EP.13 ไฟไหม้ ไฟไหม้ ! (อ่านฟรี)
เวลาผ่านไปหลายวันความเจ็บแผลของผมเริ่มจางหายไป สื่งแรกที่พ่อผมทำคือการพาผมออกข้างนอกเพื่อไปฝึกฝนวิชา
พ่อรู้ดีว่ายังไม่พวกเขาทั้งคู่ก็พร้อมที่จะปล่อยให้ผมอยุ่ได้ตามลำพังในเวลาที่พวกเขาต้องไปทำงาน เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่า
ผมเองก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้
ผมได้รับภารกิจครั้งใหม่จากพ่ออีกครั้ง พ่อผมแค่ต้องการที่แน่ใจว่าถ้าเกิดเหตุการ์ณแบบครั้งนั้นขึ้นอีก
ผมจะสามารถป้องกันตัวเองได้อย่างแน่นอน
สกิลการต่อสู้ครั้งนี้ของผมดีขึ้นกว่าครั้งที่แล้วมากคงเป็นเพราะการต่อสู่กับหมาป่าแน่ๆ
เมื่อการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นผมใช้ดวงตามังกรทันที พ่อรีบวิ่งมาหาผมด้วยความเร็ว
แต่ครั้งนี้ผมสามารถเห็นการเคลื่อนไหวจากแสงสีเหลืองที่อออกมาจากเขา
นั่นจึงทำให้ผมรู้ว่าเขาจะโจมตีผมจากจุดไหน
การทำงานของเส้นสีเหลืองนวลรอบๆพ่อนั้นประกายออกมาคล้ายๆกับออร่าประจำตัว
ผมสามารถเห็นมันได้ก่อนที่พ่อจะเคลื่อนไหว
การต่อสู้ครั้งนี้ส่วนใหญ่แล้วผมจะหลบพ่อได้ทันและนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมแตะไปยังข้างๆตัวเขาได้สำเร็จ
หลังจากที่ผมแพ้เขามาตลอด
“ลูกเก่งขึ้นขนาดนี้ได้ยังไง?” พ่อถามผมพร้อมกับความประหลาดใจ
“ผมว่าเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับผมทำให้ผมเปลี่ยนไป”
พ่อเดินเข้ามาลูบหัวผมเบาๆอย่างพอใจ ตอนนี้นี้เขาสามารถที่จะมั่นใจได้แล้วว่า
ถ้าต้องทิ้งผมไว้ที่หมู่บ้านคนเดียว คงไม่มีใครมาทำร้ายผมได้แน่ๆ
ผมไม่ได้บอกความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับหมาป่าให้พ่อรู้แค่เพียงบอกไปว่าผมหลบหนีจากหมาป่าได้โดยการ
หลบอยู่หลังต้นไม้ เพระามันยากเกินว่าที่จะเชื่อได้ว่า เด็กอย่างผมจะสามารถเอาชนะหมาป่าได้
ถ้าผมเล่าความจริงทั้งหมดให้พ่อฟังคงจะมีคำถามมากมายก็คงจะตามมาในทันที
ผมออกไปฝึกฝนวิชาข้างนอกในที่ๆผมเคยไป นั่นก็คือเขาลูกนั้นนั่นเอง
ถึงแม้ว่าการเทรนกับพ่อจะได้ประโยขน์มากกว่าแต่ผมเองก็ไม่อยากที่จะแสดง
ให้พ่อเห็นถึงร่างร้ายในตัวผม ร่างร้ายของผมมีไว้เพื่อจัดการกับเหล่าศัตรูเท่านั้น
แต่ยังไงผมเองก็ยังอยากจะฝึกฝนวิชาของมนุษย์ทั่วไปให้ชั่วชาญอยู่ดี
แกรี่พึ่งเดินผ่านผมไปในขณะที่ผมกำลังเดินออกจากบ้าน
นับตั้งแต่เหตุการ์ณที่เกิดขึ้นวันนั้นทำให้แกรี่หยุดรังแกผมในทันที
ต่างออกไปจากเด็กคนอื่นๆในหมู่บ้านที่เริ่มทำร้ายผมหนักขึ้น
ทุกครั้งที่ผมเดินผ่านเด็กพวกนั้นก็จะเอามือมาตบที่หัวผม
พร้อมกับหัวเราะกันอย่างสนุกสนานและมองมันเป็นเรื่องตลก
ผมเลือกที่จะไม่สนใจพวกเขาและเดินต่อไป นี่แหละคือสิ่งที่ผมเลือกทำ
แม้ว่าผมนั้นจะทนจะได้ในตอนนี้เพราะเขายังเด็กแต่ถ้าโตขึ้นแล้ว
ยังทำแบบนี้อยู่ สถารการ์ณก็คงจะต่างออกไป เช่น
ในวันนั้นแม่บ๊อบและเคลลี่ไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ เพราะเธอโตเป็นผู้ใหญ่
ในที่สุดผมก็มาถึงยอดของภูเขา สถานที่ๆผมคุ้นเคย ผมไม่รอช้าที่จะฝึกฝน หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
ผมตัดสินใจที่นั่งพักพร้อมกับนั่งมองวิวอันสวยงามไปด้วย
“เธอคงจะไม่มีที่นี่อีกต่อไปแล้ว” ผมบอกกับตัวเองในใจ
ตั้งแต่เรื่องวันนั้นที่เกิดขึ้นผมก็ไม่ได้คุยกับเอมมี่อีกเลย มันทำให้ผมใจหวิวแบบแปลกๆ เมื่อคิดว่าจะไม่เจอเธออีก
ข่าวลือดังไปทั่วว่าผมเป็นคนพาพวกเขาเข้าไปในป่า และพวกผู้ใหญ่ทั้งหลายก็เลือกที่จะเชื่อแบบนั้น
คนที่ปล่อยข่าวลือเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก
แม่ของบ็อบและเคลลี่เท่านั้น..........
ถึงตอนนี้ผมจะไม่ได้มีเอมมี่เป็นเพื่อนอีกต่อไปแต่ผมก็รู้สึกดีใจที่อย่างน้อยก็มีคนให้ผมคุยด้วยในตลอดเวลาที่ผ่านมา
เมื่อครั้งที่ผมป็นมังกรผมรู้สึกได้ถึงเจตร้ายของสัตว์อื่นๆและมนุษย์ที่เข้ามาหาผม แม้ตอนในผมจะอยุ่ในฐานะมนุษย์คนนึง
แต่ผมกลับรู้สึกว่าความรู้สึกเหล่านั้นไม่จางหายไปเลย
ทุกคนที่เจอผมก็จะมองผมในแง่ร้ายตลอด แค่เพียงเพราะผมมีผมสีแดงงั้นหรอ?
ความเท่าเทียมมันอยู่ที่ไหนกัน? มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ไม่เคยคิดร้ายกับผมนั่นคือ แม่ พ่อ และเอมมี่
ผมตัดสินใจที่จะจบวันนี้ลงและมุ่งหน้าที่จะกลับบ้าน หลังจากที่ทานอาหารเย็นพร้อมกับพ่อและแม่
ผมก็เข้านอนพร้อมกับความเหนื่อยล้า
ในเวลากลางดึกของคืนนี้ ผมถูกปลุกมาด้วยกลิ่นถ่านที่แตะเข้าจมูกผม
ผมจำกลิ่นนี้ได้ดีมันคงจะเป็นอะไรไม่ได้นอกเสียจาก “ไฟ!”
ผมรีบลืมตาในทันทีเมื่อเกิดเรื่องขึ้น พร้อมกับเปิดใช้ดวงตามังกรดังนั้นมันทำให้ผมเห็นว่าไฟมันมาจากทางไหน
น่าประหลาดใจที่บ้านของเราก็เป็นหนึ่งในที่ๆมีไฟ ผมขอเดาว่าจุดเริ่มต้นมาจากห้องครัว
และรุกรามไปอย่างไว ผมรีบเดินเข้าไปยังห้องพ่อและแม่เพื่อเตือนพวกเขา
“ตื่น! ตื่นเดี๋ยวนี้ครับ! ไฟไหม้ ” ผมตะโกนอย่างสุดเสียง
พวกเขาขึ้นมาพร้อมกับเห็นภาพที่ไฟไหม้และควันลอยอยู่เต็มบ้าน
พ่อกอดผมและแม่ไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างโดยไม่ลังเลและกระโดดออกไปทางหน้าต่างเพื่อหลบหนี
ในขณะที่พวกเราออกมาอยู่ข้างนอกได้สำเร็จ ผู้คนเริ่มรวมตัวกันเต็มไปหมดที่หน้าบ้านผม
พวกเขาจะมาทำไมกันเยอะแยะอีก ผมได้แต่บนในใจ
ทันใดนั้นแม่ตัดสินใจยกมือทั้งสองข้างขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับเริ่มกระซิบบางอย่างเบาๆ
ไฟเริ่มเริ่มเคลื่อนไหวราวกับงูเลื้อยเกิดจากการที่แม่ใช้พลังเวทมนตร์ในการคุมไฟ
ให้ขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
“ดีส เปอร์ เซีย” เธอโยกมือพร้อมกับท่องคาถาไปด้วย
หลังจากแม่ท่องคาถานั้นไฟก็ได้หายจางไปเป็นเสี่ยงๆคนในหมู่บ้านเริ่มจับกลุ่มคุยกันในทันที
ผมไม่สนใจที่คนเขาพูดกันหลอก ผมเองก็ไม่คิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุอย่างแน่นอน
ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นคนลงมือทำเขาต้องเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวผมและอาจจะซ่อนตัว
อยู่ที่ไหนสักที่เพื่อคอยแอบดูว่าสิ่งที่เขาทำสำเร็จหรือไม่...
ผมเปิดโหมดตามังกรอีกครั้งและเริ่มส่องสายตาที่จะสำรวจไปรอบๆ
ผู้คนที่อยู่รอบตัวก็มีไม่มากนักเพราะนี่มันคือเวลากลางคืน
นอกจากคนที่ยืนอยู่หน้าบ้านผมเท่านั้น!
นั่นยิ่งทำให้ผมหาตัวการได้ง่ายกว่าปกติเพราะแสงสีเหลืองระหว่างบ้านทั้งสองหลังนั้นสะท้อนออกมา
ผมเดินอกมาจากพ่อและแม่อย่างช้าๆ เพื่อที่จะเดินไปดูให้เห็นกับตาว่าคนๆนั้นคือใคร
เมื่อผมไปอยู่ในระหว่างกลางของบ้านทั่งสองหลังจนทำให้ผมเห็นความเคลื่อนไหวจากมุมนี้
แต่มันมืดเกินไปที่จะสังเกตุได้ว่านั่นคือใครแต่ผมก็ไม่ได้เข้าไปใกล้เขาจนเขารู้ตัวแน่ๆ
ผมเดินตามพวกเขาจนมาถึงหน้าบ้านเป็นไปตามที่คาดไม่มีผิด
เพราะตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าบ้านบ็อบและเคลลี่
นี่เป็นอีกหนึ่งครั้งที่เธอพยายามฆ่าผมและครอบครัว! นี่มันเริ่มไม่ใช่เรื่องเล่นๆอย่างแน่นอน
ทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวผมเริ่มที่จะบังคับให้ผมต้องใช้บางอย่างที่มีในตัวผมออกมา
และเมื่อทุกอย่างเริ่มขึ้นผมเองจะไม่มีทางหยุดมันได้แน่ๆ
ดูเหมือนว่าแผนการแก้แค้นของผมคงจะต้องเริ่มให้ไวกว่าที่คิด.......