ตอนที่แล้วตอนที่ 43 ผีเสื้อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 45 ตำนาน

ตอนที่ 44 ก่อนพายุโหม


สมัยโบราณ เมื่อพวกนักยุทธศาสตร์เผชิญหน้ากับเหล่าเจ้าเมืองที่มาพร้อมกับคำอ้อนวอน พวกเขามักจะกล่าวราวกับว่าสถานการณ์นั่นช่างแสนยากลำบากเหลือเกิน ราวกับเรื่องนี้จะพรากชีวิตพวกไปได้ทุกเมื่อ

ผู้คนล้วนต่างหวาดกลัว เมื่อหนึ่งชีวิตทุกคาม พวกเขาก็จะตื่นตัวและระวังมากขึ้นสุดฤทธิ์ เมื่อพวกเจ้าเมืองได้ยินจากนักยุทธศาสตร์ว่าชีวิตพวกเขาถูกแขวนไว้บนเส้นด้าย พวกเขาก็เปิดเผยทั้งหมดออกมาแม้ว่าจะไม่เชื่อแค่ไหนก็ตาม และถ้าตระหนักได้ว่าเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมหลังจากการซักถามอย่างดุเดือด ตามหลักแล้วพวกเขาก็จะหาทางออกจากพวกนักยุทธศาสตร์

และเมื่อนั้นความคิดเห็นของนักยุทธศาสตร์ก็จะได้รับความเคารพน่าเชื่อถือมากขึ้น เมื่อวิกฤติกาลถูกเบี่ยงเบนไป จุดยืนของนักยุทธศาสตร์ก็จะค่อยๆเพิ่มขึ้นตามลำดับอย่างเป็นธรรมซาติ และเมื่อจุดยืนสูงขึ้นความคิดเห็นของเขาก็ย่อมที่จะได้รับความเคารพมากขึ้นไปอีก ทำให้พวกเขามีอำนาจที่มากขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว

คำกล่าวที่ว่า ‘ข้ายอมรับความรับผิดชอบในการนำกองทัพเมื่อบ้านเมืองกำลังจะพ่ายแพ้ ในเวลาที่ยากลำบากนี้ข้าจะทำหน้าหน้าที่ให้ถึงที่สุด’ อาจหมายถึงสถานการณ์อะไรเช่นนี้ นี่ก็ไม่ต่างกันมันเป็นเพียงแค่เล่ห์เหลี่ยมที่พวกนักยุทธศาสตร์ใช้เพื่อได้รับการเคารพนับถือจากเจ้าเมืองที่เขารับใช้มากขึ้น นักยุทธศาสตร์ยิ่งไหวพริบดีเท่าไรเขาก็ใช้เล่ห์เหลี่ยมได้ดีเท่านั้น

“ท่านอาจารย์  โปรดชี้แนะข้าด้วย” ดูเหมือนตามบทที่นางกล่าวแล้วข้าควรจะเปล่งคำอะไรพวกนี้ออกไป

จากนั้นนางก็วิเคราะห์ให้ข้าฟังว่าราชาราชสีห์และจักรพรรดินีมังกรแสร้งบาดหมางกันอย่างไร และในขณะที่เราทำการเคลื่อนไหวต่อต้าน พวกเขาก็จะประกาศสงครามกับพวกเรา แล้วแพร่ข่าวออกไปว่าพวกเราเป็นสายลับที่พวกพื้นดินส่งมาเพื่อทำลายกลุ่มพันธมิตรจากด้านใน ทำให้คนอื่นๆไม่ไว้วางใจในตัวพวกเรา จากนั้นพวกเขาก็จะโจมตีเราด้วยตัวเองเพื่อบีบให้พวกเราจนมุม ถึงตอนนั้นก็สายเกินไปที่จะหนีแล้ว

แต่หากเป็นดังนั้นจริง พวกเขาช่างดูถูกข้าอู๋เมี่ยนเจ้อผู้นี้เกินไปกระมัง

“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าอยู่กับพี่สาวไปก่อนเถอะ เจ้าทั้งสองคนคงมีเรื่องจะพูดกันอีกมาก”

“ข้า...” เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นชาของข้า วิตตอเรียกระวนกระวายจนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน นางดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่เมื่อมองมาที่ข้าที่ไร้อารมณ์ตอนนั้น ก็เลยจบลงที่นางต้องออกจากห้องไปอย่างช่วยไม่ได้

“เอลิซ่า”

“.....”

