บทนำ
ภายในหอพักชายห้อง 401
ร่างหนึ่งกำลังขดตัวกอดหมอนข้างอยู่บนเตียง เจ้าตัวยังคงนอนหลับตาพริ้ม ใบหน้าคมเข้มราวกับรูปปั้นเข้ากับผิวสีแทน ไม่แปลก ที่จะมองมุมไหนก็ต้องหลงใหล เสียงลมเบา ๆ จากการทำงานของเครื่องปรับอากาศยังคงดังต่อเนื่อง สลับกับเสียงลมหายใจที่ดังเป็นจังหวะ
จนกระทั่งร่างนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงที่เพิ่มเข้ามาจากโทรศัพท์มือถือที่อยู่อีกเตียงถัดไปทางด้านขวามือ เจ้าตัวสะลึมสะลือยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วร้องเรียกเพื่อนเตียงข้าง ๆ ให้ตื่น ซึ่งดูเหมือนผู้เป็นเจ้าของโทรศัพท์จะพึมพำอะไรบางอย่างออกมา แล้วขยับหมอนตัวเองมาปิดหูทั้งสองข้างไว้ ไม่สนใจทั้งเสียงคนเรียกและเสียงโทรศัพท์ จนทำให้คนที่เรียกเริ่มรู้สึกหงุดหงิด
คนคนนั้นคือผมเอง …
“ไอ้ชา เฮ้ย ! รับโทรศัพท์ดิวะ” ผมร้องเรียกคนข้างเตียง ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ลืมตาเป็นรอบที่สาม
เงียบ ... ไม่สัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก ให้ตายเถอะ อะไรมันจะขี้เซาขนาดนี้ ผมลืมตา ขยับตัวลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ ก่อนเดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ขอบเตียงของผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งหมิ่นเหม่เกือบจะร่วง เพราะคนที่นอนอยู่ก่อนหน้านั้นได้เอามือปัดออกให้อยู่ไกลตัว และพลิกตัวหันไปอีกทาง
ผมมองเห็นรายชื่อโชว์หราบนจอว่า “Yaimai” เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาเป็นใคร ผมก็ต้องรีบสไลด์จอมือถือ กดรับสายอย่างรวดเร็ว เพราะรู้นิสัยของเจ้าของเบอร์เป็นอย่างดี
“ว่าไง ใยไหม”
“ว่าไงอะไรล่ะคีย์ ทำไมไม่รับโทรศัพท์ อิฐก็ไม่รับ จนฉันต้องโทรเข้าเครื่องไอ้บ้าชาเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่ลืมกันเหรอ วันนี้มีค่ายรับน้องที่ภาควิชาอะ อย่าบอกนะว่าพวกแกเพิ่งตื่น” เสียงแหลม ๆ ดังมาเป็นชุด
ผมตาสว่างทันที เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ เป็นเพราะเมื่อวานหลังจากพวกเราย้ายข้าวของขนเข้าหอใน และช่วยกันทำความสะอาดห้องเสร็จ ก็เหนื่อยจนหลับเป็นตาย แถมผมยังตกบันไดตอนขนของขึ้นมาอีกแน่ะ นี่ยังระบมไม่หาย ลืมไปเลยว่าวันนี้ที่คณะจะมีการรับน้อง แล้วเราทั้งสามคนดูเหมือนจะลืมตั้งนาฬิกาปลุกกันด้วย ยกมือถือออกจากหูดูที่หน้าจอตัวเองก็พบว่า อีก 5 นาทีจะเก้าโมงเช้า ซวยแล้ว กำหนดการเริ่มตอนเก้าโมงนี่
“โทษที มือถือแบตหมดอะ คีย์เพิ่งตื่น ส่วนไอ้ชากับไอ้อิฐมันยังนอนกันอยู่เลย”
สภาพเพื่อนอีกสองคนของผมยังคงนอนหลับอย่างเป็นสุขดี เตียงถัดจากผมเป็นของหนุ่มหน้าตี๋ผู้เป็นเจ้าของโทรศัพท์ มองตาแล้วไม่ว่ารู้ว่ามันหลับหรือตื่น มีนามว่า ชาบู ส่วนอีกเตียงด้านตรงข้ามของชาบูเป็นของ อิฐ หนุ่มเหนือรูปร่างสูงใหญ่ ตัวขาวจั๊วะ ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทผมมาตั้งแต่สมัยมัธยม อ่อ รวมใยไหมอีกคน ซึ่งไหมเองก็เป็นเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มแค่คนเดียว ที่มาเรียนวิศวะกับพวกเรา เพื่อนผู้หญิงของไหมส่วนใหญ่ไปเรียนคณะสายสุขภาพกันหมด เลยทำให้พวกเราที่สนิทกันอยู่แล้ว สนิทกันมากขึ้นเป็นพิเศษ
“ฮะ ! คีย์รีบปลุกพวกมันให้ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันมานั่งรอพวกแกหน้าหอนานแล้วเนี่ย ถ้าไม่ติดว่ารถเสีย ฉันก็ไม่มารอหรอก”
