชุดเดรสธรรมดาๆ ทั่วไปที่หาได้ในเมืองนี้
ถ้าหากใส่ชุดที่เนเน่เตรียมมาให้ล่ะก็คงจะเดินในเมืองลำบากแน่
แล้วฉันเองก็อยากสัมผัสบรรยายของคนทั่วไปดูบ้าง
“ที่นี่คนเยอะขนาดนี้เลยหรอ”
“เมื่อก่อนก็ไม่ได้เยอะเท่านี้หรอก เป็นเพราะดยุกลินคอล์นที่นี่เลยพัฒนาจากเมื่อก่อนมาก”
“งั้นหรอ ท่านพ่อนี่สุดยอดไปเลยนะ”
“แต่ลูกสาวกลับ...เห้อ”
“นั่นหมายความว่ายังไงที่พูดน่ะ”
ถ้าเนเน่อยู่ล่ะก็ป่านนี้คงล้มตึงไปแล้วล่ะ
ในขณะที่ฉันกำลังเถียงกับคลาวด์อยู่นั้นก็เห็นร้านขายของข้างๆ ที่ขายเครื่องประดับ
มีทั้งสร้อยข้อมือ สร้อยคอ ต่างหู เป็นของที่เบตชอบทั้งนั้นเลยนี่นะ
เพราะว่าอยู่ที่โบสถ์ตลอดเวลา ถ้าหากว่าฉันไม่ได้มาที่เมืองท่าเบตก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเท่าไหร่
ส่วนเรื่องเงินที่จะเอามาซื้อของพวกนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะเป็นคนใจดีมากขนาดที่ว่าเอาของกินที่โบสถ์ในส่วนของตัวเองไปให้เด็กคนอื่นๆ
ถ้าตัวเองมีเงินเหลือขนาดนั้นก็คงจะเอาไปซื้อของกินให้เด็กคนอื่นๆ ไม่ก็ซื้อแต่หนังสือเก่าๆ เอามาอ่านเท่านั้นแหละ
เพราะเบตเป็นคนแบบนั้นล่ะนะ
ฉันเดินเข้าไปที่ร้านเลือกดูเครื่องประดับพวกนั้น
“ฉันไม่คิดว่าของพวกนี้จะทำให้เธอพอใจได้หรอกนะ”
“ทำไมล่ะ ฉันคิดว่ามันก็สวยดีนะ”
“ใช่แล้วล่ะแม่หนู ตาถึงดีนี่ ดีกว่าคนที่มาด้วยกันซะอีก”
อุ้บ
ฉันเกือบหลุดหัวเราะเพราะคุณป้าที่ขายเครื่องประดับดันเข้าข้างฉันแถมยังแขวะใส่คลาวด์ด้วย
คลาวด์ทำสีหน้าเรียบเฉยไม่สนใจคำพูดของคุณป้าขายเครื่องประดับและเบนหน้าไปอีกทาง
ส่วนฉันและคุณป้ามองหน้ากันและแอบหลุดยิ้มออกมาเล็กน้อย
หลังจากนั้นฉันกับคลาวด์ก็เดินทางต่อไปที่โบสถ์
เพื่อจะได้เจอกับเบตเพื่อนสมัยเด็กอีกคนของฉัน
แล้ว....
ทะ...ทำไมโบสถ์ถึงได้ใหญ่โตแบบนี้ล่ะ
“นั่นใช่โบสถ์เมื่อตอนนั้นจริงๆน่ะหรอ เมื่อก่อนมันทั้งเก่าแล้วก็โทรมแถมเล็กกว่านี้ตั้งเยอะ”
“เพราะได้รับเงินสนับสนุนจากดยุกลินคอล์นล่ะนะ ถึงได้กลายมาเป็นโบสถ์แบบนี้”
เอ๋ ท่านพ่ออีกแล้วหรอ?
