Chapter II Scene 02
“
Chapter II Scene 02
”
พวกเอลฟ์จะออกเดินทางกันพรุ่งนี้เช้า ผมก็เช่นกัน ผมตัดสินใจว่าจะออกเดินทางในตอนเช้า คืนนี้ผมจะพักเอาแรงเสียหน่อย พวกเทรย์เวอร์นั้นผมได้ไล่กลับเมือง
ถึงผมจะมีแค่แขนเดียวในตอนนี้ ผมก็สามารถสู้และเอาชีวิตรอดได้
“ลองกินดูสิ…”
ตอนนี้ผมก็กำลังอยู่ในห้องส่วนตัวของไวโอเลต ถึงแม้ว่าพระราชวังจะเสียหาย แต่นั้นก็แค่ส่วนหน้าเท่านั้น ส่วนอื่นๆยังคงอยู่ดี ผมกำลังหั่นสเต็กเนื้อแล้วมาจ่อที่ปากไวโอเลต ซึ่งเธอก็นั่งอยู่บนตักผมอยู่
เรานั่งทานของด้วยกันบนโต๊ะเล็กๆที่เหมือนมีไว้สำหรับอ่านหนังสือเท่านั้น
“คือ เอลฟ์ไม่กินเนื้อนะคะ” ไวโอเลตบอกผม แน่นอนผมรู้ว่าเอลฟ์ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่นั้นก็แค่ความเชื่อพวกหัวโบราณในสมัยก่อนเท่านั้น ที่ว่ากันว่าการกินเนื้อสัตว์จะทำให้จิตใจแปดเปื้อน
“อืม~ แต่ตอนนี้เธอทาสผมนะ เธอไม่ใช่เอลฟ์ราชวงศ์ที่สูงศักดิ์แล้วนะ เพราะงั้นกินเถอะ มันอร่อยออก” ผมพยายามให้เธอกิน โดยจิ้มเนื้อในส้อมไปแตะริมฝีปากของเธอ
ไวโอเลตมีใบหน้าที่กำลังบอกว่าเธอกำลังคิดหนัก ก่อนในที่สุดเธอก็ค่อยๆเปิดปากและกินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ แน่นอนว่าทุกคนนั้นมีความกลัวกับสิ่งที่กินเป็นครั้งแรกอยู่แล้ว
“อืม~” ผมเห็นดวงตาของไวโอเลตลุกวาว เหมือนเด็กๆที่กินขนมหวานเป็นครั้งแรก
เธอคงจะรับรู้ถึงความอร่อยของเนื้อแล้วสินะ
“เป็นไงอร่อยใช่ไหม?” ผมถาม ก่อนที่ไวโอเลตจะพยักหน้าเห็นด้วย
“เอาอีกไหม งั้นก็ทานเองเลย”
เห็นไวโอเลตพยักหน้า และดวงตาที่เปร่งประกายระยิบระยับขณะมองเนื้อย่าง ผมก็ส่งส้อมให้เธอไป ถึงจะอยากขนาดไหน แต่ไวโอเลตก็ไม่ได้ละทิ้งมารยาทบนโต๊ะไป เธอจับส้อมและมีด ค่อยๆหั่นลงบนเนื้อและกินช้าๆ อย่างผู้ดีทำกัน
“เอ่อ… คือว่าหนูกำลังทานอาหารอยู่นะคะ?” ไวโอเลตพูดขึ้น
แน่นอนที่เธอพูดออกมาแบบนี้ ก็เพราะว่ามือซ้ายจอมซนของผม กำลังล้วงเข้าไปในชุดของเธอพร้อมบีบนวดหน้าอกขนาดเกินตัวไวโอเลตอยู่ มันทั้งนุ่มละมุน ทั้งเด้งสู้มือ มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดอย่างบอกไม่ถูก
น่าเสียดายที่ผมมีมือทำได้ข้างเดียวเท่านั้น
“มีอะไร?” ผมเอียงคอถามอย่างสงสัยราวกับคนโง่ที่ไม่อะไรใจในคำถาม
“คือว่า อืม~ ค่อยทำตอนทานอาหารเสร็จได้ไหมคะ?” ไวโอเลตเงยหน้าขึ้นมาถามผม
ด้วยความน่ารักเกินห้ามใจนั้นเอง ก็ได้ทำให้ผมโน้มตัวลงไปจูบที่ต้นคอขาวๆของเธอ ก่อนจะดูดให้เป็นจ้ำแดงเหมือนการลงเป็นความเจ้าของ
“อา~ อืม~” ไวโอเลตครางเสียงออกมาอย่างน่ารัก เมื่อถูกผมดูดต้นคอจนมีตำหนิ หน้าอกภายใต้ชุดของเธอถูกผมบีบนวดเป็นรูปร่างที่ผมต้องการ
“กินสิ เดี๋ยวเธอจะไม่ได้กินเอานะ” ผมบอกออกไป ไวโอเลตพยักหน้ารับด้วยใบหน้าสีแดงจากความเขินอายเป็นที่สุด
ไวโอเลตพยายามตั้งสมาธิไปกับการกินเนื้อย่าง แต่ก็มีหลุดเสียงครางใสๆออกมา เมื่อผมบีบตรงจุกนมของเธอที่แข็งเป็นไตแล้ว
“อืม~ อ๊า~ ไม่น่า~ ตรงนั้นของหนู” ไวโอเลตเกร็งมือทั้งสองข้าง กำมีดและส้อมแน่น เมื่อผมเลื่อนมือซ้ายลงไปเยี่ยมชมเนินเขาแห่งความลับที่เรียบเนียนไร้หญ้า
ไวโอเลตตอนนี้ไม่สามารถจดจ่ออยู่กับอาหารตรงหน้าได้ เธอจับขอบโต๊ะไว้ ในตอนที่ผมยื่นหน้าใช้ลิ้นเลียที่ใบหูยาวๆที่เป็นเอกลักษณ์เผ่าเอลฟ์
“มะ-ไม่เอาตรงหูนะ พี่ชาย อ๊า~” ไวโอเลตร้องขอผมด้วยเสียงสั่นๆ
“ถ้าไม่ล่ะ?”
ขาทั้งสองของไวโอเลตแนบเข้ากันแน่น จากการที่ผมลุกเลียหูของเธอหนักขึ้น ผมสามารถเห็นได้เลยว่าใบหน้าของไวโอเลตตอนนี้กำลังแดง เธอเหมือนจะละลายให้ได้ จากความร้อนในร่างกายที่เพิ่งขึ้น หูยาวๆของเธอกระดุกกระดิกไปมาอย่างน่ารัก นั้นยิ่งทำให้ผมอยากเลียมันมากขึ้น
ผมลูบต้นขาอ่อนของเธอเบาๆให้คลายตัวลง ก่อนจะใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางลูบตามร่องลับของเธอ ที่ไม่เคยถูกบุกรุกมาก่อน พอลูบไปซะหน่อย ก่อนเริ่มมีน้ำซึมออกมาผ่านรอยกรีดแบ่งครึ่ง
“อืม~ เหมือนมีอะไรออกมาค่ะ! อ๊าอ่า ไม่หนูกลัวจัง!”
“ไม่ต้องกลัว ปล่อยมันออกมาเลย ผ่อนคลายไว ฉันรับรองว่าเธอต้องชอบมัน”
ว่าแล้วลิ้นของผมก็ได้บุกรุกเข้าไปหูของไวโอเลต พร้อมๆกับนิ้วกลางซ้ายผมที่ทำการเจาะน้ำจากแดนลับของเธอไปด้วย
“อ้าอ้าอ๊าอาอ้า ไม่นะ อ๊าๆๆๆอ๊าอ้า กำลังมีอะไรออกมาไม่รู้! อ๊าาาา~” เมื่อสิ้นสุดเสียงหลง ไวโอเลตก็ได้ใช้ขาทั้งสองหนีบมือผมไว้
ก่อนที่จะมีน้ำทะลักออกมาจากรูที่ผมเจาะ เธอคดตัวราวกับจะทำให้ตัวเองเป็นลูกบอลให้ได้
ก่อนจะคลายตัวลง ไวโอเลตทิ้งตัวลงบนตัวผมอย่างหมดแรง พร้อมหอบหายใจอย่างรุนแรง ปานไม่ได้หายใจมานานเสียงั้น
ขาทั้งสองของไวโอเลตทิ้งตัวลงจนอ้าออกจากกัน ผมจึงดึงมือขึ้นมา
“รสชาติพวกเอลฟ์ดีจริงๆด้วย หรือว่าเป็นเฉพาะพวกราชวงศ์นะ?” ผมกล่าวคำถามสงสัยไร้สาระที่มีแต่โรคจิตอยากรู้กัน เมื่อผมเลียคราบน้ำรักตรงนิ้วมือ
“ชิมอยู่สิ…” ผมน้ำนิ้วกลางซ้ายไปจิ้มตรงริมฝีปากของเธอ
ไม่มีการต่อต้าน ไวโอเลตเปิดริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนดูดนิ้วผมเข้าไป ภายในปากของเธอนั้นแฉะและอบอุ่นไปด้วยน้ำลาย ไม่พอแค่นั้น เธอยังจับมือของผมเลีบทำความสะอาดที่เคยเละไปด้วยน้ำรักเธอ ก็มาเปลี่ยนเป็นเละน้ำน้ำลายเธอแทน
“หนู รู้สึกแปลกๆ” ไวโอเลตเงยหน้าขึ้นมาถามผม ใบหน้าของเธอในตอนนี้แดงระรื่นและเยิ้มหยดย้อย
“แล้วรู้สึกชอบไหม?”
“ไม่รู้ หนูไม่รู้…”
“งั้นจะทำให้ชัดเจนเอง”
พูดจบ ผมก็ใช้มือประคองคางเธอไว้ ก่อนจะก้มลงไปจูบเธอทั้งเงยหน้าแบบนั้น
จากจูบธรรมดาๆแบบริมฝีปากแตะกัน ก็ค่อยๆเป็นการประกบปากกัน แลกลิ้น เนื่องจากเธอยังเป็นเด็กใหม่ในเรื่องนี้ เธอจึงได้แต่ให้ผมนำและตามผมเท่านั้น
เมื่อผมละริมฝีปากออก ก็เกิดสายน้ำลายที่ยื่นต่อระหว่างเรา ผมพบว่าไวโอเลตตอนนี้ ดวงตาซชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำตาของเธอ ยิ่งเสริมประกายให้กับเธอเป็นอย่างมาก ผมปล่อยคางของเธอ ก่อนจะถามขึ้น
“ตอนเริ่มชอบยัง”
“นะ-หนูไม่รู้…” ไวโอเลตตอบผมเหมือนกับคนเหม่อลอย สติไม่อยู่กับตัว
ฟังคำตอบแล้ว ผมก็อุ้มเธอขึ้นด้วยแขนซ้ายเพียงข้างเดียว โดยให้เธอกอดคอผมไว้กันตกไป ผมพาเธอไปที่เตียงขนาดใหญ่ที่มีบรรยากาศเต็มไปด้วยสาวน้อยและเจ้าหญิง แต่เห็นทีว่าจากคืนนี้ไปเธอจะไม่ใช่สาวน้อยอีกต่อไปแล้วสิ
ผมค่อยๆวางไวโอเลตลงบนเตียงอย่างนุ่มนวลราวกับของสำคัญ เธอปล่อยแขนที่ควงคอผมและทิ้งตัวลงเหมือนไม่มีแรง
ผมเริ่มลุกล้ำริมฝีปากสีชมพูของเธออีกครั้ง แขนที่เหลือเพียงข้างเดียวของผมลูบไล้ไปตามลำตัวของไวโอเลตจนไปถึงต้นขาของเธอ เช่นเดียวกันที่ไวโอเลตยกแขนของเธอมากอดผมลูบไล้ไปตามหลังที่แข็งกร้าว
ผมละจากริมฝีปากหลังจากพอใจกับแลกลิ้นของพวกเรา ผมไล้จูบไปตามร่างกายของไวโอเลต เริ่มจากใต้ตา ไล่ต่ำลงมา ใบหน้า ต้นคอ หน้าอก หน้าท้อง จนมาถึงระหว่างง่ามขา ซึ่งเป็นที่ตั้งของแดนลึกลับของไวโอเลต
กลีบร่องปิดสนิทไร้การรุกล้ำ ถ้าไม่นับนิ้วของผมเอง ผมใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้งเปิดกลีบอันแสนบริสุทธิ์ดู สามารถเห็นกลีบชั้นในที่ปิดสนิทสีชมพู ผมสามารถได้กลิ่นหอมหวานของสาววัยรุ่นอันบริสุทธิ์จากเธอ
ราวกับน้ำหวานล่อแมลง ผมอดใจไม่ได้ที่จะเลียมัน
“อ๊าา~ อ้า~” ไวโอเลตหนีบขาล็อกผมไว้ มือทั้งสองข้างกำลังกำเส้นผมของผมแน่น
ผ่านไปสักพัก ไวโอเลตก็เกร็งตัวขึ้นและปล่อยน้ำหวานออกมาให้ผมได้ชิม เธอคลายตัวลง
“ที่นี่ ชอบมันยังล่ะ” ผมถามเธอออกไป ขณะลูบแก้มของเธอและจูบมัน
“คะ-ค่ะ หนูชอบตอนหัวโล่งๆยังไงไม่รู้”
“เดี๋ยวจะทำให้โล่งกว่าเดิม”
ว่าและจูบลงที่หน้าผากเธอ ผมใช้มือซ้ายลูบต้นขาเธอเบาๆให้ผ่อนคลายลง และให้อ้ากว้าง ผมจับแก่นเนื้อขนาดใหญ่จนคิดว่าไวโอเลตที่มีร่างกายเล็กๆแบบเด็ก จะรับไหวไหมไปจ่อที่หน้าถ้ำเล็กๆของเธอ เรื่องแบบนั้นผมไม่รู้และไม่สนหรอก
ผมรู้แค่ว่าพวกเอลฟ์นั้นสืบพันธุ์ยาก ร่างของพวกเขานั้นมีความยืดหยุ่นสูง อ้างอิงตัวร้ายเผ่าเอลฟ์ ซึ่งก็คือไวโอเลต เอลฟ์ผมดำตรงหน้าผมนั้นเอง
“มันจะเจ็บหน่อยนะ ทนไว้” ผมเข้าไปกระซิบข้างหูเธอ ไวโอเลตพยักหน้ารับ
“อึก! อืม~”
ผมค่อยๆดันส่วนหัวเข้าไป มันแน่นสุดๆเลย ยังไงๆความรู้สึกได้เปิดซิงเด็กก็ดีจริงๆนั้นแหละ พอดันเข้ามาได้สักระยะ มันก็เหมือนติดอะไรบางอย่าง
เยื่อพรหมจารีสินะ
“อ๊า!”
ผมจับลำตัวของเธอกระแทกสุดลำจนมันดันท้องของไวโอเลตนูนขึ้นมา ไวโอเลตจิกผ้าปูที่นอนแน่น ใบหน้าของเธอกำลังบ่งบอกว่าเธอนั้นจุกและเจ็บแค่ไหน
ผมลูบตามร่างกายของไปให้ผ่อนคลายลง ผมขยับเอวให้เจ้าแท่งขุดเจาะบ่อน้ำให้ขยับช้าๆให้ช่องคลอดที่บีบรัดแน่นให้คลายตัว
“อ๊า อ้า อ้า อ๊า! อ๊าอ๊าอ๊าอ๊า อ้าๆๆ”
จากที่ผมทำช้าๆ ก็เริ่มเร็วและรุนแรงขึ้นมา ตัวไวโอเลตสะท้อนอย่างรุนแรงทุกครั้งที่ถูกกระแทก หน้าอกใหญ่ๆของเธอก็กระเพื่อมขึ้นลง จนผมนำมือไปบีบเล่น
ใบหน้าของไวโอเลตกำลังแสดงถึงความเจ็บและจุกอยู่ เธอมีน้ำตาไหลออกมา ผมก้มตัวลงไปจูบแลกเลียกับเธอ หวังว่าจะบรรเทาความเจ็บลงได้
ช่องคลอดไวโอเลตขมิบถี่ขึ้นมา ก่อนที่เธอจะเสร็จไป แต่ผมก็ไม่ได้มีเวลาพักให้เธอหรอกนะ ผมยังคงกระแทกย้ำลงไปถึงแม้ว่าไวโอเลตจะปล่อยน้ำออกมาไม่หยุด
ภายในห้องนี้ก็มีเพียงเสียงกระทบของก้อนเนื้อที่ฟังดูลามก ผมกระแทกถี่ขึ้นมา เป็นสัญญาว่าผมกำลังจะเสร็จแล้ว
และในช่วงสุดท้าย ผมก็กระแทกย้ำหนักๆสอมสามที เหมือนจะเจาะเข้าไปในมดลูกของเธอให้ได้ ก่อนจะปล่อยน้ำสีขาวข้นออกมา
ผมละปากของจากไวโอเลต ก่อนจะค่อยๆดึงแท่งขุดเจาะออกมาจากปากถ้ำเล็กๆของไวโอเลต มีเสียงดังขึ้นในช่วงสุดท้ายที่ผมดึงออกมาจากช่องคลอดเธอ ช่องคลอดเปิดอ้าและปล่อยน้ำสีชมพูออกมา แน่นอนว่ามันคือน้ำอสุจิของผมกับเลือดของไวโอเลตที่ผสมกัน
“อดทนดีมาก” ผมชมเธอก่อนจะเข้าไปหอมแก้มที่เปื้อนได้ด้วยคราบน้ำตา ใครเข้ามาเห็นคงคิดว่าผมข่มขืนเด็กแน่ๆ
ผมปล่อยให้ไวโอเลตได้พัก ผมไม่ทำกับเธอแบบรัวๆเหมือนทำกับดาร์เลเน่เมื่อสามปีก่อน ที่วันแรกก็ทำทั้งวันทั้งคืนเลยล่ะ
ผมแต่งตัว ก่อนจะออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า