เคียวที่ 10 : เดต ?
เช้าวันอาทิตย์
วันปกติที่ไม่ปกติสำหรับผมตอนนี้ ผมกำลังลังเลหยิบมือถือตัวเองขึ้นแล้ววางลงหลายรอบกว่าจะตัดสินใจได้ว่าจะโทรหรือไม่โทรดี แต่ในที่สุดผมก็หยิบมันมาสไลด์แล้วเลือกเบอร์ที่ต้องการก่อนกดโทรออกไป
“ฮัลโหล สวัสดีครับ” ผมกลั้นใจพูดสายด้วยความตื่นเต้น เพราะว่า ...
วันนี้ … ผมจะชวนพี่ฟองไปกินข้าว
“ว่าไงคีย์ โทรมาแต่เช้าเลย” เสียงพี่ฟองตอบกลับมา
ก็ไม่เช้านี่หว่า 10 โมงแล้วนะ ผมคิดตามคำพูดของพี่ฟอง แต่เหลือบตาไปมองเพื่อนอีกสองคนที่ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ คำพูดของพี่ฟองท่าจะจริง สงสัยยังคงจะเช้าจริง ๆ นั่นแหละ
“เย็นนี้พี่ฟองว่างไหมครับ” ผมพูดเข้าประเด็นทันที
“หืม ก็ว่างนะ มีอะไรเปล่า”
“ไปกินข้าวกันไหมครับ” ผมพูดออกไปอย่างรวดเร็ว นี่ไม่ใช่การจีบสาวครั้งแรกหรอกนะ แต่มันตื่นเต้นยังไงไม่รู้
ตึก ๆ ตึก ๆ เสียงหัวใจผมเต้นแรงราวกับว่ามันจะหลุดออกมาจากอกให้ได้ ผมลุ้นระทึกกลัวพี่เขาจะตอบไม่ว่างมากเลย ปลายสายนิ่งเงียบไปนิดหนึ่ง ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจ
... 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1
“อื้ม ก็ได้”
เยส !
“เดี๋ยวผมไปรับพี่ตอนหนึ่งทุ่มนะครับ พี่อยู่หอแถวไหนครับ ... ครับ .... โอเคครับ เจอกัน”
ผมถามถึงเรื่องเส้นทางไปหอพักพี่ฟองและบอกเวลานัดหมายก่อนกดวางสายไป
ช่วงเย็นของวัน ผมก็ไปรับพี่ฟองมาทานข้าวเย็นกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง กว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ได้ก็เกือบสองทุ่มเพราะรถติด สงสัยอีกเหตุผลคงเป็นเพราะวันนี้เป็นวันหยุด ผู้คนเลยเยอะเป็นพิเศษ วันนี้พี่ฟองใส่เสื้อยืดสีขาวกับกระโปรงยีน รองเท้าผ้าใบ น่ารักโคตร ๆ
“พี่อยากกินไรครับ ผมเลี้ยง” ผมหันไปถามพี่เขา พี่ฟองเอียงหน้ามองผมขำ ๆ ก่อนพูดออกมา
“แล้วแต่คีย์เลย พี่ได้หมด”
พวกเราเดินเลือกกันอยู่หลากหลายร้าน แต่ส่วนใหญ่ก็เต็ม ไม่มีที่นั่งสักร้าน สุดท้ายผมก็เดินมาหยุดที่ร้านปิ้งย่างชื่อดังร้านหนึ่งซึ่งเห็นจะมีโต๊ะว่างเหลืออยู่ประมาณสองสามโต๊ะ
“ร้านนี้ไหมครับพี่ ร้านอื่นเต็มหมดเลย” ผมถามความเห็นพี่ฟองด้วยความไม่แน่ใจ เพราะเห็นทุกครั้งที่พี่ฟองเอาข้าวเย็นมาเทคผมในห้องเชียร์ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกอาหารคลีนทั้งนั้น
“เอาสิ ร้านนี้ก็ได้”
“แล้ววันนี้นึกไงชวนพี่มาทานข้าวเนี่ย” พี่ฟองถามผมขึ้นมา หลังจากพวกเราเดินเข้ามาในร้านและนั่งที่โต๊ะกันเรียบร้อยแล้ว
“ก็แบบว่า พี่เอาข้าวเย็นมาให้ผมตอนห้องเชียร์หลายครั้งแล้วไง ผมเลยอยากเลี้ยงคืน” ผมตอบพี่ฟองไป
แต่จริง ๆ คือผมกำลังจีบพี่ครับ
“เฮ้ย ไม่เป็นไร พี่เป็นพี่รหัสเรานะ ว่าแต่ออกมากินข้าวแบบนี้แฟนไม่ว่าเหรอ” พี่ฟองถามผมกลับ
