Chapter I Scene 10
“
Chapter I Scene 10
”
“แล้วจะให้ฉันเปิดมันยังไงคะ?” คุณหนูคายาถามผมอย่างกระตือรือร้น
ผมหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายขึ้นว่า
“แน่นอนกล่องไม้นี้ถึงแม้ว่าจะดูธรรมดาๆ แต่ฉันก็ลองหลายวิธีแล้วก็ยังเปิดไม่ได้ ดูเหมือนว่ามันจะถูกทำกลไกไว้แบบพิเศษ โดยต้องใช่ภาษาที่ตายแล้วของจักรวรรดิแดงเป็นกุญแจ”
“คุณหนูคายา คุณพูดได้ใช่ไหมครับ?” ผมถามเธอออก
“ใช่คะ ฉันเคยศึกษามาก่อน คุณรู้ได้ไงคะ?” เธอถามผมด้วยความแปลกใจ
หึๆหึ รู้ได้ไงเหรอ ฉันรู้จักตัวเธอมากเสียตัวเธออีกนะ
“คงเพราะไปตามชายกระโปรงเธอบ่อยๆนั้นสิ” ดาร์เลเน่พูดขึ้น
ยัยบ้าเอ๊ย! วันนี้เป็นบ้าอะไรเนี่ย กัดไม่ปล่อยเลย!
“เรื่องนั้นช่วยเถอะ” ผมพูดกลบเกลื่อนไปก่อน เพราะสายตาที่คุณหนูคายามองผมนั้นช่างเหมือนกับกำลังมองหนอนแมลงอยู่เลยล่ะ ผมดันกล่องไม้ไปทางเธอ
“แล้ว… จะให้ฉันพูดอะไรเหรอคะ?” คุณหนูคายายกกล่องไม้สำรวจและถามผมออกมา
ผมขอคิดก่อนนะ ในตอนนั้นผมได้เล่นรูทหนึ่งในนางเอกหลัก ผมก็ได้ขอร้องให้โจลี่ช่วยเหมือนกันแต่ในฐานะเทรย์เวอร์น่ะนะ
“จลตื่นเถอะงูข้า” ผมบอกเธอไปและคุณหนูคายาก็ได้พูดตาม แต่เป็นในภาษาที่แปลกประหลาดออกไป มันเหมือนจะไร้ระเบียบไม่เป็นคำ
พูดจบ กล่องไม้ก็มีเสียงเหมือนกรไกทำงานอยู่ห้าวินาที และตอนนั้นเอง
กึก!
ฝากล่องไม้ที่ปิดสนิท ไม่ว่าผมจะทำยังไงกับมัน กลับเด้งขึ้นมาง่ายๆเสียงั้น ผมรู้สึกว่าความพยายามในช่วงหลายวันของผมมันช่าง…เปล่าประโยชน์
คุณหนูคายาค่อยๆเปิดกล่องไม้ขึ้นอย่างชาๆเพราะกลัว และเธอก็ได้หยิบออกมา มันคือ!
“หนังสัตว์?” คุณหนูคายาอุทานออกอย่างสงสัย
ตามที่เธอได้พูดออกมานั้นแหละ สิ่งที่คุณหนูคายาได้หยิบออกมานั้น มันคือหนังสัตว์อะไรบางอย่างที่ค่อนข้างเก่าพอควรเลยล่ะ
“นี้นะเหรอที่จะซื้อราชอาณาจักรได้ทั้งราชอาณาจักร อย่าว่าแต่ให้ฉันเป็นอิสระเลย แค่ทำให้ได้ 1 เหรียญยังยากเลย พอซื้ออมยิ้มไหมเถอะ?” ตามระเบียบ ดาร์เลเน่ก็ได้พูดเสียดสีขึ้น แถมยังทำหน้าเยาะเย้ยอีกด้วย น่าหมั่นไส้จริงๆ
“ยังไม่จบ” ผมพูดออกมา ก่อนจะว่าต่อกับคุณหนูคายา “คราวนี้ลองพูดคำว่า ‘จงแสดงถิ่นที่อยู่ของเจ้าให้ข้าผู้นี้ด้วยเถอะ’ ดู”
ได้ยินแบบนั้นเธอก็ได้พยักหน้ารับ ก่อนจะพูดในสิ่งที่ผมบอกไป และจังหวะที่ได้พูดจบนั้นเอง คุณหนูคายาก็ได้ทำตาโตเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะวางหนังสัตว์ในมือลงบนโต๊ะให้ทุกคนดู
หนังสัตว์ที่แต่เดิมว่างเปล่าก่อนน่านั้น ก็เหมือนมีหมึกสีดำได้หยดลงไป ณ ใจกลาง มันค่อยๆขยายรอยเปื้อนสีดำไปทั่ว ก่อนจะเป็นเส้นระบบระเบียบขึ้นมา ไม่นานแผ่นหนังที่เคยว่างเปล่าก็กลายเป็นแผนที่ในที่สุด
ถึงผมจะเคยเห็นภาพในฉากคัทซีนแล้วเถอะ แต่ได้มาเห็นเองมันดูสุดยอดยังไงไม่รู้ มัน…ดูแปลกตาดี
“นี้มันแผนที่ของป่าโบราณนี่ครับ!?” บาสเตียนอุทานอย่างแปลกใจ สมแล้วที่เป็นบาสเตียนพ่อบ้านผู้สมบูรณ์แบบ ดูแค่แวบเดียวก็รู้ในทันท่วงที อืมๆ
“ป่าโบราณเหรอคะ?” คุณหนูคายาก็ถามอย่างสงสัยด้วยท่าเอียงคอที่น่ารัก
“เดี๋ยวก่อนสิ ป่าโบราณงั้นเหรอ นายจะบ้าหรืออย่าบอกนายจะเข้าไป ตามแผนที่นี้มันต้องเข้าไปลึกเลยไม่ใช่หรือไง!?” ดาร์เลเน่โวยวายขึ้นมาทันที
ป่าโบราณหรืออีกชื่อคือ ดินแดนหลงลืม ที่มันได้ชื่อก็เพราะ…คนสร้างบทมันตั้ง
ล้อเล่นๆ
จริงคือมันเป็นสถานที่อันตรายโคตรๆเลย ใครก็ตามที่คิดจะเข้าไปจะไม่ได้กลับมา มันทั้งมีสัตว์ป่าอันตรายมากมายและปีศาจด้วย สัตว์ประหลาดก็มี ถึงแม้ว่าชั้นนอกๆจะมีเผ่าพันธุ์ที่ถูกเรียกว่าเอลฟ์อาศัยอยู่ก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเอลฟ์นั้นไม่ถูกกับมนุษย์สุดๆ เพราะมนุษย์เห็นว่าเอลฟ์นั้นเป็นหนึ่งในเผ่าปีศาจ จริงๆคือมนุษย์แค่เห็นอะไรแตกต่างจากตัวเองก็เรียกปีศาจไปหมดนั้นแหละ
แถมมนุษย์นั้นชอบลักพาตัวเด็กเอลฟ์มาขายเป็นทาสด้วย ยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงยิ่งได้ราคาดีด้วย แถมยังไม่ผิดกฎหมาย เผลอๆอาจได้รางวัลด้วยนะ
ยุ่งยากชักมัดยาด แบบไม่อย่าไปยุ่งกับพวกนั้นเลย แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี
สรุปว่าป่าโบราณนั้นมันเป็นสถานที่อันตรายก็แล้วกัน
“อะไร~นี้เธอไปห่วงฉันด้วยเหรอ?” ผมทำหน้าเหมือนกำลังล้อเลียนอยู่ ขณะหันไปถามดาร์เลเน่
“ใช่ซะที่ไหนล่ะ! ฉันเป็นห่วงโจลี่ตั้งหากถ้านายจะลากเธอไปด้วย” ดาร์เลเน่ปฏิเสธแทบไม่ต้องคิดเลย นั้นทำให้ผมปวดใจนิดๆนะเนี่ย
ผมเงียบอยู่สักพักขณะจิบชานั้นเอง ผมก็ได้เสนอไอเดียออกมา
“งั้นถ้าให้ฉันไปเอาสมบัตินั้นมาคนเดียว เดี๋ยวค่อยแบ่งตอนฉันกลับมาก็ได้”
“นั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ คิดดูสิใครมันจะไปไว้ใจนายกัน นายอาจกักเอาของไว้ก็ได้” ดาร์เลเน่ปฏิเสธขึ้นอีกครั้ง
“ชิ! งั้นให้คุณหนูคายาตัดสินใจเลยแล้วกัน” ผมหันไปทางคุณหนูคายาพร้อมกับดาร์เลเน่เพื่อรอคำ เพราะผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจครึ่งนึงเป็นขอเธอ ผมจะพยายามเคารพในการตัดสินใจนั้น
เนื่องจากได้รับตาสายกดดันของผมและดาร์เลเน่ คุณหนูคายาก็มีสีหน้าลุกลี้ลุกลนในทันที เธอมองไปซ้ายทีขวาที ก่อนจะพูดออกมาว่า
“หะ-ให้ฉันกลับไปคิดได้ไหมคะ?”
