บาทที่ 31
บาทที่ 31
แต่ว่าพวกเธอนั้นเปรียบเสมือนงูที่เลื้อยเข้าไปในพงหญ้า ต่อให้ต้นหญ้ามีจำนวนมากกี่ต้นก็ตามก็ย่อมไม่อาจจะกดดันงูจนตายได้
มนุษย์งูแต่ละตนถือหอกยาวเกินกว่าวา ยืนเบียดกันห่างไม่เกินหนึ่งศอก เมื่อบรรดาหญิงสาวใช้วิชากรงเล็บเขี้ยวอสรพิษ พวกเธอก็เข้าไปอยู่ประชิดติดตัวพวกมันห่างไม่ถึงศอก หอกยาวๆนั้นไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง พวกเธอตอนนี้ก็เหมือนกับหมาป่าที่อยู่ท่ามกลางฝูงแกะ
ผึ้งเซียนพากันลอกเลียนแบบเธอไม่รักษาพื้นที่ แต่แทรกซึมเข้าไปใกล้กับศัตรูแทน
เพราะว่าภูษาเซียนนั้นไม่ได้เป็นภูษาเซียนห้าธาตุทั้งหมด พวกที่ไม่ใช่ห้าธาตุต่างพากันถอยร่นออกจากห้องโถงไปไกลนอกจากภูษาที่มีความสามารถในการต่อสู้ป้องกันตัวที่มั่นใจว่าตนเองปลอดภัยแน่
ในเวลานั้นหงเซียวไม่ได้รอใคร เขาตรงเข้าไปเรื่อยๆ ด้วยดวงอักขระอันทรงอานุภาพรอบกาย ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งแค่ไหนต่างก็ถูกดวงอักขระจัดการจนหมดสิ้น
เปรี๊ยง หอกที่ถูกดวงอักขระดวงหนึ่งยึดไว้ เมื่อดวงอักขระแทงมันเข้าสู่ฝูงของมนุษย์งู มันก็กระแทกเข้ากับโล่ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างรุนแรง แต่แทนที่โล่จะแตกสลายกลับกลายเป็นหอกทั้งด้ามที่แตกสลายไป
“หือ” หงเซียวส่งเสียงแปลกใจ
เบื้องหน้าของเขาเป็นมนุษย์งูแบบเดียวกับนาคินินทร์ มีหกแขนหกหน้า ร่างส่วนล่างเป็นงู ในมือทั้งหกของมันกุมอาวุธหกชิ้นไว้ หอก โล่ ตะบอง บัณเฑาะว์ คันศร และขรรค์ ร่างนี้เป็นชาย
“นาคภพ เจ้ากล้าบังอาจนัก กลับกล้ายึดครองวิหารแห่งนี้” เสียงกระหึ่มดุจเสียงสวดมนตร์ดังออกมาจากดวงอักขระทั้งหกรอบกายหงเซียว
“หือ นี่เสียงของเทพนาคินินทร์ เป็นไปไม่ได้ นางตายไปแล้ว เจ้ามนุษย์เจ้าทำอะไรกับนาง ยึดครองพลังของนางรึ” มนุษย์งูตนนั้นพลันกล่าวออกมาเป็นภาษาที่ห้าสาวและผึ้งเซียนภูษาเซียนไม่เข้าใจ มีเพียงหงเซียวและภูษาเซียนนาคินินทร์เท่านั้นที่จะสามารถเข้าใจได้
“ข้าไม่ใช่คู่มือของเจ้านี่ในเวลานี้ ถอยก่อนเถอะ” นาคินินทร์กล่าวในใจของหงเซียว
“อาวุธของเจ้าอยู่ที่ไหนกันรึ ข้าอยากจะรู้ตำแหน่งสักหน่อย” หงเซียวกล่าวตอบกับเธอ
“อยู่ที่แท่นบูชาด้านหลังเจ้าตัวนี้ เห็นไหม ตรงนั้น” นางส่งมโนภาพให้กับหงเซียว
“เจ้ามนุษย์ เจ้าพบกับเทพนาคินินทร์รึ” มนุษย์งูตนนั้นเห็นหงเซียวเพิกเฉยตนเอง มันก็พลันกล่าวออกมาเป็นภาษามนุษย์
หงเซียวไม่ได้สนใจมัน หลังจากที่แหวกช่องกว้างได้ช่องหนึ่งด้านหลังแล้ว เขาคลายการรวมร่างกับนาคินินทร์หันไปรวมตัวกับภูษาวิถีเซียนไร้ลักษณ์ทันที และทำการใช้พลังควบคุมทันที
ครืน ครืน ครืน มนุษย์งูรอบบริเวรพลันถูกยกลอยขึ้นและเหวี่ยงใส่มนุษย์งูที่ถูกเรียกว่านาคภพ หากดูไม่ถ้วนถี่ก็จะเหมือนกับว่ามนุษย์งูเหล่านี้มีวิชากำลังภายในพากันกระโดดขึ้นฟ้าและโถมทับใส่นาคภพอย่างเกรี้ยวกราด
เมื่อมนุษย์งูเหล่านี้ถูกยกขึ้น พื้นรอบข้างก็โล่งเป็นแนวยาว หงเซียวใช้พลังควบคุมพุ่งปราดอ้อมนาคภพไปอย่างรวดเร็ว
บรึม มนุษย์งูที่กองพะเนินท่วมทับนาคภพนั้นพลันเหมือนระเบิดออกเมื่อต่างพากันกระเด็นไปรอบข้าง มีกลุ่มหนึ่งที่พุ่งมาทางหงเซียวแต่ถูกเขาใช้พลังของวิถีเซียนไร้ลักษณ์ยับยั้งไว้กลายเป็นกำแพงกั้นระหว่างตัวเขาและนาคภพ
บรึม บรึม บรึม บรึม เชียะ บรึม บรึม เสียงระเบิดดังต่อเนื่องมาจากกำแพงมนุษย์งู จากไกลมาใกล้ และกำแพงมนุษย์งูก็ระเบิดออกเป็นช่อง ลูกศรดอกหนึ่งพุ่งปักชายโครงข้างขวาของหงเซียวก่อนจะทะลุออกไปพร้อมกับเกิดรูขนาดลูกมะพร้าว ก่อนจะทะลุทะลวงมนุษย์งูจำนวนมากที่อยู่ด้านหลังออกไป
“อุ๊บ” เขาไม่เคยได้รับบาดแผลระดับนี้มานานแล้ว หงเซียวส่งสัมผัสเซียนออกไปโดยรอบเพื่อสำรวจสภาพทั้งหมด และทำการโยนมนุษย์งูที่ขวางทางใส่นาคภพอีกอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานเขาก็เห็นคันศรขนาดใหญ่ยาวกว่าสามสิบเมตรวางอยู่บนแท่นบูชาขนาดยักษ์ แต่ว่าหน้าตาเหมือนกับที่นาคินินทร์ส่งภาพมาให้เขาไม่ผิดเพี้ยน
ทำไมของจริงกับภาพที่เห็นจึงผิดเพี้ยนกันมากถึงเพียงนี้
“คันศรยักษ์นั่นรึ” หงเซียวถาม ขณะนี้แผลที่ท้องของเขากำลังมีก้อนพลังสีฟ้าเข้ามาอุดจนหมดแล้ว
“ใช่ เพียงแค่ข้าแตะมันเท่านั้น” นาคินินทร์กล่าว
บรึม บรึม บรึม บรึม บรึม เสียงระเบิดดังมาเป็นระยะอีก แต่คราวนี้หงเซียวควบคุมให้มนุษย์งูที่ขวางหน้าอยู่เคลื่อนที่เฉียงไปด้านหนึ่ง และตัวเขาเองก็เคลื่อนที่ไปอีกทิศทางหนึ่ง
ลูกศรพลังงานนั้นแฉลบผิดทางไปไม่กี่นิ้ว แต่นั่นเพียงพอให้หงเซียวหลบเลี่ยงแล้ว
หงเซียวเข้าใกล้คันศรยักษ์นั้น และดวงอักขระดวงหนึ่งก็สัมผัสกับคันศรนั้น
“ม่ายยยยยยย” เสียงกู่เกรี้ยวกราดดังมาจากนาคภพที่ถูกมนุษย์งูตกใส่ราวกับน้ำตก
คันศรยักษ์นั้นพลันหายไปจากแท่น
“ให้ข้ารวมพลังกับเจ้า เราสามารถจัดการเจ้านาคภพได้แล้ว” นาคินินทร์กล่าวอย่างลิงโลดในใจหงเซียว
“ได้” หงเซียวกล่าวขณะเปิดพื้นที่รอบข้างเป็นที่โล่งเพื่อให้นาคินินทร์ได้สำแดงฝีมือก่อนจะหยุดการสวมภูษาวิถีเซียนไร้ลักษณ์และเข้าสวมภูษาเซียนนาคินินทร์
ดวงอักขระรอบกายเขาหกดวงที่สลัวลงไปจนมองแทบไม่เห็นตอนที่เขาถอดเธอออกนั้นพลันเข้มชัดขึ้นมาดังเดิม และอักขระดวงหนึ่งพลันขยายขนาดขึ้นจนกลายเป็นคันศรสีขาวความยาวประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบเซ็นติเมตรลักษณะคล้ายกับลำตัวงูสีขาว น่าแปลกที่มันไม่มีสายให้เห็น มันโก่งไปด้านหลังโดยมีดวงอักขระอีกดวงวางลูกศรพลังงานทาบไปบนคันศรนั้น
บรึม บรึม บรึม วูบ เปรี๊ยง เสียงระเบิดจากมนุษย์งูถูกเจาะทะลวงดังมาอีกแต่ก่อนที่จะมาถึงตัวหงเซียว ลูกศรพลังงานบนคันศรงูขาวพลันหายวับไป และเกิดเสียงเหมือนฟ้าผ่าเกิดขึ้น คาดว่าเป็นเสียงจากการปะทะกันของศรทั้งสอง ซึ่งระเบิดจนทำให้กลายเป็นช่องว่างระหว่างหงเซียวกับนาคภพที่โอนเอนไปมาจากแรงระเบิด
“เจ้ายังอ่อนหัด นาคภพ ดับสูญไปเสียเถอะ” นาคินินทร์กล่าวเป็นภาษาที่คล้ายกับเสียงสวดอีกครั้ง ขณะที่คันศรของเธอพลันงอโค้งอีกครั้งพร้อมกับศรพลังงานที่เกิดขึ้นมาใหม่
“ม่ายยยยยยย….” บรึม ร่างของนาคภพพลันเหมือนกับระเหิดไปเป็นอากาศธาตุพร้อมกับมนุษย์งูที่อยู่รอบข้าง เมื่อลูกศรพลังงานในมือของนาคินินทร์หายไป
เกิดความปั่นป่วนกับมนุษย์งูอย่างหนัก พวกมันพากันส่งเสียงอื้ออึง และทุกตนต่างพากันเลื้อยหนีไปทางด้านหลังวิหารอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวทั้งห้าและผึ้งเซียนภูษาเซียนทั้งหลายพากันยึดครองพื้นที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“พี่ชาย” หญิงสาวทุกคนพากันเข้ามาห้อมล้อมหงเซียว และเมื่อเห็นแผลที่ตอนนี้กำลังค่อยคืนสภาพแล้ว พวกเธอต่างพากันดูและเมื่อเห็นว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็พากันโผเข้าไปในอ้อมอกของเขาราวกับลูกแมวขี้อ้อน
“อ้อ จริงสิ พี่ชายจะแนะนำน้องๆให้รู้จักกับภูษาเซียนผืนใหม่ นาคินินทร์” หงเซียวกล่าว “พลังของพวกเขา ไม่ใช่ปราณ หรือเซียน แต่เรียกว่า จักระ พวกเขามีความสามารถในการต่อสู้ด้วยอาวุธและมือเปล่าสูงมาก”
นาคินินทร์คลายตัวออกมาจาก รัดเกล้า เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์งูหกแขนหกหน้า หนึ่งในมือทั้งหกถือคันศรรูปงูสีขาว
“ยินดีที่ได้พบ ข้า นาคินินทร์ เผ่าพันธุ์ของข้าเรียกว่า นาคา” เธอแนะนำตัว
“ถ้าน้องต้องการสร้างภูษานาคา ก็ขอคำแนะนำเธอได้เลยนะ” หงเซียวกล่าว
“พวกเราต้องการ” ทุกคนกล่าวเป็นเสียงเดียว
“เผ่าพันธุ์ข้ามีการทะเลาะเบาะแว้งกันในหมู่ชนชั้นสูงเช่นพวกข้า พวกของข้า นาคาสุริยะ เคยครอบครองพิภพนาคาเป็นเวลานาน แต่ด้วยแผนการอันร้ายกาจ พวกข้าจึงพ่ายแพ้ให้กับกองกำลัง นาคากุมพะ ข้าซึ่งเป็นผู้ปกครองสูงสุดของเหล่านาคาถูกสังหาร และแยกย้ายนำอาวุธของข้ากระจายไปเก็บยังสี่ที่ เพื่อป้องกันกองกำลังของข้าฟื้นคืนขึ้นมาอีก” นาคินินทร์กล่าว
“หากว่าพวกเจ้ายินดี ข้าจะเรียกวิญญาณ สี่องครักษ์และหนึ่งปุโรหิต มาเป็นกำลังให้แก่พวกเจ้า เพียงแต่ว่าข้ามีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไรกัน” ชิ่วจูใจร้อนถามขึ้นก่อน
“พวกเจ้าต้องแก้แค้นให้แก่พวกเรา และรวบรวมอาณาจักรของข้าขึ้นเป็นปึกแผ่นอีกครั้ง” นาคินินทร์กล่าว