อื้อฮือ นั่นไง ว่าแล้วยังไม่ลืมเรื่องนั้น วันที่ผมรน แล้วพูดอะไรมั่วไปหมด พี่เขาต้องคิดแน่เลยว่าผมมีแฟนอยู่หอพักหญิงนั่น อาการผมวันนั้นเหมือนกับคนโดดห้องเชียร์ไม่มีผิด
“มีที่ไหนล่ะครับพี่ แฟนเฟินน่ะ ไม่มี” ผมบอก
พูดจบแล้วก็ก้มลงมองรายการอาหาร ก่อนชี้รายการที่ต้องการสั่งให้พนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่
“ให้จริงเถอะ หน้าแบบนี้รอดมาได้ไงเนี่ย”
“จริงนะครับ ว่าแต่พี่เถอะ มากับผม แฟนพี่จะตามมาเตะก้านคอผมหรือเปล่าเนี่ย” ผมแกล้งถามพี่ฟองไป เอาเข้าจริงที่เริ่มจะจีบพี่เขา ยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพี่เขามากเท่าไรเลย แอบลุ้นเหมือนกันว่าพี่เขาจะยังไม่มีแฟน หน้าตาน่ารักขนาดนี้ในหมู่ผู้ชายวิศวะ โอกาสน้อยเหลือเกิน
“ยืนจ้องเราอยู่หน้าร้านนั่นไง” พี่ฟองตอบกลับมา สายตามองไปยังหน้าร้าน
“เฮ้ย ! จริงดิ”
ผมร้องอย่างตกใจ หันหลังกลับไปมองหน้าร้าน ไม่เห็นมีใครเลยนี่หว่า แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นทำให้ผมรู้ตัวว่าโดนหลอกอีกแล้ว พี่ฟองนะพี่ฟอง
“พี่สั่งไรเพิ่มปะครับ นั่งขำผมไม่อิ่มนา” ผมพูดออกไป
“พอ ๆ เอาที่เราสั่งแหละ” พี่ฟองตอบ
ไม่นาน กลิ่นหอม ๆ ของเนื้อย่างก็ลอยมาแตะจมูก ผมคีบมันขึ้นมาก่อนใช้กรรไกรตัดออกพอเป็นคำ ๆ ใส่ไว้ในจานแล้วใช้ตะเกียบคีบไปให้พี่ฟอง
“นี่ครับ ๆ”
“ขอบใจจ้า”
ผมสั่งสลัดผักมาให้พี่ฟองด้วย เพราะเห็นเขาชอบทำแต่อาหารคลีนมาให้ผมกินประจำเลย คิดว่าเจ้าตัวน่าจะชอบ
“ถามจริง อาหารที่พี่ทำไปนี่ชอบกินปะ” พี่ฟองถามพร้อมจ้องมาที่ผม ดวงตาคู่นั้น ปากเล็ก ๆ นั้น โอ๊ย ! พี่ฟองอย่ามากดดันผมแบบนี้
“ฮะ ! ชอบดิครับ ทำไมถามแบบนั้นอะ”
“ก็ดูเราไม่ชอบกินผัก ดูดิ กินแต่เนื้อ ไม่มีผักเลย” พี่ฟองตอบ
ผมเหลือบตามองในจานตัวเองก็จริงอย่างที่เขาพูด ไม่มีสีเขียวเลยสักนิด
“มาปิ้งย่างก็ต้องกินเนื้อให้เต็มที่ดิครับ พี่เถอะกินเนื้อเยอะ ๆ กินแต่ผักผอมจนจะปลิวได้อยู่แล้ว” ผมพูดแซวพี่เขา
“ย่ะ ๆ” พี่ฟองพูด ปล่อยค้อนมาหนึ่งวง
“อ้าวนี่ เห็นป่ะ มันเยิ้ม ๆ เลย กินเข้าไปครับจะได้ไม่ปลิว” พูดจบผมก็คีบเนื้อติดมันส่งไปให้พี่เขาสี่ห้าชิ้นจนเจ้าตัวทำตาโตราวกับเป็นเรื่องต้องห้าม ตลกชะมัด แค่นี้ไม่อ้วนหรอกน่า
“เดี๋ยวกินเสร็จพี่ขอแวะไปร้านหนังสือหน่อยนะ”
“ได้เลยครับ”
หลังจากทานข้าวเย็นเสร็จผมกับพี่ฟองก็เดินไปที่ร้านหนังสือต่อ พี่ฟองดูเพลิดเพลินกับการเลือกหนังสืออ่านในโซนนิยายมาก ผมเผลออมยิ้ม มองดูพี่ฟองเลือกหนังสืออยู่สักพัก แล้วมันก็ทำให้ผมนึกถึงใครอีกคนขึ้นมา คนในอดีตที่นานเท่าไรผมก็ยังไม่สามารถลืมได้สักที ภาพของเธอคนนั้นกำลังซ้อนทับภาพพี่ฟอง ผมไม่อยากปฏิเสธว่าผมชอบพี่ฟองเพราะมีอะไรหลายอย่างเหมือนคนคนนั้น ไม่รู้สิ จะเอาอะไรกับใจคน แต่ผมก็มั่นใจว่าตอนนี้ผมเกือบลืมเธอได้แล้วเพราะมาเจอพี่ฟอง
“คีย์”
“คีย์”
“ฮะ ! ว่าไงครับ เสร็จแล้วเหรอ”
