ตอนที่แล้วChapter I Scene 23
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter I Scene 25

Chapter I Scene 24


Chapter I Scene 24

เมืองเอลฟ์ที่ผมรู้จักเมื่อเช้ากับคืนนี้ ช่างแตกต่างกัน คืนนี้มันเต็มไปด้วยออร่าแห่งความน่ารังเกียจ ผมรู้จักความรู้สึกนี้ แค่คิดนี้แผลเป็นบนท้องผมก็แสบทันใด

และจุดที่รวบรวมความน่ารังเกียจนั้น ก็ได้อยู่ที่ราชวงศ์ของราชินีอาซาเลีย ผมหวังว่าพวกตัวเอกจะไม่ตายกันนะ แบบนั้นผมคงรู้สึกผิดเป็นแน่เลย

ทหารเอลฟ์ในเมืองวิ่งกันวุ่นวายกันยกใหญ่ เหมือนกำลังตามหาผมกันอยู่ ผมแอบเข้ามาในเมืองตามเงามืดพร้อมไวโอเลต ดีที่เธอมีเวทธาตุมืดเป็นหลัก ซึ่งปกติพวกเอลฟ์จะมีธาตุลมเป็นหลักกัน

เธออาจเป็นนักฆ่าที่เก่งกาจในอนาคตก็ได้ ถ้าให้บาสเตียนฝึกดีๆล่ะก็ เธอจะมีประโยชน์ต่อผมดีทีเดียว

ผมมาถึงบ้านลิลลี่โดยไม่ถูกพบเห็น ผมเห็นเธอหัวยุ่งๆอยู่ ให้เดาว่าคงถูกปลุกให้ตื่นล่ะมั่ง

“ให้ตายสิ! สรุปไอ้บ้านั้นเป็นควเลวจริงๆ?” ลิลลี่บ่นออกมาพร้อมหันหลังจะเข้าบ้านไป ผมก็ได้เดินเข้าไปเมื่อเห็นทหารไปแล้ว

“นี้เธอไม่เคยคิดว่าฉันเป็นคนเลวมาตลอดเหรอ?”

ลิลลี่สะดุ้งโหยงขึ้นเหมือนแมวตกใจ เธอหันมาทันทีและจ้องผมเอาตาย

“มาก็ดีแล้ว!  ฉันจะจับแกเข้าคุกข้อหาลักพาตัวเจ้าหญิงองค์เล็ก!” ลิลลี่พูดเสียงขึงขังออกมาและมีท่าทีว่าจะมาล็อกตัวผมไว้ “บอกมาเจ้าหญิงไวโอเลตอยู่ไหน!”

“เจ้าหญิงเนี่ยใช่คนนี้ไหม?” ผมพูดออกไปเหมือนคนโง่ ก่อนที่จะมีเด็กสาวเผ่าเอลฟ์ผมดำตาดำโผล่ออกมาจากด้านหลังผม

“เจ้าหญิง!!” ลิลลี่ตกใจกับการปรากฏตัวของไวโอเลต คงไม่คิดว่าจะมาเจอง่ายๆแบบนี้ล่ะสิ

เธอรีบคว้าตัวของไวโอเลตไปซ่อนข้างหลังเธอ ทำอย่างกับกำลังซ่อนลูกสาวจากเจ้าหนี้ไปได้

“นายคิดจะทำอะไรเจ้าหญิง? ทำไมถึงลักพาตัวเธอมา!?” ลิลลี่เริ่มกล่าวหาผมโดยไม่รูัต้นชนปลายอะไร

“คิดทำอะไร?ลักพาตัว? ไม่รู้หรอกนะว่า เธอไปได้ยินอะไรมา แต่คืนนี้เธอต้องปกป้องยัยเด็กนี้เอาไว้ ห้ามออกไปไหนและอย่างคิดส่งตัวเธอให้กับทหาร” ผมพูดเหมือนออกคำสั่งไป

“นายรู้ไหมว่าฉันก็เป็นทหาร?”

เอ่อจริงสิ! ผมลืมไปว่าเธอเป็นหัวหน้าทหารลาดตระเวน อาา~ ผมนิ่งคิดอยู่นาน ก็จะจับหน้าลิลลี่พลิกไปพลิกมา

“ทำไรนายเนี่ย!” ลิลลี่ปัดมือออกพร้อมโกรธขึ้น

“เอาเป็นว่าทำๆไปเถอะ” ผมว่าอย่างลวกๆ ก่อนจะหันหลังพร้อมจะเดินออกไป

“เรื่องอะไร…!” ก่อนจะพูดจบ ผมก็ชักดาบใหม่ออกมาพร้อมหันหลัง ชี้ไปทางลิลลี่ ทำให้เธอตกใจและเงียบไป

“มันไม่ใช่การขอ ไม่ใช่คำสั่ง แต่ถ้าเธอคิดทำอะไรโง่ๆ ฉันก็พร้อมกุดหัวเธอทิ้ง” ผมว่าพร้อมถอยหน้ากากออกเผยให้เห็นใบหน้าอันชั่วร้ายของผม และตอนนั้นเองที่แสงจันทร์ได้สาดส่องมาทางผม มันคงจะทำให้ตาแดงๆของผมเด่นชัดขึ้นเป็นแน่

ผมสวมหน้ากากกลับ ไม่สนใจลิลลี่ต่อไปก่อนจะเดินไป ไปสถานที่พิพากษาของคนบาปแ…

ตามที่คาด ทหารพวกนี้กำลังตามหาผมอยู่ พอผมออกมาเดินบนถนนพร้อมถือขวดไวน์ไว้ในมือ อย่างกับคนเมาติดเหล้า  พวกทหารที่เห็นผมก็พุ่งเข้ามากันอย่างกับมดที่ถูกล่อโดยน้ำหวาน

“มันอยู่นั้น! จับตัวเจ้าฆาตกร!” หนึ่งในทหารว่างั้น

เฮ้ยๆเฮ้ย ตัดสินว่าตรูฆ่าไวโอเลตแล้วเลยเหรอว่ะ! ชักโมโหนิดๆแล้วสิ

ผมเห็นว่าพวกทหารนั้นมีออร่าสีดำน่ารังเกียจแผ่ออกมาจากตัว คงเป็นการสะกดจิตรู้แบบหนึ่งมั่ง แบบนี้คง…ฆ่าไม่ได้สินะ? เอาเป็นว่าทำให้สลบไปเฉยๆแล้วกัน

ผมเลือกที่จะไม่ใช่ดาบ แต่เป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแทน แต่ถ้ารุนแรงไปก็ตายได้เหมือนกันนะ

“ฮ่าๆๆ เข้ามาไอ้พวกปลายแถว!!!”

ซัดพวกปลายแถวไปตามๆกันด้วยหมัดเดียว ผมเน้นด้วยการทำลายอาวุธ

พวกทหารล้มกันอย่างกับเป็นผัก ผมก็ได้มุ่งหน้าไปราชวงศ์ราชินีอาซาเลียอย่างต่อเนื่อง ถึงจะไม่มีชุดป้องกันสั่งทำเป็นพิเศษ พวกนี้ก็ทำอะไรผมไม่ได้อยู่แล้ว

และผมก็ได้มาถึง จริงๆด้วย ความน่ารังเกียจนี้มันรุนแรงจนเห็นได้ชัด ต้นไม้ที่ใหญ่กว่าใครๆ พระราชวังของราชินีอาซาเลีย ผมกำลังเดินตรงไป แต่ก็ได้มีเสียงดังขึ้น ภายในหัว

“จอมมาร… ฮี่ๆ”

“ช่าย~เจ้าเป็นจอมมาร… หรือผู้กล้ากันนะ?”

“แยกไม่ออกจริงๆ~”

“ไอ้พวกภูติเพี้ยนออกไปจากหัวคนอื่นนะเฟ้ย!!”

ใช่แล้ว มันคือเสียงพวกภูตินั้นเองที่อยู่ในหัวผมตอนนี้

“ม่าย~เอาอะ~”

“ไปกำจัด สิ่งที่น่ารังเกียจกันเถอะ~”

“ด้วยตัวตนที่คลุมเครือ”

“แบบเจ้า”

และทันใดนั้นเอง ร่างกายของผมก็ได้เรืองแสงขึ้น ผมรูัสึกแข็งแกร่งขึ้น ว่องไวขึ้น และรูัสึกถึงความร้อน เย็น และฯลฯ

“นี้มันพรแห่งภูติ?”

“ใช่แล้ว”

“ร่างนี้”

“มหัศจรรย์มาก~”

“ถ้าเป็นคนอื่น”

“คงจะไม่สามารถรับพรของเราได้”

“หลายๆบท~”

เอาเป็นว่าปล่อยไปก็คงไม่เป็นไรละมั่งนะ ผมเลิกสนใจพวกเพี้ยนและเดินตรงที่ประตูบานใหญ่ ผมคิดจะเปิดมัน แต่มันกลับเปิดให้ผมเองก่อน

สะดวกจริง ประตูอัตโนมัติเนี่ย

ภายในนั้นแตกต่างจากภายนอก เพราะมันนั้นกว้างขวางมากจริงๆ เป็นห้องโถงที่กว้างไกล อารมณ์เหมือนทางเดินของโบสถ์ยังไงอย่างงั้น

ผมเดินไปตามพื้นกระเบื้องเงาจนสะท้อนภาพผมอยากชัดเจน ถ้าพวกผู้หญิงใส่กระโปรงจะเป็นไงหว่า~

สถานที่นี้ควรจะมีกลิ่นอายของความศักดิ์สิทธิ์ของพรภูติ แต่กลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายและน่ารังเกียจ ผมจำไม่ได้ว่ามีเรื่องแบบนี้อยู่ในเกมนะ?

ผมเดินเข้ามาหยุดลง ประตูด้านหลังปิดตัวลง ตอนนี้ในห้องนี้มีแค่ 7 คนเท่านั้นเอง ตัวผมเป็นหนึ่งในนั้น

“ฉันจำไม่เห็นได้ว่าพวกเอลฟ์ชอบย้อมผมสีดำนะ?” ผมเงยหน้าถามผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไม้

“ตอนแรกเรากะว่าจะจัดการคุณในตอนเช้า แต่ เอาเถอะ ก็ดีแล้วจะได้จบๆไป” อาซาเลียตอบไม่ตรงคำถามผม เธอกำลังเล่นผมตัวเองขณะเหลือบมองผม

“และไม่เห็นจำได้ว่าพวกแกเปลี่ยนพรรคกันแล้วด้วย” ก่อนจะหันไปถามคนอีก 5 คนที่เรียบเรียงอยู่หน้าบัลลังก์

แน่นอนว่าผมกำลังพูดกับ เทรย์เวอร์ โอเรียนน่า ดาร์เลเน่ คุณหนูคายาและโนรา ที่ไม่มีประกายแววตาแล้ว เป็นดั่งหุ่นเชิด

ไอ้พวกนี้อ่อนแอกันเกินไป คงเพราะไม่ได้ผ่านอีเวนท์สำคัญๆมากเท่าไรสินะ คิดผิดจริงๆที่ให้ตามมา จากจะเป็นประโยชน์ กลับมาเป็นภาระเสียได้

“เปล่าประโยชน์ค่ะ พวกเขานั้นตกเป็นของเราแล้ว” อาซาเลียพูดออกมาขณะกำลังเล่นแหวนบนนิ้วมือ

แหวนนั้นสินะ ที่เป็นต้นกำเนิดของความน่ารังเกียจ

“แหวนนั้น”

“น่ารังเกียจ”

“ทำลายมัน!”

เหมือนว่าจะใช้ ยืนยันจากน้ำเสียงที่โกรธของพวกภูติ

ไม่รอช้า ผมก็ได้พุ่งชนทันที แค่ทำลายแหวนนั้นซะ!

ใกล้จบบทแล้วน่า~ คงจบวันนี้หรือพรุ่งนี้แหละ จากนั้นขึ้นบท 2 ก็จะติดเหรียญ ฝากสนับสนุนด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด