ตอนที่ 12 : สำนักสายน้ำที่ถูกลืม
หลีเหม่ยหลงกลับชาติมาเกิดยังโลกที่แตกต่าง
ในวันแรก เธอถูกขายให้กับซ่องและเกือบถูกข่มขืนโดยชายผู้หนึ่งซึ่งถูกสังหารในเวลาต่อมา
เธอถูกวางยาด้วยควันในห้องที่เธอถูกกักขังและจบลงด้วยการทำกิจกรรมที่น่าอับอายกับผู้ชายคนนั้น
เธออดไม่ได้ที่จะเกิดความอัปยศที่ท่วมท้นต่อตัวเอง แต่เธอก็กระหายสำหรับมันอย่างมากด้วย!
เธอหวังว่าเธอจะไม่จดจำสิ่งใด!
ทำไมการสูญเสียความจำถึงไม่เกิดขึ้นในตอนนี้?
ในวันที่สอง เธอตื่นขึ้นมาในป่าอย่างกับออกมาจากเทพนิยาย
แต่…เธอมาที่นี่ได้อย่างไร และผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน? เธอเห็นการทดสอบความบริสุทธิ์ทั้งหมดมันคือภาพหลอนใช่หรือไม่?
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเธอพักที่นี่ไม่ได้!
อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้อยู่ในซ่องและไม่ว่าตอนนั้นจะเป็นการจินตนาการของเธอหรือไม่ก็ตาม เธอจะมุ่งเน้นไปที่การหาที่อยู่และตัวตนของเธอ และค่อนข้างหวังว่าจะได้ที่พัก
ในชีวิตก่อนของเธอ หลีเหม่ยหลงไม่เคยไฝ่ฝันถึงความฝันหรือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในชีวิต เธอแค่อยากจะอยู่อย่างสงบสุขเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับฝูงชน ทำงานที่มั่นคง หาผู้ชายและลงหลักปักฐาน ทำให้พ่อแม่ของเธอมีความสุข
แต่ตอนนี้ทุกอย่างหายหมดสิ้น เธอไม่มีใครอยู่ที่นี่ และเธอก็ง่ายต่อการตกเป็นเหยื่อ
เธอรู้สึกอ่อนแอ ไร้ประโยชน์
ไม่ว่าอะไรก็ตาม เธอปฏิเสธที่จะไปอยู่ในตำแหน่งที่เธอถูกขายหรือถูกโยนอีกครั้ง
เธอคิดเกี่ยวกับชายคนนั้นด้วยดวงตาสีทองอร่ามและสงสัยว่าสิ่งที่พวกเขามีด้วยกันสามารถนับได้ว่าเป็นหนึ่งคืนหรือไม่? เธอเหมือนว่าจะไม่ได้เห็นเขาอีก
รสชาติขมปร่าของความผิดหวังเผยขึ้นมาบนใบหน้าของเธออย่างไม่รู้ตัว
อย่างน้อยถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นจริง เขาก็ทำตามสัญญาของเขาและพาเธอออกมาจากบ้านหลังนั้น
ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว
เธอถอนหายใจและลุกขึ้น รวบชุดยาวของเธอขึ้นไว้ในมือและหมุนตัวเต้นรำไปข้างหน้า
ไม่ใช่จุดที่ต้องมาคิดถึงเกี่ยวกับอดีต เธอต้องเดินหน้าต่อไป!
เดินผ่านป่าออกไป เธอพบเส้นทางของนักท่องเที่ยวในการใช้เดินป่า
มีป้ายบอกทางไปทางเหนือ ดังนั้นเธอจึงเดินต่อไปแม้ในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
ยิ่งเธอเดินต่อไปบรรยากาศก็เปลี่ยนมากขึ้น มันเป็นตอนเช้าแสงจึงไม่สามารถลอดผ่านต้นไม้ที่ทึบหนามากมายรอบๆได้ มันดูอึมครึมและวังเวง
หิ่งห้อยตัวน้อยท่องไปทั่ว บางตัวถึงกับล้อมรอบเธอ
เธอยื่นมือออกมาเพื่อสัมผัสและรู้สึกเจ็บปวด
มันกัดเธอ!
เธอกลัว เธอรีบวิ่งไปข้างหน้าให้ห่างจากฝูงหิ่งห้อยที่ส่องแสง
มันยังคงอยู่ในความมืด เถาวัลย์เลื้อยคลานไปและเมื่อเธอจ้องมอง เธอก็ตระหนักว่าเถาวัลย์เป็นรากของต้นไม้จริงๆ
และรากไม้ก็เคลื่อนไหวเองได้
ผ่านพุ่มไม้ด้านข้างของเส้นทาง เธอเห็นดวงตาสีแดงหลายคู่กระพริบจ้องมาที่เธอ
ด้วยความรู้สึกของเธอ เธอเพิ่มการระวังภัยมากขึ้น เธอรีบเดินไปตามทาง และยิ่งเธอมองดู เธอยิ่งกลัวมากขึ้น แต่ท้ายที่สุด เธอเดินผ่านป่าออกมาอย่างปลอดภัย
ต่อหน้าเธอ ช่องว่างขนาดใหญ่ที่ขอบของเส้นทางเดินออกจากป่าปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
หลีเหม่ยหลงเดินไปข้างหน้าและเห็นผู้คนเข้าแถวกันอยู่มากมาย
เกือบกระโดดด้วยความดีใจ เธอรีบวิ่งไปหาผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
คนส่วนใหญ่เข้าแถวดูค่อนข้างร่ำรวย แต่มีคนไม่กี่คนที่แต่งตัวด้วยผ้าขี้ริ้วเช่นกัน ดูเหมือนว่าทุกคนสามารถติดตามได้หากพวกเขาต้องการ
คนส่วนใหญ่ที่อยู่รอบตัวเธออายุน้อยมาก พวกเขาอยู่ในวัยเดียวกันกับหลีเหม่ยหลงหรือเด็กกว่า ถึงกระนั้นพ่อแม่บางคนก็มากับลูกด้วย และจับมือกัน
ในตอนท้ายของแถวที่นั่ง ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งบนก้อนหินขนาดใหญ่ ไหล่ตั้งตรง และขาของเธอพับลงในตำแหน่งดอกบัว
เธอยืนห่างจากฝูงชนด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามและอ่อนเยาว์ เธอถูกล้อมรอบด้วยออร่าสีฟ้าเข้ม ดวงตาของเธอดำเข้มและเฉียบแหลม
ข้างหลังผู้หญิงคนนั้นเป็นเหวที่กว้างใหญ่และว่างเปล่า มีเพียงท้องฟ้าสีเทา-เงินเท่านั้นและมองเห็นปุยเมฆ หากมีคนเดินไปข้างหน้าพวกเขาจะตกลงไปในหายนะทันที
ผู้หญิงที่โดดเด่นจ้องมองฝูงชน เธอสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินอ่อนและเอวของเธอประดับด้วยสายสะพายสีขาวรอบๆ
ผู้หญิงคนนั้นอยู่บนก้อนหินกำลังให้คำสั่งกับผู้คนในจุดหมายปลายทางของพวกเขา
ด้านหน้าของก้อนหินมีชามโลหะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำ
ทุกครั้งที่คนในแถวมาถึงผู้หญิงบนก้อนหินจะให้พวกเขาวางมือซ้ายลงในน้ำในอ่างใบนั้น
มันเป็นสิ่งแปลกประหลาดมากสำหรับหลีเหม่ยหลงในการเป็นสักขีพยานในเหตุการณ์นี้ บางครั้งน้ำเรืองแสงสีต่างกันและในบางครั้งมันก็มีแสงสลัวๆ หรือขึ้นพร้อมกันสองเฉดสี
ผู้คนที่วางมือในน้ำและไม่มีการเรืองแสงแสดงให้เห็นว่าได้รับคำสั่งให้ออกจากสถานที่ไป
หลีเหม่ยหลงสังเกตว่าคนบางคนได้รับผลกระทบอย่างสะเทือนใจจากผลลัพธ์นั้น เมื่อน้ำไม่ส่องแสง เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งถึงกับร้องไห้ แม่ของเธอรีบจับตัวเธอไว้และบอกให้เธอทำตาม ในระยะห่างออกไป ทั้งชายและหญิงศีรษะตั้งตรงโดดเด่นอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง และมีผ้าคาดเอวสีขาวรอบเองจ้องไปที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขามองไปที่ผู้คนที่อยู่ในแถวเดียวกันด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
ไม่มีที่สำหรับผู้อ่อนแอที่นี่
หลีเหม่ยหลงเดินตามทางของตัวเองด้วยมั่นใจว่าใช้เวลาอีกไม่นานกลางคืนจะมาถึง แต่ทุกคนยังคงยืนหยัดอย่างอดทนอยู่ที่เดิม
เธอไม่มีที่จะไปเลยจริงๆ และความอยากรู้อยากเห็นของเธอถูกปักตรึงไว้กับเหตุการณ์มหัศจรรย์รอบตัวเธอ
เธออาจติดอยู่รอบๆและตรึงเธอไว้ที่ตรงนี้ได้
ผู้คนที่กำลังรออยู่ในแถวต่อหน้าเธอเริ่มกระซิบกันเอง
พวกเขาสามคนดูร่าเริงและเป็นวัยรุ่นที่ดูตื่นเต้น เด็กชายสองคนและเด็กหญิงหนึ่งคน แก้มอวบอิ่มและรอยยิ้มที่มีความสุขของพวกเขาสร้างความประทับใจของเด็กผู้สูงศักดิ์ที่ถูกตามใจ
“สำนักสายน้ำที่ถูกลืมจะรับสมัครเพียงครั้งเดียวทุกๆ ห้าสิบปี นี่เป็นเหตุการณ์ที่โชคดีสำหรับเรา! ถ้าเราได้รับเลือก ไม่เพียงแต่เราจะมีโอกาสแข็งแกร่งและยกระดับครอบครัวของเรา แต่เราจะสามารถฝึกฝนความเป็นอมตะ!” หญิงสาวเปิดเผย แต่ในชั่วพริบตาการแสดงออกของนางก็เปลี่ยนไป
“แต่ถ้าข้าไม่ได้รับการเลือก.....”
เด็กผู้ชายที่อยู่ตรงกลางยิ้มให้เธอและเขาตบหัวเธอเบาๆ “ข้าแน่ใจว่าเจ้าจะได้รับการยอมรับ เฉียนเฉียนน้อย พวกเราฝึกฝนความแข็งแกร่งภายในกันมาตั้งแต่เด็ก”
หลีเหม่ยหลงหวนนึกถึงละครดราม่าของชาวเอเซียที่เธอดูก่อนที่เธอจะเสียชีวิตและส่วนใหญ่ปฏิบัติกับผู้หญิงที่ทะเลาะวิวาทกันในฮาเร็ม อาณาจักรและการเมือง แต่ครั้งหนึ่งเธอเคยพบกับละครที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนพลัง
หลังจากได้ยินเด็กๆพูดถึงมันแล้ว เหตุการณ์นี้ดูเหมือนจะเป็นการทดสอบเพื่อรับการยอมรับในนิกายใดนิกายหนึ่ง เหมือนในละครเรื่องนั้นที่.. ที่ซึ่งเจ้าจะได้รับพลังเวทย์มนตร์
ฝึกฝนความเป็นอมตะ จะได้รับความแข็งแกร่งขึ้นใช่มั้ย ? ฟังดูไม่เลว!
เธอแน่ใจแล้วว่าในโลกนี้ไม่มีกฎหมายคุ้มครองบุคคล เธอเป็นสาวใช้ที่ถูกทิ้งและถูกลงโทษ ถ้าเธอไม่แข็งแกร่งขึ้นโอกาสที่เธอจะพบว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่เจ้าของเดิมเคยได้รับสูงมาก
เธอต้องหาวิธีที่จะเข้าไปในนิกายนี้และมีพลัง!
ด้วยความมุ่งมั่นที่เพิ่งค้นพบใหม่นี้ เธอแตะที่ไหล่ของเด็กผู้ชายที่อยู่ตรงกลางนั้น
เด็กชายหันมามองเธอและเด็กสองคนที่อยู่ข้างๆเขาก็มองตามมาด้วย