เคียวที่ 12 : ที่ตาย
เรื่องผีสี่ห้าบรรทัด
2 hrs
เขาว่ากันว่า ทุกที่ที่มีคนตาย จะมีทั้งดวงวิญญาณที่ไปสู่สุคติและวิญญาณที่ยังติดอยู่กับที่ตายตรงนั้น ไม่ยอมไปไหน วิญญาณเหล่านั้นต่างพยายามหาคนมาตายในรูปแบบเดียวกับตน เพื่อที่จะได้ไปเกิดใหม่ เราเรียกคนที่มาตายว่า ตัวตายตัวแทน เรื่องเล่าวันนี้เป็นเรื่องของสี่แยกแห่งหนึ่งในจังหวัดผม ที่ตรงนั้นว่ากันว่ามีอาถรรพ์ คนที่ขับรถไปแถวนั้นดึก ๆ ตอนถนนโล่ง ๆ จะเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตทุกราย จนถึงขนาดมีศาลเพียงตามาตั้งไว้ แล้วจังหวัดของเพื่อน ๆ ล่ะครับ มีที่ไหน ที่คิดว่าเป็นที่ที่ต้องมีตัวตายตัวแทนบ้าง
รูปประกอบเป็นรูปสี่แยกและมีศาลเพียงตาตั้งอยู่
Like
6969
Comments
A : น่ากลัวจุงเบย พี่ชา ><
B : หิวชาบู
ฯลฯ
“กดไลค์เตตัสใหม่ในเพจกูยังไอ้คีย์” เสียงชาบูเรียกผมขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านเพจมันอยู่ อ่านไปก็ไม่ได้มีความน่ากลัวเลยสักนิด เมื่อสายตาเลื่อนลงมาอ่านคอมเม้นท์ด้านล่างต่อ เนื้อเรื่องข้างบนมันจะซอฟต์ลงไปทันที มันจะรู้บ้างหรือเปล่า ว่าคนเข้ามาตามเพจมันไม่ใช่เพราะความน่ากลัว แต่เป็นเพราะหนังหน้ามันต่างหาก
อัปเดตครับ เมื่อวันก่อนไอ้ชาบูได้รับเลือกเป็นเดือนของคณะเพื่อไปแข่งต่อเป็นเดือนมหาวิทยาลัยด้วย ส่วนดาวคณะไม่ใช่ใครที่ไหน ใยไหมนั่นเอง เป็นไงล่ะเพื่อนผม แต่ละคนไม่ธรรมดาจริง ๆ
“เออ กูกดแล้ว คนกดไลค์ตั้งเยอะล่ะ ไม่ต้องมาทวงไลค์จากกูก็ได้มั้ง” ผมตอบมันไป
“มันไม่เหมือนกันนี่หว่า มึงเป็นเพื่อนรักกู มึงต้องกด”
แบบนี้ก็ได้เหรอ ...
“เออ ๆ รู้แล้ว แล้วนี่ไอ้อิฐหายหัวไปไหน” ผมถามไอ้ชา เพราะหลังจากที่ผมนัดเจอกับแพทเมื่อตอนเย็น พอกลับมาที่หอยังไม่เห็นหน้าไอ้อิฐเลย เนื่องจากเวลานี้ก็ล่วงเลยมาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
“พี่รหัสมันพาไปเปย์เหล้ากับสายรหัสมันอะ ไม่ต้องห่วงหรอก”
“เดี๋ยวนะ ไอ้พี่ที่ส่งอีเมลคุยกับมันอ่ะนะ”
“เออ นั่นแหละ สรุปแล้วเขาเป็นพี่ว้ากเว้ย เปิดเผยตัวไม่ได้ พอจบห้องเชียร์เลยพาไอ้อิฐไปเลี้ยง กูก็เพิ่งรู้เมื่อเย็นนี้เนี่ย” ไอ้ชาพูด ผมเริ่มรู้สึกตงิดใจยังไงก็ไม่รู้
“แล้วไปร้านไหนวะ ได้บอกมึงไว้ปะ” ผมถามไอ้ชาต่อ
“ร้านไม่เมาเหล้าแต่เมารักในเมืองอะ”
“งั้นเหรอ” ผมพยักหน้าเออออก่อนก้มลงเช็คข่าวสารในแล็ปท็อปดูก่อนนอน
