ตอนที่แล้วเคียวที่ 2 : ผมตายแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเคียวที่ 4 : ทัวร์นรก (Part 1)

เคียวที่ 3 : เด็กผู้ชายตาสีแดง


บรรยากาศด้านหน้าหอในยังคงคึกคักมีคนเดินไปเดินมา

แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาเกือบสี่ทุ่มแล้ว และเมื่อมองไปยังศูนย์อาหารที่อยู่ตรงข้าม ตามร้านค้าต่าง ๆ ที่เปิดอยู่เป็นบางร้าน ซึ่งห่างกันเพียงแค่ข้ามถนนก็ยังคงเต็มไปด้วยผู้คน บางคนก็นั่งคุยเล่นกัน บางคนก็เอางานมานั่งทำ ผมเห็นบางคณะเหมือนเพิ่งจะรับน้องเสร็จด้วย แต่ละคนเดินกลับหอมาอย่างสภาพอ่อนระโหยโรยแรง โชคดี ที่พวกรุ่นพี่พวกผมคิดไว้อย่างรอบคอบแล้วว่า รับน้องเสร็จแล้วพักหยุดหนึ่งวันค่อยเปิดเรียน

ผมเดินมองนู่นนี่ไปตามทาง จนกระทั่งต้องข้ามถนนไปยังเซเว่นซึ่งอยู่ถัดจากศูนย์อาหาร ผมมองซ้ายมองขวาก่อนก้าวเดินออกไป สายตาเหลือบไปเห็นลูกหมาตัวสีดำตัวหนึ่งนอนอยู่กลางถนนเหมือนจะบาดเจ็บ ผมเลยก้มลงจะไปอุ้มมันให้ออกจากกลางถนน เผื่อมีรถมามองไม่เห็นเหยียบเข้าให้ ตัวยิ่งดำ ๆ อยู่ ‘บ๊อก ๆ บ๊อก ๆ’ แต่พออุ้มมันขึ้นมาไม่ทันไร

เสียงกระหน่ำบีบแตรรัวและแสงไฟที่สาดมาจากรถยนต์ทางด้านขวามือทำให้ผมถึงกับช็อก

มาได้ไง เมื่อกี้มันไม่มีนี่หว่า

ขับเร็วขนาดนั้น อยู่ในระยะสายตาที่มองเห็นได้ขนาดนี้แล้ว ตามกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน ที่ไม่ต้องคำนวณก็รู้เลยว่าต่อให้มันเบรกยังไงก็ชนผมเต็ม ๆ

ผมไม่รอดแน่ !

ไม่ต้องรอลุ้นว่าจะเบรกทันหรือเปล่า เพราะไม่ถึงสามวินาที ตัวผมก็ถูกชนจนลอยขึ้นแบบโพรเจกไทล์ที่มีแรงต้านอากาศ ผมรู้สึกปวด จนชาไปหมดทั่วทั้งตัว ก่อนที่จะร่วงลงบนพื้น ไม่รู้ว่าลูกหมาหลุดมือผมหายไปไหนแล้วด้วย เลือดกำลังถูกขับออกจากทางปาก เพราะเกิดจากการถูกกระแทกอวัยวะภายใน เสียงอะไรที่ดังขึ้นเหมือนมะพร้าวถูกเฉาะ คงจะเป็นกะโหลกผมตอนที่กระทบพื้นเมื่อกี้กระมัง ของเหลวสีแดงไหลเยิ้มไปทั่ว ไหลผ่านม่านตาผมจนผมเห็นท้องฟ้าเป็นสีแดงฉาน ผมไม่มีแรงแม้แต่จะขยับปลายนิ้วก้อยได้เลย

เสียงกรีดร้องดังระงมไปทั่วบริเวณ ตามมาด้วยนักศึกษาหลายคนที่เริ่มมามุงดู ท่ามกลางกลุ่มคนพวกนั้น ผมเห็นเด็กคนหนึ่ง ที่มองคร่าว ๆ ไม่น่าจะเกิน ม.ต้น ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ เขาใส่ชุดคลุมมีฮู้ดสีดำ ซึ่งตัดกับสีของใบหน้าที่ขาวซีด กำลังยืนยิ้มให้ผม แต่สีดวงตาของเด็กคนนั้นทำให้ผมแปลกใจ สีดวงตาเด็กคนนั้นเป็นสีแดง แดงสด…เหมือนเลือด เพียงเสี้ยววินาทีก็หายไป

