Chapter I Scene 11
“
Chapter I Scene 11
”
ผ่านไปสามวันอย่างรวดเร็วเหมือนในนิยายจีน ผมก็ได้ตื่นแต่เช้า ไม่รู้ว่าดาร์เลเน่ออกจากห้องผมไปตอนไหนหลังจากเมื่อคืนผมได้จัดหนักกับเธอไป
บาสเตียนนั้นได้จัดเตรียมของทุกอย่างไว้ให้ผมแล้ว ถึงแม้ว่ากระเป๋าสะพายข้างนั้นมันจะดูเหมือนเล็กๆและธรรมดา แต่แน่นอนสำหรับริชาร์ดผู้ร่ำรวยไม่เคยมีคำว่าธรรมดาอยู่แล้ว มันคือกระเป๋ามิติที่สามารถใส่ของได้มากว่าหนึ่งพันชิ้นโดยไม่สนกฎน้ำหนักของมัน ภายในก็จะมีอาหาร สิ่งจำเป็นพวกที่พักพกพา อาวุธสงครามต่างๆ และอื่นๆอีกมากมาย
“นายน้อยจะไม่ให้ผมไปจริงๆงั้นเหรอครับ มันอันตรายนะครับ” บาสเตียนร้องขออย่างน่าสงสาร
“แน่นอนบาสเตียน นายมีภารกิจสำคัญอยู่คือปกป้องมิลาด้ากับเอวาให้ปลอดภัยอยู่ที่นี่” ผมตอบไปพร้อมย้ำเตือนพ่อบ้านของผม
“ครับ ผมจะทำด้วยชีวิต” บาสเตียนตอบรับอย่างหนักแน่น
ผมได้พูดกับบาสเตียนเสร็จ ก็ก้มลงไปลูบหัวเอวา
ที่ทำหน้าเหมือนร้องไห้ออกให้ได้ และพูดปลอบใจเธอ
“เดี๋ยวฉันจะกลับไวๆก็แล้วกัน เป็นเด็กดีรอนี้เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะเอาของฝ่ายมาให้”
“คุณภูตบอกหนูว่าพี่ชายอาจไม่กลับมาก็ได้” เอวาพูดออกมาพร้อมสะอื้น
“อย่าเชื่อเจ้าภูตสติไม่ดีมากนัก” พอเห็นว่าเธอพยักหน้าเบาๆ ผมก็ตบหัวเธอเบาๆให้คลายกังวลลง
ส่วนมิลาด้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก ผมเข้าไปคว้าตัวเธอมาจูบอย่างดุเดือดทันที เร็วๆนี้เธอมักจะได้บริการผมบ่อยๆครั้งหลังจากดาร์เลเน่ไปโรงเรียนหรือไปค้างบ้านคุณหนูคายา เธอในตอนนี้ดูแลตัวเองจนมีน้ำมีนวลขึ้นมา ยิ่งทำให้เธอสวยยิ่งขึ้น
“ถามจริงเธออายุเท่าไร?” ผมถามออกมาอดสงสัยไม่ได้ พูดจริงๆเหมือนเธอไม่ใช่คนที่จะมีลูกเลยนะ
“แหมท่านริชาร์ด มันจะเสียมารยาทนะคะถามอายุผู้หญิงแบบนี้ แต่” พูดแบบนั้น มิลาด้าก็เข้ามากระซิบใกล้ๆหูผม “ฉันอายุ 25 ค่ะ”
งั้นแปลว่ามิลาด้ามีเอวาในตอนอายุ 16 สินะ อายุน้อยพอควร อย่าให้รู้นะใครมันเป็นพ่อเอวา พี่จะยำให้เละเลยคอยดู ถึงจริงๆผมจะรู้อยู่แล้วก็ตาม
เมื่อบอกลากับทุกๆคนแล้ว ผมก็ได้มุ่งหน้าไปประตูทิศเหนือทันที
ระหว่างทางผมก็ได้ซื้อของเพิ่มเติมอย่างเนื้อ ผัก ผลไม้และเครื่องเทศสมุนไพรต่างๆ อุปกรณ์ทำอาหาร ผมไม่อยากกินอาหารเดิมซ้ำๆหรอกนะ เนื่องจากว่าผมไม่มีบาสเตียนหรือมิลาด้าบริการ ผมก็ต้องช่วยตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
การแต่งตัวของผมก็เป็นชุดคลุมสีดำที่ข้างในเป็นชุดคล้ายๆกับชุดสูทสีแดง ชุดนี้ผมสั่งตัดจากวัตถุดิบพิเศษเลยนะ แบบว่าโคตรแพง แต่ผมก็ต้องยอมรับช่างตัดเย็บคนนี้จริงๆ ที่สามารถสร้างของแบบนี้มาได้ ซึ่งถึงมันจะดูบอบบางมาก แต่พลังป้องกันนั้นกลับมหาศาลทีเดียว ต่อให้ผมยืนรับดาบเฉยๆยังฟันผมไม่เข้าเลยนะ
และอีกอย่างผมก็ได้ไปร้านของช่างตีเหล็กที่ผมได้รู้จักมาจากเกม ซึ่งเป็นคนแคระอารมณ์ร้อน ผมได้ให้เขาสร้างระเบิดมือขึ้นมาจากการอัดดินปืนในวัตถุที่ทำขึ้นจากกระดาษแข็ง แน่นอนว่าโลกนี้มันมีดินปืนมานานแล้ว จากการค้นพบโดยนักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่ง แต่โลกนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญนัก ส่วนมากก็จะใช้ไปทำดอกไม้ไฟเท่านั้น นานๆทีจะทำเป็นอาวุธ
“พวกแกมาอะไรกัน?” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นกลุ่มคนยืนอยู่ประตูทิศเหนือ
ซึ่งประกอบไปด้วยคุณหนูคายา เทรย์เวอร์ โอเรียนน่าและดาร์เลเน่ ผมนี้แปลกใจจริงๆเลยนะเมื่อมาถึงประตูทิศเหนือ ไม่คิดว่าจะมาเจอคณะผู้กล้าเสียได้
หรือว่าพวกมันคิดจะกำจัดผมงั้นเหรอ!?
“เอ่อคือว่า หลังจากฉันเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับทุกคน ทุกคนเลยตัดสินใจว่าจะตามไปด้วยค่ะ” เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของผม คุณหนูคายาก็ได้ก้าวเท้าออกมาเพื่ออธิบาย
สมกับเป็นเทรย์เวอร์จริงๆ ไม่เคยพลาดอีเวนท์ต่างๆเลยนะ
“ถึงพวกแกจะตามไป แต่ข้อตกลงระหว่างฉันกับคุณหนูคายาก็ไม่เปลี่ยนไป ถ้าคิดจะขโมยของแม้แต่ชิ้นเดียว อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!” ผมอธิบายออกมาและข่มขู่ด้วยการชักดาบในพอเห็นใบดาบสีดำเงาสะท้อนแดดออกมา
“ฉันไม่สนของพวกนั้นหรอกนะ ถ้ามันสามารถช่วยดาร์เลเน่ออกจากนายได้ ฉันเทรย์เวอร์คนนี้ก็จะไป ถึงแม้ว่าจะเป็นนรกก็ตาม!” เทรย์เวอร์พูดออกอย่างแน่วแน่มั่นคง
ช่างสมกับพระเอกจริงๆ ผมว่าก็ดีเหมือนกันกับการพาเทรย์เวอร์ไปด้วย เพราะยังไงก็ต้องพาเมืองเอลฟ์อยู่แล้ว ที่นั้นมีหนึ่งในนางเอกหลักด้วย ผมว่าพาไปอาจเป็นเรื่องง่ายขึ้นในการเดินทาง
“ฉะ-ฉันก็เหมือนกัน” และเด็กผู้หญิงผมทอง โอเรียนน่า ก็ยื่นอกที่จริงๆก็ไม่มีอะไรด้วยความมั่นใจ แน่นอนว่าเธอคนนี้ก็เป็นหนึ่งตัวละครจีบได้ถึงแม้ว่าจะเป็นน้องสาวของพระเอกก็ตาม ความสัมพันธ์ต้องห้ามน่ะ
“ตามใจ” ผมว่าก่อนจะเดินต่อไป ก็ดีที่ดาร์เลเน่อยู่ด้วย บางทีคนทำอาหารอาจเป็นเธอก็ได้ เดี๋ยวนะ ผมไม่เคยเห็นเธอทำอาหารมาก่อนเลยนะ เธอทำอาหารได้จริงๆ? ใช้ไหม
แต่ที่แน่นอนว่าผมจะไม่มีวันปล่อยให้โอเรียนน่าหรือคุณหนูคายาทำเด็ดขาด สองคนนี้มีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง คือการทำอาหารดีๆให้เป็นยาพิษ
มันถูกเขียนไว้บนแสดงค่าตัวละคร
“ฉันหวังว่าเธอจะทำอาหารเป็นใช่มั้ย?” ผมเดินไปถามดาร์เลเน่อย่างไม่แน่ใจ
ระหว่างเดินไปป่าโบราณนั้น เราต้องเดินตัดผ่านทุ่งหญ้าไร้สิ้นสุด ซึ่งต้องใช้เวลามากถึงสองวันกว่าจะไปถึง ระหว่างนั้นเราต้องพักในตอนเที่ยงและกลางคืน เพราะซะงั้นเราจำเป็นต้องกินอาหารทั้งหมด 6 มื้อด้วยกัน
อาจมีใครสงสัยว่าทำไม ริชาร์ดผูัร่ำรวยคนนี้ไม่เดินทางด้วยรถม้าล่ะ มันจะไม่สบายกว่าเหรอ?
แน่นอนว่ามันสบายสุดๆและเพิ่มความเร็วในการเดินทาง แต่มันจะตกเป็นเป้าสายตาของสัตว์ประหลาดหรือมอนสเตอร์ หรือไม่ก็พวกโจรป่า การเดินโชว์ตัวให้เห็นว่ากลุ่มนี้มีอัศวินชุดเกราะเต็มยศอย่างเทรย์เวอร์ นักเวทผู้สูงส่งอีกสามคนในแต่ละสายต่างๆอย่าง ดาร์เลเน่ที่ใช้เวทแห่งเปลวเพลิง คุณหนูคายาใช้เวทรักษา และโอเรียนน่าที่ใช้เวทแห่งแสง
แล้วยังมีนักดาบต้องสาปอย่างผมอีกด้วย
ดูยังไงๆก็เป็นปาร์ตี้ที่ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัดๆ ปาร์ตี้ผู้กล้าที่ไหนเอาตัวร้ายสุดๆอย่างริชาร์ดร่วมเดินทางกัน
“คิดว่าฉันเป็นใคร?” ดาร์เลเน่ตอบผมอย่างถือตัวสุดๆ
“งั้นเธอทำอาหารกลางวันที่กำลังจะถึงแล้วกันนะ และอย่างให้สองคนนั้นแตะต้องเด็ดขาด” ผมบอกเธอและชี้ไปทางคุณหนูคายากับโอเรียนน่า
“ชี้มาทางพวกฉันทำไมยะ!” โอเรียนน่าโวยวายทันใด
และตอนเที่ยงก็มาถึง…
“นี้ มัน อะไร?” ผมถามแบบเน้นคำ ขณะที่ผมกำลังจ้องมองวัตถุอันตรายสีดำบนจาน
“อาหารไง” ดาร์เลเน่ตอบผมออกมาเรียบๆ
อาหาร? นี้หรืออาหาร มัน…
“เฮ้ย~ ฉันผิดเองดาร์เลเน่ ฉันผิดเอง” ผมว่างั้นด้วยท่าทางที่เสียใจสุดๆเลย ผมจับไหล่สองข้างของเธอตบเบาๆ พร้อมดันเธอให้ไปนั่งร่วมกับเทรย์เวอร์ โอเรียนน่าและคุณหนูคายา แน่นอนว่าดาร์เลเน่กำลังทำสีหน้าไม่พอใจอยู่
“เอาเป็นว่าเรื่องอาหารแต่ละมื้อฉันจะทำเองแล้วกัน” ผมบอกออกมาพร้อมตบไหล่ดาร์เลเน่เบาๆอีกครั้ง
“ดะ-เดี๋ยวฉันจะช่วยด้วย” เทรย์เวอร์เสนอตัวขึ้น แต่ผมรีบปฏิเสธทันที
“แกเป็นอะไรกับโอเรียนน่า?”
“พี่น้อง?”
“นั้นแหละคือเหตุผลที่แกก็ควรอยู่เฉยๆเหมือนกัน”
และนับจากนั้นผมก็กลายเป็นพ่อครัวไป