เคียวที่ 7 : เคสพิเศษ
การเข้าห้องเชียร์วันแรกเป็นไปด้วยความสงบสุข เรียบร้อย ไม่มีพี่ว้ากมาว้ากแต่อย่างใด
แต่วันต่อ ๆ ไปอาจจะมี ผมเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาจากรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่า วันแรกอาจจะชิว ๆ ไปก่อน ที่สำคัญวันนี้เปิดตัวพี่รหัสครับ เป็นพี่ฟองนมจริง ๆ อย่างที่ผมคาดไว้ พี่เขามาเยี่ยมผมทุกวันเลยตอนนอนโรงพยาบาลจากคำบอกเล่าของเพื่อน
ตอนนี้เป็นเวลาพักทานข้าวเย็น ทุกคนก็นั่งรอพี่รหัสตัวเองเอาข้าวเย็นมาเทค และนั่นพี่รหัสของผม เธอกำลังเดินตรงมา ผมได้แต่มองตามร่างบางของพี่ฟองที่เดินเข้ามาไกลเรื่อย ๆ วันนี้เธออยู่ในชุดนักศึกษาดูน่ารักไปอีกแบบ ปกติจะเห็นใส่แต่เสื้อยืด กางเกงเล โอ๊ย ดูเขายิ้มซิ นี่คนหรือนางฟ้าเนี่ย แต่ละก้าวที่เดินนี่ทำเอาผมเคลิ้มไปเลย
“น้องคีย์”
“น้องคีย์”
“เฮ้ย ! ไอ้คีย์ พี่รหัสมึงมาอะ”
ป๊าบ ! มือของไอ้อิฐที่นั่งติด ๆ กับผมหันมาฟาดหัวเข้าให้ นี่ผมเผลอมองพี่เขาจนพี่เขาเดินมานั่งจ้องหน้าผมใกล้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“เอ่อ คะ...ครับ พี่ สวัสดีครับ”
“เหม่อไรเนี่ย มองพี่หรือมองใคร”
จะมองใครละครับ มองพี่นี่แหละ ตากลม ๆ จ้องตรงมาที่ผม โอ๊ย เขิน
“เปล่า เปล่าพี่ แหะ ๆ ผมคิดไรเพลิน ๆ นิดหน่อยอะครับ”
“แถว่ะ ถลอกหมดแล้ว”
เสียงดังมาจากข้างตัวผม ไอ้ชาบูนั่นเอง ไอ้พวกนี้มันมารความสุขผมจริง ๆ ผมหันไปกระทุ้งศอกใส่มันหนึ่งที มันแกล้งร้องโอดโอยเสียงดังจนพี่ฟองขำ
“แล้วหายดีแล้วใช่เปล่าเนี่ย ตกใจแทบแย่ พี่ไปเยี่ยมเกือบทุกวันเลยนะ แต่ไปทีไรคีย์ก็หลับตลอดเลย”
แล้วพี่ฟองก็ยื่นถุงผ้ามาให้
“หายดีแล้วครับพี่ ว่าแต่เอาไรมาให้ผมครับเนี่ย” ผมถามพลางหยิบของที่พี่เขายื่นให้
“ลองเปิดดูดิ”
ผมเปิดถุงผ้าออกมาดู ข้างในมีกล่องพลาสติกหนึ่งกล่อง มีน้ำผลไม้หนึ่งขวด น้ำเปล่าหนึ่งขวด แสน็คที่เป็นธัญพืชอบกรอบหนึ่งชิ้น อื้อฮือ คลีนเว่อร์ ไหน ๆ ขอเปิดกล่องข้าวหน่อย
และแล้วข้าวกล้อง อกไก่ย่าง ผักต้มก็ปรากฏสู่สายตาผม
“โอ้โห น่ากินจังครับ”
คือข้างในนี่น้ำตาแทบไหล พี่ฟองคิดว่าผู้ชายตัวโต ๆ อย่างผมกินพวกนี้หมดแล้วจะถึงครึ่งกระเพาะไหมครับ ...
