Chapter II Scene 03
“
Chapter II Scene 03
”
ในคืนเดียวกัน ผมได้เดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์หลังได้พลาดบริสุทธิ์ของไวโอเลตไป จริงๆด้วย อากาศต่างโลกที่ไร้โรงงานอุตสาหกรรมเนี่ยสดชื่นอย่าบอกใคร ผมอยากให้หลานสาวมาโลกนี้จริงๆเลยนะ น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีเน็ต ไม่มีมือถือ ผมเลยอดถ่ายรูปงามๆไปหลายทีล่ะ ม่าย~น่า~ น่าเสียดายฉิบ!
หายใจเข้าออก เข้าออกช้าๆ ทำให้สงบจิตสงบใจ เหมือนผมในตอนนี้จะเป็นชายหนุ่มไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจตัวเอง เป็นพวกบ้าตันหา นี้มันนิสัยของริชาร์ดชัดๆ ขนาดปล่อยให้ควบคุมร่างแค่เดี๋ยวเดียวเองนะ ยังถึงกับทิ้งความหื่นไว้ขนาดนี้
ช่างร้ายกาจนัก!
“กินเด็กพอใจแล้วงั้นเหรอ เจ้าตัวกินเด็ก?” เสียงเอ่ยทักไร้มารยาททักผมจากด้านหลัง
ใครเป็นตัวกินเด็กว่ะ! ถึงจะกินจริงๆก็เถอะนะ แต่มันไม่ใช่ความผิดของฉันนะ ความผิดของริชาร์ดตั้งหากล่ะ!
ผมกระชากหันไปมองต้นเสียงดังกล่าว และก็พบกับหญิงสาวผมสีฟ้าอ่อน ตาเขียนดั่งมรกต ดาร์เลเน่นั้นเอง(เพื่อใครลืมว่าดาร์เลเน่ผมสีไร) เธอเดินมานั่งข้างๆผม
“อร่อยไหมละเอลฟ์เด็กบริสุทธิ์” ดาร์เลเน่พูดออกมาเหมือนกับประชดประชันกัน
นี้…คิดจะหาเรื่องกันใช่ไหมเนี่ย? ผมจ้องไปที่เธอ เธอก็จ้องผมอย่างเอาเรื่องเช่นกัน
“อร่อยสิ ของสดๆมักอร่อยเสมอ” ผมตอบเธอก่อนจะหันไปมองข้างหน้าต่อ อย่างเหม่อลอย
ผมได้ยินเสียงดาร์เลเน่ขยับเข้ามาใกล้ๆ และเหมือนมีอะไรบางอย่างซบไหล่ผมในเวลาต่อมา ดาร์เลเน่ซบไหล่ซ้ายผม
“…แล้วฉันล่ะ ฉันอร่อยไหม” ดาร์เลเน่ถามเสียงอ่อนๆ
มาไม้ไหนเนี่ย ทำให้สับสนแล้วแทงเอวงั้นเหรอ?
“นี้เธอกำลังอ่อยฉันงั้นเหรอ?”
*จ้องเขม็ง
โอเคๆโอเค เหมือนว่าผมจะทำให้เสียบรรยากาศสินะ ก็ช่วยไม่ได้ ก็ผมเดาใจดาร์เลเน่ไม่ค่อยออกนี้น่า ตอนแรกที่ผมพบเธอ(เริ่มเรื่อง)เธอแทบจะมองผมให้ตายภายใต้สายตาเธอ จู่ๆมาเข้าหาแบบนี้ ผมก็รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมานี้น่า
“…นั้นสิ คงเป็นอาหารรสจัดจ้านแบบจานหลัก ล่ะมั้ง?” ผมตอบออกไปแบบ…มั่วๆ
“…”
อ้าวเงียบซะงั้น? ผมตอบไม่เข้าหูเหรอ?
“แล้ว…โจลี่ล่ะ?”
“…ขนมหวาน” ผมหยุดคิดก่อนจะตอบออกไป
“งั้น มิลาด้า?”
