ตอนที่แล้วเล่ม 1 ตอนที่ 1 : ตราประทับสายฟ้า (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเล่ม 1 ตอนที่ 3: เล่ยหลวนลี่ กงล้อสายฟ้า (1)

เล่ม 1 ตอนที่ 2: ตราประทับสายฟ้า (2)


Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

นิยายอื่นที่ทางค่ายแปล

สารบัญ ARK [จบแล้ว]

สารบัญ จอมเวทอหังการ

สารบัญ ราชันเทพเก้าสุริยัน

••••••••••••••••••••

เล่ม 1 ตอนที่ 2: ตราประทับสายฟ้า (2)

ชายชรากล่าว “เหยาเหยา เจ้าจงเอาขาหมูป่าชิ้นนี้ไปให้ป้าฉิงเถิด” หลังจากที่ได้รับสิ่งของจากผู้อื่น การหยิบยื่นกลับคือมารยาทพื้นฐานในการแสดงความขอบคุณ แม้ว่าเนื้อของหมูป่าตัวนี้มิได้คุ้มค่ามากนัก ทว่ามันก็เป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียว เรื่องธรรมดาที่ชายชรามักจะเกรงอกเกรงใจผู้อื่นอยู่เสมอ

เด็กหญิงได้ยินเช่นนั้น เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “เจ้าค่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” เด็กหญิงอายุเพียงหกขวบกับการยกขาหมูป่าซึ่งหนักกว่าสิบห้ากิโลกรัมไม่ได้มีผลต่อการเดินมากนัก

เฟิงทอดสายตามองน้องสาวที่เดินออกไปไกลลับ พลันหันสายตากลับมาหาชายชราพร้อมกล่าวจริงจัง “ปู่ขอรับ มีอะไรจะพูดกับข้างั้นหรือ?”

ชายชราพยักหน้าด้วยความพึงพอใจที่เด็กชายรับรู้ถึงสถานการณ์ “เฟิงเอ๋ย เจ้าไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เจ้าอายุสิบหกปี การฝึกฝนของเจ้ามีพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมมาตั้งแต่หกขวบ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องฝึกเพิ่ม เจ้าจะต้องฝึกฝนหลวนลี่...”

ความเงียบงันพลันปกคลุมบรรยากาศ เฟิงเพิ่งมาอยู่ในโลกนี้สามปีเท่านั้น ในทุกวันเขาฝึกยิงธนูและหมัดมวยได้อย่างยอดเยี่ยม การฝึกฝนร่างกายดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในทุกวัน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำว่าหลวนลี่ เขาถามออกไป “หลวนลี่งั้นหรือ? มันคือสิ่งใดขอรับ?”

เด็กหนุ่มไม่เคยหยุดนิ่งในการทำความเข้าใจโลกใบนี้ แต่เขาติดอยู่ในหน้าผาสูงชันซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอก มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้รับรู้ว่าสิ่งใดอยู่ด้านนอกนั้น สิ่งที่พอจะทำได้มีเพียงการยืนมองท้องฟ้าและเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ

สิ่งเดียวที่ชัดเจนในใจ โลกใบนี้ไม่เหมือนกับโลกก่อนหน้าที่เคยอาศัย ในทุกค่ำคืน จันทราแปรเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ ถึงเจ็ดสี นี่คือโลกใบใหม่ที่เขาไม่รู้จักและไม่รู้อะไรอื่นนอกจากนี้

ชายชราผ่อนลมหายใจพร้อมตอบกลับอย่างใจเย็น “หลวนลี่เป็นพลังประหลาด ไม่ใช่ทุกคนจะฝึกฝนมันได้ การที่จะศึกษามัน เจ้าต้องมีศักยภาพและพรสวรรค์ ข้าเคยทดสอบร่างกายของเจ้าเมื่อตอนหกขวบ… เจ้าสามารถฝึกฝนหลวนลี่ได้”

ใบหน้าของเฟิงมึนงง ความแคลงใจเกี่ยวกับโลกใบนี้ผุดขึ้นในใจอีกครั้ง สิ่งที่เรียกว่าหลวนลี่คืออะไร มันเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ด้วยซ้ำ ปากขยับอ้าออกและถาม “ผู้คนในปราสาทผาพยัคฆ์นี้มีใครฝึกฝนหลวนลี่บ้างไหม? แล้วพวกเขาเป็นใครบ้าง?”

“ย่อมไม่มี คนที่จะฝึกมันได้มีเพียงบิดามารดาของเจ้าเท่านั้น นอกเหนือจากเจ้าแล้วไม่มีมนุษย์คนไหนที่นี่สามารถฝึกฝนมันได้ แน่นอนว่าไม่มีใครล่วงรู้ว่าครอบครัวเจ้าฝึกฝนหลวนลี่เช่นกัน”

วิญญาณของเขาครอบครองร่างกายของเฟิงเมื่อสามปีที่แล้ว นี่คือเหตุผลที่เขาไม่เคยพบกับบิดามารดาในโลกใบนี้ ช่วงชีวิตในโลกใบนี้มีเพียงปู่และน้องสาวเท่านั้น เขาจึงไม่ได้สนใจว่าบุคคลเหล่านั้นหน้าตาเป็นเช่นไร เขาตอบกลับอย่างเรียบง่าย “ขอรับ ข้าเข้าใจแล้ว”

ชายชรากล่าวต่อ “จงอย่าได้ประมาทพลังหลวนลี่เด็ดขาด เมื่อเจ้ามีพลัง จงอย่าใช้มันรังแกผู้อื่น แม้แต่คนป่าเถื่อนที่อาศัยอยู่ในภูเขายังมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแม้แต่คนเดียว”

คนเถื่อนพวกนั้นเป็นมนุษย์เช่นกัน ทว่ากลับมีพลังมหาศาลติดตัวมาตั้งแต่เกิด ร่างกายเล็กที่สุดในหมู่พวกเขาคือสูงสองเมตร ผิวหนังหยาบกร้านและเส้นขนหนาเตอะทำให้ดูคล้ายสัตว์ร้ายมากกว่ามนุษย์ ภายในภูเขาไม่เพียงแต่จะมีการล่าสัตว์ แต่นักล่าของหมู่บ้านส่วนมากยังกลายเป็นเหยื่อของคนเถื่อนอีกด้วย มนุษย์เดรัจฉานเหล่านั้นชื่นชอบการนำเนื้อหนังของมนุษย์ไปประกอบอาหาร คนเหล่านั้นคือศัตรูตัวฉกาจของเหล่านักล่า พวกมันมีสติปัญญาและพละกำลัง

“รอตรงนี้ก่อน ข้ามีบางสิ่งมอบให้เจ้า” ชายชราเดินเข้าไปในถ้ำพลันยกมือเคาะกำแพงหิน เพียงไม่นานนักสิ่งที่เขาตามหาได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า ชายชราแทงกริชเข้าไปพร้อมกับหยิบวัตถุบางอย่างออกมา

เด็กหนุ่มจับจ้องที่มือของปู่พร้อมถามทันควัน “ปู่ขอรับ นั่นคืออะไรหรือ?”

ชายชราลูบไล้วัตถุในมือพร้อมกับยื่นมันให้เฟิง “นี่คือตราประทับ… ลองตรวจสอบมันด้วยตัวเจ้าเองสิ” ดวงตาเด็กหนุ่มทอประกายอย่างฉงน “ตราประทับงั้นหรือ?” เขาจ้องมองมันอย่างพิจารณา

วัตถุทรงกลมหนาประมาณหนึ่งนิ้ว ใหญ่เทียบเท่าฝ่ามือ ภายในเต็มไปลวดลายเส้นสีน้ำเงินจำนวนมากซึ่งหนาบางแตกต่างกันออกไป มันคล้ายกับเส้นเลือดของใบไม้ ริ้วเล็กใหญ่สลับกันให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อจ้องมอง แม้ว่าขนาดจะไม่ใหญ่มากนักแต่น้ำหนักกลับมากถึงสี่กิโลกรัม

“ช่างเป็นตราประทับที่แปลกประหลาดนัก!”

“ดูเส้นมากมายพวกนั้นสิ เจ้านึกถึงสิ่งใดงั้นหรือ?”

เฟิงจับจ้องวัตถุในมืออย่างละเอียด “มันคล้ายกับเส้นเลือดของใบไม้ขอรับ ไม่สิ... มันคล้ายกับสายฟ้า!” ภาพจำจากโลกก่อนหน้าพลันปรากฏขึ้นในหัวของเขาทันควัน แต่เส้นใยเหล่านี้มิได้มากเกินไปและมันก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับฟ้าผ่ามากนัก

มุมปากชายชรายกยิ้ม “ไม่เลว มันคือตราประทับสายฟ้า! ทักษะทุนเดิมของเจ้าคือเล่ยหลวนลี่ ธาตุสายฟ้าและด้วยเหตุผลนี้เจ้าฝึกฝนมันได้!”

เฟิงอุทานออกมาอย่างรวดเร็ว “อ้อ มิน่าล่ะ ข้ารู้สึกว่ามือกำลังด้านชาอย่างแปลกประหลาด หลังจากได้สัมผัสมัน”

ทันทีที่กล่าวจบ สายฟ้าพลันปรากฏขึ้นฉับพลัน เด็กหนุ่มมิใช่มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในโลกใบนี้ เขาไม่รู้สิ่งใดเลย ในชีวิตที่แล้วเขาจำได้ดีว่าสายฟ้าเป็นพลังที่แสนร้ายกาจ เด็กหนุ่มชอบใจพลันโยนตราประทับในมืออย่างรู้สึกสนุก

“อย่าขยับ! ถือมันเอาไว้เช่นนั้นก่อน ตราประทับสายฟ้ากำลังเปิดใช้งานเล่ยหลวนลี่ของเจ้า!”

เฟิงอาศัยอยู่บนโลกใบนี้มานานสามปี เขายอมรับชายชราตรงหน้าเป็นคนในครอบครัวและอาวุโสผู้คอยสอนสั่ง ดังนั้นเขาระงับความคิดพิเรนท์ทันทีพร้อมกำตราประทับไว้แน่นหนา

เสียงแตกหักดังขึ้นในศีรษะของเด็กหนุ่ม ตราประทับกำลังส่งเสียงบาดหู เขาพลันอ้าปากถาม “ปู่ ข้าจะปลอดภัยใช่ไหม? อ้ะ ข้ารู้สึกเจ็บ!”

สายตาของชายชราจับจ้องเด็กหนุ่มอย่างปลอบประโลม “จงอย่าหวาดหวั่น! เข้มแข็งเข้าไว้ จงมั่นคง! จำไว้ว่าห้ามคลายมือจากมันเด็ดขาด!”

เด็กหนุ่มมิกล้าที่จะขัดคำสั่ง มือยังคงกำตราประทับไว้แน่นหนา ขากรรไกรสบกันด้วยความอดกลั้น ตราประทับส่งเสียงแหลมบาดหูทำให้หัวของเขาแทบจะแตกออกจากกัน แสงน้อย ๆ เริ่มเปล่งประกายออกมาแล่นเข้าสู่ร่างกายของเด็กชาย สติกลับกลายเป็นเลื่อนลอยพร้อมกับคำพูดที่ฟังไม่ค่อยได้ความ “ปะ-ปะ-ปู่ มะ-เมื่อไหร่ มัน-มัน จะ...จบ..สะ-สักที?”

“หนทางอีกยาวไกล อย่าได้ยอมแพ้”

สายฟ้าแล่นผ่านทุกอนูรูขุมขน เส้นผมลุกตั้งขึ้นชูชัน จิตใจของเด็กหนุ่มกำลังรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ปลอดภัยในขณะกำลังเปิดใช้งานเล่ยหลวนลี่

“พี่เฟิง! กะ-เกิดอะไรขึ้น?” เหยาเหยาที่เดินเข้ามาร้องอุทานอย่างฉับพลันเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

“อย่าแตะตัวพี่ชายเจ้า! มาหาปู่! อย่าแตะตัวเขา!”

ใบหน้าของเด็กหญิงซีดขาวราวกระดาษ พี่ชายของเธอยืนอยู่พร้อมใบหน้าแหงนขึ้นฟ้า เส้นผมทั้งหมดชี้ท้องฟ้าอย่างน่าสะพรึง ศีรษะของเขาราวกับว่ามันกำลังจะระเบิดออก แม้เธอจะห่วงเขามากแต่ก็มิกล้าขัดคำสั่ง ขาน้อย ๆ วิ่งไปหาปู่พร้อมร่ำไห้ออกมา “ปู่ เกิดอะไรขึ้นกับพี่เฟิง?” เด็กหญิงเติบโตมาเพราะการเลี้ยงดูของพี่ชาย ความสัมพันธ์ของทั้งสองแน่นแฟ้นอย่างถึงที่สุด เมื่อได้เห็นพี่ชายในสภาพนี้จึงทำให้จิตใจของเธอเจ็บปวดและหวาดกลัว

ชายชราโอบกอดเด็กหญิงเอาไว้พร้อมลูบหัวเธออย่างทะนุถนอม “อย่าเพิ่งรบกวนพี่เจ้าเลย เพียงแค่เฝ้าดู เขาไม่ได้เป็นอะไร!”

เสียงแหลมยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ

กลางกระท่อมหลังเล็ก เด็กหนุ่มยืนอยู่ตรงกลาง ร่างกายสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ใบหน้ากลับกลายเป็นสีแดงราวมะเขือเทศคล้ายกับว่าเขาเพิ่งผ่านการย่างสดมาอย่างไรอย่างนั้น

ในที่สุดเขาไม่อาจต้านทานของพลังได้อีกต่อไป เสียงตะโกนแหบแห้งดังขึ้น “ไม่ไหว… ข้าทำไม่ได้… ข้าถือมันไม่ได้อีกต่อไป… ข้า… ทำไม่ได้… ข้า…”

“อย่าเขวี้ยงมัน… เจ้าคลายมือได้แล้ว!”

เด็กหนุ่มคลายมือทันที แต่ตราประทับยังไม่หยุดตามที่เขาคาดหวัง กระแสไฟวิ่งพล่านไปทั่วร่างกายอย่างอิสระราวกับใยแมงมุม พวกมันห่อหุ้มร่างกายเล็ก ๆ เอาไว้อย่างแน่นหนา

เหยาเหยากัดเล็บของตนเองเพื่อคลายความกลัว เธอตะโกนออกมา “ระ-เรื่องอะไรกัน แปลกประหลาด… เกินไป” น้ำตายังคงไหลอาบแก้มบางทั้งสอง

“อดทนไว้ก่อน! ไม่ต้องกลัว เจ้าไม่ตายหรอก!”

ตราประทับเริ่มเคลื่อนไหวรอบร่างกายของเด็กชาย

มันหมุนรอบตัวเขาพร้อมด้วยร่างกายที่เริ่มขยับได้เอง แต่นี่ไม่ใช่การสั่งการของเฟิง! เขาขยับเพราะถูกกระแสไฟฟ้าชักนำ

เหยาเหยาหยุดร้องไห้พร้อมจ้องมองพี่ชายที่ตัวทำแปลกประหลาด ดวงตาน้ำล้นกำลังมองดูเฟิงยกมือและเท้าอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ร่างกายสั่นเทาอย่างต่อเนื่องไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง ท่าทางแปลก ๆ ของเขาทำให้เธอตื่นตระหนก “ปู่… พี่เฟิงเป็นอะไร… ขะ-เขาเหมือนกำลังเต้น…”

“ถูกต้องแล้ว! นี่เรียกว่าระบำสายฟ้า!”

ภายในหัวใจของเฟิงกรีดร้องอย่างไม่ยอมรับ “นะ-นี่... เรียกว่าอะไรนะ? ระบำสายฟ้างั้นหรือ? สิ่งนี้ควรถูกเรียกว่าการชักกระตุกเสียมากกว่า! ฉะ... ฉันไม่สามารถควบคุมร่างกายได้!”

ริ้วสายฟ้ายังคงไม่หายไป มันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เท้าข้างหนึ่งอยู่บนพื้นและอีกข้างชี้ขึ้นท้องฟ้า ร่างกายบิดเบี้ยวเป็นเส้นโค้ง เส้นสายฟ้ามีความหนาเท่ากับนิ้วของเฟิง มันแยกออกเป็นเจ็ดเกลียวพร้อมกับล้อมร่างกายเด็กหนุ่มเอาไว้ ทว่าท่าทางของเขาตอนนี้คล้ายคลึงกับการเต้นระบำอย่างแท้จริง

ไม่แม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้องออกมา การขยับปากยังไม่สามารถทำได้ด้วยซ้ำในขณะที่ร่างกายยังคงเต้นต่อไป

ดวงตาเหยาเหยาทอประกาย เด็กหญิงอุทานอย่างตื่นเต้น “ว้าว พี่ชายเก่งที่สุดเลย...”

เฟิงตะโกนร้องในใจอีกครั้งอย่างเจ็บปวด “เก่งงั้นหรือ? ข้ากำลังจะตายชัด ๆ พี่ชายของเจ้ากำลังถูกสายฟ้าเล่นงานอยู่ มันกำลังจะเอาชีวิตของข้าไป!”

ขณะเด็กหนุ่มกำลังเต้นระบำสายฟ้า พลังแปลกประหลาดไหลวนทั่วร่างกาย เขารู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งกำลังถือกำเนิดขึ้น ในความคิดเริ่มเข้าใจถึงพลังของเล่ยหลวนลี่...

ตราประทับสายฟ้าค่อย ๆ จางหายไป แสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากร่างกายของเฟิง รังสีของแสงสาดออกมาทำให้สายตาของชายชราและเหยาเหยาแทบจะม้อดไหม้ ทั้งสองพลันปิดตาอย่างรวดเร็วทันที

ฉับพลันเกิดเสียงสายฟ้าฟาดดังสนั่นหวั่นไหว ตราประทับพุ่งเข้าสู่หน้าอกของเฟิง มันหายเข้าไปในร่างกายของเด็กหนุ่ม!

ตู้ม!

ขาสองข้างของเด็กชายทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เขานอนหายใจหอบหนักอยู่อย่างนั้นและแสงต่าง ๆ พลันหายไป

ดวงตาของชายชราเบิกกว้าง เขาไม่คิดว่าตราประทับจะยอมรับเฟิงถึงขนาดที่เข้าสู่ร่างกายของเด็กน้อยคนนี้ ขาทั้งสองรีบก้าวหาหลานอย่างรวดเร็วพร้อมตรวจสอบชีพจรอย่างเร่งด่วน ท้ายที่สุดเด็กหนุ่มยังคงหายใจอยู่

ชายชราพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก “ร้ายกาจมากเจ้าหลานชาย ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมีความสามารถมากเช่นนี้ ตราประทับยอมรับในตัวของเจ้าแล้ว ยอดเยี่ยมจริง ๆ!”

เฟิงเผยรอยยิ้มขื่นขมออกมาพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ปู่... ร่างกายของข้าชาไปหมดแล้ว ข้าขยับตัวไม่ได้เลย”

••••••••••••••••••••

Facebook Fanpage กดเลย

••••••••••••••••••••

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด