Chapter I Scene 07
“
Chapter I Scene 07
”
เมื่อเจ้าอ้วนที่แต่งตัวแสบตาถูกเมิน มันก็สั่งให้ลูกน้องสามคนล้อมผมกับเอวาไว้ จริงๆผมสามารถเมินเฉยต่อปัญหาได้นะ แต่ผมไม่สามารถปล่อยให้เอวาไปพบกับประสบการณ์อันโหดร้ายและเป็นศัตรูอันร้ายกาจได้ เดี๋ยวนะ ถึงเธอจะเป็นแบบนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องของผมนี้ มันเกี่ยวกับเทรย์เวอร์ แต่ว่ามันอาจมีผลกระทบมาถึงผมก็ได้ เพราะงั้นกันไว้ก่อนแก้ดีกว่า
“หลบไปซะ ฉันไม่อยากใช้ดาบนี้กับพวกนาย” ผมพูดเตือนพร้อมเลื่อนมือไปแตะที่ด้ามดาบ
แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ยอมง่ายๆเสียด้วย
“ไม่เอาน่า พี่ชาย พี่ชายควรรู้ว่าข้าเป็นใคร ขุนนางชั้นสูงนะ เนื่องจากผมถูกใจเด็กคนนั้น ก็ส่งมาเถอะ” เจ้าอ้วนที่ผมไม่รู้ชื่อพูดออกมา
ผมไม่เคยหน้าเจ้าอ้วนแต่งตัวแสบตาและเป็นโลลิคอนมาก่อน แปลว่าเป็นตัวประกอบสินะ อาจเป็นคนที่ทำให้เอวาเข้าสู่ด้านมืดก็ได้ แล้วผมควรฆ่ามันไหมเนี่ย?
“งั้นเหรอ งั้นช่วยรับนี้ไปแล้วใสหัวไปได้ไหม” ผมโยนของให้เจ้าอ้วนไป
เจ้าอ้วนรับอย่างทุลักทุเล มันเป็นเหรียญทอง แต่ไม่ใช่เหรียญธรรมดาๆหรอกนะ มันเป็นเหรียญทองของตระกูลเซริกผลิตเอง มีไม่กี่เหรียญหรอกส่วนมากก็จะเป็นชนชั้นสูงหรือราชวงศ์ที่แน่นแฟ้นกับตระกูลเซริกเท่านั้นถึงจะมีกัน เป็นการแสดงความเป็นมิตรของตระกูล แต่บางครั้งก็สามารถนำมาแสดงข่มขู่ได้ด้วย
“ของจริง?” เจ้าอ้วนถามผมอย่างไม่แน่ใจ
“มันปลอมแปลงไม่ได้หรอกนะ”
เมื่อเจ้าอ้วนตรวจสอบเป็นอย่างดีแล้ว เจ้าอ้วนก็เปลี่ยนท่าทีทีเดียว
“โอพี่ชาย ดูเหมือนข้าจะเสียมารยาทกับพี่ชายเสียแล้ว คงจะไม่ได้ถือสาใช่มั้ย?”
ชาวบ้านรอบข้างในตลาดมืดต่างตกใจกับการแสดงที่เปลี่ยนไปของเจ้าอ้วน เพราะมันเริ่มพูดด้วยเสียงที่มีมารยาทยิ่งขึ้น
“อะไรกันเขาเปลี่ยนท่าทีไปหลังจากรับเหรียญทองแค่เหรียญเดียว”
“คนใต้ชุดคลุมนั้นเป็นใครกันแน่”
“หรือเขาเป็นคนใหญ่คนโต?”
ผู้คนเริ่มเดาไปต่างๆนาๆ
“ถ้าเข้าใจแล้ว ยัยเด็กนี่ฉันขอ?” ผมพูดออกไปตามตรง แต่อย่าได้เข้าใจผิด ผมไม่ได้เป็นโลลิคอนหรือจะพาเธอไปทำเรื่องอย่างว่านะ
“แน่นอนพี่ชายๆ เชิญตามสบายเลย หวังว่าพวกเรานยูสจะได้ทำธุรกิจกันในอนาคต” เจ้าอ้วนว่างั้นก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับผู้คุ้มกันกล้ามโต
ตระกูลนยูสเหรอ? ถ้าจำไม่ผิดในเกมนั้นตระกูลนยูสนั้นเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับข่าวสารต่างๆ โดยจะมีบทบาทในการมาบอกใบ้แก่ตัวเอก แน่นอนว่าต้องเสียตัง
“มานี้”
เมื่อปัญหาหาจบลงโดยสันติวิธี ผมก็ดึงแขนเล็กๆเอวาบังคับให้เธอเดินตามผมมา
ไม่นาน ผมก็พาเอวามาในที่ลับตาคน
“หมายความว่าไงเรื่องภูต?” ผมถามเธอเรื่องความสามารถ
“คุณภูตว่าบอกว่าพี่ชายช่วยหนูได้ พี่ชายได้โปรดช่วยหนูด้วย!” พอตอบคำถามเสร็จเธอก็กระโดดเกาะติดกับชายเสื้อผมในทันที
รำคาญโว้ยย!!
“เธอไม่รู้หรือไงว่าฉันคือใคร?” ผมพูดด้วยเสียงที่ข่มขู่ ก่อนจะเปิดเผยใบหน้าอันชั่วช้าที่เป็นเอกลักษณ์ของริชาร์ดโดยธรรมชาติ
คนในเมืองนี้ต่างรู้จักผม แม้แต่เด็กตัวเล็กๆก็ถูกบังคับให้จดจำใบหน้าผมพร้อมคำเตือนต่างๆนาๆมากมาย โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงน่ารักๆอย่างเอวา
แต่เหมือนเธอจะไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจอะไร
“หนูรู้ว่าพี่ชายเป็นใครคุณภูตบอกหนูหมดแล้ว เพราะงั้น เพราะงั้นโปรดกินหนูแล้วช่วยคุณแม่ด้วยเถอะค่ะ!”
“เดี๋ยวๆ ใครพาเธอพูดเรื่องแบบนั้น ฉันไม่ใช่ยักษ์เสียหน่อย”
“ก็คุณภูตบอกว่าพี่ชายเป็นปีศาจร้ายที่ชอบกินเด็ก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงน่ารัก ไม่ใช่เหรอคะ?” เอวาพูดออกพร้อมเอียงคอด้วยท่าทีไร้เดียงสา
“ลบส่วนนั้นไปซะะะ!!”
ตะโกนออกพร้อมจับหัวเอวาเขย่าไปมา
เมื่อพอใจผมก็ปล่อยเอวา และเธอก็ลงไปนั่งย่อๆจับหัวตัวเองพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
“ถ้ารู้จักฉันขนาดนั้น เธอน่าจะไปขอความช่วยเหลือจากเทรย์เวอร์มากกว่า เจ้านั้นดีกว่าฉันเยอะ”
ใช่ เจ้านั้นต้องช่วยแน่ๆ เพราะมันแพ้เด็กผู้หญิงน่ารักๆนี่ แทนที่จะมาขอร้องผมสู้ไปขอร้องเทรย์เวอร์เสียดีกว่า
“คุณภูตบอกหนู พี่ชายคนนั้นปัญญาอ่อนและบ้าผู้หญิงค่ะ แถมยังพึ่งพาไม่ได้”
ภูตของแกมีกระบวนการคิดยังไงฟ่ะ! ตรูเลยอยากฝาเปิดสมองศึกษาจริงๆเลย!
“หนูจะยอมทุกอย่างเลย เพราะงั้นช่วยแม่หนูด้วย!” นั่งไปไม่กี่วิเธอก็เด้งตัวขึ้นมาเกาะติดผมอีกล่ะ
บวกกับความสงสัยและรำคาญ ผมเลยตอบตกลงไป แต่ไม่รับประกันว่าจะช่วยได้มากไหม เอวามีท่าทีที่ดีใจและผ่อนคลายลง ก่อนที่เธอรีบดึงผมให้ตามเธอไป
ภายในบ้านเก่าๆในเขตขาดความเจริญรุ่งเรืองนั้น เป็นสถานที่ที่เอวานำผมมา เมื่อตามเธอเข้าไป เอวาก็พาผมเข้ามาในห้องนอนของใครบางคน
ที่เตียงติดหน้าต่างนั้นเอง มีผู้หญิงที่คาดว่ามีอายุประมาณ 20 กลางๆได้ ดูไม่เหมือนเป็นแม่ใคร แต่ก็ไม่แปลกในโลกแห่งนี้ที่ผู้หญิงจะมีลูกในวัยเยาว์
ใบหน้าดูทรุดโทรมมาก แต่ก็ยังคงมีความคล้ายคลึงกับเอวา ใบหน้าของเธอดูไม่ดีเท่าไรนัก เธอมีอาการตัวร้อนและบางครั้งก็ไอออกมา ตามต้นคอ แขน ขา หรือไหล่นั้นมีรอยดำโดยมีกลิ่นอายชั่วช้าแผ่ออกมาเบาๆแทบจับความรู้สึกไม่ได้
“แม่เธอไม่ป่วยนี่ แต่เป็นเพราะโดยคำสาปแช่งตั้งหาก เจ้าภูตในสมองเธอไม่ได้บอกหรือไง?”
ใช่แล้ว อาการของเธอบอกผมเช่นนั้น ดูแล้วน่าจะเป็นคำสาปแช่งประเภทกัดกินร่างกายโดยตรงอย่างช้าๆ ดูแล้วเธอคงอยู่ได้ไม่เกินห้าแน่นอน
“เอ๋! คุณภูตบอกไม่เห็นจะเป็นแบบนั้นเลย แล้วจะช่วยคุณแม่หนูได้ไหมคะ” เอวาถามผมเหมือนจะร้องไห้ออกมาให้ได้
“แน่นอน ถ้าฉันรู้ที่มาของคำสาปแช่งนั้นนะ แล้วเธอรู้ไหมล่ะว่าใครเป็นคนทำ”
ถ้าผมจำไม่ผิด ต้องทำลายสถานที่ประกอบพิธีการ ที่นั้นจะมียารักษาโดยเฉพาะด้วย ถ้าหาไม่เจอ ผมรู้อยู่คนหนึ่งที่จะลบล้างคำสาปแช่งนี้ได้ แต่มันออกจะลำบากที่จะไปขอความช่วยเหลือจากเธอ
ระหว่างที่เอวากำลังคิดและวิเคราะห์อยู่นั้นเองเสียงเคาะประตูก็ได้ดังขึ้น เอวาบอกให้ผมรออยู่นี้และวิ่งออกห้องไป ผมเมินคำสั่งเมื่อกี้ก่อนเดินตามเธอไป
พอเข้าไปใกล้ๆ ผมก็ได้ยินเสียงปะทะฝีปากกัน แน่นอนในเสียงนั้นเป็นของเอวา
“พวกแกใช่ไหมที่สาปแม่ฉัน หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”
“หว่าความแตกแล้วว่ะเพื่อน~”
“ช่างเถอะรู้ไปก็ช่วยไม่ได้ ถ้าเธอยอมเซ็นชื่อลงสัญญาทาสกับกลุ่มเราซะ ก็จะช่วยแม่แกได้ ลูกพี่เราเป็นคนเมตตาอยู่แล้ว”
ในตอนที่เอวาทำหน้าสิ้นหวังอยู่นั้นเอง ผมก็ได้ปรากฏขึ้นด้านหลังเอวานั้นเอง เจ้าสองหน่อที่เหมือนนักเลงหัวไม้หน้าประตูก็ตื่นตกใจขึ้นมา
สองแขนของผมพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า เข้าบีบคอแน่นราวกับคีบ
“แก มัน ริชาร์ด เซริก!” นักเลงทางขวาพูดเสียงดัง
“รู้ไหมว่าพวกเราคือใคร กล้าเหรอ!? พวกกูเป็นคนของกลุ่มงูทมิฬนะโว้ย!” นักเลงทางซ้ายก็เริ่มเอาชื่อเสียงมาข่มขู่ผม
โอ กลุ่มงูทมิฬ ไม่คิดว่าจะได้มาเจอเร็วขนาดนี้ มันเป็นกลุ่มอาชญากรรมที่ใหญ่ในเมืองนี้ ที่ทางราชอาณาจักรกำจัดไม่หมดเสียที จะบอกว่าเป็นกลุ่มอันตรายก็ได้ แถมคนที่ควบคุมกลุ่มดังกล่าวยังเป็นตัวร้ายที่โหดสลัดด้วย ช่างเถอะเดี๋ยวค่อยให้เทรย์เวอร์จัดการก็ได้
“แน่นอนว่าฉันเคยได้ยินเรื่องกลุ่มงูทมิฬ แล้วไงคนตายมันพูดไม่ได้นิ จริงไหม?” พูดออกมาพร้อมฉีกยิ้มอย่างตัวร้ายในการ์ตูน “เอาล่ะใครจะเป็นคนบอกที่ตั้งของกลุ่มพวกแกกันนะ”
พูดขู่พร้อมบีบคอแน่นขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะค่อยๆยกตัวพวกมันขึ้นเหนือพื้นดิน ใบหน้าของพวกมันซีดเผือดอย่างกับไก่ต้มเลยล่ะตอนนี้