GE481 ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งปีศาจ ( 7 ) (ฟรี)
หนิงฝานใช้เนตรปีศาจสังเกตุการไหลเวียนของแก่นพลัง จึงทำให้ความเข้าใจวิชาร่างวิญญาณเพิ่มพูน และรู้ว่าสามารถเปลี่ยนร่างได้
บางคนใช้วิชาร่างวิญญาณเพื่อทำให้บินได้ บางคนเปลี่ยนให้ตนเองกลายเป็นต้นไม้และบุบผา บางคนเปลี่ยนให้ตนเองกลายเป็นอสูรเพื่อให้ได้พลังที่เหนือกว่า
รากฐานของวิชาร่างวิญญาณคือการเปลี่ยนแปลงร่างกาย การที่หนิงฝานทำให้ร่างกายของตนกลายเป็นสิ่งที่ไร้ตัวตนอย่างปราณกระบี่ ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงร่างกายในรูปแบบหนึ่ง
หากเขาทำได้อย่างโม่โฉว เขามั่นใจว่าจะไม่แพ้อีกฝ่าย
เขาสูดหายใจเล็กน้อย ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นผู้เยาว์ในอาภรณ์ดำ ผมยาวพริ้วสไวตามสายลม ใบหน้าฝั่งซ้ายปรากฏรอยสักอสูร แววตาเรียบเฉยแต่เฉียบคุมดุจกระบี่
หนิงฝานไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นอสูรเก้าตนได้เหมือนโม่โฉว แต่ความเข้าใจในวิชาร่างวิญญาณที่มากขึ้น ก็ทำให้เขาคิดบางอย่างได้
“สัมผัสเทพผสานกับดวงจิตกลายเป็นร่างวิญญาณ ต่อให้มีร่างวิญญาณแต่ไม่อาจฟื้นฟูตนเองได้ย่อมกลายเป็นจุดอ่อน… สังหาร!”
ในขณะที่หนิงฝานกล่าว เหล่าอสูรระดมจู่โจมเต็มกำลัง การจู่โจมรุนแรงพอจะปลิดชีวิตของขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางได้
เขาไม่คิดหลบ แค่เพียงหลับตา ตัดขาดจากทุกสิ่งรอบข้าง… หนิงฝานในยามนี้ไม่ใช่หนิงฝานอีกต่อไป แต่เป็นกระบี่เล่มหนึ่ง
“วันนี้ข้าได้เข้าใจวิชาร่างวิญญาณอย่างชัดเจน และนี่จะเป็นร่างวิญญาณแรกของข้า… กระบี่!”
ก่อนที่การจู่โจมจะถึงตัว ร่างของหนิงฝานสลาย และก่อตัวขึ้นใหม่เป็นกระบี่โบราณสีดำทมิฬ
และในชั่วพริบตาเดียวกัน กระบี่สีดำแยกตัวออกเป็น 9 เล่ม พุ่งเข้าฟาดฟันอสูรทั้ง 9
การที่ร่างกายของหนิงฝานบรรลุขอบเขตปีศาจคลั่งขั้นกลาง ทำให้สัมผัสเทพของเขาบรรลุขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางเช่นเดียวกัน ดังนั้น ร่างกระบี่ของหนิงฝานจึงทรงพลังกว่าอสูรทั้ง 9
เมื่อร่างกายเป็นกระบี่ พลังป้องกันทั้งหมดถูกย้ายมาเป็นพลังจู่โจม อสูรทั้ง 9 ย่อมไม่อาจต้านทานได้
*ฉั๊วะ ฉั๊วะ ฉั๊วะ*
เหล่าอสูรถูกกระบี่กรีดเฉือนจนเป็นแผลทั่วร่าง บ้างก็ถูกกระบี่ของหนิงฝานสังหาร
กระบี่ของหนิงฝานทั้ง 9 เล่มยังอยู่ครบ แต่มีกระบี่ 3 เล่มที่ปรากฏรอยแตกร้าว ยามนี้ยังยากที่กล่าวว่าผู้ใดเป็นฝ่ายชนะ
การปะทะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง อสูรสังหาร กระบี่ของหนิงฝานก็ถูกทำลายเช่นเดียวกัน
ฝั่งของโม่โฉวเหลืออสูรงูอยู่ 1 ตน ฝั่งของหนิงฝานก็เหลือกระบี่อยู่ 1 เล่ม
งูตัวนั้นพ้นพิษใส่กระบี่ของหนิงฝาน พยายามใช้พิษกร่อนกระบี่ แต่กระบี่กลับเลือกที่จะไม่หลบ ยอมให้พิษกร่อนตนเอง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้โคจรแก่นพลังทั้งหมดไปไว้ที่คมกระบี่ แล้วฝ่างูตัวนั้นเป็นสองท่อน
เมื่ออสูรทั้ง 9 ถูกสังหาร ร่างของโม่โฉวก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง กระอักโลหิตคำโต และได้รับบาดเจ็บสาหัส
กระบี่ของหนิงฝานยังไม่ถูกทำลาย เขาเร่งถอนกระบี่คืนร่าง ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก แต่พลังในร่างก็ปั่นป่วนเล็กน้อย
หากจะนับแล้ว วิชาร่างวิญญาณของโม่โฉวสมควรเหนือกว่าหนิงฝาน แต่หนิงฝานเลือกที่จะใช้วิชาร่างวิญญาณที่ไม่เน้นการป้องกัน เพื่อเสี่ยงชีวิตต่อกรกับโม่โฉว กระทั่งสังหารร่างวิญญาณของมันได้ทั้งหมด
โม่โฉวขมวดคิ้วแน่น แม้ว่ามันจะจำกัดระดับพลังอยู่ที่ขอบเขตปีศาจคลั่งขั้นต้น แต่มันก็แข็งแกร่งแทบจะไร้เทียมทานในขอบเขตเดียวกัน
มันเอาชนะศัตรูมาได้โดยตลอด ไร้ซึ่งผู้คู่ควรเป็นคู่มือ แต่ยามนี้มันได้พบหนิงฝาน ได้พบผู้ที่ผ่านทะเลโลหิตมามากมาย ได้เข้าใจถึงแก่นของพลังและการต่อสู้ จึงเป็นต้นกำเนิดของร่างวิญญาณกระบี่ที่พร้อมจะฟาดฟันทุกสรรพสิ่ง
ยิ่งการปะทะกันครั้งสุดท้าย หนิงฝานยิ่งเตรียมใจที่จะแลกอาการบาดเจ็บกับการที่ต้องโค้นล้มศัตรูให้ได้ จึงทำให้โม่โฉวพ่ายแพ้ไป
“เด็กนั่นโหดเหี้ยมอัมหิตและเด็ดเดี่ยว ตัวข้าในวัยเดียวกันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่ใช่ว่าข้าจะแพ้!”
โม่โฉวยกมือขึ้น แปลวเพลิงคล้ายวงแหวนขนาดเล็กปรากฏ แต่เมื่อพุ่งเข้าหาหนิงฝาน มันกลับขยายใหญ่เป็นวงแหวนยักษ์
วงแหวนเพลิงล้อมกรอบหนิงฝานเอาไว้ ภายในวงแหวนประกอบไปด้วยวงเพลิง 108 ชั้น แต่ละชั้นทรงพลังมากพอที่จะเผาขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นต้นให้ตายได้… วงแหวนเพลิง 10 ชั้นสามารถสังหารขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นกลางได้ และวงแหวนเพลิง 100 ชั้น สามารถสังหารขอบเขตไร้ดัดแปลงขั้นสูงได้!
โม่โฉวขยับมือเป็นท่าทาง โคจรแก่นพลังควบคุมวงแหวนเพลิงให้หดตัวบีดรัดใส่หนิงฝาน
“วิชามิติ… วงแหวนเพลิง!”
หนิงฝานสูดหายใจลึก วิชานี้อยู่ในระดับไร้ดัดแปลงขั้นสูงที่โด่ดเด่น
ด้วยวิชานี้ โม่โฉวสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญไร้ดัดแปลงขั้นสูงทั่วไปได้ และต่อให้เป็นผู้ที่บรรลุขอบเขตกายทองคำที่ 2 ก็ไม่อาจต้านทานได้
แต่หนิงฝานไม่ใช่คนเหล่านั้น!
เขาชูมือขึ้น วังวนปรากฏเหนือศีรษะ ดวงตาข้างขวาเพ่งมองการไหลเวียนของแก่นพลังในร่างโม่โฉว
เมื่อเพลิงบีบเข้ามาใกล้ หนิงฝานชำเลืองมอง แต่เพลิงกลับสั่นสะท้านราวกับหวาดกลัว เพราะในสัมผัสของพวกมัน หนิงฝานเปรียบได้จักรพรรดิเพลิงผู้น่าสะพรึงกลัว!
เขาก้าวเท้าไปเบื้องหน้า ฟันมือที่ชูไว้ลง วงแหวนเพลิงถูกฟาดฟันเป็น 2 ท่อน เพลิงที่ทรงพลังถูกดูดกลืนเข้าสู่อนุสรณ์ตะวันจันทราจนหมด
“นี่… วิชาดูดกลืนเพลิงโบราณ! คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะครอบครองสร้อยหยินหยาง!” โม่โฉวขมวดคิ้วแน่น
ในชั่วพริบตาที่โม่โฉวตกตะลึง หนิงฝานโคจรเพลิงปีศาจของตน ส่งมังกรเพลิงทั้ง 9 ที่ผสานเข้ากับเพลิงของโม่โฉวจู่โจม
“วิชามิติ… วงแหวนเพลิง”
หนิงฝานใช้วิชาวงแหวนเพลิงสร้างเพลิง 108 ชั้นเทียบเท่าโม่โฉว และใช้เพลิงปีศาจของสร้างวงแหวนเพลิงอีก 108 ชั้น รวมเป็น 216 ชั้น
โม่โฉวตกตะลึง มันเร่งขบกัดปลายลิ้น พ่นโลหิตผสานกับแก่นพลัง ใช้วิชาป้องกันที่ทรงพลังที่สุด เอาตัวรอดจากวงแหวนเพลิงของหนิงฝาน
หนิงฝานคาดเอาไว้แล้วว่าโม่โฉวต้องไม่กล้ารับมือกับวงแหวนเพลิงตรงๆ ดังนั้น เขาจึงพลิกฝ่ามือ เปลี่ยนให้วงแหวนเพลิงกลายเป็นฝ่ามือ พุ่งเข้าประทับใส่โม่โฉวในขณะที่มันยังไม่ทันได้ใช้วิชาป้องกันเสร็จ
“วิชามิติ… ฝ่ามือเพลิง!”
วงแหวนแปรสภาพเป็นฝ่ามือเพลิงประทับเข้าร่างโม่โฉวโดยที่มันไม่ทันตั้งตัว
มันพยายามขบฟันและถอยห่างด้วยความยากลำบาก แววตาปรากฏความหวาดกลัว
แม้ว่ามันจะมองออกว่าหนิงฝานฝึกฝนวิชาแปลงหยินหยาง แต่มันไม่รู้ว่าหนิงฝานมีสร้อยคอหยินหยางในครอบครอง
สร้อยหยินหยางคือสมบัติระดับจักรพรรดิที่หาได้ยาก และสิ่งที่ล้ำค่าอีกอย่างที่เก็บอยู่ในนั้น คืออนุสรณ์ตะวันจันทรา
ในอดีต จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งใช้อนุสรณ์ตะวันจันทราสังหารเหล่าจักรพรรดิเซียนไปมากมายนับไม่ถ้วน หากโม่โฉวรู้ว่าหนิงฝานมีสร้อยหยินหยาง มันจะไม่ใช้วิชาวงแหวนเพลิงเด็ดขาด
แต่ถึงหนิงฝานจะไม่มีสร้อยหยินหยางในครอบครอง แค่วงแหวนเพลิงหนิงฝานก็เหนือกว่ามันแล้ว
หนิงฝานควบคุมเพลิงได้เป็นอย่างดี เพราะเขาคือนักปรุงโอสถ โม่โฉวย่อมไม่อาจสู้ด้วยเพลิงกับเขาได้
การใช้เพลิงกับหนิงฝาน จึงทำให้โม่โฮวเสียเปรียบ
โม่โฉวเร่งโคจรแก่นพลังสะกดอาการบาดเจ็บ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาค่อยๆเปลี่ยนไป
มันกำมือแน่น ปราณกษัตริย์โคจรอัดแน่นที่ฝ่ามือ มันก้าวเท้าไปเบื้องหน้า พร้อมกับใช้ปราณกษัตริย์ด้วยวิชาฝ่ามือสังหารปีศาจ!
หนิงฝานได้เรียนรู้วิชาฝ่ามือสังหารปีศาจมาจากการทดสอบที่ 2 แล้ว แต่เขายังไม่รู้วิธีผสานปราณกษัตริย์เข้าไป เขาจึงได้ตั้งใจมองการไหลเวียนของแก่นพลัง แล้วซัดฝ่ามือสังหารปีศาจ 108 ฝ่ามือออกไปเช่นกัน
ฝ่ามือสังหารปีศาจ 108 ฝ่ามือเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง การต่อสู้ดำเนินมาอย่างยาวนาน แต่โม่โฉวยังไม่อาจเอาชัยหนิงฝานได้ ทั้งยังไม่อาจชิงความได้เปรียบไ
เมื่อฝ่ามือสังหารปีศาจหักล้างกันไป โม่โฉวก็เคลื่อนไหว ปรากฏกายเหนือศีรษะหนิงฝาน แล้วซัดฝ่ามือเข้าใส่ ในช่วงเวลาเดียวกัน หนิงฝานชกหมัดทำลายฝ่ามือ เงาร่างสีทอง 2 สายปรากฏขึ้นด้านหลังโม่โฉวและจู่โจมตอบโต้ แม้เงาร่างทั้งสองจะอยู่เพียงขอบเขตกายทองคำที่ 1 และไม่อาจทำอันตรายโม่โฉวได้ แต่พวกมันก็ทำให้โม่โฉวเสียสมาธิได้
การรุมจู่โจมของเงาร่างสีทองทำให้โม่โฉวต้องแบ่งสมาธิไปทำลายพวกมัน แต่ในชั่วพริบตานั้น หนิงฝานกลับเข้าประชิดแล้วคว้าข้อมือของมันไว้ หักกระดูกข้อมือ กระชากแขนจนขาด แล้วชกเข้าที่หน้าท้องของมันอย่างรุนแรง
หนิงฝานไม่ปล่อยเวลาให้โม่โฉวหายใจ เร่งโคจรแก่นพลัง ใช้วิชากรงเล็บฉีกจันทราของจักรพรรดิมังกร ตะปบเข้ากลางอกจนเกิดเป็นหลุมโลหิต 5 แห่งตามรอยนิ้ว
*อ๊อก!*
โม่โฉวกระอักโลหิต มันเสียแขน ตันเถียนบาดเจ็บอย่างหนัก หน้าอกเป็นรู อาการบาดเจ็บร้ายแรง… มันจ้องมองหนิงฝานด้วยสีหน้าตกตะลึง มันรู้ว่าหนิงฝานไม่เปิดโอกาสให้มันแน่ จึงได้เร่งขบฟัน ขยับมือเป็นท่าทาง ปลดปลอยพลังมหาศาลราวกับห้วงสมุทร
“ผนึกทมิฬ!”
บรรยากาศรอบข้างที่สว่างสไวค่อยๆมืดมนลง
“พลังแห่งเจตจำนงค์?”
หนิงฝานประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขานัก ยามนี้แก่นพลังของโม่โฉวแทบจะแห้งเหือด จึงใช้เจตจำนงค์ต่อสู้แทน
หากหนิงฝานเดาไม่ผิด เจตจำนงค์ของมันสมควรเปลี่ยนให้สภาพแวดล้อมกลายเป็นความมืดมิด และผนึกการใช้พลังของอีกฝ่ายเอาไว้ เพราะยามนี้ ทั้งแก่นพลังและปราณของหนิงฝานไหลเวียนได้ช้าลงมาก
ดังนั้น สิ่งที่เขาจะใช้ต่อกรกับมันได้คือเจตจำนงค์แห่งความทรงจำ และเจตจำนงค์ของหนิงฝานก็ทรงพลังกว่ามันมาก!
อย่างมากเจตจำนงค์ของโม่โฉวก็อยู่เพียงขั้น 1 แต่หนิงฝานอยู่ขั้น 2!
ดวงตาหนิงฝานเปล่งแสงสีดำ ความมืดที่กำลังกัดกินแสงค่อยๆแปรสภาพเป็นหิมะสีดำทมิฬโปรยปราย
หิมะเหล่านั้นแฝงด้วยพลังแห่งชีวิต แม้จะเบาบาง แต่ก็เย็นเยือกราวกับน้ำแข็งหมื่นปี
“น้ำแข็งแห่งชีวิต!”
ความมืดมิดที่ปกคลุมโดยรอบถูกแช่แข็งและแตกเป็นเสี่ยงๆ
*อ๊อก!*
เมื่อพลังแห่งเจตจำนงค์ถูกทำลาย ทะเลสติของโม่โฉวก็ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง มันร่อนถอยอย่างต่อเนื่องจนไม่อาจหยัดยืน ทรุดเขาลงกับพื้นพลางเงยหน้ามองหนิงฝานด้วยแววตาที่ไม่อาจยอมรับความจริง… มันแพ้แล้ว!
“เจ้าผ่านการทดสอบแล้ว...”