“ถ้าเจ้าไม่ออกมาตอนนี้ ค่าแรงเดือนหน้าของเจ้าไม่เหลือแน่”

“........นายท่าน หากจะพูดเช่นนั้นก็โปรดจ่ายค่าแรงที่ท่านติดข้าตั้งแต่ปีที่แล้วมาตอนนี้ด้วยเถอะ”

“อะฮึ่ม! เอลิซ่าเจ้าคิดยังไงกับของขวัญที่ดาร์คเอลฟ์ส่งมา”

“นายท่าน นี่มันต้องเป็นกับดัก” นางดันแว่นขึ้นแล้วพูดมันข้างหูข้าอย่างไร้อารมณ์

“...โอ๊ยยย ความปราณีของดาร์คเอลฟ์นั้นขาดแคลนพอๆกับอกสตรีนั่นแหล่ะ ข้ากำลังถามเจ้าอยู่ว่าเจ้าคิดอย่างไรกับจักรพรรดินีมังกร”

“นายท่าน มีคำกล่าวดั้งเดิมที่ว่า ‘ความเมตตาของดาร์คเอลฟ์นั้นมีมากพอๆพอกับเหตุผลของพวกบีทส์แมน’ และการเย้ยหยันข้อบกพร้องนั้นไม่ใช่เรื่องที่สมควรเลยสำหรับสุภาพบุรุษที่พึงมีต่อสตรี หากนางได้ยินคำพูดท่าน นางจะต้องเสียใจเป็นแน่”

แม้ว่านางจะกล่าวเช่นนี้ แต่น้ำเสียงของนางก็ดูอ่อนลงถึง 20%

“แต่จากมุมมองของข้า สิ่งที่นางพูดนั้นเป็นจริงแน่”

“เหตุผลล่ะ?”

“ข้าสัมผัสได้”

“ฮ่าฮ่า สัมผัสได้เนี่ยนะ อย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่ได้รับรายงานและการวิเคราะห์จากผู้สังเกตุการณ์”

ในฐานะนักการทูต เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชีวิตอยู่รอดได้โดยไม่มีหูมีตาในดินแดนที่มีศัตรูรายล้อมเต็มไปหมด

ทันทีที่เข้าเมืองมาเหล่าผู้สังเกตุการณ์ที่ปรีชาของข้าก็แยกย้ายกันไปเก็บข้อมูลทันที จากการทำงานที่มีประสิทธิภาพของเขาข้าเข้าใจว่ารายงานทั้งหมดมันควรจะกองอยู่บนโต๊ะของเอลิซ่าตอนนี้

“ราชาราชสีห์กับจักรพรรดินีมังกรมีปัญหากันอย่างรุนแรงและการต่อสู้ของพวกเขาก็ค่อนข้างรุนแรง ประชากรกว่าครึ่งหนึ่งของราชาราชสีห์ที่ถูกทำลายนั้นไม่ใช่ข่าวเท็จ แต่ข้ามั่นใจว่ามันจะต้องเป็นการแสดงตบตาของพวกเราแน่นอน”

“มันไม่เร็วไปหน่อยหรือ? ชัดเจนเกินไปหรือเปล่า? ใช่แล้ว! ยังเหลือเวลาอีกมากว่า 20 วันก่อนจะถึงวันประมูล เรายังมีเวลาดูอยู่  แล้วถึงการต่อสู้จะปะทุขึ้นจริงมันก็ไม่เกิดขึ้นในตอนนี้