“น่ากิน ก็กินให้หมดนะ พี่ทำเอง”
เสียงกลั้นหัวเราะของทั้งสองคนข้างตัวผมที่ยื่นหัวเข้ามาดูกับข้าวผมอย่างไม่มีมารยาท ทำให้พี่ฟองหันไปถาม
“ขำไรกันอ่า ชาบูกับอิฐว่ามันไม่น่ากินเหรอ”
“เปล่า ๆ ครับพี่ โคตรน่ากินอะ แต่ไอ้คีย์มันไม่ชอบกินอัก อิด อาก อู อำไอ”
ผมรีบเอามือไปตะปบปิดปากไอ้ชาบูอย่างรวดเร็ว พี่เขาทำมาแล้วทั้งทีจะให้เสียน้ำใจได้ยังไง
“ไม่มีไรครับ ไอ้ชาบูมันก็พูดไปเรื่อย ผมกินได้ทุกอย่างครับ พวกผักไรแบบนี้ ผมช๊อบ ชอบ” พูดจบผมก็ได้แต่ก้มลงมอง แครอท บร็อคโคลี่ มะเขือเทศ ที่วางอยู่ในกล่องอย่างปลง ๆ
“แหม ไม่ต้องเสียงสูงก็ได้มั้ง”
“แหะ ๆ ครับ ว่าแต่ พี่คิดว่าผมอ้วนเหรอครับ”
“เปล่า ๆ หุ่นดีแล้ว แต่เพื่อสุขภาพไง กินแบบนี้มีประโยชน์จะได้แข็งแรง ที่สำคัญ มีมะเขือเทศด้วย จะได้ข๊าวขาว”
เดี๋ยว ๆ ประโยคสุดท้ายมันแปลก ๆ นะ
“โธ่พี่ ผมไม่ได้ดำขนาดนั้นป่ะ” ผมพูดทำเสียงดุ ๆ ใส่
“แหม แซวเล่น ๆ เดี๋ยวพี่ไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้”
“ครับ ๆ เจอกันครับ”
“เอ้อ เกือบลืม นี่ของอิฐ พี่รหัสอิฐฝากมาให้ พอดีพี่เขาติดธุระอะ”
พี่ฟองยื่นถุงอีกถุงมาให้ไอ้อิฐก่อนเดินจากไป สมน้ำหน้า มีคนได้กินคลีนเป็นเพื่อนผมแล้ว
แต่เหมือนจะผิดคาด เพราะของอิฐได้ผัดกะเพราะทะเลไข่ดาว คิทแคทสองชิ้น ป๊อกกี้หนึ่งกล่อง โค้กอีกกระป๋อง โอ้โห ทำไมมีแต่ของที่มันชอบเนี่ย
“เฮ้ย ! ไมมึงได้แต่ของชอบทั้งนั้นเลยเนี่ย”
ไอ้ชาบูลุกจากที่มานั่งตรงหน้าระหว่างผมกับไอ้อิฐ ซึ่งตอนแรกเรานั่งกันเป็นแถวหน้ากระดานขณะรอพี่รหัส
“กูเมลไปหาเขาไง เขาถามว่ากูอยากกินอะไร กูก็เลยจัดไป เป็นไงพี่รหัสกู ถึงไม่เห็นหน้าแต่อาหารถึง กูก็โอ”
ว่าแล้วผมก็ไม่รอช้า รีบตักผักในกล่องแล้วใส่ไปในกล่องข้าวมัน แล้วเอากะเพราทะเลบางส่วนมาใส่ในกล่องของผม
“แลกกัน ๆ” ผมพูดออกไปอย่างรวดเร็ว
“กูแลกด้วย”
ชาบูไม่น้อยหน้า ตักกะเพราถั่ววิญญาณหมูไปใส่กล่องของอิฐ ที่ได้มาจากพี่รหัสผู้ใส่แว่นหนาเตอะไปเร็วมาเร็วของมัน ก่อนจ้วงเอากะเพราทะเลมา
“เฮ้ย ๆ พวกมึงอะไรเนี่ย” ไอ้อิฐเริ่มร้องโวยวายออกมา
พวกเรากินไปหัวเราะไปสักพัก เสียงข้อความในมือถือผมก็ดังขึ้น ผมหยิบมันออกมาเปิดอ่าน
พิกัด : หอพักหญิงวราพร ถนน XXX ซอย XXX
ลักษณะวิญญาณ : หญิงสาว อายุ 20 ปี
สาเหตุการตาย : ถูกฆาตกรรม
ปัญหา : วิญญาณไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปไหนได้
เวลาในการทำภารกิจ : ภายในหนึ่งอาทิตย์
ข้อแนะนำ : อ่านในคู่มือยมทูต
*หมายเหตุ: วิญญาณจะยิ่งมีพลังอำนาจสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
นั่นไง งานงอกแล้วไหม ผมรีบเก็บมือถือลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว นี่คงเป็นวิธีติดต่อถึงผม กรณีเคสพิเศษสินะ ถึงช่วงนี้จะชิน ๆ กับงานยมทูตแล้วก็เถอะ แต่วิญญาณที่มาหาส่วนใหญ่ก็เป็นดวงวิญญาณที่สงบแล้วทั้งนั้น คิดไม่ออกเลยถ้าเจอวิญญาณที่เฮี้ยน ๆ จะทำยังไง ไหนพี่สิงห์กับพี่ศรีว่า ไอ้เคสไม่ปกติมันยังไม่เกิดเร็ว ๆ นี้ไง เป็นไงล่ะ เคียวก็ยังเอาออกมาไม่ได้ คู่มือตั้งแต่ลืมตามา มันอยู่ไหนยังไม่รู้เลย
“เป็นไรว่ะ เห็นหยิบมือถือมาเปิดดูแล้วหน้าซีดไปเลย เมื่อกี้ยังอินเลิฟอยู่ดี ๆ” ชาบูทักผมขึ้น
“เปล่า ๆ ไม่มีไร กูแค่เพลียนิดหน่อยอะ”
“เออ พักผ่อนเยอะ ๆ ช่วงนี้ทำตัวแปลก ๆ”
ติ้ด ๆ ติ้ด ๆ เสียงโทรศัพท์ข้างตัวทำให้ผมลืมตาขึ้นมา การเป็นยมทูตเป็นเหมือนที่ท่านพญายมราชบอกทุกอย่าง ผมแทบจะไม่นอนก็ยังได้ ไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด แต่การได้หลับตานอนพักผ่อน มันก็ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมา ผมลุกขึ้นนั่งก่อนหันไปมองเพื่อนอีกสองเตียงใกล้ ๆ ที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ ถ้าพวกมันรู้ความจริงคงช็อก เพราะบัดนี้ดวงวิญญาณเกือบ 30 ดวงยืนอยู่ในห้อง สายตาของผมสามารถมองเห็นได้แม้ในความมืด ผมกวักมือเรียกดวงวิญญาณที่อยู่ในห้องให้เดินตามผมไปที่ระเบียงด้านนอกหอพัก
กว่าผมจะส่งดวงวิญญาณทุกดวงไปอีกโลกครบก็เกือบตีสี่ ข้อความเมื่อเย็นมันคงเป็นสัญญาณเตือนว่า ถึงเวลาที่ผมต้องจริงจังกับอาชีพยมทูตได้แล้วนะ อย่างแรกที่ผมต้องทำคือ หาคู่มือที่ท่านพญายมราชให้ก่อนกลับมาบนโลก ตอนนี้มันอยู่ไหนกันนะ ?
ทันทีที่ผมคิดเสร็จ ผมก็รู้สึกหนัก ๆ ที่มือด้านขวาจนต้องก้มลงไปมอง มือข้างขวาของผมกำลังถือหนังสืออยู่หนึ่งเล่ม ผมหยิบมันขึ้นมาดู เป็นหนังสือเล่มหนาสีขาวที่ ...
ข้างในเล่ม ... ว่างเปล่า
พรึบ ! ผมปิดหนังสือลง แล้วมันจะใช้ยังไงวะเนี่ย ...
หนังสือเริ่มสั่นจนผมรู้สึกได้ ทำให้ผมยกมันขึ้นมาดู ก่อนเปิดหน้าแรกของหนังสือ ตัวอักษรเริ่มปรากฏขึ้นบนหน้ากระดาษ
คิดในสิ่งที่อยากรู้
โอ้โห ถ้าจะล้ำขนาดนี้นะ ผมอยากรู้อะไรล่ะ อย่างแรก ทำยังไงเคียวถึงปรากฏ ตัวหนังสือที่ปรากฏในตอนแรกเริ่มสั่น มันสลับเรียงตัวอักษรใหม่และมีตัวอักษรเพิ่มขึ้นมา
มีสมาธิ จินตนาการถึงรูปร่างเคียวของตนเองที่อยู่ในมือ
เอาวะ ตอนอยู่ในนรกอาจจะยังพยายามไม่พอ ผมหลับตา นึกถึงรูปร่างเคียวยมทูตที่เคยเห็นตามในอนิเมะ หรือในซีรีย์ฝรั่งที่เคยดูมา แล้วเลือกแบบที่ชอบมาจินตนาการ
แสงสว่างวาบจนทำให้ผมต้องลืมตา เคียวด้ามยาวลอยขึ้นมาอยู่ตรงหน้าผม ใบมีดเงาวับดูคมจนไม่กล้าสัมผัส เสร็จไปหนึ่งขั้นตอน รู้แล้วว่าทำไมตอนอยู่ในนรกถึงทำไม่ได้ มันต้องมีรูปแบบที่แน่นอนของเคียวตัวเองนั่นเอง แล้วเคียวนี่เอาไว้ทำไรอะไรได้บ้างหว่า
เคียวเป็นอาวุธที่ใช้ในการต่อสู้กับวิญญาณ ดึงวิญญาณออกจากร่างที่สิง หรือทำลายวิญญาณ (ในกรณีที่ไม่สามารถทำให้ดวงวิญญาณสงบลงได้หรือก่อให้เกิดอันตรายกับมนุษย์คนอื่น)
การใช้เคียวในการทำลายดวงวิญญาณ ควรใช้ก็ต่อเมื่อหมดทางเลือกแล้วจริง ๆ ยมทูตควรโน้มน้าวหาเหตุผลและชักจูงให้ดวงวิญญาณสงบปล่อยวาง ยมทูตที่ใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือรังแกดวงวิญญาณ เมื่อหมดอายุขัยจะได้รับโทษอย่างสูงสุด
จริงสิ ผมมีอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะรู้ ใคร ๆ ก็อยากจะอยู่กับคนที่เรารักไปนาน ๆ ใช่ไหมครับ
ยมทูตสามารถรู้วันตายและสาเหตุการตายของมนุษย์ได้ไหม
ยมทูตไม่สามารถรู้วันตาย และสาเหตุการตายของมนุษย์ได้ เนื่องจากยมทูตต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์ ทำให้เกิดความผูกพันกับมนุษย์บางกลุ่ม ยมทูตอาจทำการขัดขวางหรือแจ้งเตือนล่วงหน้าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมนุษย์เหล่านั้น ทำให้การตายไม่อาจเกิดขึ้นได้
ขนาดยมทูตก็ไม่สามารถขัดขวางการตายได้เหรอเนี่ย นี่ล่ะนะ กฎธรรมชาติ แล้วยมทูตมีพลังวิเศษอะไรบ้าง
ยมทูตมีพลังวิเศษในการเคลื่อนย้ายสิ่งของโดยการนึกคิด ควบคุมธาตุทั้งสี่ (ดิน น้ำ ลม ไฟ) และมองเห็นวิญญาณ
เจ๋งแฮะ ไหนขอลองหน่อย ควบคุมสิ่งของด้วยการนึกคิด ผมจ้องไปที่เคียวที่ลอยอยู่กลางอากาศ ไม่นานเคียวของผมก็เริ่มหมุนเป็นวงกลม เอาอีก ๆ ยังไม่พอ มันเริ่มหมุนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนมองไม่ทัน
ผมเล่นอะไรไปเรื่อยอีกหลายอย่าง เช่นทำให้เสื้อผ้าที่ตากอยู่ลอยขึ้น ปั้นน้ำที่เหลือในขวดให้เป็นรูปร่าง ทำให้เกิดลูกบอลไฟบนมือตัวเอง รู้สึกตัวเองเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์เลยแฮะ
เวลาผ่านไปเร็วจนผมไม่รู้ตัว จนกระทั่ง ...
เอี๊ยด ...
เสียงเปิดประตูระเบียงดังขึ้น แย่แล้ว หาย ๆ ทุกอย่างหายไปเดี๋ยวนี้
“มึงออกมาทำอะไรมืด ๆ วะคีย์” อิฐพูดขึ้น ขณะขยี้ตาตัวเอง
“คือกูแค่อยากออกมาสูดอากาศอะ มึงตื่นมาทำไรแต่เช้า” ผมถามมัน
“กูตื่นมาเข้าห้องน้ำ เห็นเงาตะคุ่ม ๆ แสงอะไรนอกระเบียงไม่รู้เลยออกมาดู”
“อ๋อ ไม่มีไรหรอก ไปนอนต่อไป”
“เหรอวะ แต่เหมือนกูเห็นมึงกำลังทำอะไรสักอย่างนะ”
“ตาฝาดละ ไม่มีอะไร กูแค่ออกมาสูดอากาศ ยืดเส้นยืดสายน่ะ”
ผมเดินไปดันหลังมันให้เข้าไปในห้องก่อนเดินตามเข้าไป ดูท่าจะฝึกต่อไม่ได้แล้วสินะ แต่สิ่งหนึ่ง ที่ผมได้เรียนรู้ในวันนี้ก็คือ การเป็นยมทูตทำได้หลายอย่าง เพียงแค่คิดและจินตนาการ ผมมีเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ต้องส่งวิญญาณดวงนั้นไปอีกโลก พรุ่งนี้คงต้องไปดูสถานที่จริงสักหน่อยแล้ว หวังว่ามันคงไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดที่ต้องใช้เคียวหรอกนะ
ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ผมก็เลือกเดินบนทางเส้นนี้แล้ว ยังไงก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ ผมล้มตัวลงบนเตียงอีกครั้งก่อนหลับตาลง
ว่าแล้วก็นอนอีกสักตื่นดีกว่า …