ผมเหม่อคิดอะไรไปเรื่อยอีกแล้ว เสียงพี่ฟองที่เรียกดึงสติผมกลับมาอีกครั้ง ผมกับพี่ฟองเดินออกมานอกร้านหนังสือ เวลานี้ก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเราใช้เวลาในร้านหนังสือตั้งเกือบชั่วโมง
ชวนพี่เขาดูหนังอีกสักเรื่องจะดีไหมนะ ไม่ดีกว่า ซื้อหนังสือมาหลายเล่มเลย พี่เขาน่าจะอยากกลับไปอ่านหนังสือมากกว่า ขณะที่ผมกำลังเดินอยู่ เชือกผูกรองเท้าผมก็หลุดทำให้ต้องก้มลงไปผูกใหม่
“คีย์”
“ว่าไงครับพี่ฟอง” ผมขานตอบพี่ฟองที่เรียกผม ขณะลุกขึ้นยืนหลังจากผูกเชือกรองเท้าเสร็จก็เงยหน้ามองคนเรียก
... แต่คนที่เรียกผมไม่ใช่พี่ฟอง
“แพท” ผมเรียกชื่อนั้นขึ้นมาเบา ๆ ไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอเธอที่นี่
ร่างเล็กคุ้นตายืนอยู่ข้างหน้าผม ใบหน้าและรอยยิ้มของเธอยังคงสดใสเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ทำไม ... ทำไมต้องมาเจอกันในวันที่ผมกำลังจะเริ่มต้นกับคนใหม่
“สบายดีไหม”
คำถามง่าย ๆ ที่ผมไม่รู้เลยว่าควรจะตอบยังไงดี
“ก็สบายดี อ่อ นี่พี่ฟอง พี่รหัสผม ส่วนนี่แพท รุ่นพี่ผมที่โรงเรียนเก่า”
ผมแนะนำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกัน เพราะไม่รู้จะคุยอะไรแล้ว
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“เช่นกันค่ะ”
“ผมขอตัวก่อนนะแพท” ผมพูดตัดบท รู้สึกอยากจะไปให้พ้นจากตรงนี้แล้ว พลางถือวิสาสะจูงมือพี่ฟองเดินออกมาด้วย
“ไว้เจอกันนะคีย์”
ร่างเล็กยิ้มกว้างโบกมือลา พูดประโยคนั้นออกมาง่ายดายราวกับเป็นเรื่องปกติ มันจะไม่แปลกเลยถ้าที่ผ่านมาเราเคยได้เจอ ได้ติดต่อกันบ้าง ไม่ใช่หายไปแบบนี้
ความรู้สึกผมตอนนี้มันปั่นป่วนไปหมด จากที่เคยคิดว่าเกือบจะลืมได้แล้ว แต่จริง ๆ แล้ว มันกลับไม่เลย อารมณ์ที่เคยคิดว่าจะสงบได้เวลาที่กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้ง ตอนนี้มันกำลังอยากจะระเบิดออกมา ผมอยากจะตะโกนใส่หน้า แล้วถามดัง ๆ ว่าจะเอายังไงกันแน่
ตัวเองหายหน้าหายตาไปหลายเดือน ไม่คิดจะติดต่อ ไม่คิดจะส่งข่าวคราว ไม่คิดจะโทรหาอะไรทั้งงั้น ติดต่อไม่ได้ทุกช่องทาง กลับพูดว่าไว้เจอกันนะ
.... พูดออกมาได้ไง
ผมนั่งอยู่เงียบ ๆ ขณะขับรถไปส่งพี่ฟองที่หอ ดูเหมือนพี่เขาจะจับสังเกตได้ว่าผมมีท่าท่าเปลี่ยนไปหลังจากเจอแพท จึงชวนผมคุยตลอดทาง ซึ่งผมก็พยายามพูดคุยโต้ตอบสนุก ๆ กับพี่เขา ไม่อยากให้เขารู้สึกแย่เพราะผม ผมส่งพี่ฟองที่หน้าหอก่อนโบกมือลาพี่เขาไป
ขณะที่ผมกำลังจะสตาร์ทรถ เสียงข้อความในมือถือผมก็ดังขึ้น ทำให้ผมหยิบมันขึ้นมาสไลด์จอดู
พิกัด : สี่แยก XXX ถนน XXX ซอย XXX
ลักษณะวิญญาณ : วิญญาณวัยรุ่น 4 ดวง
สาเหตุการตาย : อุบัติเหตุทางรถยนต์
ปัญหา : วิญญาณยังคงยึดติดอยู่ที่เดิม
เวลาในการทำภารกิจ : ภายในหนึ่งอาทิตย์
ข้อแนะนำ : อ่านในคู่มือยมทูต
*หมายเหตุ: การทำภารกิจนี้จะมียมทูตอีกคนช่วยในการทำภารกิจ
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไหนใครว่าเคสพิเศษมันไม่ได้มีมาบ่อย ๆ ไง ...