บอกตรง ๆ เลยนะ

ผมกลัว …

ผมกลัวตาย …

กลัวจริง ๆ …

ผมนึกถึงภาพพ่อกับแม่ ที่กำลังร้องไห้ในงานศพของผมที่เคยฝัน พ่อกับแม่มีผมคนเดียว

ผมยังทำให้พวกเขาภาคภูมิใจเพราะผมได้ไม่สำเร็จเลย ผมมีเรื่องที่ต้องทำอีกหลายเรื่อง

ผมนึกถึงกลุ่มเพื่อนรักของผม ไอ้ชา ไอ้อิฐ ใยไหม มันจะเป็นยังไงถ้าผมตาย

นี่ความฝันผมมันจะกลายเป็นจริงเหรอเนี่ย … ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม

น้ำใส ๆ ไหลออกมาจากตาผม เปลือกตาของผมกำลังจะปิด ภาพทุกอย่างเริ่มรางเลือน ก่อนทุกอย่างจะเข้าสู่ความสงบ

เงียบ มืดมิด และไม่รู้สึกอะไร …

ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องสีขาวขนาดใหญ่ มันกว้างมากเหมือนไม่มีขอบเขตสิ้นสุด ผมก้มมองสภาพตัวเอง ยังจำได้แน่ชัดว่าโดนรถชนมา แต่ไม่มีร่องรอยหรือคราบเลือดอะไรหลงเหลืออยู่บนเสื้อและกางเกงเลย นี่มันนรกหรือสวรรค์กัน โลกหลังความตายมันเป็นแบบนี้เหรอ

“รู้สึกตัวแล้วเหรอ” เสียงทักดังขึ้นจากทางด้านหลังผม

“นะ น้องเป็นใคร ที่นี่ที่ไหน” ผมพูดออกไปพร้อมกับมองหาที่มาของเสียง

นี่มันเด็กคนที่ผมเห็นก่อนตายนี่ ตา ตาคู่นั้นเป็นสีแดงเหมือนเลือดจริง ๆ ด้วย เด็กคนนั้นยกยิ้มก่อนเอ่ยปากออกมา

“หึ น้องเหรอ ฉันอายุมากกว่านายหลายร้อยปีเลยล่ะ คำถามแรก ฉันก็คือคนที่พวกมนุษย์ชอบเรียกว่าพญายมราชสาขาประเทศไทยไงล่ะ ส่วนที่นี่ไม่ใช่ที่ไหนหรอก มันเป็นแค่มิติเปล่า ๆ ที่ฉันสร้างขึ้น ไม่ใช่นรก ไม่ใช่สวรรค์”

ดะ ... เดี๋ยวนะ นรกมันมีสาขาด้วยเหรอ

“นี่ผมตายแล้วจริง ๆ เหรอ”

อึ้งและช็อกยิ่งกว่าตัวเองตาย ก็คือการมาเจอพญายมราชตัวกะเปี้ยกเหมือนเด็ก ม. ต้นเนี่ย

“คำตอบคือใช่ อีกอย่างเลิกคิดในใจได้แล้ว ฉันได้ยินทุกอย่างที่นายคิดนั่นแหละ”

เวรกรรม

“แล้วทำไมผมไม่ไปสวรรค์หรือลงนรกล่ะ”

“หึ ๆ เพราะนายไม่มีทั้งบุญและกรรมน่ะซิ กรรมทั้งหมดนายก็ชดใช้หมดไปแล้ว ส่วนบุญที่เคยสร้างมาก็ใช้หมดตอนยังมีชีวิตอยู่ นายเลยติดอยู่ระหว่างทั้งสองโลก ซึ่งเป็นเคสที่ฉันสนใจมาก เพราะมีแค่หนึ่งในล้านคนที่จะพบเรื่องแบบนี้ ทั้งที่ปกติ คนทำหน้าที่มารับดวงจิตนี้ ต้องเป็นยมทูต ไม่ใช่พญายมราชอย่างฉัน”