“อาหารเสริม”
นี้ตรูกำลังเล่นต่อคำงั้นเหรอวะเนี่ย ผมรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่ผมตอบออกไป เพราะดาร์เลเน่จะขยับเข้าแนบชิดเรื่อยๆ จนเข้ามาอยู่ใต้วงแขนผม โดยที่เธอยกมือผมมาวางไว้บนหัวเธอ
“งั้นฉันเป็นอาหารจานหลัก แปลว่านายขาดฉันไม่ได้สินะ? หืม~ งั้นนายก็คงจะหายโอกาสผูกมัดฉันไว้สินะ?” ดาร์เลเน่พูดออกมา ขณะลูบตามหน้าท้องผมผ่านเสื้อเชิ้ตสีแดง
อึก!(เสียงกลืนน้ำลาย) ยัยนี้นับวันยิ่งรุกหนักทุกที ไอ้ผมก็ไม่ใช่ไก่อ่อนที่จะดูไม่ออกเหมือนพระเอกส่วนใหญ่หรอกนะ
“…ใครบอก อาหารน่ะมันสามารถเปลี่ยนได้ตลอดนั้นแหละ เฮัย!ทำอะไรของเธอเนี่ย!” ระหว่างที่ผมจะพูดออกมานั้นเอง
ไม่รู้ว่าตอนไหน ที่ดาร์เลเน่นั้นแก้กางเกงผมอย่างชำนาญการจะงัดเอาเจ้าโลกผมออกมา ไม่ถงไม่ถามสุภาพผมสักคำ ดาร์เลเน่ก็เริ่มบรรเลงเลียมัน ก่อนจะใส่เข้าในปากของเธอ
“อู๊~ ดาร์เลเน่ อา~ เดี๋ยวสิ เดี๋ยวใครมาเห็นหรอก” ผมว่าพลางวางมือไว้บนหัวเธอที่ผงะเข้าผงะออกตรงตักผม
ประสบการณ์สามปีของเธอนั้น ไม่มีสูญเปล่าเลย เธอรู้ว่าร่างกายนี้ชอบแบบไหน
จ๊วบ! จ๊วบ! จ๊วบ! จ๊วบจ๊วบจ๊วบจ๊วบๆๆ
เมื่อดาร์เลเน่เริ่มเครื่องจนถึงขีดจำกัดขึ้น ผมก็ลงมือ กดหัวเธอจนเข้าไปทั้งลำ ภายในปากเธอหรือคอหอยเธอ ก็ไม่ต่างจากปากล่างที่ถูกฝึกฝนมากอย่างดี มันให้ผมพึงพอใจและเสร็จออกมา
เพื่อเป็นรางวัลแก่เธอ ผมเลยปล่อยนมข้นหวานให้เธอดื่มไป
ผมลดแรงมือที่กดหัวเธอไว้ ก่อนที่ดาร์เลเน่จะรูดขึ้นขณะที่จะไม่ลดแรงดูด ราวกับว่าเธอจะดูดน้ำมันให้ออกมาหมดเสียงั้น
ดาร์เลเน่เงยหน้าขึ้น ทำหน้าเหมือนกับเธออมอะไรบางอย่างอยู่ และข้อสงสัยนั้น ดาร์เลเน่ก็เป็นคนตอบเอง เธออ้าปากให้ผมดู จนผมเห็นนมข้นของผมที่ปล่อยไปเมื่อกี้ อยู่ภายใน
ดาร์เลเน่งับปากลง ก่อนจะกลืนนมข้นลงไปทั้งอย่างนั้น ก่อนจะอ้าให้ผมดูว่าเธอนั้นกลืนลงไปทั้งหมด
ตั้งต้นเลยนะ ผมยังไม่ได้บอกให้เธอทำ เธอคิดจะทำก็ทำ เป็นเด็กเอาแต่ใจหรือไง ยัยนี่!
“คิดจะ…!” ไม่ทันให้ผมได้พูดจบเช่นเคย
ดาร์เลเน่ก็ลุกขึ้น เธอไม่หนีไปไหนหรอกนะ มานั่งตักผมนี้แหละ!
ใช่เธอขึ้นมานั่งบนตักผมหันหน้าเข้า ควงแขนไวที่คอผม
“คิดจะทำอะไรอีก?” ผมขมวดคิ้วเข้าหากัน ถามเธอ วันนี้เธอชักแปลกๆแล้วนะ หรือว่าเธอแปลกแบบนี้เป็นทุกวันอยู่แล้ว?
“นายลืมไปแล้วเหรอ? ว่านายฝึกให้ฉันเป็นที่ระบายอารมณ์ เป็นเพียงตุ๊กตา เป็นของเล่นของนาย นายอยากให้ฉันเป็นแบบนั้น”
ทำไมเธอมาพูดเรื่องนั้นในตอนนี้ด้วย ไอ้ริชาร์ดตั้งหากที่ต้องการไม่ใช่ฉัน! ตอนนี้บรรยากาศเริ่มที่จะอึดอัด ผมรับรองได้เลยว่าหน้าตาผมกำลังย่ำแย่ด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่ใช่ของตัวเอง เวร!
“หิๆ” จู่ๆ ดาร์เลเน่ก็ได้หัวเราะออกมาเหมือนไปโดนใจอะไรบางอย่าง มองหน้าชาวบ้านแล้วหัวเราะเนี่ยหมายความว่าไงห่ะ!
พอหัวเราะออกมาอย่างพอใจ ดาร์เลเน่ก็ยื่นมือทั้งมาจับใบหน้าผม มือของเธอนั้นเล็กกว่าที่คิดนะเนี่ย ระหว่างสงสัยว่า คุณเธอที่จะทำอะไรนั้นเอง การจู่โจมก็เข้ามาอย่างกะทันหัน…
เธอจูบที่หน้าผากผม โดยไม่ตั้งตัวจนผมแข็งเป็นหิวทีเดียว
“…นายแตกต่างจริงๆด้วย ตั้งแต่นายออกจากโรงพยาบาลเพราะถูกเจ้าเด็กชื่อกัสตีที่หัว(เผื่อใครลืม กัส เป็นคนลอบทำร้ายริชาร์ดจนเข้าโรงพยาบาล และถูกตัดสินประหารชีวิต ซึ่งเขาจะมีบทบาทสำคัญในอนาคต) นายก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้น ตั้งแต่ไปขอโทษโจลี่ และยังพยายามปลดปล่อยฉันอีก ริชาร์ดวันวานคงไม่ทำสีหน้าสำนักผิดกับฉันแบบนี้แน่ๆ”
ไม่ล่ะ ดาร์เลเน่เธอน่ะเข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันนะไม่ทำเพื่อใครและอะไรที่คล้ายพวกตัวเอกทำกัน สิ่งที่ผมทำนั้นคือความเห็นแก่ตัวและกลัวตาย(กลัวดาร์เลเน่ฆ่า)เท่านั้น ส่วนที่เหลือก็เป็นเพียงผลรับเกินเลยเท่านั้นแหละ
“นะ-นี้ ถามหน่อยสิ ตอนนั้น ทั้งๆที่สามารถฟันฉันและเอาชนะอาซาเลียได้ง่ายๆ แถมไม่ต้องมาบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ทั้งๆมีโอกาส? คนเห็นแก่ตัวอย่างนายถึงไม่เลือกเส้นที่ควรจะเป็นล่ะ?” ดาร์เลเน่ที่ทำเจ้าหนูผมตื่นจนกลับมาโดแข็งและยาวอีกครั้ง ก็ค่อยๆลดตัวลงจับแท่งเนื้อของผมจ่อที่ถ้ำของเธอ
เธอหมายถึงตอนนั้นสินะ ตอนที่มาสามารถเข้ามาประชิดตัวราชินีอาซาเลียได้ และกำลังปิดฉากลง แต่ดาร์เลเน่ก็เข้ามาขวาง ทำไมผมถึงหยุดเหรอ…?
“ก็แค่ไม่อยากเสียของเล่นโดยไม่จำเฉยๆนั้นแหละ!” ผมตอบออกมาอย่างหยิ่งผยองเชิดหน้าขึ้น
“เหรอ…” ดาร์เลเน่เอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะนั่งลงบนตักผม และตอนนี้ แท่งเนื้อทั้งลำก็ได้อยู่ภายในตัวเธอเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมทำหน้าอย่างกับฉันเป็นพวกเด็กใจแตกล่ะ” ดาร์เลเน่พูดขึ้นเมื่อเห็นผมขมวดคิ้วขึ้นจนเป็นปม ขณะเดียวกันเธอก็วางสองมือไว้ไหล่สองข้างของผม และเริ่มขยับเอวขึ้นลงเบาๆ
“ก็ไม่ใช่หรือไง? ไม่อายฟ้าอายดินเลยนะ ไม่กลัวคนอื่นมาเห็นไงเหรอ! เทรย์เวอร์มาเห็นคงจะเสียใจน่าดูนะ?”
“แล้วไง นายทำให้ฉันเป็นแบบนี้ก็ควรรับผิดชอบเองสิ… พรุ่งนี้นายจะ ไปคนเดียวงั้นเหรอ?”
แน่นอนว่าไปคนเดียวไม่มีตัวเกะกะดีที่สุดแล้ว คิดอีกทีผมว่า ผมควรพาพวกเทรย์เวอร์ไปปล่อยที่ไหนสักแห่งดีไหมนะ แบบให้เหมือนลูกสิงโตที่จะถูกพ่อจับโยนลงหน้าผา ให้ผจญภัยอันตรายจนแข็งแกร่งขึ้น หรือพาเจ้าพวกนี้ไปปล่อยเขาวงกตอย่างไอ้แขนขาดตาบอด มีเมียหลวงเป็นแวมไพร์กันดีนะ
“นี้เธอยังคิดว่าฉันจะกะทุกอย่างไว้คนเดียวไม่เลิกใช่ไหม” แต่ผมไม่พูดในสิ่งที่คิดออกไปหรอกนะ
“โธ่~ นายเนี่ยไม่รู้จักบรรยากาศบ้างหรือไงนะ หรือจริงๆนายก็เป็นเจ้าทึ่มเหมือนเทรย์เวอร์?” ดาร์เลเน่ทำแก้มป่องขึ้น นี้…พยายามทำตัวน่ารัก?งั้นเหรอ ชักไม่ไว้ใจแล้วสิ
“ทำไมอะไรของนาย?” ดาร์เลเน่ถามเมื่อผมใช้มือจับหน้าผาก เพื่อวัดอุณหภูมิในร่างกายเธอ
“ฉันก็คิดว่าเธอไปติดโรคแปลกๆจากพวกภูต”
“เลิกมองฉันเป็นคนแปลกๆได้แล้ว” ดาร์เลเน่จับมือผมออกจากหน้าผากเธอ ก่อนที่จะเข้าสวมกอดผมแน่นราวกับขาดความอบอุ่น
เมื่อดาร์เลเน่เริ่มรุกหนักขึ้น ผมก็วางมือไว้ที่เอวของเธอ ก่อนจะหลับตาซึมซับความรู้สึก
และพวกเราก็ทำอย่างงั้นจนผมหลั่งในเธอ ก่อนที่พวกเราจะไปอาบน้ำและทำกันต่ออีกสักยก
ผมเดินกลับมาที่ห้อง ก็พบว่าไวโอเลตนั้นอาบน้ำและปล่อยผ้าปูที่นอนใหม่แล้ว เธอกำลังนอนด้วยท่าทางน่ารักอยากจับมากระแทกอีกสักยก แต่ผมก็หยุดความคิดนั้นทันที เดี๋ยวจะไม่ได้นอนเอา
ผมเดินไปที่เตียงก่อนจะไปนอนข้างๆไวโอเลต
“พี่ชายเหรอคะ”
“โทษทีนะที่ทำให้ตื่น หลับต่อเถอะ” ผมว่าแล้วก็ลูบหัวเธอ ก่อนที่ไวโอเลตจะขยับเข้ามาใกล้ๆก่อนกอดผมเป็นหมอนข้าง
และในตอนนั้นเอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ก่อนจะมีใครบางคนเดินเข้ามาพร้อมปิดประตู
“นอนด้วยได้…ไหม” ดาร์เลเน่นั้นเอง เธอในตอนนี้อยู่ในชุดนอนสีฟ้าอ่อนๆ ที่สามารถมองทะลุเนื้อผ้าได้
“แล้วแต่เถอะ”
ได้ยินคำตอบแล้ว ดาร์เลเน่ก็เดินเข้ามาใกล้ๆก่อนจะขึ้นมาบนเตียงข้างซ้าย เพราะไวโอเลตนั้นนอนข้างขวาอยู่ เธอนอนหนุนแขนผม พร้อมขยับตัวมาแนบชิดและกอดตัวผมไว้
เป็นเด็กขี้อ้อนหรือไง?
ถูกกอดซ้ายขวาแบบนี้มันความฝันของเหล่าชายชัดๆ แต่ผมว่ามันอึกอักจนหายใจไม่ออกจริงๆมากกว่า ผมล่ะนับถือพวกมีผู้หญิงเยอะจริงๆเลย
“พรุ่งนี้ฉันจะไปด้วย” จู่ๆดาร์เลเน่ก็พูดขึ้นมา
“เอ้ย! นี้ไม่ได้ทำความเข้าใจกันเลยนี้!” ผมเริ่มที่โวยวายขึ้น แต่ก็เห็นว่าดาร์เลเน่ทำเป็นไม่สนใจและนอนเป็นทันที
“…ไม่ฟังกันเลยนี้หว่า? เฮ้อ~” สุดท้ายผมก็ได้ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายออกมา เดี๋ยวผมค่อยแอบไปเช้าๆก็ได้