“ได้ ๆ เดี๋ยวรีบแต่งตัวแล้วลงไปเลย”
ทันทีที่วางสาย ผมก็หันไปหาพวกมัน
“เฮ้ย ! พวกมึง ตื่นได้แล้ว วันนี้ต้องไปคณะ ตื่น ๆ” ผมตะโกนบอกพวกมันดังลั่นห้อง ขณะเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเสื้อยืดกับกางเกงยีนมาเปลี่ยน รับรอง ถ้าให้ใยไหมรอนานเกินไป ระเบิดลงแน่
กว่าพวกมันจะตื่น ผมก็ต้องใช้พลังงานไปมากพอสมควร โดยเฉพาะกับไอ้ชา ผมต้องไปง้างมือจากหมอนที่ปิดรูหูมันแล้วตะโกนเข้าใส่ ดีที่พวกผมสามารถใส่ชุดไปรเวทได้ เพราะเห็นรุ่นพี่บอกไม่มีพิธีการอะไร ไม่ต้องใส่ชุดนักศึกษา ไม่งั้นคงเสียเวลาแต่งตัวกันอีก ผมกวาดโทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์และแว๊กซ์เซตผม พร้อมขวดน้ำหอมที่วางอยู่บนโต๊ะลงกระเป๋าสะพาย เอาวะ เดี๋ยวค่อยไปจัดการบนรถเอา
“คีย์กูขอแปรงฟันก่อนดิ” อิฐพูดขึ้นหลังจากใส่เสื้อเสร็จ
“ไม่ต้องละ ไปทำบนรถ กูเอาน้ำยาบ้วนปาก น้ำหอม แว๊กซ์เซตผมมาหมดแล้ว ไป ๆ หรือมึงอยากเจอไหมเหวี่ยงอะ”
คนถามส่ายหัวดิก ๆ ทำหน้าแหย ๆ เมื่อนึกถึงสาวสวยหน้าหวาน ที่ปากไม่ค่อยจะหวาน กับคอนเซ็ปต์ ‘เหวี่ยง ทะลุนรก’ ที่พวกเรารวมใจกันตั้งให้ โดยเจ้าตัวไม่รู้ เมื่อคิดได้อย่างนั้น ไอ้อิฐจึงเดินไปหยิบรองเท้าผ้าใบหน้าประตูมาใส่ แล้วรีบออกจากห้องไป
กลิ่นน้ำหอมคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วทั้งคันรถ ต้นเหตุไม่ใช่อะไร เนื่องจากสามหนุ่มสามมุม ผู้ไม่ได้อาบน้ำนั่นเอง พอกลิ่นมารวมกัน ก็เสมือนอาบน้ำหอมกันมาเลยทีเดียว และอีกหนึ่งหญิงสาว ที่นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถที่ทำหน้าโคตรนอยด์
“กลิ่นน้ำหอมพวกแกทำฉันเวียนหัวจะเป็นลม คีย์ แกเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมเหรอ กลับไปใช้กลิ่นที่ฉันเลือกให้เถอะ”
ครับ ๆ เดี๋ยวผมรีบกลับไปซื้อใหม่เลยครับคุณแม่
“อ่า ๆ ไว้คราวหน้าไม่ได้กลิ่นนี้แน่นอน เก้าโมงจะครึ่งแล้ว พวกมึงเซตผมเสร็จยัง เอามาให้กูมั่ง”
ประโยคหลัง ผมหันไปบอกคนที่นั่งด้านหลังรถอีกสองคนที่กำลังเสริมหล่ออยู่ ดูสภาพตัวเองจากกระจกรถแล้วไม่ไหว ผมงี้ยุ่งชี้ไปทั่วจนดูออกว่าเพิ่งตื่นนอน
“อย่าเยอะดิเจ๊ นี่ขนาดจำกลิ่นน้ำหอมไอ้คีย์ได้เลยเหรอ จมูกดีเกิ๊น เหมือนตัวอะไรน้า … เนี่ย ๆ หอมจะตาย”
ไม่พูดเปล่า ไอ้ชาหยิบขวดน้ำหอมออกมาฉีด ข้างหน้ารถด้วย โอ๊ย ... จะเล่น ก็เล่นกันไป อย่ากระทบผมดิ นี่ขับรถอยู่นะ ผมเริ่มจะรู้สึกเวียนหัวตามที่ไหมบอกเพราะกลิ่นน้ำหอมละ แล้วไหนละแว๊กซ์เซตผม เมื่อไรจะส่งมาสักที
“โอ๊ยไอ้บ้า ! จะฉีดมาทำไมอีกเนี่ย แล้วนี่ ! บอกกี่ครั้งแล้วอย่าเรียกฉันว่าเจ๊ ไม่ชอบ !”
ซ้ายมือผมตอนนี้ใยไหมกับไอ้ชาบูกำลังกัดกันครับ โป๊ก ! ไอ้ชาเจอไหมเอื้อมมือไปด้านหลัง ตบกะโหลกไปหนึ่งที ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยมัธยมผมคงได้ยินเสียง เพียะ ! เน้น ๆ ตรงกลางเกรียนมันแล้วล่ะ
“โอ๊ย ! ผู้หญิงไรวะ หน้าตาก็ดี บ้านก็รวย ชอบใช้แต่ความรุนแรง”
ยัง ยังไม่จบ
“ไหม มันก็ยังดีกว่านะ ถ้าแกได้กลิ่นไอ้ชาตอนมันยังไม่อาบน้ำเนี่ย ยาสลบดี ๆ เลย ไม่แค่จะเวียนหัวเป็นลมหรอก” อิฐพูดขึ้น
“โห มึงก็พูดเกินไป ให้เกียรติกูบ้าง เดี๋ยวนี้กูอาบน้ำ 5 วันต่อสัปดาห์นะครับ”
คนโดนเผาทำหน้าทะเล้นแล้วยื่นแว๊กซ์เซตผมส่งให้ผม เฮ้อ …
นี่กว่าผมจะได้เซตผมนะ ...