คนที่สนแต่งานและเรื่องที่ทำแล้วได้ผลตอบแทนอย่างท่านพ่อจะมาทำเรื่องแบบนี้ได้
ตระกูลของฉันรวยขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย ก็รู้อยู่หรอกว่าท่านพ่อไม่ใช่ธรรมดา แต่การที่บริจาคเงินจนเปลี่ยนโบสถ์เล็กๆ โทรมๆ จนมีสภาพแทบไม่ต่างจากราชวังขนาดย่อมเลยนะ นี่ใช่รวยธรรมดาแน่หรอ
เอาเถอะ
ท่านพ่อเป็นคนที่เดาใจยากอยู่ด้วยสิ บางทีท่านอาจจะอยากได้อำนาจจากทางโบสถ์มาสนับสนุนตัวเองบ้างก็ได้
ใช่ ใช่แล้ว
ท่านพ่อกำลังจะทำการปฏิวัติเลยต้องการคนหนุนหลัง ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี
ไม่ผิดแน่นอน
ถ้าหากซื้อใจคนของโบสถ์และชักชวนมาร่วมมือกันได้ก็ไม่มีใครหยุดท่านพ่อได้
ฉันพยักหน้าขึ้นลงและยิ้มอย่างพอใจที่ตัวเองรู้แผนที่ท่านพ่อวางเอาไว้
ที่จริงแผนการจะที่ท่านพ่อจะปฏิวัตินั้นตัวฉันในโลกนี้ไม่ได้รับรู้ล่วงหน้าเลยแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่ลุ่มหลงไปกับความรักจอมปลอมนั่นจนละเลยครอบครัวแสนสำคัญเพียงคนเดียวอย่างท่านพ่อไป
แต่ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้มันไม่มีในฉากเกมที่ฉันเคยเล่นอีกแล้ว
เป็นการกำหนดเรื่องโดยตัวฉันเองและฉันจะเป็นคนกำหนดชีวิตของตัวเอง
จะไม่ยอมให้ใครต้องตายเด็ดขาด
ทั้งๆ ที่ฉันเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างแต่สีหน้าของคลาวด์กับมองฉันด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
ประมาณว่ายายนี่เป็นอะไรไปอยู่ๆ ก็ยิ้มอยู่คนเดียว
เพราะว่านายไม่เข้าใจยังไงล่ะ
เขตเทราเรีย
คฤหาสน์ตระกูลไลออนฮาร์ท
“ป่านนี้เด็กคนนั้นคงจะได้เจอกับคลาวด์และเบตแล้วหรือยังนะ”
“ปะป๊าๆ เบตบอกว่าโบสถ์ที่เบตอยู่เก่ามากและไม่มีเงินพอจะเลี้ยงทุกคน แองจี้ขอเอาเงินของแองจี้ไปให้เบตได้ไหม”
“ป่านนี้เด็กคนนั้นจะได้เห็นโบสถ์หลังใหม่นั่นหรือยังนะ”
ทุกครั้งที่ได้ไปที่นั่นเด็กคนนั้นก็มักจะขอตามเราไปด้วยทุกครั้ง
แล้วในทุกๆ เย็นก็จะกลับมาเล่าว่าตัวเองเล่นอะไรกับเพื่อนบ้าง
แต่ว่าที่เมืองนั้นยังไม่ได้รับพัฒนาทำให้ยังมีพวกอันทพาลที่คอยข่มเขงรังแกคนอื่นอยู่
ถ้าเกิดให้แองจี้ไปเล่นตอนที่ไม่ได้คอยตามดูอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้ ก็เลยจัดการทุ่มเงินเพื่อพัฒนาเมืองนั้นไป
ส่งทหารยามเข้าไป
แล้วก็เห็นว่าทำเลดีก็เลยช่วยเรื่องการสร้างท่าเรือไว้ให้ด้วย เพราะคิดว่าคงได้ใช้แน่นอนในอนาคต
ที่ทำทุกอย่างก็เพราะเป็นห่วงแองจี้นะ แองจี้จะชมปะป๊าบ้างก็ได้นะ
อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอก
แต่พอแองจี้โตขึ้นแล้วไม่เรียกว่า ปะป๊า เหมือนแต่ก่อนนี่ก็ทำให้เหงาเหมือนกันนะ
“อะแฮ่ม นายท่านครับเตรียมรถสำหรับกลับเมืองหลวงไว้แล้วครับ”
“อืม ยะ...ยังมีเรื่องที่ต้องสะสางให้เสร็จอยู่ที่เมืองหลวงอีกหลายเรื่องด้วยสิ”
หลังจากที่น้อมส่งดยุกลินคอล์นแล้วก็ไปทำหน้าที่ของตนเองตามปกติของงานพ่อบ้าน
“ที่จริงอยากจะไปเมืองท่านั้นกับคุณหนูแต่ด้วยที่ว่าต้องรักษาเกียรติของดยุกประจำตระกูลเอาไว้เลยไปไม่ได้”
พลูลี่ผู้นี้สงสารแทนจริงๆ ท่านดยุก
ทันทีที่เข้าไปใกล้โบสถ์ฉันก็ได้ยินเสียงของพวกเด็กๆ ดังมาแต่ไกล
เป็นน้ำเสียงหัวเราะสนุกสนานตามประสาพวกเด็กๆ ที่เล่นกัน
ยังมีอยู่สินะ พวกเด็กๆ น่ะ
ที่โบสถ์ของเมืองหลวงมีโบสถ์อยู่หลายแห่งด้วยกันแต่ไม่มีพวกเด็กๆ อยู่เลยแม้แต่คนเดียว
เพราะพวกขุนนางที่มาร่วมงานทางโบสถ์ไม่ชอบพวกเด็กกำพร้าพวกนั้นจึงสั่งโบสถ์ไป
ที่จริงพวกขุนนางไม่สิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องของทางโบสถ์ด้วยซ้ำแต่คงจะมีเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยวด้วยแน่นอน
แต่ท่านพ่อไม่ใช่คนแบบนั้น ท่านพ่อไม่มีทางทอดทิ้งพวกเด็กๆ พวกนี้ได้ลงคอหรอก
ประตูบานใหญ่เปิดออก
ในที่สุด...ฉันก็จะได้เจอเบต