Chapter II Scene 13
“
Chapter II Scene 13
”
“อะ-อะไรกัน!?” เสียงสั่นคลอนของเทรย์เวอร์ดังขึ้น หลังจากถูกคลื่นสีดำซัดกระเด็นเป็นใบปลิวไป
โดยที่ดาร์เลเน่กับโอเรียนน่านั้น ทั้งคู่ได้สลบเหมือดไปแล้ว การโจมตีมันรุนแรงมาก แต่ผลของมันก็ลดลงจากโล่แสงของโอเรียนน่า ทำให้ไม่ถึงตาย
อัศวินโครงกระดูกที่มีความเสียหายและสูญเสียหมวกไปจากการโจมตีทางเวทของดาร์เลเน่ไป แต่มันก็ไม่ได้ทำความเสียหายอะไรแก่มัน แม้แต่น้อย มันไม่ได้ใกล้เคียงคำว่าบาดเจ็บเลย
ดวงไฟสีแดงที่ลุกโชนในเบ้าตาของมันนั้น ขยับไปทางดาร์เลเน่กับโอเรียนน่าที่นอนไม่ได้สติใกล้เคียงกัน มันสัมผัสได้ถึงชีวิตที่โชนภายในตัวทั้งสอง
“ฆ่า~ ตาย~ซะ~”
ราวกับได้ยินคำโกรธแค้นดังก้องออกมาจากตัวมัน มีออร่าสีดำมืดมนละเหยออกมาจากตัวของมัน ยกเท้าขึ้นค่อยๆเดินไปทางดาร์เลเน่กับโอเรียนน่า
เห็นแบบนั้น เทรย์เวอร์ก็ร้อนใจขึ้น เขาพยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นมาให้ได้ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดคิดจะลุกก็ลุกขึ้นได้ทันท่วงที จนเป็นเพียงการคลานเท่านั้น
“ไม่! หยุดนะ!” เทรย์เวอร์ร้องตะโกนขึ้น พร้อมปาหินใส่เกราะของมัน เพื่อให้มันหันมาสนใจเขาแทนพวกเธอ
แต่มันไม่ได้ผล มันไม่สนใจเทรย์เวอร์และยังคงเดินไปทางดาร์เลเน่กับโอเรียนน่าเช่นเคย ราวกับว่าทั้งสองคนเป็นตัวดึงดูดมันเข้าไปหา
‘ไม่นะ ถ้าเป็นแบบนี้! ตัวฉันมันอ่อนแอ ถ้า ถ้า!’
‘ถ้านายอ่อนแอทำไมไม่แข็งแกร่งขึ้นล่ะ?’
ในห้วงแห่งความคิดอันสิ้นหวังของเทรย์เวอร์นั้นเอง จู่ๆรอบตัวเขานั้น ก็ราวถูกหยุดเวลาเอาไว้ ทุกอย่างทุกหยุดนิ่ง
เทรย์เวอร์ตกใจกับสิ่งนี้เป็นอย่างมาก และหันไปรอบๆเพื่อหาตัวตนที่ตอบโต้เขา
‘ถ้าเจ้ารู้ว่าอ่อนแอ งั้นทำให้เจ้าถึงไม่แข็งแกร่งขึ้นซะล่ะ? นั้นสินะ งั้นข้าจะช่วยเจ้าเอง’
จู่ๆก็มีเงาร่างของสิ่งมีชีวิตสีทองสว่างไสวด้านหน้าเทรย์เวอร์
เธอ
ยื่นมือมาทางเทรย์เวอร์
เทรย์เวอร์นั้นไม่รู้จักถึงตัวตนที่ปรากฏด้านหน้าเขา แต่เธอนั้นทำให้เขารู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยและรู้สึกว่าเธอจะสามารถช่วยเขาได้ ความรู้สึกนั้นเองที่ทำให้เทรย์เวอร์ยื่นมือไปจับมือของเธอ
ความรู้อันอบอุ่นได้ไหลเข้ามาสู่ร่างกายของเทรย์เวอร์ ก่อนจะมีตราประทับรูปดาบและปีกปรากฏขึ้นหลังมือขวาเขา
‘จงตามหาข้า และมารับข้า ข้านั้นได้เลือกเจ้าแล้วมนุษย์หนุ่ม อย่าได้ทำให้ข้า…ผิดหวังเช่นเดียวกับอดีตของเผ่าพันธ์เจ้า’
เวลาได้กลับมาเดินอีกครั้ง อัศวินโครงกระดูกได้เดินเข้ามาใกล้เป้าหมายของมันแล้ว แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอะไรพวกเธอ จู่ๆก็มีเปลวเพลิงสีทองลุกไหม้ดาร์เลเน่กับโอเรียนน่เสียก่อน ทำให้อัศวินโครงกระดูกรีบถอยหลังออกไป
แขนซ้ายของมันกำลังถูกเพลิงสีทองลุกไหม้ มันสามารถรับรู้ถึงอันตรายจากเปลวเพลิงสีทองนี้ได้ ไร้ความลังเลที่จะตัดแขนซ้ายทิ้งไป
ถึงแม้ว่าเปลวเพลิงสีทองนี้จะแผดเผาอัศวิน แต่มันกลับไม่ทำร้ายร่างกายดาร์เลเน่กับโอเรียนน่า แถมมันยังรักษาบาดแผลและอาการบาดเจ็บให้ด้วย เป็นดั่งกำแพงที่ไม่อาจทำลายได้
อัศวินโครงกระดูกหันไปหาต้นตอของเปลวเพลิงสีทอง และนั้นก็คือเทรย์เวอร์ที่ลุกขึ้นยืนมาพร้อมเพลิงสีทองที่ลุกท่วมตัวเขา บาดแผลของเขาถูกรักษาในอัตราความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เพียงไม่กี่วิ อาการบาดเจ็บของเทรย์เวอร์ก็หายสนิทราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น
“สิ่งชั่วร้ายนิรันดร์ จงคุกเข่าต่อหน้าเปลวเพลิงนี้! เพื่อรับคำตัดสินของความยุติธรรม!” จบคำร่ายนั้น เปลวเพลิงบนร่างกายเขาก็ถูกรวบรวมไปที่ดาบสีเงินของเทรย์เวอร์
ถ้าเปลวเพลิงสีดำของริชาร์ดสามารถแผดเผาได้ทุกสิ่ง บนโลกนี้ งั้นเปลวเพลิงสีทองของเทรย์เวอร์ก็จะแผดเผาเพียงสิ่งที่ชั่วร้ายของโลกใบนี้เท่านั้น
อัศวินโครงกระดูกไม่มีความลังเลที่จะพุ่งเข้าหาเทรย์เวอร์
“จงรับโทษขอตน ด้วยเปลวเพลิงสวรรค์!” เทรย์เวอร์ตะโกนออกมา ก่อนที่จะเหวี่ยงดาบลง
เปลวเพลิงสีทองก็พุ่งเข้าหาอัศวินโครงกระดูกในทันที มันถูกแผดเผาไปทั้งตัว เกราะของอัศวินโครงกระดูกนั้นถูกหลอมละลายเป็นของเหลว ทำให้มันเดินช้าลง น่าแปลกที่เปลวเพลิงสีทองนั้นมีความร้อนที่สามารถหลอมละลายโลหะได้ แต่มันกลับไม่ได้เผาสิ่งอื่นนอกจากอัศวินโครงกระดูกเลย
ในที่สุด ชุดเกราะของมันก็ถูกหลอมละลายจนหมดสิ้นรวมทั้งดาบใหญ่มันด้วย ตอนนี้มันมีแค่โครงกระดูกที่กำลังถูกแผดเผาต่อไปพร้อมค่อยๆเดินมาทางเทรย์เวอร์อย่างช้าๆ
ร่างกายและจิตใจของมันถูกแผดเผา ถูกชำระ และมันก็สามารถเดินมาหาเทรย์เวอร์จนได้ พร้อมวางมือขวาที่เหลือของมันไว้ที่ไหล่ขวาเทรย์เวอร์
เทรย์เวอร์ไม่มีความคิดที่จะโจมตีอีกครั้ง เพราะเขารู้ว่าอัศวินโครงกระดูกไม่ได้มีความคิดที่จะโจมตีอีกแล้ว
เทรย์เวอร์นั้นไม่ได้เห็นอัศวินโครงกระดูกเป็นเพียงกระดูกต่อไป แต่เขาเห็นเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากการออกกำลังกายอย่างดี
“ช่วย… โปรดช่วย ท่านผู้นั้นด้วย ปลดปล่อยเขา ออกจากคำสาปแช่งนั้นที…” ชายวัยกลางคนพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก เหมือนกับว่ากำลังแบกรับบาปอะไรบางอย่างอยู่
“ผมสัญญา ถ้าผมเจอผมจะปลดปล่อยเขาให้” เทรย์เวอร์รับปากด้วยเสียงที่มุ่งมั่นตั้งใจ
ชายวัยกลางคนได้ยิ้มออก เขาหลับตาลงและพูดขอบคุณเทรย์เวอร์ซ้ำไปซ้ำมา ก่อนที่ร่างกายที่กลับมาเป็นโครงกระดูกจะค่อยๆเป็นฝุ่นธุลีไป
ขอบคุณ… ขอบคุณ…
เมื่อทุกอย่างจบลง เทรย์เวอร์ก็ล้มลงไปพร้อมกับอาการหายใจรุนแรง มีเหงื่อท่วมตัวเขา ตอนนี้เขานั้นเหนื่อยมากทั้งกายและใจ แต่เขาไม่สามารถสลบหรือหลับได้ เพราะเขานั้นยังต้องดูแล และระวังภัยด้วย
เปลวเพลิงสีทองที่เคยลุกโชน ก็ได้ดับหายไปแล้ว
5 นาทีต่อมา ดาร์เลเน่กับโอเรียนน่านั้นก็ได้สติขึ้นมา พวกเธอรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย
“ไง ตื่นกันแล้วเหรอ” เทรย์เวอร์ถามขึ้น โดยที่เขานั้นมีสีหน้าที่ดีขึ้น เขานั่งบนโขดหินอยู่
“…แล้ว เจ้าชุดเกราะ?” ดาร์เลเน่หันไปรอบๆ
“…ไปแล้วล่ะ”
“ทำได้ไง?”
เทรย์เวอร์ตอบข้อสงสัยของดาร์เลเน่ด้วยเปลวเพลิงสีทองที่ลุกโชนขึ้นบนมือขวาเขาเอง
“ไฟสีทอง เมื่อตอนนั้น?” ดาร์เลเน่กับโอเรียนน่าจำเพลิงสีทองนี้ได้ ก็มันเป็นสาเหตุที่ริชาร์ดแขนขาดนี่
เทรย์เวอร์เดินเข้าไปใกล้พวกเธอทั้งสอง ก่อนยื่นไฟสีทองไปทางดาร์เลเน่และโอเรียนน่า โดยที่ดาร์เลเน่กับโอเรียนน่ามีท่าทีที่กลัวเล็กน้อย
“มันจะไม่ทำร้ายคนสำคัญกับพวกพ้องฉันหรอกนะ” เทรย์เวอร์พูดออกมา
“จริงด้วย ไม่ร้อย แค่อุ่นๆเอง” ดาร์เลเน่พึมพำออกมาเหมือนยื่นมือไปสัมผัส ก่อนที่โอเรียนน่าจะทำตาม
“…แต่มัน เผาริชาร์ด?” และโอเรียนน่าก็เกิดข้อสงสัยขึ้นมา
ก่อนที่ทุกคนจะเงียบ และเทรย์เวอร์ก็ได้พูดขึ้น
“…ก็เพราะจริงๆแล้ว พี่ไม่เคยคิดว่าริชาร์ดเป็นพวกพ้องนะสิ”