“ตกลง อีกสามวันมาเจอกันที่หน้าประตูทิศเหนือ ถ้าไม่มาผมจะตัดสินใจว่าเธอไม่ไปด้วย เอาตามนั้นแหละ!” ผมรีบตอบตกลงและรีบคว้าแผนที่มาในทันที เพราะกลัวดาร์เลเน่จะคัดค้านออกมาอีก
เมื่อผมพูดจบ ดาร์เลเน่ก็ได้จ้องเขม็งผมในทันที เห็นแบบนั้นคุณหนูคายาก็หัวเราะออกมาด้วยเสียงแห้งๆในทันท่วงที
หลังจากนั้นผมก็ได้พูดคุยเรื่องการเตรียมตัวและวิธีการเดินทางไปหลายนาที จนท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มนั้นเอง ดาร์เลเน่ก็ได้อาสาไปส่งคุณหนูคายา และผมก็ให้บาสเตียนไปเป็นคนคุ้มกันเผื่อกรณีร้ายแรงนั้นเอง
เมื่อทุกคนกลับมา มิลาด้าก็ได้เตรียมอาหารเย็นเสร็จพอดี มิลาด้านั้นเหมาะสมกับตำแหน่งภรรยายอดเยี่ยมจริง งานบ้านก็เก่ง ทำอาหารก็เยี่ยม แถมยังชงชาได้สมบูรณ์แบบด้วย สุดยอดเมียชัดๆ
และในคืนนั้นเอง
ผมกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องนั้นเอง
ดาร์เลเน่ก็ได้เข้ามาพร้อมชุดนอนบางๆที่ผมสามารถมองเห็นชุดชั้นในสีดำลูกไม้ ที่ผมเป็นคนซื้อให้เอง ไม่สิริชาร์ดตั้งหากล่ะที่เป็นคนซื้อให้
ผมไม่เคยเห็นเธอใส่ให้ผมเห็นด้วยซ้ำ ริชาร์ดก็เช่นกัน
ผมว่ามันก็ดูเหมาะกับเธอดี ผมสีฟ้าและดวงตาสีฟ้านั้นมันกำลังเปล่งประกายออกมาเมื่อมันสะท้อนกับแสงจันทร์
“ถึงเวลาแล้วเหรอ?” ผมถามโดยไม่ต้องการคำตอบ ผมปิดหนังสือลงและเอาไปเก็บบนชั้น
เหมือนว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวันเสียแล้วล่ะ ตอนเช้านั่งดื่มชาไม่ก็ออกไปข้างนอก ส่วนกลางคืนนั้นนอกจากอ่านหนังสือแล้ว ก็คือการร่วมรักกับดาร์เลเน่โดยไม่ขาดวัน
ถึงแม้ว่าผมจะบอกให้เธอหยุดทำหรือไม่ต้องมาแล้วก็ตาม แต่เธอก็ดึงดันจะมาให้ได้ เหมือนว่าคนที่ต้องการจะเป็นดาร์เลเน่มากว่าผมนะตอนนี้
“ไม่ต้องหรอก” ผมห้ามเธอขณะที่เธอกำลังถอดชุดนอนออก ก่อนจะบอกกับเธอว่า “ฉันชอบให้เธอตอนใส่ชุดนอนมากว่า”
ดาร์เลเน่มองผมเล็กน้อย ก่อนจะล้มเลิกที่จะถอดชุดออก เธอเดินมาตรงหน้าผมก่อนที่ผมจะคว้าเข้ามา
หอมแก้มไปทีนึง
“คิดไงถึงได้ใส่ชุดนี้ล่ะ” ผมถามเธอขณะนวดหน้าอกทั้งสองข้างของเธอไปด้วย
“ไม่พอใจ งั้นฉันไปเปลี่ยนก็ได้!” ดาร์เลเน่ตอบออกเหมือนจะโกรธด้วย
“อย่าพึ่งโกรธสิ ฉันแค่คิดว่าเธอดูเหมาะมากในชุดนี้น่ะ” พูดงั้นพร้อมลูบไล้ไปตามร่างกายเธอ การจะไปหยุดที่ระหว่างขาของเธอ ซึ่งมันก็เริ่มแฉะแล้วด้วย
เมื่อผมเริ่มทนไม่ไหว ก็รีบพอดาร์เลเน่ไปบนเตียงให้เธอนอนลงไปและผมขึ้นคร่อม ผมบรรจงยกชายชุดนอนให้พ้นจากหน้าอกเธอและนวดมันก่อนจะจูบลงบนยอดอกของดาร์เลเน่ ที่ตั้งแข็งแล้ว อย่างน้อยผมก็รู้ว่าเธอมีอารมณ์ร่วมกับผมอยู่
ผมเลียมันก่อนจะกินมันเข้าไปและดูดเบาๆ แน่นอนว่าผมไม่ลืมที่จะใช้มือข้างนึงไปหยอกล้อช่วยล่างเธอด้วย
ผมเลิกดื่มด่ำกับหน้าอกของเธอที่ตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของผม มาจูบดาร์เลเน่แทน เธอตอบรับการแลกลิ้นของผมอย่างดุดัน พร้อมกับผมที่เกี่ยวเบ็ดและนวดหน้าอกเธอไปด้วย
จริงๆแล้ว ดาร์เลเน่พึ่งจะยอมให้ผมได้จูบเธอ ตลอดมานั้นเธอมักจะไม่ยอมจูบกับผม ไม่ว่าจะบังคับยังไง ผมตกใจนะที่จู่ๆเธอยอมให้ทำไม่ว่าจะเหตุผลอะไร
และผมกับดาร์เลเน่ก็ได้ให้ความรักแก่กันและกัน ถึงแม้ส่วนมาผมจะเป็นคนให้เธอมากกว่าก็ตาม
หลายชั่วโมงต่อมา…
หลังจากได้ทำกันไปหลายรอบกับดาร์เลเน่ ผมและเธอในตอนนี้ต่างเปลือยกายกันและกัน
ดาร์เลเน่กำลังนอนหนุนแขนผมโดยหันหน้ามาทางผม และผมก็กำลังลูบหัวของเธออยู่
“สมบัติที่นายกำลังตามหาจะทำให้ฉันเป็นอิสะได้จริงเหรอ?” จู่ๆดาร์เลเน่ก็ได้ถามผมขึ้นมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
“แน่นอน มันมากพอที่จะทำให้เธอหลุดออกจากตระกูลทั้งสองเลยล่ะ” ผมตอบออกไปแทบไม่ต้องคิดอะไรเลย
“ไม่รู้ว่าฉันควรบอกเธอไหมนะ ที่จริงแล้วตระกูลของเธอต่อต้านอย่างมากในการจะให้เธอเป็นทาสกามฉันถึงกับจะส่งจดหมายร้องเรียนให้ราชวงศ์โดยตรงล่ะนะ แต่เจ้าพวกนั้นได้เห็นเงินกลับเงียบและตอบตกลงง่ายๆ ถึงแม้ว่าเธอจะคิดว่ามันคือการเสียสละล่ะก็ตาม ในความเห็นของฉันนั้นมันก็แค่การจองจำที่ถูกเรียกว่าการเสียสละเพื่อตระกูลเท่านั้นแหละ ไร้สาระ เป็นอิสะแล้วทำตามใจเถอะ อย่าได้ยึดติดเลย ไปใช้ชีวิตกับคนรักจริงๆแทนที่ทรมานใจตัวเองด้วยการมาอยู่กับคนที่เกลียดอย่างฉันดีกว่า” โคตรเท่!
“…” ดาร์เลเน่ถึงกับเงียบไปเลย คงไม่คิดว่าจะมีวันที่เธอได้ยินแบบนี้จากปากริชาร์ดสินะ โทษตอนนี้ฉันเป็นริชาร์ดแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นแหละนะ
“…นายเบื่อฉันสินะ” เงียบอยู่นานเธอก็พูดขึ้นอีกครั้ง ไม่รู้ว่าคิดไปเองไหม แต่เหมือนเสียงเธอจะดูเศร้าๆยังไงไม่รู้
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
“ก็ฉันอยู่กับนายมาตั้งสามปี ถูกทำมาทุกรูปแบบ คงหลวมสินะ คงอยากไล่ฉันไปไกลๆและหาคนใหม่สินะ…”
แบบนี้เอง เธอคงกำลังกังวลความคิดเห็นเทรย์เวอร์สินะ ถ้าเธอได้ทำอะไรก็ได้หลังเป็นอิสะ อย่างบอกรักมัน(เทรย์เวอร์)และกลัวที่มันจะปฏิเสธสินะ เพราะผ่านมือผม ผมรู้ว่าเทรย์เวอร์ไม่คิดมากเรื่องนี้หรอก เชื่อสิ เพราะอะไรเหรอ ก็เพราะมันคือพระเอกไงล่ะ!!
“เบื่อ? พูดเป็นเล่น ฉันเนี่ยนะเบื่อเธอ ร่างกายที่สมบูรณ์แบบ แถมยังกระชับสัดส่วนได้ที่ บ้าแล้วต่อให้มีโอกาสอยู่กับเธอสักพันปี ฉันก็ไม่เบื่อเธอหรอกนะ พูดและริชาร์ดน้อยก็ตื่นเลยเห็นไหม?” ผมเริ่มพูดเพื่อสร้างความมั่นใจกับเธอ
“ฮึๆ จะบ้าเหรอนายเนี่ย ไม่มีใครอยู่ได้พันปีหรอกนะ” เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นเธอยิ้มและหัวเราะออกนะเนี่ย
ดาร์เลเน่พูดเสร็จก็ได้ผลักผมนอนหงาย แล้วเธอก็ได้ขึ้นคร่อมผมและพูดออกมาว่า
“ช่วยไม่ได้ ฉันจะช่วยให้สงบเอง ยังไงความผิดก็เป็นของฉันที่สวยเกินไป…สินะ”