บาทที่ 34
บาทที่ 34
เปรี๊ยง ร่างสีดำสูงใหญ่กว่าสิบเมตรนั้นกระโดดทีเดียวถึงตัวของหงเซียว มันต่อยหมัดออก แต่ดวงอักขระสองดวงที่รายล้อมร่างหงเซียวพลันเข้ามาขวางเอาไว้ เสียงปะทะกันนั้นดังสนั่นและเกิดคลื่นกระแทกออกไปรอบข้าง หงเซียวปลิวสูงขึ้นไปกว่าเดิมเกือบหกร้อยเมตร
ร่างสีดำนั้นตกลงมายืนบนพื้นส่งผลให้แผ่นดินระเบิดออกไปรอบข้าง จนเหล่าเซียนจากสำนักห้าธาตุและผึ้งเซียนปลิวออกไปทุกทิศทางโดยมีร่างสีดำนั้นเป็นศูนย์กลาง
เมื่อมันยืนมั่นแล้วทุกคนจึงได้เห็นตัวตนมันถนัดชัดเจน มันมีรูปร่างเป็นมนุษย์แต่ทว่าหัวของมันเป็นเสือดำ มีมือและขาแบบมนุษย์แต่มีกรงเล็บเป็นเสือดำ ขนทั้งตัวเป็นสีดำตลอดไปถึงหางแบบเสือดำด้วย
“ฮ่าฮ่า อสูรเสือดำจัดการฆ่าพวกมันเลย” ฟ่านหวินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนว่ามนุษย์เสือดำนั้นจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับคำพูดของฟ่านหวิน มันหันขวับมาหาเขาทันที พร้อมกับตวัดมือวูบ
ฉั๊วะ หัวหนึ่งปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้า ขณะที่ตัวนั้นสะบั้นขาดเป็นท่อนๆกลิ้งไปตามพื้นพร้อมกับเลือดที่ไหลออกไปทุกตลบของการกลิ้งนั้น
“ว๊ากกก พี่ฟ่านตายแล้ว” หลายคนเสียสติส่งเสียงกรีดร้อง ไม่ยอมทำอะไรต่อไปพยายามพุ่งกายหนีขึ้นฟ้า
ฉั๊วะ ฉั๊วะ หลายคนถูกตบ ไม่ปลิวขึ้นฟ้าก็กลิ้งลงดิน
“พี่ชาย” หญิงสาวทุกคนเห็นหงเซียวโดนตบอย่างชัดเจน แต่ก็เห็นว่าหงเซียวใช้ดวงอักขระต้านรับได้อย่างทันควัน เมื่อมองตามไปดูเขา ก็ได้ยินเสียงนุ่มๆผ่านเข้ามาว่า “ไม่เป็นไร เพียงแต่เจ้านี่แรงเยอะมากหน่อย” พวกเธอจึงค่อยโล่งอก
“ทำยังไงต่อไปดี พี่ชาย” จินหลินตั้งสติถาม
“ถอยออกมา ช้าๆ อย่าให้เป็นที่สนใจ ใช้ผึ้งเซียนชุดหนึ่งบุกเข้าไป อีกกลุ่มหนึ่งให้เพิ่มขนาดตัวมันให้ใหญ่พอกับเจ้าเสือยักษ์นี่” หงเซียวบอก ขณะเดียวกัน เขาซึ่งเหมือนปลิวไปอยู่ไกลแล้วก็สวมภูษาเซียนห้าธาตุนำผึ้งเซียนตัวหนึ่งปรับเปลี่ยนให้เป็นร่างโลหะขนาดสิบเมตร
การสร้างร่างขนาดใหญ่นั้นกินเวลา เขาใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีในการสร้างผึ้งเซียนตัวหนึ่ง แต่เพราะว่ามนุษย์เสือดำนั้นมัวต่อสู้ติดพันกับผึ้งเซียนทั้งหลายไม่หยุดหย่อนจึงไม่ทันสังเกตเห็น อย่างไรก็ตาม ผึ้งเซียนหลายตัวที่ไม่ใช่ดิน หรือโลหะ ถูกเสือดำนี้ฟาดฟันจนร่างสลายไปเป็นจำนวนมาก
ผึ้งเซียนก้อนโลหะอันหนักอึ้งขนาดใหญ่กลิ้งไปตามพื้นอย่างรวดเร็วตรงเข้าไปหามนุษย์เสือดำ พื้นดินที่มันกลิ้งผ่านถูกบดเป็นร่อง ต้นไม้ล้มระเนระนาด มันกินพลังเซียนหมดไปเร็วกว่าปกติมาก หงเซียวคาดว่ามันจะต้องหมดพลังภายในสิบนาทีเท่านั้นหากว่าต้องเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องแบบนี้
มนุษย์เสือดำสังเกตเห็นมันอย่างรวดเร็ว มันกระโดดข้ามผึ้งเซียนขนาดเล็กเข้าหาศัตรูขนาดใหญ่นี้ในทันที โดยผึ้งเซียนตอบสนองด้วยการเสกกรงเล็บโลหะออกมาแล้วทะลวงแทงเฉียงสวนขึ้นไป
กึ้ง มนุษย์เสือดำตวัดกรงเล็บปัดกรงเล็บโลหะนั้นเบนออกไปทันท่วงที ในเมื่อมันมีปฏิกิริยาตอบโต้สูงกว่า แต่นั่นก็ทำให้มันลงพื้นไม่ตรงเป้าหมาย เบนออกไปเล็กน้อย มันกลับตัวอย่างรวดเร็วแล้วตวัดกรงเล็บใส่ร่างโลหะนี้ทันที
กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด เสียงเหมือนกับโลหะครูดกันเอง บนร่างโลหะนั้นปรากฏรอยตื้นๆลึกประมาณหนึ่งนิ้วยาวออกไปตามแนวตวัด
ร่างโลหะนั้นหมุนเป็นลูกข่างไปตามวิถีของกรงเล็บ พร้อมกับตวัดเล็บเข้าใส่บ้าง
เพราะว่าเสือดำนั้นเพิ่งตวัดเล็บผ่านไปจึงไม่อาจต้านรับกรงเล็บนี้ได้มันจำเป็นต้องพุ่งร่างไปตามแนวกรงเล็บของตนเองเพื่อหลบ
ฮู่มมมม มันขัดใจมาก ที่ไม่อาจเอาชนะได้ตามใจต้องการ มันส่งเสียงร้องคำรามกึกก้องแล้วหันตัวกลับมาฟาดกรงเล็บใส่ร่างโลหะของผึ้งเซียนนี้อีกครั้ง
กึ้ง ผึ้งเซียนกลับยกกรงเล็บกันได้ในคราวนี้ และออกอาวุธตอบโต้ทันควัน เกิดเป็นการปะทะกันระหว่างสองยักษ์ใหญ่
ทันใดนั้นก็มีเสียงสวบสาบและกิ่งไม้หักโผงผางเรื่อยระมาตามพื้นดิน เมื่อหงเซียวหันไปมอง เขาก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นนาคาสีแดงตัวมหึมากว่าสิบเมตรตัวหนึ่งพุ่งพรวดมา นั่นคือ ทับทิม นาคาของจินหลินไม่ใช่หรือไร
แต่หงเซียวรู้ว่าภูษาเซียนไม่อาจขยายขนาดตัวเองได้ตามใจปรารถนา เขาพลันเข้าใจทันทีว่านี่เป็นผึ้งเซียนของจินหลินที่สร้างขึ้นมาตามแบบของทับทิม
ในมือของผึ้งเซียนตัวนี้ถืออาวุธโลหะสี่อย่างได้แก่โล่ ขรรค์ หอก และพลอง พวกเขาเอามาจากไหนกัน
หงเซียวขบคิดชั่วขณะก็เข้าใจ นั่นเป็นผึ้งเซียนที่ถูกจัดสร้างขึ้นมาโดยสี่สาวที่เหลือ พวกเธอช่างฉลาดเฉลียว
ดูเหมือนเจ้ามนุษย์เสือดำจะสังเกตเห็นการมาของนาคาหกกร ราวกับมันถูกบุกรุกถิ่นมันผละจากโกเล็มโลหะกระโจนเข้าใส่นาคาทันที
หอกแทงสวนเข้าคอหอยโดยฉับพลัน เจ้าเสือดำอันปราดเปรียวแทบหลบไม่พ้นมันรีบขวางกรงเล็บทั้งคู่ต้านเอาไว้
ตึง เสือดำที่ลอยอยู่กลางอากาศพลันพลิกหงายเสียหลัก มันพลันกลับตัวแบบแมวเพื่อที่จะเอาขาลง และก่อนที่มันจะตกถึงพื้นพลองก็หวดมาถึงจากด้านข้าง
พั๊วะ ฟาดโดนขาข้างหนึ่งของมัน และตวัดทำให้ขาทั้งสองข้างของมันลอยพ้นพื้น จนมันไม่อาจยืนได้อย่างมั่นคงอีกต่อไป มันล้มฟาดลงด้านข้าง
แกร๊ง ขรรค์ถูกปักลงมาจากด้านบน มันไขว้กรงเล็บรับไว้ แต่พลันมีมือสองข้างยื่นมาจับข้อมือสองข้างของมันไว้
ปึก ขอบโล่ตามติดมาฟาดเข้าใส่ช่องท้องของมันอย่างรุนแรง
ฉึก หอกแทงตามหลังโล่ มุ่งสู่หัวใจของมัน ก่อนจะทะลวงเข้าไปโดยไม่อาจยับยั้งได้ ในเมื่อแขนทั้งสองข้างของมันถูกจับไว้อยู่
ปึก มันหันหัวไปด้านข้างเพื่อจะกัดแขนแต่ก็พบว่ามีขอบโล่ฟาดเข้าใส่คอหอยมันทั้งยังบังไม่ให้มันใช้ปากกัดได้
แม้ว่ามันจะเสียเปรียบอย่างมาก แต่มันกลับไม่ตาย และดูไม่ลดน้อยถอยแรงไปเลย เพราะว่ามันเป็นอสูรนรกที่สร้างขึ้นมาด้วยยันต์มาร
ช่องท้อง อก และคอหอยของมันเริ่มสลายเป็นพลังมารสีดำ แต่ว่ามันก็ยังดิ้นรน มันงอเท้าเข้ามาเพื่อจะข่วน แต่พลองที่เข้ามาขวางตรงพับขาทำให้มันงอเข่าเข้ามาถีบไม่ได้
ฉั๊วะ กรงเล็บโลหะข้างหนึ่งตวัดฟาดใส่คอของมันจนขาด นั่นคือกรงเล็บจากผึ้งเซียนของหงเซียวที่ติดตามมา หัวของมันกลิ้งออกไป
ฉึกฉับ หอกแทงย้ำเข้าสู่ทรวงอก ขณะที่ขรรค์ตัดแขนมันออกมาหนึ่งข้าง
ต่อจากนั้นผึ้งเซียนก็ตัดขาและแขนข้างที่เหลือของมันแยกออกมาจากตัว แต่มันก็ยังไม่ตาย ปากของมันยังอ้ากัดอยู่บนพื้น มือก็กำแบ นิ้วข่วนทั้งสี่ข้าง ข้อศอก ข้อเข่า อ้าหุบตลอดเวลา มีเพียงไอมารที่ระเหยออกมาจากบาดแผลของมันทีละเล็กละน้อยเท่านั้น
“น่ากลัวจริง นี่คงเป็นวิชาของมารที่ร่ำลือกัน” ชิวเยว่กล่าวอย่างสยดสยอง
“วิชามารคืออะไรเหรอ” จินหลินได้ยินก็เกิดความสนใจ
“วิชามารก็คือวิชาประเภทหนึ่งคล้ายกับวิชาเซียน แต่มีวิธีการฝึกฝนที่โหดเหี้ยมเน้นการทำลายล้างและแปลกแยกออกไป มีพลังที่แตกต่างออกไปจากวิชาเซียน เพราะว่าการฝึกฝนที่เหี้ยมโหดนี้ จึงถูกพวกเราเรียกว่าวิชามาร แต่ได้ยินว่าคนที่ฝึกปรือมันเรียกว่าวิชาเทพ” ชิวเยว่อธิบาย
“มีบอกไหมว่าพวกมันไม่ชอบอะไร หรือแพ้ทางอะไรบ้าง” จินหลินถาม ตอนนี้พวกผึ้งเซียนกำลังรุมสับมันให้เป็นบะช่อ
“ได้ยินว่าพวกมันแพ้แสงสว่าง สายฟ้า และไฟ” ชิวเยว่กล่าว
“ถ้าเช่นนั้นลองทดสอบดู” พวกเธอพากันสั่งให้ผึ้งเซียนหลบออกไป ให้ชิ้นส่วนหนึ่งสำหรับชิวเยว่ในการทดลองไฟ ชิ้นส่วนหนึ่งสำหรับให้ซีชี่ทดลองแสงสว่าง ส่วนสายฟ้านั้นไม่มีใครที่ฝึกฝนวิชาเกี่ยวกับสายฟ้า ดังนั้นชิ้นส่วนที่เหลือเก็บไว้ให้หงเซียววิเคราะห์
จินหลินสั่งย่างแขนข้างหนึ่ง มันไหม้สลายไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็เหมือนกับการเผาสิ่งมีชีวิตทั้งเป็น มันต้องใช้เวลา
ซีชี่ใช้แสงสว่างแรงๆส่องไปที่ตัวมัน ไม่เกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งเธอใช้แสงเลเซอร์จากหิ่งห้อยจึงเห็นว่ามันตัดร่างของเสือดำนี้ราวกับตัดแผ่นกระดาษ แทบจะไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย
หงเซียวเก็บลำตัวมันและหัวเข้าไปในแหวนมิติ ส่วนแขนขาที่เหลือนั้นเขาสั่งให้พวกเธอเผามันทิ้ง
เมื่อไม่มีตัวของมันเหลือให้เห็นในอาณาเขตแล้ว อาณาเขตที่ป้องกันไม่ให้ใครออกก็สลายตัวไป ทิ้งไว้แต่หายนะของพื้นที่ไว้เบื้องหลัง
เมื่อเห็นว่าเซียนยี่สิบกว่าคนนั้นอาจจะมีของดีตกค้างอยู่ พวกเขาจึงสั่งผึ้งเซียนค้นซากร่างของคนเหล่านั้น และยึดแหวนมิติมาด้วย
พวกเขาพร้อมหาที่พักผ่อนใหม่แล้ว ครานี้หวังว่าไม่มีใครรบกวนนะ หงเซียว