“ไม่ หากพวกเขาแตกหักกันจริงๆล่ะ จักรพรรดินีมังกรที่อยู่เหนือกว่าราชาราชสีห์อยู่ถึงสองระดับเกิดขโมยมันแล้วหนีไปล่ะ แต่คฑาก็ยังอยู่ในมือของราชาราชสีห์ แล้วถ้าหากสองคนนั้นเกิดสู้กันขึ้นมาจริงๆมันจะไม่ใช่แค่คฤหาสน์ของราชาราชสีห์ไหนจะยังคนที่อยู่แถมนั้นอีก มีหวังคงโดนทำลายจนไม่เหลือ นี่มันก็แค่ละครตบตาหากเราเคลื่อนไหวมากไป พวกเขาจะต้องทำให้เราเป็นศัตรูของกลุ่มพันธมิตรแน่”

ข้าพยักหน้าอย่างพอใจ สิ่งที่เอลิซ่ากล่าวสอดคล้องกับสิ่งที่ข้ากำลังคิดอยู่

ตั้งแต่แรก พวกเรา นครภูผาหลิวฮวง ล้วนเป็นความวิปลาสของโลกใต้ดิน การเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรนั้นไม่ใช่กงการจำเป็นที่ดีอะไรแก่เหล่าผู้ปกครองโลกใต้พิภพปัจจุบัน โดยเฉพาะกับราชาราชสีห์แล้วก็จักรพรรดินีมังกรที่ต่างก็ขุ่นเคืองในตัวพวกเรา

ข้าสามารถร่วมมือกับคาร์จาและไอน์สเตอนา ใช้ประโยชน์จากคฑาราตรีนิรันดร์แล้วเบนเข็มอำนาจการทำลายล้างนั้นออกไปจากพวกเรา แต่โชวส์กับมอลลี่ไม่ได้โง่ขนาดนั้นและพวกนักยุทธศาสตร์ก็คงรับรู้ได้อย่างชัดเจนแน่ แล้วพวกเขาคงไม่ปล่อยให้พวกเราเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรได้สำเร็จแน่ เช่นนั้นก็คงเป็นเรื่องจำเป็นที่เลี่ยงไม่ได้หากต้องเผชิญกับปัญหา

แม้ว่ามันจะไม่ใช่กับดัก ข้าเพียงแค่ปรารถนาจะติดต่อกับคาร์จาและไอน์สเตอนาเท่านั้น ข้าไม่เคยปรารถนาจะมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้เลย

พวกเราเป็นผู้มาใหม่...ผู้มาใหม่ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มอำนาจใดๆเลย และมันก็ช่วยไม่ได้ที่พวกผู้คนจะจับตามองพวกเรา

หากข้าเป็นผู้เริ่มโจมตีจักรพรรดินีมังกรก่อน พวกเขาก็จะปล่อยข่าวลือที่ว่าพวกเรากระหายในอำนาจ แล้วก็เรื่องที่อดัมเกิดบนโลกพื้นดิน เราจะถูกมองเป็นศัตรูของเหล่าขุนนางเมือง และเมื่อเรื่องนี้ผ่านไปสักพักกอปรกับการปลุกระดมของผู้ปกครองใต้ดิน พวกเราคงถูกเนรเทศและตามล่าจากพวกกลุ่มพันธมิตร

“การอยู่แต่ในบ้านแต่โยดีเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือเปล่ากัน? เฮ้ออ นี่มันทำให้คนสิ้นหวังจริงๆ”

“ใช่แล้ว เมื่อวันที่จัดประมูลกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรใกล้เข้ามา ภาระหน้าที่ของโชวส์ก็จะหนักขึ้นเรื่อยๆ นี่จะทำให้พวกเราไกลจากปัญหาออกไปได้ ดีที่สุดก็คือการไม่ทำอะไรและรอคอยอย่างอดทน นั่นคงเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุด”

