Chapter I Scene 23
“
Chapter I Scene 23
”
ไม่รู้ผมนอนไปนานแค่ไหน แต่ท้องฟ้ายามเย็นได้กลายเป็นราตรีเสียแล้ว ผมลุกขึ้นจากเตียงพร้อมหยิบหน้ากากปีศาจจากโต๊ะเล็กข้างเตียง ที่ผมวางไว้ก่อนจะหลับไปมาสวมใส่
ผมออกจากบ้านลิลลี่ เธอยังไม่กลับมา คงกำลังทำหน้าที่ตัวเองล่ะมั่ง ผมว่าจะไปหาอะไรกินเสียหน่อย
จริงๆด้วย บรรยากาศยามค่ำคืนในป่าเนี่ยสดชื่นอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ แถมยังสามารถมองเห็นกลุ่มดาวได้ชัดเจนมากๆเลย
ผมเดินตรงไปทางป่า ผมคิดว่าจะออกไปย่างเนื้อกินหน่อย กินผักผลไม้มันไม่ควรช่วยอะไรเท่าไรนัก ตอนนี้มีเอลฟ์อยู่ส่วนน้อยเพราะไปนอนหมดแล้วและส่วนมากก็เป็นทหารเฝ้าระวัง
ไม่มีใครสนใจใคร ทำให้ผมเดินออกจากเมืองไปได้ไม่มีปัญหาอะไร
ตามจริงผมควรไม่หยุดพักในเมืองนี้ และผ่านไป ผมว่าเราอาจจะถึงที่หมายแล้วก็ได้ในเวลานี้ ผมสาบานเลยว่า ถ้าเจ้าพวกนั้นจะพักอยู่นี้เพิ่มอีกในวันพรุ่งนี้ ผมจะไปคนเดียวเลย
ผมไม่สนใจรอยยิ้มชั่วร้ายของยัยราชินีอาซาเลีย และไม่สนด้วยว่าจะทำอะไร ถ้ามันไม่เกี่ยวกับผม ผมก็จะไม่ขอเข้าไปยุ่งแล้วกัน แต่… ถ้าเธออยากเจอดี ผมก็จะตอบสนองให้เอง
ระหว่างคิดเรื่องต่างๆ ผมก็ก่อไฟขึ้นหลังออกห่างเมืองมาเล็กน้อย เอาเนื้อที่หมักไว้ในกระเป๋ามาเสียบไม้ก่อนย่างไฟ รอสักพักเนื้อก็สุกดี
แต่ทันใดนั้นเอง ผมก็สัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนของอากาศใกล้ๆ มันเบาบางจนแทบไม่รู้สึกถ้าไม่ใช่ผมหรือเทรย์เวอร์ มันเป็นการโจมตีทางเวท มีการปะทะเกิดขึ้น?
สงสัยเป็นพวกเอลฟ์กับมอนสเตอร์? ผมว่าไปดูเพื่อความมั่นใจดีกว่า ผมคว้าไม้เสียบเนื้อมา ดับไฟเดี๋ยวเกิดไฟเป็นปัญหาฝุ่น pm2.5 อีก กระโดดไปตามต้นไม้มุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุ
ผมมาถึงที่เกิดเหตุ ไม่ใช่อย่างที่คิด มันไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างเอลฟ์กับมอนสเตอร์ แต่เป็นเอลฟ์เด็กกับมนุษย์
มีชายฉกรรจ์สามคนกำลังล้อมเด็กเอลฟ์อยู่ คงเป็นการลักพาตัวตัว จะว่าไปยัยเด็กนี้ทำไมมาอยู่ในป่าในเวลาแบบนี้นะ แต่ที่น่าประหลาดใจคือ ผมของเธอ ที่เป็นสีดำเงางาม ซึ่งสีดำเป็นสิ่งชั่วร้ายต่อเอลฟ์ หายากนะเนี่ย ที่มีเอลฟ์ผมดำแบบนี้
“ฮี่ๆๆ! ยอมแพ้ซะยัยเอลฟ์เด็ก! ไม่มีใครรู้ว่าเราอยู่นี้หรอกนะ” คนที่เหมือนผู้นำพูดออกมาด้วยรอยยิ้มอันน่ารังเกียจ
จริงๆมีคนนึงนะ อยู่บนต้นไม้ไง
ยัยเด็กเอลฟ์เหมือนมีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ เมื่อถูกบีบวงล้อมเข้ามา และผมก็ไม่ใช่ผู้พิทักษ์คุณธรรมจริยธรรมเหมือนเทรย์เวอร์ด้วย ผมกัดลงเนื้อเสียบไม้ของผม พร้อมกระดกไวน์ลงไป ขณะนั่งชมการแสดงละครบทนี้
“ลูกพี่ ยัยเด็กเอลฟ์นี่มีผมสีหายาก แถมยังหน้าตาใช้ได้ พวกเราจัดก่อนขายได้ไหมครับ?”
“นั้นสิครับ”
พวกลูกน้องกำลังเรียกร้องในสิ่งเลวทรามต่ำช้าอยู่ ทำให้เอลฟ์เด็กตัวสั่นสะเทือนด้วยความหวาดกลัว และลูกพี่มันก็ตะโกนกลับว่า
“เจ้าบ้า พวกเอลฟ์นั้นจะจดจำครั้งแรกของพวกมัน ลูกค้าต้องการครั้งแรก!”
นั้นสิ และจะมีอารมณ์สุดขีดเวลามีอะไรกันกับคนแรก แต่มันยังมีกรณีหนึ่งอยู่นะ กรณีที่อันนั้นของคนแรกมันเล็ก ในเกมมีตัวละครร้ายตัวหนึ่งที่เปลี่ยนคู่ขาเป็นว่าเล่น สุดท้ายก็มาจบเป็นทาสกามของเผ่ายักษ์ สุดยอดเลยล่ะแบบนี้
จำได้ไหมที่ผมบอกว่าพวกเอลฟ์จะชอบหมกมุ่นอยู่กับบางเรื่อง เราสามารถจับเด็กเอลฟ์และทำให้พวกมันหมกมุ่นในเรื่องอย่างว่าได้ ก็เหมือนฝึกสัตว์นั้นแหละนะ
จะไป เอลฟ์ผมดำเนี่ย อ่อ จำได้แล้ว ตัวร้ายที่ผมบอกว่าเป็นทาสกามเผ่ายักษ์นั้น เป็นเอลฟ์ผมดำ ยังใช้เวทปลุกเสกด้วย และเป็น… น้องสาวของราชินีอาซาเลีย
หืนน~
ผมว่าผมคงปล่อยไปไม่ได้แล้วล่ะ ผมมีลางสังหรณ์ว่าถ้ายัยเอลฟ์ผมดำนี้หายไป คงมีผมเป็นแพะรับบาปแน่
ตุบ!
เสียงผมโดดลงมาด้านหลังยัยเอลฟ์ผมดำ พวกโจรสังเกตผมก็ชะงักไป และยัยเอลฟ์ผมดำที่เห็นว่ามีสิ่งผิดปกติด้านหลังตัวเอง ก็หันมาทางผม และก็เกิดตกใจและล้มลงไป
“ไง”
“…”
เสียใจนะเนี่ย
“แกเป็นใครวะ! มาได้ไง!!” หัวหน้าโจรตวาดลั่น
พวกมันคงมีอุปกรณ์บางอย่าง และมั่นใจมากสินะ? แต่พวกมันดวงตกแล้วที่มาอยู่ใกล้ๆริชาร์ด ถ้าพวกมันก่อเหตุไกลอีกหน่อย คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้หรอก
“ใจเย็นๆพวก ฉันเป็นมนุษย์เหมือนกัน” ผมพูดและหันหูให้พวกมันดู
“แกมาจากแก๊งไหนวะ!?” มันถามผม
แก๊งไหน? พูดอย่างกับเป็นมาเฟียเลยแฮะ เอาไปมั่วๆแล้วกัน
“ฉันทำงานให้องค์งูทมิฬ”
และมันก็มีสีหน้าผ่อนคลายลง ราวกับว่าถูกจับได้ว่าแอบดูหนังโป๊ แต่ก็พบว่าเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน อารมณ์งั้นเลยล่ะ
“แกทำให้ข้าตกใจนะเนี่ย แกก็มาจับเอลฟ์ไปขาย?” มันถามผมอย่างผ่อนคลาย
“อาา ประมาณนั้น ฉันต้องการเด็กนั้น” ผมว่าแล้วใช่ไม้เสียบเนื้อที่ไม่มีเหลือชี้ไปทางยัยเอลฟ์ที่ตื่นกลัว
“เฮ้ย!นั้นมันเหยื่อของพวกเรา ไปหาทางอื่นไป๊!”
อาา~ รำคาญฉิบหาย เอาเป็นว่าให้มันจบๆแล้วกัน
และในเวลานั้นเอง ที่พวกโจรพบว่าตัวผมได้อยู่ด้านหลังพวกมันตอนไหนไม่รู้ พวกมันเหมือนว่าจะว่าอะไร แต่ก็ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆไปก่อน
ผมหันไปทางเอลฟ์ผมดำที่หน้าซีดเผือดเป็นสีขาว ผมยกขวดไวน์ขึ้นดื่มจนหมดขวดแล้วโยนทิ้งไป
“กลับบ้านไปซะ!” ผมว่าออกไปเช่นนั้น
แต่ยัยเด็กบ้านี้กลับส่ายหน้าไปมา ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ท่านพี่ไม่ใช่ท่านพี่แล้ว ท่านพี่ไม่เป็นของตัวเอง”
ท่านพี่?
“พี่เธอชื่ออะไร?” ผมถามออกไป ยัยเด็กเอลฟ์เงียบไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและตอบว่า
“…อาซาเลีย”
ราชินีเอลฟ์? อืมม~ เรื่องนี้ชักแปลกๆแล้วสิ
“เมื่อวันก่อน มีคนแปลกๆมาเมืองแห่งนี้ เขาบอกว่าจะมีผู้ชั่วร้ายมาสถานที่แห่งนี้ และเขาให้ท่านพี่ดูอะไรบางอย่างพร้อมมอบแหวนที่สามารถต่อกรกับคนชั่วร้ายนั้นมา และคนชั่วร้ายนั้นก็คือ คุณ คุณที่ยืนท่ามกลางซากศพของเอลฟ์เมืองเรา… ท่านจอมมาร ฉันจะขอมอบร่างกายนี้ให้ท่าน ได้โปรดช่วยท่านพี่ด้วย” เธอพูดออกมาและก้มกราบผมด้วยน้ำตา
เดี๋ยว! ฉันไม่ใช่จอมมารเสียหน่อย อะไรจะอยากให้ฉันเป็นขนาดนั้นว่ะ!
“ฉันรู้ว่าท่านไม่ได้ชั่วร้ายตามที่ว่า ได้โปรดช่วยด้วย”
ถ้าเป็นเทรย์เวอร์จะช่วยทันทีโดยไม่เอาสิ่งตอบแทน แต่ผมนั้นไม่ใช่ และบังเอิญว่า ยัยเด็กนี้ก็ไม่ได้ขอร้องโดยไม่ให้สิ่งตอบแทน
การหาทาสเอลฟ์สำหรับผมหาง่าย แต่การหาเอลฟ์ที่ยอมยกร่างกายตัวเองอย่างเต็มใจนั้นหายาก ยิ่งกับมนุษย์ด้วย
“เธอชื่อไร?”
“ไวโอเลต”
“แกทำสัญญาทำปีศาจแล้วนะ เตรียมใจของแกยังล่ะ!” ผมว่าออกไปด้วยเสียงที่น่ารังเกียจ พร้อมยื่นมือไปทางไวโอเลต
ไวโอเลตพยักหน้าและจับมือผมไว้
และผมก็ไม่ได้รู้เลยว่า นี้จะเป็นการฆ่าตัวเองชัดๆ รู้อีกที ก็สายไปแล้ว
ในห้องโถงหน้าบัลลังก์ไม้ ในห้องนี้มีแค่ 6 คน มี 5 คนกำลังคุกเข่าต่อคนนั่งบัลลังก์อยู่
“หิๆๆ ฉันจะกำจัดภัยที่มีต่อท่านผู้อยู่เหนือทุกสิ่ง!” หญิงสาวที่นั่งบัลลังก์ได้กล่าวขึ้นต่อหน้าคนทั้ง 5
ใช่แล้ว เธอคือราชินีเอลฟ์ อาซาเลียนั้นเอง ผมสีบรอนซ์สว่างของเธอมันค่อยๆมืดลงจนเป็นสีดำ และดวงตาสีมรกตของเธอก็กลายเป็นสีแดงเลือด
เธอหัวเราะออกมาขณะลูบที่แหวนในนิ้วมือตัวเองอย่างรักใคร่ และหลงใหลในตัวมัน และเหมือนว่าแหวนนั้นเองก็ตอบสนองกับเธอ โดยปล่อยไอสีดำที่น่ารังเกียจออกมา ที่คล้ายคลึงกับจูเลียนที่ได้กินยาก่อนจะมีพลังมหาศาล
“ลุกขึ้นเหล่าผู้มีศรัทธาเอย! พรุ่งนี้เราจะมีงานพิพากษาเจ้าคนบาปที่บังอาจมาแอบอ้างตนเป็นท่านผู้นั้น เราจะกำจัดมัน” ราชินีอาซาเลียกล่าวออกมาด้วยความโกรธเกี้ยว
คนทั้ง 5 ที่ถูกเรียกว่าผู้มีศรัทธาที่คุกเข่าอยู่ ก็ได้ลุกขึ้นมา เทรย์เวอร์ โอเรียนน่า ดาร์เลเน่ โจลี่และโนรา เป็นผู้มีศรัทธาที่ว่า…