Chapter I Scene 24
“
Chapter I Scene 24
”
เมืองเอลฟ์ที่ผมรู้จักเมื่อเช้ากับคืนนี้ ช่างแตกต่างกัน คืนนี้มันเต็มไปด้วยออร่าแห่งความน่ารังเกียจ ผมรู้จักความรู้สึกนี้ แค่คิดนี้แผลเป็นบนท้องผมก็แสบทันใด
และจุดที่รวบรวมความน่ารังเกียจนั้น ก็ได้อยู่ที่ราชวงศ์ของราชินีอาซาเลีย ผมหวังว่าพวกตัวเอกจะไม่ตายกันนะ แบบนั้นผมคงรู้สึกผิดเป็นแน่เลย
ทหารเอลฟ์ในเมืองวิ่งกันวุ่นวายกันยกใหญ่ เหมือนกำลังตามหาผมกันอยู่ ผมแอบเข้ามาในเมืองตามเงามืดพร้อมไวโอเลต ดีที่เธอมีเวทธาตุมืดเป็นหลัก ซึ่งปกติพวกเอลฟ์จะมีธาตุลมเป็นหลักกัน
เธออาจเป็นนักฆ่าที่เก่งกาจในอนาคตก็ได้ ถ้าให้บาสเตียนฝึกดีๆล่ะก็ เธอจะมีประโยชน์ต่อผมดีทีเดียว
ผมมาถึงบ้านลิลลี่โดยไม่ถูกพบเห็น ผมเห็นเธอหัวยุ่งๆอยู่ ให้เดาว่าคงถูกปลุกให้ตื่นล่ะมั่ง
“ให้ตายสิ! สรุปไอ้บ้านั้นเป็นควเลวจริงๆ?” ลิลลี่บ่นออกมาพร้อมหันหลังจะเข้าบ้านไป ผมก็ได้เดินเข้าไปเมื่อเห็นทหารไปแล้ว
“นี้เธอไม่เคยคิดว่าฉันเป็นคนเลวมาตลอดเหรอ?”
ลิลลี่สะดุ้งโหยงขึ้นเหมือนแมวตกใจ เธอหันมาทันทีและจ้องผมเอาตาย
“มาก็ดีแล้ว! ฉันจะจับแกเข้าคุกข้อหาลักพาตัวเจ้าหญิงองค์เล็ก!” ลิลลี่พูดเสียงขึงขังออกมาและมีท่าทีว่าจะมาล็อกตัวผมไว้ “บอกมาเจ้าหญิงไวโอเลตอยู่ไหน!”
“เจ้าหญิงเนี่ยใช่คนนี้ไหม?” ผมพูดออกไปเหมือนคนโง่ ก่อนที่จะมีเด็กสาวเผ่าเอลฟ์ผมดำตาดำโผล่ออกมาจากด้านหลังผม
“เจ้าหญิง!!” ลิลลี่ตกใจกับการปรากฏตัวของไวโอเลต คงไม่คิดว่าจะมาเจอง่ายๆแบบนี้ล่ะสิ
เธอรีบคว้าตัวของไวโอเลตไปซ่อนข้างหลังเธอ ทำอย่างกับกำลังซ่อนลูกสาวจากเจ้าหนี้ไปได้
“นายคิดจะทำอะไรเจ้าหญิง? ทำไมถึงลักพาตัวเธอมา!?” ลิลลี่เริ่มกล่าวหาผมโดยไม่รูัต้นชนปลายอะไร
“คิดทำอะไร?ลักพาตัว? ไม่รู้หรอกนะว่า เธอไปได้ยินอะไรมา แต่คืนนี้เธอต้องปกป้องยัยเด็กนี้เอาไว้ ห้ามออกไปไหนและอย่างคิดส่งตัวเธอให้กับทหาร” ผมพูดเหมือนออกคำสั่งไป
“นายรู้ไหมว่าฉันก็เป็นทหาร?”
เอ่อจริงสิ! ผมลืมไปว่าเธอเป็นหัวหน้าทหารลาดตระเวน อาา~ ผมนิ่งคิดอยู่นาน ก็จะจับหน้าลิลลี่พลิกไปพลิกมา
“ทำไรนายเนี่ย!” ลิลลี่ปัดมือออกพร้อมโกรธขึ้น
“เอาเป็นว่าทำๆไปเถอะ” ผมว่าอย่างลวกๆ ก่อนจะหันหลังพร้อมจะเดินออกไป
“เรื่องอะไร…!” ก่อนจะพูดจบ ผมก็ชักดาบใหม่ออกมาพร้อมหันหลัง ชี้ไปทางลิลลี่ ทำให้เธอตกใจและเงียบไป
“มันไม่ใช่การขอ ไม่ใช่คำสั่ง แต่ถ้าเธอคิดทำอะไรโง่ๆ ฉันก็พร้อมกุดหัวเธอทิ้ง” ผมว่าพร้อมถอยหน้ากากออกเผยให้เห็นใบหน้าอันชั่วร้ายของผม และตอนนั้นเองที่แสงจันทร์ได้สาดส่องมาทางผม มันคงจะทำให้ตาแดงๆของผมเด่นชัดขึ้นเป็นแน่
ผมสวมหน้ากากกลับ ไม่สนใจลิลลี่ต่อไปก่อนจะเดินไป ไปสถานที่พิพากษาของคนบาปแ…
ตามที่คาด ทหารพวกนี้กำลังตามหาผมอยู่ พอผมออกมาเดินบนถนนพร้อมถือขวดไวน์ไว้ในมือ อย่างกับคนเมาติดเหล้า พวกทหารที่เห็นผมก็พุ่งเข้ามากันอย่างกับมดที่ถูกล่อโดยน้ำหวาน
“มันอยู่นั้น! จับตัวเจ้าฆาตกร!” หนึ่งในทหารว่างั้น
เฮ้ยๆเฮ้ย ตัดสินว่าตรูฆ่าไวโอเลตแล้วเลยเหรอว่ะ! ชักโมโหนิดๆแล้วสิ
ผมเห็นว่าพวกทหารนั้นมีออร่าสีดำน่ารังเกียจแผ่ออกมาจากตัว คงเป็นการสะกดจิตรู้แบบหนึ่งมั่ง แบบนี้คง…ฆ่าไม่ได้สินะ? เอาเป็นว่าทำให้สลบไปเฉยๆแล้วกัน
ผมเลือกที่จะไม่ใช่ดาบ แต่เป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแทน แต่ถ้ารุนแรงไปก็ตายได้เหมือนกันนะ
“ฮ่าๆๆ เข้ามาไอ้พวกปลายแถว!!!”
ซัดพวกปลายแถวไปตามๆกันด้วยหมัดเดียว ผมเน้นด้วยการทำลายอาวุธ
พวกทหารล้มกันอย่างกับเป็นผัก ผมก็ได้มุ่งหน้าไปราชวงศ์ราชินีอาซาเลียอย่างต่อเนื่อง ถึงจะไม่มีชุดป้องกันสั่งทำเป็นพิเศษ พวกนี้ก็ทำอะไรผมไม่ได้อยู่แล้ว
และผมก็ได้มาถึง จริงๆด้วย ความน่ารังเกียจนี้มันรุนแรงจนเห็นได้ชัด ต้นไม้ที่ใหญ่กว่าใครๆ พระราชวังของราชินีอาซาเลีย ผมกำลังเดินตรงไป แต่ก็ได้มีเสียงดังขึ้น ภายในหัว
“จอมมาร… ฮี่ๆ”
“ช่าย~เจ้าเป็นจอมมาร… หรือผู้กล้ากันนะ?”
“แยกไม่ออกจริงๆ~”
“ไอ้พวกภูติเพี้ยนออกไปจากหัวคนอื่นนะเฟ้ย!!”
ใช่แล้ว มันคือเสียงพวกภูตินั้นเองที่อยู่ในหัวผมตอนนี้
“ม่าย~เอาอะ~”
“ไปกำจัด สิ่งที่น่ารังเกียจกันเถอะ~”
“ด้วยตัวตนที่คลุมเครือ”
“แบบเจ้า”
และทันใดนั้นเอง ร่างกายของผมก็ได้เรืองแสงขึ้น ผมรูัสึกแข็งแกร่งขึ้น ว่องไวขึ้น และรูัสึกถึงความร้อน เย็น และฯลฯ
“นี้มันพรแห่งภูติ?”
“ใช่แล้ว”
“ร่างนี้”
“มหัศจรรย์มาก~”
“ถ้าเป็นคนอื่น”
“คงจะไม่สามารถรับพรของเราได้”
“หลายๆบท~”
เอาเป็นว่าปล่อยไปก็คงไม่เป็นไรละมั่งนะ ผมเลิกสนใจพวกเพี้ยนและเดินตรงที่ประตูบานใหญ่ ผมคิดจะเปิดมัน แต่มันกลับเปิดให้ผมเองก่อน
สะดวกจริง ประตูอัตโนมัติเนี่ย
ภายในนั้นแตกต่างจากภายนอก เพราะมันนั้นกว้างขวางมากจริงๆ เป็นห้องโถงที่กว้างไกล อารมณ์เหมือนทางเดินของโบสถ์ยังไงอย่างงั้น
ผมเดินไปตามพื้นกระเบื้องเงาจนสะท้อนภาพผมอยากชัดเจน ถ้าพวกผู้หญิงใส่กระโปรงจะเป็นไงหว่า~
สถานที่นี้ควรจะมีกลิ่นอายของความศักดิ์สิทธิ์ของพรภูติ แต่กลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายและน่ารังเกียจ ผมจำไม่ได้ว่ามีเรื่องแบบนี้อยู่ในเกมนะ?
ผมเดินเข้ามาหยุดลง ประตูด้านหลังปิดตัวลง ตอนนี้ในห้องนี้มีแค่ 7 คนเท่านั้นเอง ตัวผมเป็นหนึ่งในนั้น
“ฉันจำไม่เห็นได้ว่าพวกเอลฟ์ชอบย้อมผมสีดำนะ?” ผมเงยหน้าถามผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม้
“ตอนแรกเรากะว่าจะจัดการคุณในตอนเช้า แต่ เอาเถอะ ก็ดีแล้วจะได้จบๆไป” อาซาเลียตอบไม่ตรงคำถามผม เธอกำลังเล่นผมตัวเองขณะเหลือบมองผม
“และไม่เห็นจำได้ว่าพวกแกเปลี่ยนพรรคกันแล้วด้วย” ก่อนจะหันไปถามคนอีก 5 คนที่เรียบเรียงอยู่หน้าบัลลังก์
แน่นอนว่าผมกำลังพูดกับ เทรย์เวอร์ โอเรียนน่า ดาร์เลเน่ คุณหนูคายาและโนรา ที่ไม่มีประกายแววตาแล้ว เป็นดั่งหุ่นเชิด
ไอ้พวกนี้อ่อนแอกันเกินไป คงเพราะไม่ได้ผ่านอีเวนท์สำคัญๆมากเท่าไรสินะ คิดผิดจริงๆที่ให้ตามมา จากจะเป็นประโยชน์ กลับมาเป็นภาระเสียได้
“เปล่าประโยชน์ค่ะ พวกเขานั้นตกเป็นของเราแล้ว” อาซาเลียพูดออกมาขณะกำลังเล่นแหวนบนนิ้วมือ
แหวนนั้นสินะ ที่เป็นต้นกำเนิดของความน่ารังเกียจ
“แหวนนั้น”
“น่ารังเกียจ”
“ทำลายมัน!”
เหมือนว่าจะใช้ ยืนยันจากน้ำเสียงที่โกรธของพวกภูติ
ไม่รอช้า ผมก็ได้พุ่งชนทันที แค่ทำลายแหวนนั้นซะ!
ใกล้จบบทแล้วน่า~ คงจบวันนี้หรือพรุ่งนี้แหละ จากนั้นขึ้นบท 2 ก็จะติดเหรียญ ฝากสนับสนุนด้วยครับ