ตอนที่ 8 มันเป็นโชคชะตา
หลังจากที่เห็นวอร์เด็นทำได้ดีมากในการทดสอบ ควินน์ก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงทักษะพิเศษของวอร์เด็น หลังจากวอร์เด็นจับมือกับเขาในครั้งแรก ราวกับว่าวอร์เด็นพยายามที่จะใช้ทักษะกับควินน์ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทักษะของเขานั้นใช้การไม่ได้
ถ้าทักษะของวอร์เด็นคือธาตุน้ำแข็ง แน่นอนว่ามือของเขาจะต้องเย็นมาก เว้นเสียแต่ควินน์จะมีทักษะที่ปิดกั้นความสามารถของทักษะทั้งหมด ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่เพียงแค่นั้น วอร์เด็นก็ได้มีปฏิกิริยาแปลกๆและถามควินน์ว่าเขามีทักษะพิเศษอะไร เหมือนกับเขารู้ว่าทักษะของเขานั้นไม่ทำงาน
แล้วอีกเรื่องที่แล่นเข้ามาในความคิดของควินน์ ทำไม วอร์เด็นถึงยืนกรานที่จะจับมือกับทุกคนที่พึ่งเจอกัน ถ้าควินน์จำไม่ผิด เอรินได้ปฏิเสธที่จะจับมือกับวอร์เด็น แต่ในที่สุดวอร์เด็นก็ยังวางมือไปที่ไหล่ของเอริน ซึ่งดูเหมือนตอนนั้นดูเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลก แต่ควินน์ตระหนักแล้วว่าทุกอย่างมีเหตุมีผลของมัน
เงื่อนไขคือ การสัมผัส และคนสุดท้ายที่สัมผัสต่อจากควินน์ก็คือเอริน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทั้งคู่มีความสามารถพิเศษเหมือนกัน ซึ่งก็หมายความว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ทักษะของ วอร์เด็น คือความสามารถที่เลียนแบบทักษะของคนอื่นได้
มันไม่ได้ผลกับควินน์เพราะทักษะของเขายังไม่ชัดเจน ควินน์ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวและเอ่ยถามออกไป
“เฮ้ วอร์เด็น ทักษะของนาย….” ควินน์กระซิบ “นายสามารถเลียนแบบทักษะของคนอื่นได้ใช่มั้ย?”
วอร์เด็นมองควินน์แล้วยิ้มออกมา
“ฉันแปลกใจที่นายนึกออกเร็วขนาดนี้ นายรู้ได้ยังไง?”
“เมื่อตอนที่นายจับมือกับฉัน แล้วนายดูประหลาดใจที่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย”
วอร์เด็นคิดว่าควินน์ช่างเป็นคนที่น่าทึ่ง จากการดาดเดาอะไรซักอย่างได้เพียงแค่การจับมือเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงที่วอร์เด็นจะได้รับทักษะธาตุน้ำแข็งมาจาก ’ตำราแห่งทักษะ’ แต่ทักษะในการเลียนแบบไม่สามารถหาได้จากตำราเหล่านั้น ซึ่งมีความหมายได้เพียงเรื่องเดียว
“นายเป็นผู้มีทักษะตั้งแต่กำเนิดเหรอ?”ควินน์ถาม
วอร์เด็นไม่ได้ตอบอะไร แต่เขาขยิบตาให้กับควินน์ ซึ่งเป็นคำตอบที่ยืนยันให้กับความคิดของควินน์
วอร์เด็นเป็นผู้มีทักษะโดยกำเนิดและมาจากครอบครัวที่ไม่แบ่งปันทักษะพิเศษนี้ให้กับโลกภายนอก เป็นบุคคลที่มีพลังและความสามารถเกินเลเวล 8
เมื่อการทดสอบเสร็จสิ้นชายสวมฮูดก็เทเลพอร์ตพานักเรียนไปที่หน้าโรงเรียนที่พวกเขาต้องอยู่ โรงเรียนเตรียมทหารแห่งนี้มีขนาดใหญ่และเป็นอาคารที่สูงที่สุดในเมือง ขนาดของมันใหญ่พอๆกับมีคนรวมเอาโรงแรมประมาณ 3 แห่งเข้าไว้ด้วยกัน
มีอาจารย์สิบคนยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า ต่อหน้าพวกเขาเป็นกลุ่มของนักเรียนที่ได้เสร็จสิ้นการทดสอบแล้ว นักเรียนกลุ่มนี้ถูกสั่งให้รอพร้อมกับเหล่าอาจารย์จนกว่านักเรียนทุกคนจะเสร็จสิ้นการทดสอบ
ในไม่ช้า นักเรียนทั้ง 5 คนก็ถูกเทเลพอร์ตมาอยู่เบื้องหน้าของอาจารย์ 1 ท่าน ในที่สุดตอนนี้ควินน์ยืนอยู่กับนักเรียนอีก 20 คน
“เอาล่ะ พวกคุณทุกคนตามผมมา จากนี้ผมจะพาพวกคุณไปดูรอบๆโรงเรียน”อาจารย์ที่อยู่ข้างหน้าพูดขึ้น
อาจารย์เป็นชายวัยกลางคนที่มีผมหยิกสีบลอนด์และสวมแว่นตาอยู่ ชื่อของเขาคือเดล
ในขณะที่เดลเดินไปรอบๆเพื่ออธิบายสถานที่ต่างๆ ของสถานศึกษา เขาอดไม่ได้เลยที่จะยิ้มตลอดเวลา ราวกับว่าไม่มีอะไรสามารถทำให้เขาอารมณ์เสียได้
“พวกคุณควรเริ่มทำความรู้จักกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ” เดลกล่าว “เพราะหลังจากนี้ ทุกคนในตอนนี้ก็คือเพื่อนร่วมชั้นกัน”
ทันใดนั้นทุกคนก็เริ่มมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขณะที่พวกเขาอยู่ในโรงเรียน แต่ควินน์สังเกตเห็นบางอย่าง คนเลเวลกลางๆมีความพยายามสูงมากที่จะตีสนิทกับพวกเลเวลที่เหนือกว่า ในขณะที่คนเลเวลต่ำๆได้ถูกมองข้ามอย่างสมบูรณ์
และควินน์กับปีเตอร์เป็นเพียงสองคนในชั้นเรียนที่มีเลเวล 1 พวกเขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกผลักไสให้ไปอยู่หลังสุดของชั้นเรียนตั้งแต่ตอนไหน ปีเตอร์เดินอย่างเชื่องช้าและก้มหน้าหงุด ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบกับปีเตอร์อย่างมาก แต่ควินน์ก็สงสัยอยู่แล้วว่ามันจะเกิดขึ้น
ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็เรียกชื่อของควินน์
“อยู่นี่เอง!” วอร์เด็นพูด “เจ้าพวกนั้นพึ่งมองข้ามฉัน แล้วพอฉันหันไปทางขวานายก็หายไปแล้ว เร็วเข้าเพื่อน มาดูรอบๆไปด้วยกัน!”
ควินน์คิดว่าวอร์เด็นช่างเป็นคนที่ประหลาด แต่นั้นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร วอร์เด็นเองก็สังเกตเห็นว่าควินน์ก็เป็นตัวของตัวเองเช่นกัน
“ไม่เอาน่า นายก็มาด้วยสิ เลิกหดหู่ได้แล้ว”
ปีเตอร์เงยหน้าขึ้นแล้วชี้ตัวเอง
“คิดว่าฉันพูดอยู่กับใครล่ะ” วอร์เด็นพูด
พวกเขาทั้งสามคนยังคงเดินอยู่ข้างหลังของชั้นเรียนในขณะที่อาจารย์พาเดินชมไปเรื่อยๆรอบสถานศึกษา พวกเขาแสดงให้เห็นถึงสนามประลองที่ซึ่งมีอุปกรณ์ทดสอบที่คล้ายกันกับที่ปรากฏในพื้นที่รกร้าง ราวกับเป็นลานกว้างที่มีไว้เพื่อการต่อสู้โดยเฉพาะ
พวกเขายังได้เห็นห้องเรียนประจำชั้น ห้องซ้อมต่อสู้ ห้องกีฬาและห้องอื่นๆอีกหลายประเภท เดลจะอธิบายเล็กน้อยเกี่ยวกับทุกสถานที่ที่พวกเขาเยี่ยมชม แต่ควินน์ไม่ได้สนใจเลยจนในที่สุดก็ถึงห้องสมุด
“อย่างที่คุณเห็นห้องสมุดที่นี่แบ่งออกเป็นสามชั้น ชั้นปีที่หนึ่งสามารถใช้งานได้เฉพาะชั้นที่ 1 สำหรับชั้นที่ 2 ก็สามารถใช้งานได้เฉพาะชั้นปีที่ 2 ชั้นสุดท้ายเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของกองทัพ”
ควินน์สนใจห้องสมุด เพราะมีหนังสือที่ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชม ที่นี่ควินน์อาจจะพบข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวกับทักษะของเขา และเขาหวังว่ามันจะอยู่แค่ชั้นแรก
ในที่สุดการพาชมรอบโรงเรียนก็สิ้นสุดลง ขณะที่เดลหยุดอยู่นอกหอพักของโรงเรียน
“ระหว่างนี้คุณจะอาศัยอยู่ที่นี่ หลังจากเอาสัมภาระไปเก็บแล้ว ก็ไปเดินสำรวจรอบๆโรงเรียนได้ตามสบายเลยนะ สำหรับวันนี้โรงเรียนไม่มีการสอนดังนั้นคุณจะมีเวลาสำรวจเต็มที่ในช่วงบ่าย”
นักเรียนแต่ละคนได้รับกระดาษแผนหนึ่งที่มีหมายเลขให้ ซึ่งแสดงเลขห้องในหอพักของพวกเขา
จากนั้นควินน์ก็สังเกตว่าดวงตาของวอร์เด็น กำลังจ้องมองมาที่ตัวเอง
“เฮ้ ควินน์ หมายเลขห้องของนายคืออะไร?”วอร์เด็นถาม
“เอ่อ 23”
“ไม่มีทางน่า ล้อเล่นใช่มั้ย? ฉันก็ได้เหมือนกัน บางทีมันอาจจะเป็นโชคชะตาที่เราทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันก็ได้นะ”
“คิดว่านะ...”ควินน์ตอบ
ในเวลาเดียวกัน ณ โถงทางเดิน นักเรียนสองคนกำลังคุยกัน
“เกิดอะไรขึ้นกับนายงั้นเหรอ ?”นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้นและมองเพื่อนของเขา
“ฉันไม่รู้ มีผู้ชายซักคนเพิ่งมาชนฉันเมื่อกี้แล้วสลับหมายเลขห้อง”
“ผู้ชาย? เราไปเอาคืนกันมั้ย?”นักเรียนถาม
“ไม่ดีกว่า ฉันเห็นข้อมือของเขาพอดี มันบอกว่าเขาคือเลเวล 5 จะดีที่กว่าถ้าเราแค่ช่างมันไป”