เฮ้ย ! แต่เดี๋ยวนะ ร้านนั้นเวลาไปมันต้องขับผ่านแยกอาถรรพ์ที่ไอ้ชาเพิ่งโพสไปไม่กี่ชั่วโมงนี่หว่า ผมหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาสไลด์ดูข้อความที่เคยได้รับมาก่อนหน้านี้ นั่นไง ชัดเลย
สี่แยกเดียวกันเลย …
มันจะดวงซวยถูกเลือกเปล่าวะเนี่ย ขาไปไม่เท่าไรหรอก รถมันยังเยอะอยู่ แต่ขากลับนี่ซิ ถนนเส้นนั้นจะเงียบแทบจะเป็นป่าช้า
ตี 1
“กูนอนก่อนนะไอ้คีย์ ฝากปิดไฟด้วย” เสียงชาบูดังขึ้นมาก่อนมันจะล้มตัวนอนลงบนเตียง ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่าควรจะออกไปดูไอ้อิฐดีไหม ผมรู้สึกใจคอไม่ดียังไงไม่รู้
“เออ ๆ” ผมบอกชาบูก่อนลุกเดินไปปิดไฟ แล้วมาเปิดโคมไฟที่โต๊ะอ่านหนังสือ
“แล้วมึงยังไม่นอนเหรอ ปกติกูเห็นไม่ถึงเที่ยงคืนมึงก็นอนแล้ว”
ใช่ หลังจากที่ผมเป็นยมทูต ผมก็นอนเร็วกว่าปกติ ก่อนตื่นตีสามมาส่งวิญญาณที่ระเบียงหลังห้อง แต่วันนี้ใจคอมันไม่ดียังไงไม่รู้ รู้สึกไม่อยากนอนเลย กลัวเรื่องร้าย ๆ มันจะเกิดขึ้น
“กูว่าจะดูหนังเรื่องนี้ให้จบก่อนว่ะ มึงนอนก่อนเลย” ผมบอกไอ้ชาบูไป ตาจ้องไปที่จอแล็ปท็อปที่มีหนังเรื่องหนึ่งกำลังเล่นอยู่ แต่ผมกลับดูหนังไม่รู้เรื่องเลย
เวลาผ่านไปเกือบตีหนึ่งครึ่ง ก็ยังไม่มีวี่แววว่าไอ้อิฐจะกลับมา ผมเริ่มเป็นห่วงมันแล้วสิ ผมเหลือบตามองไปที่ไอ้ชาบู ก็เห็นว่ามันหลับสนิทไปแล้ว ผมจึงหยิบมือถือของตัวเองขึ้นโทรหาไอ้อิฐ
เสียงริงโทนดังขึ้นสักพัก ก่อนปลายสายจะรับโทรศัพท์ขึ้นมาแบบคนกำลังเมาได้ที่
“ว่างาย ซาหวัดดีค้าบ” เสียงไอ้อิฐพูดดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงดนตรีดังสนั่นจนผมต้องรีบยกมือถือออกห่างจากหูตัวเอง
“มึงอยู่ไหนวะ จะกลับกี่โมง” ผมถามมันไป
“เนี่ย กะลังจากลับ กาลังเดินออกมา”
“ให้กูไปรับไหม มึงเหมือนจะเมามาก” ผมถามออกไป
ฟังจากเสียงแล้ว ผมว่าแค่มันมีปัญญาหยิบโทรศัพท์มาถือไว้ข้างหูได้ก็นับว่าบุญแล้ว
“เด่ว พี่ราหัส กูไปส่ง เนี่ย ๆ คุยกับพี่กูหมาย” มันพูด ก่อนผมได้ยินเสียงคลุกคลักก่อนจะมีเสียงอื่นแทรกเข้ามา
“ฮัลโหล ก้มหน้าลงปาย ๆ ป้ายชื่อปายไหน ลุกนั่งเย่เซบ”
ผมไม่รู้จะตะโกนด่าเป็นภาษาอะไรดี ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองเมากันได้ถึงขนาดนี้วะเนี่ย
“นี่มึงไปกันกี่คน เมาทุกคนแบบนี้หรือเปล่า” ผมเร่งถามต่อ
“ม่ายเมา มาสี่คน เอ๊ะ หรือ ห้าวะ ทำมายตอนนี้มีหก ว่างายจ๊ะ สาว ๆ กาบด้วยกานมั๊ย”
คนพูดสายเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง ผมว่าแย่ละ เมากันหมดแบบนี้ถ้าขับรถกลับมา ท่าทางจะไม่รอด ไม่ต้องรอให้ถึงมือผีหรอก
“มึงรอกูอยู่ที่นั่นนะ เดี๋ยวกูออกไปรับ” ผมบอกมัน
“ปาย ๆ ขึ้นรถค้าบ” เสียงหนึ่งดังออกมา ผมได้ยินเสียงเหมือนประตูรถปิดลงพร้อมกับเสียงสตาร์ทรถยนต์ดังขึ้น
“ไอ้อิฐ มึงฟังกูอยู่หรือเปล่า ไอ้อิฐ”
“เพ่ ไปส่งผมที่หอด้วย”
“ไอ้อิฐ มึงตั้งสติแล้วฟังที่กูบอกนะ บอกพี่มึงให้ขับเลี่ยงสี่แยก XXX ไปทางหลังมหาวิทยาลัย อย่าผ่านทางเส้นนั้น มึงเข้าใจที่กูพูดไหม” ผมบอกมันย้ำ
“ข้าวจาย ห้ายกลับผ่านทางสี่แยก XXX”
ไอ้ … เมาแล้วเป็นแบบนี้ทุกที
“อิฐ มึงยังอยู่ป่าว ไอ้อิฐ !” ผมร้องถาม ปลายสายเงียบไปแล้ว จนผมคิดว่ามันคงหลับไปแล้วล่ะ
ผมรีบกดวางสาย แล้วกดเบอร์แพทที่ให้ผมไว้ติดต่อทันที ไม่ได้การแล้ว แบบนี้ต้องแย่แน่ ๆ ขืนปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นผมว่าต้องมีอะไรร้าย ๆ เกิดขึ้นกับไอ้อิฐแน่
“แพท เปลี่ยนแผน เราจะไปวันนี้เลย ไปเจอกันที่นั่นตอนนี้” ทันทีที่ปลายสายมีคนรับ ผมก็รีบพูดออกไป
“เกิดอะไรขึ้นคีย์” แพทพูดออกมางง ๆ
“แพทอย่าเพิ่งถามเลย เอาเป็นว่าเราไปเจอกันที่นั่น ตอนนี้นะ ออกมาเลย” ผมพูดเร่ง หลังจากวางสายผมก็รีบหยิบข้าวของที่จำเป็นก่อนเดินออกจากห้องไป
ขณะที่ผมขับรถออกมา ถนนแถวนี้ก็แทบจะไม่ค่อยมีคนแล้ว นาน ๆ จะมีรถวิ่งผ่านมาสักคัน มหาวิทยาลัยของผมอยู่ห่างจากตัวเมืองออกมาระยะหนึ่ง ซึ่งร้านเหล้าที่ไอ้อิฐกับรุ่นพี่มันไปอยู่เกือบถึงตัวเมือง ผมก็ไม่เข้าใจ แถวรอบมหาวิทยาลัยก็มีไม่รู้กี่ร้าน ทำไมต้องถ่อไปถึงในตัวเมืองด้วย แถมนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยผมก็ชอบไปเช็คอินร้านนั้นกันจนกลายเป็นที่นิยมไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคนต้องขับผ่านสี่แยกอาถรรพ์ที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อย เพราะเป็นทั้งทางผ่านเข้าเมือง และเป็นแยกถนนเลี่ยงเมืองอีกด้วย อุบัติเหตุส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นเหล่ารถบรรทุกที่ขนของข้ามจังหวัดแล้วคนขับหลับใน นอกจากนี้ยังมีเหล่านักศึกษาที่ออกไปเที่ยวในตัวเมืองพร้อมความเมากลับมาในขากลับ ด้วยความประมาทผมจึงเห็นข่าวคนเสียชีวิตบ่อยครั้งจากที่นั่น
... ผมคิดว่าใช้เวลาสัก 20 นาทีน่าจะถึงสี่แยกนั่น รอกูหน่อยนะไอ้อิฐ หวังว่ามึงและสายรหัสมึงจะไม่โชคร้ายขนาดนั้นนะ
รถยนต์สีขาวคันหนึ่งภายในรถมีคนสี่คน กำลังขับตรงมายังสี่แยกอาถรรพ์ บริเวณแถวนั้นเงียบสนิทในเวลากลางดึก นาน ๆ ทีจะมีรถผ่านไปสักคัน รถยนต์สีขาวชะลอลงเมื่อเข้าใกล้สี่แยก สัญญาณไฟเขียวเปลี่ยนเป็นสีแดงที่อยู่ตรงหน้าติด ๆ ดับ จนทำให้คนขับไม่รู้ว่าควรขับผ่าไปเลยดีหรือเปล่า เพราะแถวนั้นก็ไม่มีรถสักคันเลยด้วย ตรงหัวมุมของสี่แยกมีศาลเพียงตาตั้งไว้อยู่หนึ่งศาลพร้อมกับของเซ่นไหว้ที่วางไว้อยู่แถวนั้น เพิ่มความน่ากลัวให้กับบริเวณรอบ ๆ ไปอีก
“เมาเละเลยพวกมึง อย่าอ้วกบนรถกูนะครับ ขอร้อง” คนขับพูด มองสภาพคนข้างตัว และอีกสองคนที่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง แต่ละคนนี่ดูไม่ได้ นี่ถ้าไม่มีปู่รหัสอย่างเขา ป่านนี้ ไอ้เด็กพวกนี้ได้ไปนอนอยู่หน้าร้านเหล้าแล้ว
“ไอ้อิฐมันท้าผมเน่หว่า” ชายหนุ่มที่นั่งข้างคนขับพูดขึ้น
“มึงเป็นพี่มัน ก็แทนที่จะห้ามปราม ดันไหลตามมันไปอีก” คนขับพูด
“ผมชนะเพ่ ผมชานะ”
เหมือนคนที่นั่งอยู่ข้างหลังยังมีสติหลงเหลืออยู่นิดหน่อย จึงพูดออกมา ทำให้คนขับรถส่ายหัวอย่างระอา
เมื่อรอสัญญาณไฟเขียวอยู่หลายนาที สัญญาณไฟจราจรที่ติด ๆ ดับ ๆ ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงสักที คนขับจึงตัดสินใจไม่รออีกต่อไป เจ้าตัวจึงเริ่มขับรถออกไป
ถ้ามองจากข้างนอกแล้วสังเกต ตอนนี้มันมีเงาดำมืดสองดวงยืนอยู่บนหลังคารถ ...
พอเริ่มขับออกไปไม่เท่าไร ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น มือที่จับพวงมาลัยรถยนต์กลับไม่ทำตามที่สมองสั่ง คนขับรถตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วอยู่ ๆ ก็มีคนสองคนมายืนขวางหน้ารถไว้ ทำให้เจ้าตัวตกใจรีบหักพวงมาลัยหลบ เท้าที่ควรจะเหยียบเบรกกับกลายเป็นเร่งเครื่องยนต์แทน ตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมรถยนต์ของตัวเองได้เลย
รถยนต์สีขาวพุ่งตัวไปข้างหน้าเร็วขึ้นจนชนกับเสาไฟฟ้าที่อยู่ตรงนั้นอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น ของเซ่นไหว้ศาลเพียงตาบริเวณนั้นล้มระเนระนาด กระจัดกระจาย
วิญญาณสี่ดวงกำลังจ้องมองไปยังคนทั้งสี่ภายในรถที่กำลังหายใจรวยริน เลือดไหลหยดออกมาจากกระจกประตูรถที่แตกกระจาย
ที่เหลือก็แค่รอ รอเวลาเท่านั้น ...
ในที่สุดจำนวนคนก็เท่ากับจำนวนดวงวิญญาณสักที ...