“แล้วผมต้องทำยังไง ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ ผมยังไม่อยากตาย ผมอยากมีชีวิตต่อ”

“ไม่มีของฟรีในทุก ๆ โลก ถ้านายอยากมีชีวิตต่อ ไม่อยากติดอยู่ที่นี่ นายก็ต้องจ่าย”

“ผมต้องจ่ายยังไง”

“นายต้องเป็นยมทูตคอยจับและเป็นทางผ่านวิญญาณบนโลก มารับการพิพากษา”

“อะ ... อะไรนะครับ” ผมร้องออกมา อึ้งหนักเลยทีนี้

“ใช่ นายจะกลับกลายเป็นมนุษย์อย่างเก่า ดีกว่าเก่าด้วยซ้ำ นายจะมีร่างกายที่แข็งแรงไม่เจ็บไม่ป่วย ร่างกายจะคงอายุสภาพเท่าตอนนายตายไม่เปลี่ยนแปลง ราคาของมันคือ 300 ปี ในตลอดระยะเวลานั้น มันจะทำให้นายเกิดบุญและกรรมขึ้นอีกครั้ง เมื่อถึงวันครบกำหนดนายก็ต้องถูกพิพากษา”

ดีเลยผมจะได้หล่อแบบนี้ไปอีกนานแสนนาน แถมได้อยู่บนโลกใช้ชีวิตเหมือนเป็นอมตะอีกด้วย ผมยังมองไม่ออกเลยว่ามันเป็นการจ่ายยังไง 300 ปี คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม นี่มันพรชัด ๆ

“นายอาจจะคิดว่ามันดี แต่เมื่อนายอยู่นานขึ้นเรื่อย ๆ นายจะรู้เอง คนที่นายรักจะตาย หายไปจากนายหมด ต่อให้นายมีครอบครัวอีกสักกี่ครั้ง ลูก หลาน เหลน โหลน ก็จะตายก่อนนายอยู่ดี มันไม่ใช่พรหรอกนะ มันเป็นคำสาปที่นายต้องจ่าย”

“ส่วนอีกทางเลือก อยู่ที่นี่ ตลอดไป”

เดี๋ยว ๆ นั่นเรียกว่าทางเลือกเหรอ ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากพูดอะไรต่อ มือเล็ก ๆ ของเด็กชายตัวกะเปี้ยกตรงหน้าก็ยืดยาวออกมาเหมือนลูฟี้ในวันพีช ตบหัวผมดัง เพียะ ! โอ๊ย !

“บอกว่าอย่าคิดในใจ ฉันได้ยินหมดแหละ”

โธ่ ลืมไป ๆ

“ตกลงว่าไง จะอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล หรือจะไปเป็นยมทูตบนโลก”

“แล้วถ้าเป็นยมทูตแล้ว ผมจะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติเหรอ คือแบบ ไปเรียน ไปดูหนัง ทำเหมือนคนทั่วไป”

“ได้อยู่แล้ว นายทำได้ทุกอย่างเหมือนมนุษย์ มีหน้าที่เพิ่มแค่อย่างเดียวคือส่งวิญญาณมาพิพากษา ตกลงนะ”

“เดี๋ยว ๆ แล้วนี่ผมต้องไปตามหาวิญญาณที่งานศพทุกที่เลยเหรอ อย่างงี้ผมก็แย่อะดิ ไม่ต้องไปนอนวัดหรอกเหรอ”

“พวกเขาจะมาหานายเอง นายไม่ต้องไปหาพวกเขาหรอก จะมีแค่บางเคสที่นายต้องไปหา ฉันจะส่งข้อความไปบอกนายเอง หมดคำถามหรือยัง ฉันมีงานต้องทำต่อ จะได้ออกไปจากที่นี่ แล้วต้องพานายไปทัวร์นรกด้วย”

“เดี๋ยว ๆ อีกคำถาม แล้วยังมีคนที่เป็นแบบผมอีกไหม หมายถึงยมทูตน่ะ”

ผมเห็นท่านพญายมราชเริ่มทำหน้าหงุดหงิดเมื่อผมถามมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ทั้งประเทศไทยก็มีอยู่ 200 คน กระจายอยู่ทั่ว ถ้าทั่วโลกก็ประมาณ 10,000 คน แต่ที่ในนรกมีเจ้าหน้าที่อย่างอื่นอีก ยมทูตก็ทำหน้าที่เหมือนตำรวจนั่นแหละ คอยอำนวยความสะดวกและเป็นทางผ่านระหว่างนรกและโลก อีกหน้าที่ก็จับวิญญาณที่ยังดื้อดึงไม่ยอมสงบลงนรก ส่วนฉันก็ทำหน้าที่คล้าย ๆ ผู้พิพากษา แล้วก็มีอีกหน้าที่หนึ่งคือยมบาลที่ทำงานในนรก ทำหน้าที่ลงโทษ หมดคำถามแล้วใช่ไหม ไป ๆ ได้แล้ว วันนี้คนตายเป็นพัน ฉันต้องไปพิพากษาอีก”

ไม่รอช้าท่านพญายมราชตัวน้อยก็จับมือผม หรือผมเรียกว่ากระชากดีกว่า ภาพรอบตัวจากห้องสีขาวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงจ้าจนผมต้องหลับตา รู้สึกตัวอีกทีก็ลอยอยู่บนพื้นถนนก่อนผมตายแล้ว แต่แปลก มันไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว เงียบมาก แถมเงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้ากลับเป็นสีแดงอีก

“ที่นี่ไม่ใช่โลกหรอก มันคือขอบนรกหรือที่ฝรั่งเรียกว่าลิมโบ สถานที่ที่เหมือนโลกทุกอย่าง ทั้งสภาพแวดล้อม ตึกรามบ้านช่อง พวกวิญญาณที่ร่างกายยังไม่ตาย พวกถอดจิต พ่อมด หมอผีที่ทำพิธีผิดพลาดหรือเป็นเจ้าหญิง เจ้าชายนิทราที่หลงหรือมาติดอยู่ที่นี่ พวกนี้น่าสงสารนะ เหมือนอยู่แค่ตัวคนเดียวในโลก ไม่พบ ไม่เจอใครเพราะโอกาสที่จะติดอยู่ที่นี่มีน้อยมาก มันก็เป็นการใช้กรรมแบบหนึ่งแหละ”

ภาพที่ผมเห็นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วอีกครั้งจนมองไม่ทัน เหมือนกับสิ่งของรอบตัว พวกตึกรามบ้านช่องเคลื่อนที่จากผมกับท่านพญายมราชออกไป ภาพถัดมาที่ผมเห็นคือตึกสีขาวสูงเด่นเป็นสง่า คล้าย ๆ ศาลปกครองบนโลกแต่มีขนาดใหญ่และสูงกว่าเกือบสิบเท่า บรรยากาศรอบ ๆ เย็นสบายเพราะต้นไม้น้อยใหญ่ เมื่อมองไปบนฟ้ากลายเป็นสีครามอ่อน ๆ รอบบริเวณนี้มันไม่ต่างจากบนโลกเลยนี่นา

“ใช่ ไม่ต่างจากบนโลกหรอก แต่ในนรกมีสิ่งก่อสร้างแค่แห่งเดียวที่นายเห็น เรียกว่าตึกนรก เป็นที่ทำงานของพวกเรา ในแต่ละประเทศก็มีแห่งเดียวเหมือนกัน”

ลืมไป หมอนี่ได้ยินแม้ผมจะคิดในใจ

ผมกับท่านพญายมราชค่อย ๆ ลอยลงมา จนเท้าเหยียบพื้นด้านหน้าประตูทางเข้า พอลงมาอยู่ใกล้ ๆ แล้ว ผมก็อดที่จะตะลึงในความใหญ่โตและโอ่อ่าของมันไม่ได้

“เข้าไปสิ นายจะยืนอึ้งอีกนานไหมเนี่ย”

นี่ก็เร่งจัง ผมก้าวเท้าเข้าไปผ่านประตูขนาดใหญ่ สิ่งแรกที่ผมเห็นข้างในผิดกับตอนแรกที่นึกไว้อย่างมาก ผมคิดว่าข้างในก็คงจะเป็นรูปแบบเดียวกับศาลบนโลกนั่นแหละ แต่ผิดคลาด บรรยากาศที่นี่มันโรงแรมห้าดาวชัด ๆ ด้านซ้ายมือของผมเป็นโซฟาขนาดใหญ่สี่ห้าตัว พร้อมกับโต๊ะเล็ก ๆ ไว้วางของ ตรงกลางเป็นบันไดทางขึ้นชั้นสองที่โคตรจะใหญ่ ส่วนด้านขวามือมีป้ายเขียนว่า Information Center

“ว้าย ! ท่านพญายม ไปเก็บหนุ่มหล่อที่ไหนมาคะ”

เสียงดังออกมาจากทางฝ่ายประชาสัมพันธ์พร้อมกับหญิงสาวรายหนึ่งอายุราว ๆ สามสิบกว่า ที่แต่งตัวโคตรซี้ด เดรสสีแดงที่คว้านร่องอกไปถึงไหนต่อไหนทำเอาผมตาค้าง นี่มันชุดทำงานแน่เหรอ

“ยมทูตคนใหม่บนโลกน่ะขวัญ ขวัญนี่คีย์ คีย์นี่ขวัญ ขวัญจะมีหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์นรกมีอยู่คนเดียวนี่แหละที่อยู่ด้านนอกคอยต้อนรับแขก”

ให้ตายเถอะ ! ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ขวัญไม่ได้เลย ถ้าพี่เขาจะขาวขนาดนี้นะ แล้วชุดนี่จะเซ็กซี่ไปไหนครับ ขืนเป็นแบบนี้ ผมขออยู่เป็นผู้ช่วยพี่ขวัญทำงานประชาสัมพันธ์ดีกว่า

“แหม่ ถ้าจะคิดขนาดนั้น น้องคีย์พาพี่ไปห้องนอนเลยไหมคะ เห็นหน้านิ่ง ๆ ร้ายนะเรา”

ผมหน้าเหวอ ลืมไป ที่นี่คิดในใจก็มีคนรู้นี่หว่า เพียะ ! มือน้อย ๆ ของท่านพญายมราชยืดสูงขึ้นมาตบหัวผมอีกแล้ว หันมามองผมด้วยสายตาหงุดหงิด

“อยู่บนโลกทำเป็นคีปลุค เป็นหนุ่มหน้านิ่ง มาดสุดเท่ มาอยู่ที่นี่ลายออกหมด ไป ๆ ดูที่อื่นกันต่อ”

ผมยิ้มแห้ง ๆ ก่อนโบกมือลาพี่ขวัญ

“โทษทีนะพี่ขวัญ แหะๆ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

พี่ขวัญขยิบตาให้ผมทีหนึ่ง ก่อนท่านพญายมราชตัวน้อยจะรีบกระชากมือผมให้เดินไปจากตรงนี้สักที นี่ก็หึงโหดจัง ตัวก็มีอยู่แค่นี้จะทำอะไรได้วะ

เพียะ ! ดาวเต็มหัว

“โอ๊ย ! เจ็บ ๆ พอ ๆ ไม่นินทาในใจแล้วครับ”

ผมเอามือลูบหัว ติดนิสัยชอบคิดในใจตลอด เอามาใช้กับคนที่นี่ไม่ได้ด้วย เฮ้อ และแล้ว ผมก็หยุดเดินตรงหน้าลิฟต์ขนาดใหญ่ ที่น่าจะจุคนเข้าไปได้สักสามสิบคน ผมเดินเข้าไปในลิฟต์ โดยมีท่านพญายมราชเดินนำเข้าไป ลิฟต์ที่นี่แปลกครับ ปุ่มกดชั้นที่เป็นตัวเลขกลับมีตัวหนังสือประกอบ มันเลยกลายเป็นปุ่มกดยาว ๆ ดูพิลึกพิกล แถมมีตั้ง 10 ปุ่ม

6 Courtroom             -1 Hell

5 Residence Staff     -2 Hell

4 Canteen                -3 Hell

3 Sport Club

2 Registration Section

1 Information Center

0 Library

“เราจะเริ่มจากชั้นบนสุดก่อนละกัน”

ว่าแล้วนิ้วน้อย ๆ ของท่านพญายมราชก็จิ้มไปที่ชั้น 6 Courtroom

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด