Chapter 3 ก่อนเดินทางไปแดนมนุษย์
หนึ่งวันหลังงานประลองหรือพูดให้ถูกก็คือไปขึ้นสังเวียนให้ชาวบ้านดูแล้วเขาหนีหายหมด เย็นวันนี้โรซาเลียต้องไปที่ปราสาทเพราะจอมมารเอราเคียจะจัดงานเลี้ยงให้หลานสาว เรเนสซ่าอยากให้น้องสาวได้ใส่ชุดสวย ๆ ก็เลยส่งคนไปหาซื้อเสื้อผ้าสำหรับสตรีสูงศักดิ์ทั่วเมืองมาให้เลือก แต่ก็ไม่พ้นโดนพี่สาวคนโตแขวะเอา
“กะอีแค่งานเลี้ยงเล็ก ๆ จะใส่เสื้อผ้าสวย ๆ ไปทำไม หน้าจืดแบบนี้ไม่มีใครสนใจหรอก” ราโมน่าจิกตาใส่น้องสาวที่กำลังสั่งให้คนนำเสื้อผ้าที่ไม่ได้ถูกเลือกไปเก็บไว้ในตู้
“จะไปพบท่านจอมมาร ข้าก็ต้องให้โรซาเลียแต่งตัวดี ๆ สิคะ จะแต่งตัวแบบสบาย ๆ ไปได้ไง” เธอพยายามอธิบายให้พี่สาวเข้าใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สน
“ใส่ไปก็ไม่สวยหรอก ข้าใส่สวยกว่าตั้งเยอะ”
“จะใส่ไปล่อผู้ชายแถวไหนอีกล่ะคะ” เจ้าของเสียงหวานแทรกขึ้นก่อนจะเดินเข้ามาในชุดกระโปรงตัวใหม่ คราวนี้อดีตผู้กล้าไม่ได้แต่งหน้าให้จืดชืดเหมือนที่ผ่านมา
“หน้าเจ้า...” เธอเพิ่งรู้ว่าน้องสาวต่างแม่มีใบหน้าสวยกว่าเธอ
“ทะ...ทำไม...” เรเนสซ่าถึงกับเบิกตากว้างเพราะกลัวว่าพี่สาวคนโตจะหงุดหงิดและหาเรื่องทำลายใบหน้าของน้องเล็ก แต่โรซาเลียเตรียมใจมาแล้ว
“ข้าเบื่อที่จะต้องแต่งหน้าจืด ๆ ทุกวัน วันนี้ข้าเลยเอาหน้าสดมาให้ดู ถ้ามีตรงไหนดูไม่ดีก็ค่อยแต่งเติมเอาทีหลังนะคะ”
“สวยไปก็เท่านั้นแหละ คิดว่าชนะการประลองจะกลายเป็นคนเก่งเหรอ ฝึกต่อสู้แค่สองสัปดาห์ ที่ชนะเพราะโชคช่วยเท่านั้นแหละ” ราโมน่ารู้สึกอิจฉาน้องสาวต่างแม่ เมื่อก่อนเธอจะกดขี่โรซาเลียยังไงก็ได้ แต่หลังตกบันไดเมื่อหลายวันก่อน นิสัยเธอเปลี่ยนไปมากเลย
“ข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งค่ะ คิดแต่ว่าขยัน เก่งน่ะไม่เท่าไหร่หรอก ขยันสิสำคัญกว่า เหมือนท่านพี่ราโมน่าไงคะ ขยันหาผู้ชายทุกวัน”
“นังโรซาเลีย!”
“ชุดนี้ขยับแขนไม่สะดวกเลย ท่านพี่เรเนสซ่า ข้าขอเปลี่ยนชุดใหม่นะคะ”
“ได้ ๆ เดี๋ยวพี่ให้คนเอาชุดใหม่ไปให้ลอง” หญิงสาวได้แต่ยิ้มฝืด ๆ พลางเขยิบไปห่าง ๆ จากพี่สาวแม่เดียวกันที่ตอนนี้กำลังโมโหจนใบหน้าบิดเบี้ยว
“วันนี้เจ้ายังเหนือกว่าข้า แต่วันหน้าข้าจะเหนือกว่าเจ้าให้ดู อนาคตข้าจะต้องได้เป็นราชินีของจอมมาร!” กล่าวจบ ราโมน่าก็เดินหนีไปจากตรงนั้นอย่างหงุดหงิด ส่วนโรซาเลียก็มองไล่หลังทั้งที่ขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าจอมมารในตอนนี้เป็นผู้หญิง แล้วพี่สาวต่างแม่จะไปเป็นราชินีได้ยังไง
“นางไปกินของหมดอายุที่ไหนมาถึงเป็นบ้าได้ทุกวัน” คนบ่นหันมาถามคุณป้าแม่บ้านซึ่งเดินมาพอดี หญิงวัยกลางคนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินมากระซิบ
“เมื่อก่อนคุณหนูราโมน่าถูกเลี้ยงแบบตามใจมาก นอกจากจะคิดว่าถูกแย่งความรักแล้ว นิสัยเอาแต่ใจก็แก้ไม่หายด้วยค่ะ อะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็โวยวาย”
“มิน่าล่ะ วุฒิภาวะทางอารมณ์ถึงได้ต่ำกว่ามาตรฐาน” โรซาเลียพยักหน้าเข้าใจ “แต่ที่นางพูดเมื่อกี้ ข้าจำได้ว่าท่านป้าเอราเคียเป็นจอมมาร แล้วนางจะไปเป็นราชินีของจอมมารได้ไง”
“คุณหนูลืมไปแล้วเหรอคะ”
“ลืมอะไรคะ”
“ป้าลืมไป คุณหนูความจำเสื่อม คืออย่างนี้ค่ะ ท่านจอมมารไม่ได้มีแค่คุณหนูเป็นหลานสาว แต่ยังมีหลานชายอยู่อีกคนซึ่งเป็นลูกบุญธรรมของน้องสาวที่สิ้นไปนานแล้ว ท่านจอมมารไม่มีทายาท ทุกคนจึงเชื่อว่าอนาคตหลานชายคนนี้จะเป็นว่าที่จอมมารคนต่อไป และคุณหนูราโมน่าก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเขาด้วย”
“อย่างงั้นเหรอคะ ข้าเข้าใจแล้ว”
เจ้ามีผู้ชายตั้งหลายคน คิดว่าหมอนั่นจะเอาเหรอ ฝันหวานไปไหม โรซาเลียส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แต่พอนึกถึงหลานชายอีกคนของเอราเคีย เธอจำได้ว่าเคยศึกษาเรื่องนี้มาเหมือนกัน แต่เพราะความทรงจำมีปัญหา หลาย ๆ เรื่องจึงลืมไปบ้าง
“อีกอย่างนะคะ คุณหนู คนที่ปราสาทยังลือกันว่าท่านจอมมารจะให้คุณหนูหมั้นกับเขาด้วย” ประโยคนั้นเหมือนเป็นการทิ้งระเบิดตูมใหญ่ หญิงสาวสะบัดหน้ามาหาคุณแม่บ้านแล้วจะโกนเสียงดัง
“อะไรนะ!!!”
ปราสาทจอมมารยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ไม่ว่าจะโลกที่เธอจากมาหรือโลกใบนี้ก็ตาม แต่ต่างกันแค่ที่นั่นมีจอมมารลำดับที่สิบหกเป็นเจ้าของ ทว่าผู้ปกครองปราสาทที่เธอกำลังจะไปพบนั้นเป็นจอมมารลำดับที่สิบห้า ทันทีที่ลงจากรถม้า สาวใช้ที่ถูกส่งมารับหน้าประตูปราสาทก็เป็นผู้นำทางเธอไปยังห้องอาหารซึ่งอยู่ชั้นสาม
“วันนี้คุณหนูงามมากเลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” โรซาเลียกล่าวขอบคุณตามมารยาทเมื่อได้รับคำชมจากผู้อื่น จังหวะนั้นสาวใช้ผู้นำทางก็หยุดชะงักเนื่องจากมีบุคคลระดับสูงเดินสวนมา
“คุณชายจูเลียน”
ใครหว่า? หญิงสาวเอียงคอมองคนตรงหน้าอย่างไม่คุ้นคงเพราะในโลกเดิม เธอยังไม่เคยเจออีกฝ่าย ทางด้านฝ่ายชายก็หันมาส่งยิ้มโปรยเสน่ห์ให้แล้วกล่าวทักทาย
“ไม่ได้เจอกันนานนะ โรซาเลีย”
“...”
“คุณหนูคะ นี่คือคุณชายจูเลียน หลานชายของท่านจอมมารค่ะ” สาวใช้เพิ่งนึกได้ว่าเธอจำอะไรไม่ได้จึงช่วยบอก อดีตผู้กล้าพยักหน้าเข้าใจพลางยิ้มตอบ
“สวัสดีค่ะ”
“ได้ยินว่าเจ้าชนะการประลองหลังหายป่วยได้สองสัปดาห์ น่าประหลาดใจจริง ๆ ยิ่งตอนนี้ ข้ายิ่งแปลกใจ ปกติเจ้าจะหลบหน้าข้าตลอดเวลามาที่ปราสาท” จูเลียนส่งยิ้มชวนสาวหลงมาให้เต็มที่ แน่นอนว่าสาวใช้ใกล้ตัวเธอรวมทั้งข้ารับใช้คนอื่น ๆ ที่เป็นผู้หญิง พอเดินผ่านมาเห็นเข้าก็พอกันหน้าแดงคล้ายถูกมนตร์เสน่ห์ให้หลงใหล
“ทำไมทุกคนดูแปลก ๆ”
“คงถูกความสามารถพิเศษของข้าเล่นงานเอาน่ะ เวลาที่ข้ายิ้ม ผู้หญิงทุกคนที่เห็นจะหลงใหลข้าด้วยกันทั้งนั้น แต่น่าแปลกที่เจ้าไม่เป็นอะไร ทั้งที่เมื่อก่อนก็มีปฏิกิริยา ถ้าไม่ติดว่าราโมน่าอยู่ด้วย ข้าคงได้คุยกับเจ้ามากกว่านี้”
“คุณหนูราโมน่าตามติดคุณชายจูเลียนเป็นหมากฝรั่งเลยค่ะ ช่วงนี้คุณชายเลยพยายามไปไหนมาไหนโดยไม่ให้นางรู้ ไม่อย่างนั้นนางโผล่มาแน่ค่ะ”
“นั่นสินะ ถ้านางรู้ นางคงมากับข้าด้วย” โรซาเลียพยักหน้าเข้าใจหลังจากสาวใช้กระซิบบอก “เมื่อก่อนข้าก็เผลอหลงเสน่ห์รอยยิ้มของเจ้าด้วยเหรอ”
“แน่นอน แต่เพราะพี่สาวเจ้า เราเลยแทบไม่ได้คุยกัน แย่จัง ข้าอยากจะหมั้นกับเจ้าแท้ ๆ เชียว”
“ข้าอยากพบท่านป้าแล้ว ช่วยพาไปที” เธอหันไปบอกสาวใช้เพราะอยากไปจากตรงนี้ให้พ้น ๆ แต่จูเลียนไม่ยอมให้ไปจึงคว้าข้อมือเธอไว้
“เจ้านี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ๆ ก็หลบหน้าข้าตลอด กลัวว่าข้าจะทำมิดีมิร้ายเจ้าหรือไง แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากหมั้นและแต่งงานกัน เจ้าก็หนีข้าไม่พ้นอยู่ดี” หลานชายจอมมารเอ่ยเสียงเย็นเป็นการข่มขู่ มือข้างที่จับข้อมือเธอก็บีบแน่นจนสาวใช้กลัวว่าร่างบางจะเจ็บ
“ถ้าจำไม่ผิด รองเท้าข้าเบอร์แปด” โรซาเลียกล่าวเสียงเรียบ ขาข้างหนึ่งก้าวไปด้านหลังคล้ายกับเตรียมพร้อมแต่เนื่องจากชายกระโปรงบังไว้จึงไม่มีใครเห็น “เอามือสกปรกของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!”
พริบตานั้นเธอก็เตะเข้าจุดยุทธศาสตร์เพศชายเข้าเต็ม ๆ ทำเอาจูเลียนถึงกับทรุดลงไปนั่งคุกเข่าทันที จากนั้นเธอก็ขยุ้มคอเสื้อแล้วเหวี่ยงชายหนุ่มไปชนผนังเป็นการเปิดทาง ส่วนตัวเองก็เดินต่อไปอย่างสง่าผ่าเผย
“วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน แต่คราวหน้า เจ้าไม่รอดแน่ คอยดูเถอะ สักวันข้าจะใช้เสน่ห์ทำให้เจ้าคลานมาหมอบแทบเท้าข้า!”
“ปลาดุกชนเขื่อนยังน่าเข้าใกล้กว่าตั้งเยอะ เสน่ห์ของเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก!” โรซาเลียหันมาตะโกนตอบพลางคว่ำนิ้วหัวแม่มือลงเป็นการเยาะเย้ย
“เจ้า!”
“ว้าย! กลัวแล้วจ้า ใครก็ได้ช่วยด้วย มีคนจะรังแกข้า!”
“คุณหนูอย่าวิ่งสิคะ เดี๋ยวล้ม!” สาวใช้รีบวิ่งตามหลานสาวจอมมารไปอย่างเร่งรีบแต่เหมือนจะตามไม่ทันเพราะหญิงสาววิ่งเร็วราวกับนักวิ่งลมกรดทั้งที่ท่าวิ่งเหมือนคนกระโดดโลดเต้นกวนประสาทชาวบ้านมากกว่าหนีไปด้วยความกลัว
“ได้ยินว่าเจ้าเตะจูเลียน”
พรวด!
ทันทีที่ได้ยินประโยคแรกของผู้เป็นป้า โรซาเลียก็พ่นน้ำออกมาเป็นละออง โชคดีที่หันหน้าไปทางอื่นทันไม่อย่างนั้นอาหารมื้อเย็นบนโต๊ะคงเต็มไปด้วยน้ำลายของเธอ เอราเคียกลั้นหัวเราะก่อนจะโบกมือเรียกสาวใช้ให้นำผ้าสะอาด ๆ ไปเช็ดตามตัวหลานสาว
“ท่านป้าทราบได้ยังไงคะ”
“สาวใช้ที่ไปกับเจ้าเป็นคนบอกเอง”
“อ้อ”
“ที่จริงวันนี้เขาก็มาหาข้า เห็นว่าอยากหมั้นกับเจ้า” จอมมารสาวสังเกตปฏิกิริยาของคู่สนทนา อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนคนเบื่อโลก ท่าทางจะไม่ชอบขี้หน้าหลานชายของเธอ “ไม่ถูกใจเหรอ”
“ไม่เลยค่ะ”
“แล้วไม่อยากให้ใครสักคนมาดูแลบ้างเหรอ เจ้าเองก็ควรแต่งงานได้แล้ว หาคู่ชีวิตสักคนมาฝากข้าหน่อยสิ” ราชินีปีศาจแซวหลานสาวขำ ๆ แต่คนถูกแซวกลับถอนหายใจยาว
“ข้าจะแต่งงานกับคนที่ข้ารักเท่านั้นค่ะ”
“ช่างเถอะ เอาไว้ถึงเวลาข้าเชื่อว่าเจ้าก็คงจะหาหลานเขยดี ๆ สักคนมาให้ดู” เอราเคียใช้ช้อนตักเนื้อตุ๋นชั้นดีมาให้หลานสาวก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น “อีกสองวันข้าจะไปที่แมนไคน์ มีแค่เจ้ากับข้าเท่านั้นที่ไป”
“แล้วท่านป้าจะไปหาข่าวผู้กล้าในเมืองไหนคะ”
“เริ่มที่เมืองใกล้ ๆ ชายแดนก่อนละกัน ช่วงนี้มีนักบวชจากวิหารศักดิ์สิทธิ์เดินทางไปทั่ว ข้าก็เลยไม่อยากเสี่ยงส่งปีศาจตนอื่นไป ถ้าเป็นข้า ข้าสามารถรับรู้ได้ว่าใครเป็นคนจากวิหาร ข้าคิดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นข้าคงเอาตัวรอดได้”
“แต่ข้าว่ามันก็เสี่ยงอยู่นะคะ” จอมมารลงทุนไปสืบข่าวเอง ถ้าฝ่ายศัตรูรู้เข้าต้องยกพวกมาจัดการเธอแน่ ทว่าเอราเคียกลับยิ้มโดยไร้ความกังวล
“ข้าถึงต้องมีองครักษ์พิเศษที่ไว้ใจได้ไปด้วยไง”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำงานให้สุดความสามารถเลยค่ะ” โรซาเลียกำหมัดสองข้างแน่น งานนี้เธอพร้อมสู้ตายถ้ามันช่วยให้เธอได้อะไรขึ้นมาขณะทำภารกิจเปลี่ยนตอนจบของเรื่องราว
“แล้วนี่เจ้าตั้งชื่อดาบหรือยัง”
“ยังเลยค่ะ” เรื่องนี้เธอลืมไปเสียสนิทเพราะมัวแต่สนใจเรื่องอื่นจึงเผลอมองข้ามเรื่องเล็ก ๆ ไป ความจริงดาบศักดิ์สิทธิ์ของเธอก็มีชื่อ แต่เพราะไม่เคยนึกว่าจะได้ดาบเล่มที่สองจึงไม่เคยคิดชื่อเผื่อไว้
“ให้ข้าตั้งให้ไหม ถ้าเจ้ายังนึกไม่ออก”
“รบกวนท่านป้าแล้วค่ะ”
“ชื่อดูเวสซ่าก็แล้วกัน” หญิงสาวเลือกชื่อนี้ให้ดาบประจำตัวของหลาน โรซาเลียพยักหน้าเออออเห็นด้วยซึ่งในความเป็นจริงเธอไม่ได้คิดมากเรื่องตั้งชื่อ เผลอ ๆ ถ้าเอราเคียไม่พูด เธอคงไม่คิดจะตั้งชื่อให้ดาบเล่มใหม่แน่
“อาหารอร่อยดีนะคะ” เธอเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องอาหารบนโต๊ะแทน
“ข้าสั่งให้แม่ครัวทำสุดฝีมือเลย ถ้าเจ้าชอบก็กินเยอะ ๆ นะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณค่ะ ท่านป้า ข้าไม่ได้กินอาหารอร่อย ๆ แบบนี้มานานแล้ว” อดีตผู้กล้ารีบตักอาหารจานไหนก็ตามที่ดูน่าอร่อยมากองรวมในจานตัวเองแล้วเริ่มกวาดทุกอย่างลงกระเพาะเหมือนคนอดข้าวมานาน ในขณะที่เอราเคียก็ทำหน้างง ๆ เนื่องจากได้ยินหลานสาวบอกว่าไม่ได้กินของอร่อย ๆ มานานทั้งที่ในคฤหาสน์ก็มีอาหารดี ๆ มากมายให้กินในแต่ละวัน
ครั้งสุดท้ายที่ข้ากินอาหารด้วยบรรยากาศอบอุ่นคือตอนไหนกันนะ โรซาเลียนึกถึงเรื่องราวในโลกที่เธอจากมา เทรเวน่าบอกว่าความทรงจำของเธอมีปัญหาซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่ดีหน่อยที่ช่วงนี้เริ่มนึกออกทีละนิด
“เจ้ากำลังโตต้องกินเยอะ ๆ นะ โรส แล้วก็อย่าดื้อ อย่าซน ป้าไปจัดดอกไม้ให้ลูกค้าก่อน เดี๋ยวจะมากินมื้อกลางวันด้วย”
ในวัยเด็ก เธอเป็นแค่เด็กหญิงธรรมดาที่อาศัยอยู่กับป้าซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายดอกไม้ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ชีวิตในเวลานั้นเธอมีความสุขมาก นอกจากจะได้วิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ แล้วเธอยังมีอิสระที่จะทำตามที่ใจต้องการ จนกระทั่งนักบวชจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวพร้อมกับประกาศว่าเธอถูกเลือกเป็นผู้กล้าคนใหม่ หลังจากนั้นชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
“อาหารไม่ถูกปากเหรอ” เอราเคียถามขึ้นหลังจากเห็นหลานสาวนั่งนิ่งตัวแข็งทื่อ โรซาเลียหลุดสะดุ้งเพราะได้สติ เมื่อรู้ว่าตัวเองเหม่อจึงหัวเราะกลบเกลื่อน
“อาหารอร่อยจนข้าจินตนาการว่ากำลังล่องลอยอยู่บนฟ้าน่ะค่ะ”
“ข้าก็นึกว่าเจ้าจะเป็นอะไรซะอีก” เอราเคียเชื่อตามที่เธอบอก ซึ่งนั่นก็ทำให้อดีตผู้กล้าแอบโล่งใจ ตอนนี้เธอต้องเก็บความลับที่ว่าตัวเองมาจากอีกโลกให้มิดที่สุด ถ้าจอมมารสาวรู้ว่าเธอไม่ใช่หลานตัวจริงมีหวังโดนเก็บคาปราสาทแน่
เพื่องานสำคัญ เธอต้องอดทน!
หลังจากเสร็จธุระที่ปราสาท โรซาเลียจึงนั่งรถม้ากลับมาที่คฤหาสน์ พี่สาวคนรองยังคงรอรับอยู่ด้วยความห่วงใย ส่วนพี่สาวคนโตออกไปเที่ยวกลางคืนจึงไม่อยู่ทะเลาะกับเธอ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีเพราะตอนนี้หญิงสาวไม่อยากมีเรื่อง ร่างกายต้องการพักผ่อนเนื่องจากกระเพาะที่เต็มแล้ว
“เจ้าจะมานอนทั้งแบบนี้ไม่ได้นะ ไปอาบน้ำก่อน” เรเนสซ่าเห็นน้องสาวขึ้นไปนอนแผ่บนเตียงก็รีบไปเขย่าร่างตามด้วยดึงแขนลากลงมาจากที่นอน
“ท่านพี่ วันนี้ข้าขอซักแห้งนะคะ”
“ซักแห้งอะไร ไม่รู้ล่ะ มาอาบน้ำเดี๋ยวนี้ ทุกคนมาช่วยเร็ว!” คุณหนูรองหันไปออกคำสั่งสาวใช้ที่ยืนรออยู่นอกห้อง ทุกคนจึงวิ่งเข้ามาช่วยกันลากโรซาเลียลงจากเตียงแล้วพาไปอาบน้ำแต่งตัว
ถึงแม้ว่าตอนแช่น้ำในอ่าง เธอจะนั่งหลับคาที่เลยก็เถอะ
กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อย เธอก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ทั้งที่ควรจะนอนเหมือนคนอื่น ๆ แต่หญิงสาวกลับนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงพลางใช้ผ้าสะอาดเช็ดตัวดาบจากนั้นก็เก็บอาวุธเข้าฝักแล้ววางไว้ในกล่องไม้ตามเดิม โรซาเลียโยนผ้าที่ใช้เช็ดอาวุธลงข้างเตียง ตั้งใจว่าหลังตื่นนอนจะเก็บ ทว่าจังหวะที่กำลังจะเอนหลัง เธอก็มองฝ่ามือตัวเองที่แผ่ไอพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาจาง ๆ
“จริงสิ ดาบศักดิ์สิทธิ์” ตั้งแต่มาอยู่ในโลกนี้ เธอยังไม่เคยเรียกดาบคู่ใจมาเลยสักครั้ง ถึงไม่ได้เอามาใช้แต่ก็อยากเห็นมันให้หายคิดถึงและเพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าเธอคือผู้กล้า บุคคลที่เป็นความหวังของมนุษยชาติ “อินโนเซนเทีย”
พลันแสงสีขาวสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้นทำให้เจ้าของห้องต้องยกมือป้องหน้า ทันทีที่แสงนั้นจางหายไป ดาบสีทองสวยงามก็ลอยอยู่แทนที่ โรซาเลียคว้าดาบคู่ใจพลางกระโดดลงจากเตียงจากนั้นก็ควงดาบไปมาอย่างคุ้นเคย
“ไม่ได้เห็นเจ้าตั้งนาน คิดถึงมากเลย” ว่าแล้วก็เอาอาวุธมากอดอย่างรักนักรักหนา ร่างบางกระโดดขึ้นบนเตียงโดยไม่ลืมหยิบผ้าที่เขวี้ยงลงพื้นติดมือมาด้วยเพราะจะเอามาเช็ดตัวดาบ
อินโนเซนเทีย ดาบประจำตัวของโรซาเลีย มันปรากฏขึ้นหลังจากที่เธอเข้าพิธีเรียกศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ซึ่งผู้กล้าทุกรุ่นที่ผ่านมาจะต้องเข้าพิธีนี้หลังสำเร็จการฝึกฝน ทั้งเธอและอาวุธเปรียบเหมือนครึ่งหนึ่งของกันและกัน หากเจ้าของตาย ดาบก็จะถูกทำลายไปด้วย แต่ในกรณีของเธอหลังจากใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ ดาบก็หายไปเลยจนกระทั่งตอนนี้ที่เธอเรียกมาได้อีกครั้ง
“ถ้าเจ้าพูดได้ก็ดีสิ ข้าจะได้มีเพื่อนคุย” เจ้าของเสียงหวานพึมพำกับตัวเอง นัยน์ตาสีเขียวมองตู้เสื้อผ้าซึ่งเต็มไปด้วยชุดสวย ๆ ก่อนจะไล่สายตามองข้าวของเครื่องใช้รวมทั้งเตียงที่เธอนั่งอยู่ด้วย “ตอนที่ข้าเป็นผู้กล้า ข้าได้แต่มองชุดสวย ๆ ที่พวกผู้หญิงใส่กันในขณะที่ข้าต้องสวมชุดเกราะ ข้าอยากเปิดร้านขายดอกไม้เหมือนที่ป้าของข้าทำแต่ข้ากลับต้องจับดาบไปต่อสู้ ข้าเห็นผู้หญิงวัยเดียวกันกับข้าได้แต่งงานและมีครอบครัว ข้าเองก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ข้าโชคไม่ดีเหมือนพวกนางนี่สิ”
โรซาเลียก็เหมือนผู้หญิงทั่วไป เธออยากมีเพื่อนฝูง อยากทำโน่นทำนี่ตามที่ใจต้องการ มีความฝันที่วาดเอาไว้ในอนาคต รวมทั้งอยากมีครอบครัวเหมือนที่ผู้หญิงคนอื่น ๆ มี แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีวันได้มาเพราะตราบใดที่เธอยังเป็นผู้กล้า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน จะช้าหรือเร็ว เธอก็ต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