เคียวที่ 17 : รับน้องนอกสถานที่
รถบัสที่ทางภาควิชาได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ตอนตีห้า
ผมและเพื่อน ๆ มาในสภาพงัวเงียกันเต็มที่ กำลังขนของขึ้นไปบนรถ พอขึ้นมาถึงก็พบว่าพวกเราสามคนมาถึงกันเป็นกลุ่มสุดท้ายพอดี ที่ว่างที่เหลือจึงตกไปอยู่ทางด้านหลังสุด ซึ่งนั่งได้ห้าคน มีไหมกับครีมกวักมือเรียกพวกเราอยู่ สองคนนี้ก็คงมาก่อนพวกผมไม่เท่าไรหรอก ดูจากท่าทางแล้ว
พอรถออกตัวไม่ทันไร ทุกคนก็เริ่มเข้าสู่ห้วงนิทราทันที ก็มันยังเช้าอยู่นี่ครับ สภาพแต่ละคนเรียกร้องการนอนหลับเหลือเกิน ผมเลยหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบโทรศัพท์มือถือเปิดเพลงฟังแก้เบื่อ ผมเป็นคนที่ถ้าตื่นแล้วหลับอีกทียากครับ ต้องใช้เวลาสักพัก เปิดเพลงกล่อมน่าจะทำให้หลับเร็วขึ้นมั้ง
รถบัสแวะพักที่ปั๊มเพื่อให้พวกเราทานข้าวและทำธุระส่วนตัวตอนแปดโมงเช้า สรุปแล้วผมก็ยังไม่ได้หลับตาลงเลยเพราะสว่างพอดี ผมหันไปปลุกไอ้อิฐที่นั่งริมหน้าต่าง ก่อนหันไปทางไอ้ชา
ไม่ได้หลับนี่หว่า นั่งตัวตรงเชียว แปลกแฮะ
แต่เมื่อสังเกตเห็นคนข้าง ๆ มัน ที่เอนหัวมาซบไหล่ก็ถึงบางอ้อ ... แบบนี้นี่เอง
“ฟินเลยดิมึง” ผมกระซิบถามมัน
“อะไรมึง ไอ้คีย์”
“นั่งเกร็งไม่หลับไม่นอนมาตั้งแต่ตีห้า โดนไหมซบไหล่แค่นี้ตาสว่างเลยนะ”
“เว่อร์ละมึง กูไม่ง่วงต่างหาก” ไอ้ชาพูด ยังมีหน้ามาแถอีก
“มึงชอบเขา ทำไมไม่บอกไปสักทีล่ะว่ะ มัวแต่ไปกวนตีนเขาอยู่ได้” ผมพูดจบ ไอ้ชาก็รีบเอามือขึ้นมาจุ๊ปากประมาณว่าให้ผมเงียบ ๆ ไว้ทันที
“มึงรู้”
“เออดิ เห็นมาตั้งแต่อันเท่านิ้วก้อยจนเป็นนิ้วโป้ง ทำไมกูจะดูไม่ออก ว่ามึงคิดยังไง”
“เดี๋ยว ๆ ไม่เล็กขนาดนั้นมั้งเพื่อน” ผมหัวเราะ
“คุยอะไรกันอยู่อ่า ถึงแล้วเหรอ” ใยไหมงัวเงียขึ้นมาก่อนพูดขึ้น เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผมจะหยุดไว้แค่นี้ ให้เพื่อนสานต่อเองล่ะกัน
“คุยเรื่องเจ๊นอนน้ำลายยืดเลอะเสื้อเค้าหมดแล้วเนี่ย” ชาบูหันไปตอบ
“บ้าเหรอ ฉันไม่ซกมกขนาดนั้นหรอกย่ะ”
“รถจอดพักกินข้าวเช้า ทำธุระส่วนตัวอะ ลงไปหาไรกินกัน” หลังจากชาบูพูดจบ พวกเราก็ลงจากรถทำธุระส่วนตัวและหาข้าวเช้ากินกัน
พวกเรามาถึงที่พักกันเกือบบ่ายโมง ที่พักเป็นรีสอร์ตติดริมทะเล ห้องนอนหญิงชายถูกแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน ผมและเพื่อนผู้ชายรวมถึงรุ่นพี่ นอนในห้องพักรวมที่สามารถจุคนได้เกือบห้าสิบคน ส่วนผู้หญิงจะได้เป็นห้องย่อยไปเพราะมีจำนวนคนที่น้อยกว่า รุ่นพี่ให้พวกเราพักผ่อนตามอัธยาศัยประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนออกไปเจอกันที่ริมชายหาดเพื่อทำกิจกรรม
โชคดีเหลือเกินที่สภาพอากาศเป็นใจ แดดไม่ร้อน ฝนก็ไม่มีเค้าว่าจะตก กิจกรรมแรกเป็นกิจกรรมแข่งฟุตบอลชายหาดกับพวกรุ่นพี่ รุ่นเดียวกันกับผมไอ้อิฐกับเพื่อนอีก 4 คน เป็นตัวแทนรุ่นอาสาออกไปเล่น พวกที่เหลือก็ทำหน้าที่เชียร์เพื่อนกันไป สนุกสนานเฮฮากัน การรับน้องรอบนี้เหมือนจะเน้นให้รุ่นน้องทำกิจกรรมกับรุ่นพี่ มากกว่าทำกิจกรรมด้วยกันกับเพื่อนแบบรอบที่แล้ว กิจกรรมต่อมาเป็นชักเย่อ ตามมาด้วยวิ่งสามขา และกินวิบากเหมือนรอบที่แล้ว จริง ๆ มันก็น่าเบื่อแหละผมว่า แต่รอบนี้มันมีเดิมพันระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องอยู่ ถ้าทำกิจกรรมกันครบทุกกิจกรรมเหมือนรอบที่แล้ว ฝ่ายไหนชนะมากกว่าจะสามารถสั่งให้ฝ่ายตรงข้ามทั้งรุ่นทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่าง มันเลยกลายเป็นพวกรุ่นน้องที่อยากเอาคืนรุ่นพี่ที่เคยโดนแกล้งสารพัดตั้งแต่ตอนรับน้องรอบที่แล้ว รวมถึงเรื่องตอนโดนว้ากในห้องเชียร์มีกำลังใจฮึดสู้เป็นพิเศษ
แต่ผลปรากฏออกมาว่า ... รุ่นพี่ชนะ
พวกเราเหล่าปีหนึ่งผู้ชายถูกสั่งให้ลงทะเลไปตะโกนบอกรักพี่ปีสอง โดยให้เพื่อนผู้หญิงปีเดียวกันขี่คอไปด้วย เป็นเวลาหนึ่งนาที เพื่อเป็นการลงโทษสำหรับผู้แพ้ ช่างเป็นการลงโทษที่ตลกเหลือเกิน ดีนะที่ไม่สั่งให้ทำอะไรพิเรนทร์ไปมากกว่านี้ พอครบหนึ่งนาที พวกรุ่นพี่ก็ลงมาร่วมวงเล่นน้ำทะเลด้วยกัน หลังจากนี้ก็เป็นช่วงฟรีสำหรับพวกเราที่จะทำอะไรก็ได้ ก่อนกลับมหาวิทยาลัยในวันพรุ่งนี้ช่วงเย็น
ช่วงเย็นของวันหลังจากทานข้าวกันเสร็จ พวกเราก็ถูกเรียกไปรวมกันที่ห้องโถงที่ไว้ใช้ทำกิจกรรมของรีสอร์ตตามที่นัดไว้ หลังจากที่พวกเรามานั่งรวมตัวรอกันมาเกือบครึ่งชั่วโมง ก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาในห้อง บรรยากาศที่คุยกันสนุกสนานเฮฮาเปลี่ยนไปทันที เมื่อพวกเราเห็นสีหน้าของรุ่นพี่สองคนนั้น
“พวกพี่มีเรื่องจะมาแจ้ง วันนี้ มีเพื่อนพี่คนหนึ่งเข้าไปได้ยินสิ่งที่พวกน้องพูดกันในห้องน้ำ”
“พวกพี่ไม่โอเคมาก ๆ” พี่คนที่สองพูดเสริมขึ้นมา เอาแล้ว เค้าความดราม่าเริ่มมาเยือน มีใครไปพูดอะไรไม่เข้าหูพวกพี่เขาอีกเนี่ย
“จริง ๆ วันนี้ พวกพี่ตั้งใจจะยอมรับน้องเป็นรุ่นน้อง และให้ชื่อรุ่น หลังจากเราผ่านกิจกรรมมากันหลายกิจกรรม ทั้งรับน้องคณะ รับน้องภาควิชา ห้องเชียร์ จนถึงวันนี้ แต่ดูเหมือนพวกน้องจะไม่เห็นค่าเลย”
ดราม่ามาเต็มมาก
“เอาเถอะ พวกเราสองคนมาบอกแค่นี้แหละ”
พูดจบ รุ่นพี่ทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องไป ปล่อยให้พวกเรานั่งงงกับดราม่านั้นไป เสียงพูดคุยเริ่มดังขึ้นทันทีเมื่อสองคนนั้นเดินออกไป ต่างถกเถียงกันว่ามีใครไปพูดอะไรไม่เข้าหู หรือแอบไปนินทาพวกรุ่นพี่ในห้องน้ำหรือเปล่า
อยู่ ๆ ไฟในห้องก็ดับลง
ประตูห้องถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนมีรุ่นพี่คนหนึ่งเดินถือเทียนที่จุดไฟเข้ามาภายในห้องมืด ๆ ตามมาด้วยคนที่สอง สาม สี่ ...
พวกเราพอจะเดาได้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ... พิธีเทียนนี่เอง ต้องเล่นดราม่าใหญ่กันขนาดนี้เชียวเหรอ พวกรุ่นพี่เดินเข้ามาจนครบยืนเป็นวงกลมล้อมพวกเราปีหนึ่งไว้ ผมก็ว่าสิ่งนี้มันหายไปตอนรับน้องคราวที่แล้ว พวกเราเคยเจอพิธีเทียนมารอบหนึ่งแล้วครับ ตอนรับน้องพร้อมกันทั้งมหาวิทยาลัย ไม่คิดว่าจะมีอีกรอบ
แล้วเสียงหนึ่งที่ดังกังวานก็เริ่มต้นร้องขึ้นมา
เทียนหนึ่ง ถูกจุดที่นี่...
ห้องมืด ๆ ถูกแต่งแต้มด้วยแสงสว่างสีอ่อน ๆ ของเทียนเกือบห้าสิบแท่ง ประกอบกับเสียงเพลงที่ดังกังวานก้องไปทั่วห้อง ทำให้ห้องนี้ดูสว่างสวยงามขึ้นทันตา บางคนอินถึงกับขนาดน้ำตาไหลเลยกับเซอร์ไพรส์ที่รุ่นพี่ทำให้
เทียนหนึ่งถึงคราวมอดดับ ลาลับไปจากเพื่อนผอง…
แต่ ณ ที่นี้เรืองรอง ขอเทียนน้อง ส่องทดแทน
แต่ ณ ที่นี้เรืองรอง
... ขอเทียนน้องส่องทดแทน
ท่อนสุดท้ายของเพลงเทียนได้จบลงไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ความรู้สึกดี ๆ ที่พวกรุ่นพี่ต้องการจะสื่อถึงพวกเราทุกคน พวกเราขยับเข้าไปต่อแถวหารุ่นพี่ที่นั่งล้อมไว้เพื่อผูกข้อมือรับขวัญ
“น้องคีย์บอร์ด” เสียงเรียกของฟองทักผมขึ้นมา เมื่อผมเข้าไปใกล้เธอ เพื่อให้ผูกข้อมือให้ เรียกซะน่ารักเชียว
“ผูกข้อมือให้หน่อยครับฟอง”
“นี่ตกลงกะจะไม่เรียกพี่แล้วใช่ปะ” เจ้าตัวถามเมื่อคำว่าพี่หายไปไม่เหมือนทุกที
“ก็ไม่อยากให้เป็นแค่พี่อะ”
“จริงจังเบอร์ไหนเนี่ย เอาข้อมือมา เดี๋ยวจะผูกให้” พี่ฟองพูดพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ผมยื่นมือซ้ายออกไปข้างหน้า
“08762...”
“ตลก มีแล้วปะเบอร์นั้นอะ หยอดตลอดนะเดี๋ยวนี้ เมื่อก่อนเห็นหน้านิ่ง ๆ ไม่คิดว่าจะร้ายขนาดนี้”
ผมขำ นี่ผมเป็นคนหน้านิ่งขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
“โอ๊ย แขนผม” ผมร้องขึ้นมา
“แขนเป็นอะไร”
“แขนเป็นฟอ”
“ไปฝึกมาใหม่นะคะน้องคีย์ ไก่กามากค่ะ” พี่ฟองพูด เจ็บจนจุกเลย ฮ่าฮ่า โดนสวนขนาดนี้
“เดี๋ยวผมจะไปหัดมาใหม่นะครับ”
“พอแล้วม้าง สองคนนี้ นี่จะผูกข้อมือหรือจะจีบกัน ดูน้องรอผูกกับแกตั้งกี่คนฟอง คีย์สงสารเพื่อนที่รอบ้างลูก” เสียงเพื่อนพี่ฟองที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หันมาแซวพวกเรา
หลังจากเสร็จกิจกรรมพิธีเทียน ผมกับเพื่อน ๆ ก็แยกตัวออกมา ว่าจะไปเดินเล่นกันแถวริมชายหาดสักหน่อย เบียร์เย็น ๆ สักขวดน่าจะฟินน่าดู พวกเราไปนั่งคุยเล่นกันแถวชายหาด แวะซื้อเสื่อจากแม่ค้าแถวนั้น ไม่ต้องเดินให้เมื่อยตามคำบ่นของใยไหม
“มาเล่นหมุนขวดเบียร์กันดีกว่า ปลายฝาขวดหันไปทางใคร คนนั้นต้องตอบคำถาม”
หลังจะนั่งกินลมชมวิวคุยกันไปเรื่อยผมก็หาอะไรสนุก ๆ ให้เพื่อนทำ
“เอาดิ” ไอ้ชาตอบ
“ห้ามโกหกนะ ใครโกหกกูขอให้ติดเอฟแคล” ผมขู่ไว้ก่อน เกมนี้ต้องการความจริงครับ ว่าแล้วผมก็เอาขวดเบียร์ที่กินกันคนละอึกสองอึกจนหมดวางลงบนเสื่อแล้วหมุน ขวดเบียร์กำลังหมุนไปเรื่อย ๆ และปลายฝาขวดมันอยู่ที่ ... ผม
“คนแรกเลยมึง ตัวเสนอ ไอ้คีย์ ฮ่าฮ่า” ไอ้อิฐพูดพร้อมหัวเราะ
“กูถาม ๆ มึงคิดยังไงกับพี่ฟอง” ชาบูพูดออกมา
“มึงกูรู้นี่หว่า กูชอบเขา ยังจะมาถามอีก” ผมตอบไปสั้น ๆ ถามอะไรของมันเนี่ย แต่ก็ดีละไม่เจอคำถามกวน ๆ เข้า
“เออ มึงถามไรไร้สาระว่ะ อันนี้พวกเรารู้แล้วไอ้ชา เปลี่ยนคำถามได้ปะไอ้คีย์” อิฐพูดต่อ
“ไม่โว้ย ถือว่าถามไปแล้ว”
แล้วการหมุนขวดเบียร์รอบที่สองก็เริ่มขึ้น ... ปลายฝาขวดเบียร์หยุดอยู่ที่ไอ้อิฐ
“ฉันถาม ๆ เคยโกรธคีย์กับชาเรื่องอะไรมากที่สุด” ใยไหมเป็นคนถามคนต่อไป อิฐทำท่านึกสักพักก่อนมันจะพูดออกมา
“สงกรานต์ปีที่แล้ว มันสองคนวิ่งหนีกู ทิ้งกูไว้กลางแยกให้โดนรุมล้วงอยู่คนเดียว ทั้งเจ็บใจ ทั้งจุก ระบมไปหมด”
เล่นเอาฮาคลืนกันทั้งวง จังหวะนั้นใครจะไปช่วยได้ วิ่งกันให้วุ่น ผมจำได้ว่าพวกเราหลงเข้าไปเจอแก๊งสาวประเภทสองเข้า ตอนแรกก็คิดว่าผู้หญิงจริง ๆ จะเข้าไปประแป้ง แต่ที่ไหนได้โดนจัดเต็มเลย
รอบที่ห้า ... ปลายฝาขวดเบียร์หยุดที่ชาบู
“ให้ครีมถามมั่ง” ผมบอกเมื่อเห็นคนที่เงียบที่สุดในกลุ่มยังไม่ได้ถามคำถามใครเลย
“บอกประสบการณ์ที่อายที่สุดในชีวิตมาหนึ่งเรื่อง”
โอ้โห ... ได้ ๆ จัดหนักจัดเต็มมาก
“ใส่หูฟังดูหนังโป๊อยู่ในห้องคนเดียว แล้วอยู่ ๆ มันสองตัวก็เปิดประตูเข้ามา”
ฮ่าฮ่าฮ่า โอ๊ยฮา ! เรื่องนี้ผมกับไอ้อิฐล้อมันไปสามวันเจ็ดวัน ตอนนั้นเป็นวันเสาร์ ผมกับไอ้อิฐกลับไปบ้าน บอกมันไว้ว่าจะกลับมาวันอาทิตย์ เหลือไอ้ชาอยู่หอคนเดียว แต่บังเอิญวันอาทิตย์รุ่นพี่นัดประชุม บ้านผมกับไอ้อิฐอยู่ใกล้กันจึงแวะรับมันกลับมาในคืนวันเสาร์ พอเปิดประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ เซอร์ไพรส์เลย
“โอ๊ย ! ไอ้ลามก” ใยไหมพูดพร้อมหัวเราะขึ้นมา ฮาจริงเรื่องนี้
รอบที่หก ... ปลายฝาขวดเบียร์ไปหยุดอยู่ที่ใยไหม รู้สึกครีมจะเป็นคนที่โชคดีมาก เพราะตอนนี้ทุกคนโดนคำถามจนจะรอบวงแล้ว เหลือครีมคนเดียว
“คำถามเดียวกับที่ครีมถามเลย” ผมบอกไหมไป เมื่อทุกคนไม่รู้จะถามอะไร
“ออกจากโรงหนังแล้วยังอินกับหนังที่ดู เผลอเดินตามพวกแกเข้าห้องน้ำชายไป”
พวกเราหัวเราะขึ้นมา เกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วนะเนี่ย ช่วงนั้นหลังจากเราสอบติดมหาวิทยาลัยก็นัดกันไปดูหนังอะไรสักอย่างนี่แหละ แต่บังเอิญโดนไหมบังคับให้ดูหนังรักกัน เจ้าตัวดันอินมากไปหน่อยเดินออกมาถึงกับเศร้า ใจลอยเดินตามพวกผมเข้าห้องน้ำชายไปหน้าตาเฉย จนผู้ชายตกใจกันทั้งห้องน้ำ
รอบที่เจ็ด ... ปลายฝาขวดเบียร์ไปหยุดที่ชาบูอีกครั้ง
“กูถามเอง มึงมีคนที่ชอบหรือเปล่าตอนนี้” เปิดให้แล้วนะครับเพื่อน
“มี”