“เฮอะๆ ให้คู่ต่อสู้เริ่มก่อนไม่ใช่วิสัยที่ดีนัก บอกสหายพวกนั้นด้วยว่าเขาได้รับอิสระที่จะไปเดินบนท้องถนนแล้วก็ก่อปัญหาได้มากเท่าที่ต้องการ หากมีสิ่งใดขัดหูขัดตาก็ลงมือตามใจได้เลย แสดงให้พวกเขาเห็นถึงอำนาจของนครภูผาหลิวฮวง และทั้งหมดนี่คงเป็นเรื่องดีตราบเท่าที่พวกเขาไม่ถูกดูแคลน หากพวกเขาเจอใครที่ไม่สามารถต่อกรได้ ให้เรียกกำลังเสริมซะ ถ้ายังจัดการไม่ได้อีกก็ให้กลับมาที่ฐาน ข้าจะเป็นคนจัดการมันเองแม้ว่ามันจะเป็นหายนะก็เถอะ”

ได้ยินดังนั้น เอลิซ่าก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“ท่านจะยอมให้พวกวิปลาสนั่นทำตัวตามใจชอบเช่นนั้นหรือ? อนุญาตให้อัศวินเซลล์เดียวพวกนั้นออกไปใช้กฎหมายตามท้องถนนเนี่ยนะ”

“โลกใต้ดินให้เกียรติผู้แข็งแกร่ง จะไม่ฟังเสียงผู้อ่อนแอ ข้าแค่ใช้การกระทำของตัวเองเพื่อแนะนำตัวเท่านั้น ไม่งั้นจะพาพวกนอกรีตนั่นมาที่นี่เพื่อปันแบ่งข้าวแบ่งน้ำไปทำไม ให้วิศวกรเอาโรลแลนด์ออกมา จัดนักบินให้พร้อมเพื่อรอฟังคำสั่งตลอดเวลา แล้วก็ตัดชื่อพวกงี่เง่าที่ไม่ยอมเปลี่ยนชื่อออกด้วย ชื่อนั้นช่างอักอ่วนเหลือเกิน”

“...ข้าเข้าใจแล้ว งั้นข้าควรทำเช่นไรกับวิคตอเรียดี?”

“ล้างนางให้สะอาดก่อน”

“ก็ได้ ข้าจะอาบน้ำนางให้สะอาดแล้วมัดนางไว้บนเตียงท่าน แต่ว่าสภาพร่างกายท่านดูจะยังใช้การไม่ค่อยได้ ข้ากลัวว่าท่านจะไม่สามารถสนุกกับนางได้ ท่านอยากให้ข้าโทรหาร้านของเล่นผู้ใหญ่เพื่อซื้ออะไรมั้ย?”

“เลิกล้อเล่นสักที เจ้ารู้ว่าข้าหมายความว่ายังไง”

ความปราณีของของดาร์คเอลฟ์งั้นหรือ? หากเจ้ารวมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกัน ทั่วทั้งโลกใต้ดินคงเห็นเป็นเรื่องน่าขันแน่ ดาร์คเอลฟ์แสนภาคภูมิใจในการทรยศและหลอกลวง มันคงประหลาดหากไม่มีอะไรผิดปกติจากของขวัญพวกเขา

แต่แม้ว่าวิคตอเรียจะมีปัญหาจริง แต่ก็ใช่ว่าไร้ทางแก้ปัญหา เมื่อพวกเขาส่งคนเป็นมา เช่นนั้นนางอาจเป็นสายลับที่จะทรยศพวกเราได้ทุกเมื่อ  หรือระเบิดพลีชีพที่พร้อมจะระเบิดตัวเองตลอดเวลา  สิ่งที่ทำให้วิคตอเรียต้องฟังคำสั่งของเจ้านายคนก่อนของนางอาจจะเป็นสัญญาเวทย์ แล้วใช้วิธีขู่เอาชีวิตของญาตินาง

สัญญาเวทย์สามารถลบล้างได้ สายไฟจุดระเบิดสามารถตัดทิ้ง แล้วตัวประกันก็ยังถูกขโมยได้ ‘ทำความสะอาด’ เป็นโค้ดลับที่ใช้กันทั่วไป มันหมายถึงการบังคับให้ใครที่ถูกกล่าวถึงสารภาพความลับทั้งหมดออกมาถึงจะปลอดภัย และหากเป็นไปได้ที่นางจะเปลี่ยนใจ ข้าจะพยายามดึงนางมาเข้าร่วมกับพวกเราให้จงได้

“ท่านดูห่วงใยนาง ข้าคิดว่าท่านจะออกคำสั่งทำให้นางหายไปซะ มันง่ายมากที่จะทำให้นางดูเหมือนตายด้วยอุบัติเหตุ ข้าคำนวณว่าพี่สาวโง่เง่าของนางคงไม่มีผลต่อการตัดสินใจของท่าน นอกเสียจากว่าท่านเริ่มจะรู้จักชื่นชมสตรีขึ้นมาแล้ว?”

สำหรับ ‘ของขวัญ’ ประเภทนี้ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ โดยปกติแล้วข้าคงกำจัดมันอย่างเฉียบขาดเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต แต่ถ้าราชินีวิคตอเรียใน ‘ประวัติศาสตร์’ มาตายแบบนี้ นั่นคงจะสูญเปล่าอย่างมาก นอกจากนี้ตั้งแต่ที่ข้าได้รู้ว่าข้าได้ละเลยศักยภาพของไดอาน่ามาตลอด ข้าไม่ควรทำให้นางต้องเสียเวลาต่อไปอีก ในอนาคตข้างหน้านางจะต้องเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งเคียงข้างพวกเราและการตกต่ำเช่นนี้ไม่คุ้มกันเลยจริงๆ

แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะอธิบายสิ่งเหล่านี้แก่เอลิซ่า การแสร้งเป็นเป็นผู้ทำนายความหายนะนั้นได้ถูก จำกัดไว้ และหากข้าเป็นคนเก่งกาจพอที่จะทำนายได้ว่าคนแปลกหน้ามีศักยภาพที่จะกลายเป็นวีรบุรุษผู้กล้านั่นคงจะเกินกว่าที่จะมีใครจะเชื่อได้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะข้าพบว่าการอธิบายนั้นยากลำบากด้วยเหตุผลเป็นมัดๆ ดังนั้นข้าจึงแค่หัวเราะออกไป ฮ่าฮ่าฮ่า

อะไร? ไม่กล้าถามใครงั้นหรือ? ข้าอยากจะถามใครบางคนด้วยว่านอกจากเพลิดเพลินกับอาหารตาแล้ว ข้ายังทำอะไรได้อีก... ข้าจ้องมองไปยังห้องว่างเปล่าที่ไม่คุ้นตา ไม่รู้ทำไมข้าถึงรู้สึกเปล่าเปลี่ยวขึ้นมาเล็กน้อย ข้าส่ายหัวแล้วเปิดหน้าต่างแล้วมองไปที่ทิวทัศน์ของแสงด้านนอก

“แบบแผนไม่ใช่เส้นทางแท้จริงที่จะเดิน แต่น่าเสียดายที่พวกเราไม่แข็งแกร่งพอ”

หากพวกเราต้องแกะรอยทุกสิ่งไปยังจุดกำเนิด เหตุผลผลหลักก็คือการไร้ซึ่งอำนาจของเรา อำนาจทางทหารโดยรวมของทีมทูตมีเพียงขั้นตำนาน 5 ถึง 6 คนเท่านั้น ในขณะที่ภายใต้การสั่งสมกำลังคนมานับหลายศตวรรษของเหล่าผู้ปกครองเหล่านั้น เมื่อเคลื่อนกำลังพลอาจมีเจ้าเมืองขั้นทอง 400-500 คนเลยก็ได้ หากมุ่งไปที่พวกเขาโดนตรง คนที่จะต้องเจอดีก็คงเป็นพวกเรา

พลังระดับสูงสุดเดียวที่ฝั่งเราเราสามารถเคลื่อนไหวได้ก็คือเสี่ยวหง และมีผู้ปกครองโลกใต้ดินอีก 4 คน อยู่ตรงข้ามกับพวกเรา นอกจากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าคนที่มีระดับพอๆกันมีอีกเท่าไร

“ถ้าอดัมกับมากาเร็ตอยู่ที่นี่...ไม่สิ แม้ว่าพวกเขาจะละทิ้งหน้าที่ในการปกป้องนครภูผาหลิวฮวงไหนจะการสอบสวนตราประทับของเทพอัคคีอีก มันอาจจะไม่ดีกับสถานการณ์ตอนนี้และหากพวกเขามาจริงๆ มันก็จะทำให้เราถูกจับตามอง ด้วยความสามารถในการต่อสู้ที่ทรงพลังและอัตลักษณ์แบบที่ไม่ใช่ของโลกใต้ดิน พวกเขาอาจทำให้พวกเราถูกมองว่าเป็นศัตรูและเข้าจู่โจมแน่”

TL: วลีที่ถูกใช้ตอนที่เขาบอกว่ามันอาจจะไม่ดีถ้าพวกเขามาจริง ๆ (It might not good if they really come) -> มันคงไม่ใช่เรื่องดีที่หงส์จะยืนในท่ามกลางฝูงไก่ (t might not be a good thing for the swan to stand tall in the midst of a group of chickens.)

“เจ้าอดัมงี่เง่านั่นก็ไม่เก่งเรื่องการแสดงตบตา แถมมาร์กาเร็ตก็ไม่สนใจที่จะประนีประนอม สุดท้ายแล้วมีโอกาส 80% ที่สงครามเต็มรูปแบบจะปะทุขึ้นมา คงเป็นการตัดสินใจที่ดีกว่าสำหรับพวกเขาที่จะแสดงตัวเป็นภัยคุกคามเบื้องหลังพวกเราตอนนี้  ป้องกันไม่ให้ราชาราชสีห์กับจักรพรรดินีมังกรโจมตีพวกเรา เฮ้อออ ถ้าเรามีพวกขั้นสูงอีกสักสองคนก็คงดี”

ตอนที่ข้ากำลังบ่นเรื่องขาดกำลังต่อสู้อยู่นั้น ข้ารู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่บ้านเก่าที่ข้าคุ้นเคย ห้องว่างทางด้านซ้ายมีห้องลับขนาดเล็กอยู่ จากตรงนั้นมีช่องมองที่เจ้าของเดิมทิ้งไว้เพื่อแอบดูและฟังสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องสมุด...

“ข้าจะทำไงดี!! ที่แท้ท่านอู๋เมี่ยนเจ้อก็คือ เจ้าลิช โรลแลนด์เลวนั่น ข้าเพิ่งบังเอิญได้ยินความลับสุดยอดนี่เข้า โมโม่จะถูกปิดปากเหรอ? โมโม่ไม่ต้องการ โมโม่ยังเก็บสินสอดไม่พอจะแต่งสามีเลย”

ห้องลับนี้ถูกโมโม่ค้นพบตอนที่นางกำลังตรวจตราคฤหาสต์ แต่น่าประหลาดใจนักที่นางไม่รายงานเรื่องนี้แต่กลับใช้เป็นที่แอบมาอู้แทน

ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของห้องลับใบหน้าของไดอาน่ากำลังตกตะลึง ทีแรกนางกำลังวลเรื่องน้องชายตัวเอง แล้วโมโม่ก็บอกว่านางมีวิธีที่จะรู้ว่าเขากำลังพูดอะไรกันอยู่ ดังนั้นนางจึงตามโมโม่ไปที่ห้องลับที่เจอแล้วใช้แอบฟัง

“มิน่า พวกเราถึงไม่สามารถจับโรลแลนด์ได้สักที ไม่แปลกใจเลยว่าโรลแลนด์ไล่ตามเราทันตลอด...พวกเราควรทำอย่างไรดี?”

แต่ในไม่ช้า นางก็จำเมืองที่นางและสหายมองว่าเป็นบ้านขึ้นมาได้ อัศวินจันทราในอนาคตได้ทำการตัดสินใจ

“ผู้ที่ผ่าเผยและหลักแหลมอย่างอู๋เมี่ยนเจ้อ ผู้ที่เป็นศูนย์กลางและรากฐานของระบบตุลาการจะต้องไม่ทำให้มีเรื่องเสื่อมเสีย.... โมโม่ ไม่ว่ายังไงก็ตามเจ้าจะต้องไม่แพร่งพายเรื่องนี้ ไม่เท่านั้น!!”

----

“ฮัดดด.....ชิ้วววว!!!”

เสียงจามดังก้องไปทั่วห้องใต้ดินที่ว่างเปล่า แล้วก็ลอยกังวาลออกไปทั่ว

“เป็นอะไรไป? อาตั๋งหรือว่าจะจะเป็นหวัดได้จริงๆ?”  คนที่กำลังพูดอยู่ก็คือเอลฟ์สาวที่กำลังขี่ม้าโครงกระดูกอยู่  เสื้อคลุมหรูหราของนางยาวปกคลุมร่างของม้าจนไปถึงพื้น ดวงตาของนางดูคล้ายกับการผสานกันของสีขาวและดำเป็นวังวน ทั้งน่าลึกลับและน่าพิศวง

ม้าโครงกระดูกที่เคลื่อนไหวได้ช้าต่างจากม้าทั่วไป ขนาดตัวมันสูงกว่าสามเมตร และแต่ละก้าวของมันก็กลายเป็นรอยกีบน้ำแข็ง ราชินีมังกรกระดูกเกรียผู้ที่หน้าตายแม้โลกจะแตกตรงหน้า กับประหลาดใจเมื่อสหายของนางที่ปกติสุขภาพแข็งแรงจะป่วยขึ้นมาได้จริงๆ

“ป๊ะป๋าคิดถึงอาตั๋ง ป๊ะป๋าต้องการอาตั๋ง อาตั๋งต้องกลับไปหาป๊ะป๋า”

คนที่กำลังพูดอยู่ก็คือคนแคระเตี้ยผู้หนึ่ง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยสิว และตอนนี้เขาก็กำลังแทะน่องไก่เป็นอาหาร

ตาของเขาเกลือกไปมา น้ำลายไหลออกมาจากปากแบบควบคุมไม่ได้ เขาเดินอย่างสิ้นหวัง แม้ว่ามันจะดูเหมือนการเดินเคลื่อนไหวปกติ แม้แต่ที่เขาหยุดเพื่อหยิบก้อนหินขว้างไปที่รังนกก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเจ้าม้ากระดูกตัวสูง

“เป็นอย่างนั้นเหรอ? ดูเหมือนไลออนฮาร์ทจะไม่ผิด อันเดดที่ถูกสร้างครั้งแรกโดยอาณาจักรของพวกเรา เจ้าเป็นบุตรชายคนโตขององค์จักรพรรดิ เช่นนั้นก็ควรมีความสัมพันธ์บางอย่างระหว่างเจ้าและจักรพรรดิของพวกเรา... จักรพรรดิของพวกเรา ไม่สิ บิดาของเจ้า เขาอยู่ที่ไหน? เจ้ายืนยันตำแหน่งของเขาได้ไหม?”

“ข้างล่าง!!! อาตั๋งสัมผัสได้ เขาอยู่ข้างล่าง!”

“ฮ่าฮ่า ดีมาก เราไม่ควรอยู่ไกลจากเป้าหมาย พันธมิตรใต้ดินของแวนซ์อยู่ข้างหลังกำแพงนี้ พวกเราเพิ่งได้รับรายงานว่าลาโมสต์และคนที่เหลือมาถึงแล้ว เราต้องรีบแล้ว  ไม่เช่นนั้นพ่อของเจ้าอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีก็ได้”

“อาตั๋งจะเอาชนะทุกคนที่รังแกป๊ะป๊า อาตั๋งจะกินทุกคนที่ขัดขวางไม่ให้อาตั๋งเจอป๊ะป๊า!”

เสียงของคนแคระมีความคล้ายคลึงกับเด็กชาวมนุษย์ แม้เสียงเด็กๆนั่นจะดูอ่อนแอ แต่เกรียรู้ว่าแม้แต่กับจักรพรรดินีมังกรมอลลี่ อาตั๋งก็จะยังทำตามคำพูดนั้นได้ หากเขาพูดว่าจะกินนาง เขาก็จะกินไม่ให้เหลือแม้แต่เกล็ดเดียว

อีกไม่ไกลคือป้อมปราการหินแกรนิตในอุโมงค์ใต้ดิน มันเป็นสิ่งกีดขวางที่เหล่าขุนนางเมืองใต้ดินสร้างขึ้นรอบๆนี้ เมื่อก่อนพวกเขาเก็บภาษีสำหรับคนที่ผ่านทาง แต่ทุกวันนี้กลับเต็มไปด้วยทหารบีทส์แมนเฝ้าอยู่ทุกที่

เพียงแค่คนสองคนที่เข้าไปใกล้รัศมีความปลอดภัยของพลธนู  ไฟก็ส่องสว่างขึ้นแล้วสาดเข้าหาพวกเขา

“นั่นใคร?” ตอนนี้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินราชันต์อสูรมีคำสั่งให้ปิดอุโมงค์ใต้ดินทั้งหมด ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครหรือด้วยเหตุผลอะไรที่จะไปยังโลกใต้ดิน โปรดกลับไปทางที่เจ้ามาซะ”

เกรียประเมินราชสีห์บีทส์แมนที่กำลังนำอยู่แนวหน้า แล้วก็นางล้มตัวลงบนเก้าอี้เถาวัลย์อย่างไม่แยแส นางรู้ดีว่าอาตั๋งอดอยากมานานตั้งแต่กินอาหารมื่อล่าสุดที่เมืองใต้ดิน และต่อหน้าอาตั๋งที่หิวโหยเธอแทบไม่มีโอกาสให้ลงมือเลย

“อาตั๋งหิวแล้ว อาตั๋งอยากกินเนื้อ!!!”

เมื่อมองไปยังคนแคระตัวเล็กที่กำลังวิ่งเข้าหาเขา ผู้บัญชาการลีโอใช้สองมือของเขายกดาบอันใหญ่ขึ้นอย่างระมัดระวัง

“อย่าเข้ามา หยุดอยู่ตรงนั้น!!”

แต่คนแคระยังคงเดินหน้าต่อไป ผู้บัญชาการลีโอยกมือขวาขึ้นเพื่อส่งสัญญานให้ขึ้นธนูไฟ หลังจากนั้น...

ไม่มีหลังจากนั้นอีก...

ในความบิดเบือนนั้น คนแคระก็หายไปและสิ่งที่เหลืออยู่บนพื้นก็คือต้นขาของราชสีห์ที่เขากำลังเคี้ยวอยู่

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก นี่มันตัวอะไรกัน!!!”

หมอกมืดๆปกคลุมไปรอบๆ มีร่างใหญ่เต็มอุโมงค์ปรากฎขึ้น สัตว์ประหลาดที่ตัวใหญ่เกินกว่าจะจินตนาการ และดูเหมือนจะจะข้ามจากโลกแห่งฝันมาสู่ความจริง และเหล่าทหารบีทส์แมนที่น่ากลัวไม่มีทางหนีได้

หลังจากนั้นหนึ่งนาที เมื่อทุกอย่างสงบลง สิ่งที่เหลืออยู่ตรงหน้าก็คือหลุมขนาดมหึมา...ใช่ ป้อมปราการทั้งหมดรวมถึงพวกบีทส์แมนหายไป หายไปทั้งหมดเลย เหลืออยู่ก็แต่หลุมขนาดมหึมา

“เป็นไง? อร่อยมั้ย?”

“มันเหนียวไปหน่อย บางอันก็ติดฟัน...ไม่อร่อย ไม่อร่อยสักนิด!!!  อาตั๋งอยากกินของอร่อย!!”

“งั้นไปที่แวนซ์กัน ร้านถัดไปรออยู่ที่นั่น”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด