Chapter I Scene 03
“
Chapter I Scene 03
”
ถึงแม้ว่าผมคิดจะไปขอโทษโจลี่ก็ตาม แต่ถ้าไปจริงๆผมก็ไม่คิดว่าเธอจะออกมาอยู่ดี คิดดูว่าถ้ามีคนที่ทำร้ายตัวเองมาขอเข้าพบ มันจะมีใครออกมาคุยดีๆกัน
เพราะงั้นจึงต้องรอให้เธอออกมาเอง โดยให้บาสเตียนไปจับตาดู ถ้าเธอออกมาเมื่อไหร่ให้มาแจ้งผม มันก็ผ่านไปตั้งสามวันแล้ว ไม่มีวี่แววว่าโจลี่ คายาจะออกมาเลย แน่นอนว่าผมไม่ได้ไปโรงเรียนโดยอ้างว่าผมป่วย
“คิดจะทำอะไรคะ?” ดาร์เลเน่ถามออกมา เมื่อไม่เห็นผมไปโรงเรียน แน่นอนว่าเธอถามผมด้วยท่าทางเย็นชา
“อะไรคือคิดจะทำอะไร?” แน่นอนว่าผมไม่บอกดาร์เลเน่เกี่ยวกับแผนผมหรอกนะ เพราะยัยนี้ต้องขัดขวางหรือไปตามเทรย์เวอร์แน่
“เรื่องขาดเรียน”
“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ไปเรียนจนถึงสอบปลายภาค ฉันก็คิดว่าสามารถทำข้อสอบได้เต็ม”
นี้ผมไม่ได้โมเกินจริงเลย ปกติริชาร์ทมันก็เทพอยู่แล้ว ถึงแม้จะไม่มีครูสอน แต่ผมก็สามารถหาหนังสืออ่านได้
“เธอน่ะไปเรียนได้แล้ว” ผมโบกมือไล่ดาร์เลเน่ไป ปล่อยให้เธอไปอยู่กับเทรย์เวอร์บ่อยๆ โอกาสไล่เธอแบบเนียนๆจะได้มากขึ้น
ดาร์เลเน่ทำสีหน้าไม่พอใจที่ถูกไล่ ก็กระแทกเท้าลงพื้นและเดินหนีหายไป ริชาร์ทนั้นเป็นตรงข้ามกับเทรย์เวอร์ เป็นด้านมืดนั้นเอง เทรย์เวอร์นั้นมักมีผู้คนเข้าหาอย่างจริงใจ แต่สำหรับริชาร์ทนั้นถูกเข้าหาเพราะผลประโยชน์ สิ่งที่เรียกเพื่อนจริงๆแล้ว ริชาร์ทไม่เคยพบมาก่อน ความโดดเดี่ยวสำหรับเขาแล้วมันชินชา
“อยู่คนเดียวก็ไม่เห็นเป็นไรนิ”
ว่าล่ะก็ยกชาขึ้นมาดื่มแบบผู้ดี
และในวันต่อมาช่วงเช้านั้นเอง บาสเตียนก็เดินมาหาผม
“นายน้อยครับคุณหนูโจลี่ ได้ออกมาจากบ้านแล้วครับ เธอคิดจะเป็นโรงเรียนในวันนี้ นายน้อยคิดจะทำมันจริงๆงั้นเหรอครับ?”
แน่นอนบาสเตียน การตายนั้นไม่ใช่เรื่องตลก เมื่อมนุษย์รู้ว่าตัวเองจะตายก็ต้องดิ้นรนหาทางรอด ไม่ว่าจะยอมทิ้งอะไรไปก็ตาม ถ้ายังถืออคติเมื่อเหมือนก่อน เป็นทองไม่รู้ร้อนล่ะก็ จุดจบที่ไม่สวยงามก็จะมาถึงตัวผม
สิบนาทีต่อมา ผมก็ได้มายืนอยู่หน้าคฤหาสน์ตระกูลคายา ถึงเมื่อว่าจะเล็กกว่าคฤหาสน์ผม แต่มันก็ใหญ่อยู่ดี หน้าประตูมีทหารเฝ้ายามด้วย แน่นอนว่าผมเข้าไปได้ง่ายๆพร้อมกับบาสเตียน และเป็นไปตามที่บาสเตียนบอกโจลี่ได้แต่งตัวพร้อมไปเรียน ถึงแม้ว่าเธอจะมีอาการสั่นๆก็ตาม
โจลี่ คายาเป็นลูกสาวคนเดียวของบารอนคายา และคุณนายคายา จริงๆผมไม่รู้ชื่อต้นของพ่อแม่เธอหรอก ก็ในเกมไม่เคยปรากฏ มีแค่การพูดถึงเท่านั้นเอง ถ้าเราเลือกจีบโจลี่น่ะนะ
เธอเป็นสาวน้อยอ่อนหวาน ผมสีน้ำตาลตัดสั้นเสมอไหล่ มีกะเล็กน้อยบนใบหน้า ที่ทำให้เหมือนอารมณ์ใสๆ ตอนนี้เธอพร้อมออกจากบ้านกับแก้วในมือ ถ้าเป็นในเกมคายาจะเป็นโรคกลัวผู้ชายไปเลยนะ แต่ถ้าเราจีบติดเราก็จะมีภรรยาแสนดีคนหนึ่งเลยล่ะ รูปร่างก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรด้วย เป็นหนึ่งในตอนละครที่จีบติดง่ายสุดๆ เหมาะสมกับตำแหน่งเมียน้อยเลยล่ะนะ
เดี๋ยวนะ! ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อวิจารณ์โจลี่เสียหน่อยนะ ผมมาเพื่อขอร้องให้เธอเปิดกล่องไม้ตั้งหากล่ะ แต่ผมต้องไปขอโทษเสียก่อน เอาล่ะ หายใจเข้าลึกๆ หน้าด้านหน้าทนเข้าไว้ริชาร์ท!
คงเพราะโจลี่นั้นกำลังก้มหน้ามองของเหลวในแก้วอยู่ละมั่ง ถึงไม่เห็นผมเดินมาพร้อมบาสเตียน แต่สาวใช้กับคนที่เหมือนพ่อแม่เธอจะเห็นผมและมีสีหน้าตกใจกัน คงท่าทีแปลกๆเลยทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมา และเราก็ได้สบตากัน
ทันใดนั้นเอง โจลี่ก็ได้หน้าซีดเผือด ตัวสั่นงันงกอย่างหยุดไม่ได้ ดูเธอจะกลัวผมมากจริงๆสินะ ไม่สิ กลัวริชาร์ทมากกว่า
เมื่อผมเดินมาใกล้ๆ พ่อแม่ คนรับใช้ ทหารและคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆ ต่างเข้ามาบังหน้าโจลี่ไว้ พยายามปกป้องสินะ คงคิดว่าผมมาด้วยจุดประสงค์ไม่ดีแน่ๆเลย ก็ไม่แปลก ริชาร์ทไปไหนมีปัญหาทุกครั้ง สุดท้ายก็จบไม่สวย
ผมเลยหยุดเดิน เมื่อเห็นว่าตาลุงไว้
หนวดเคราที่ตบแต่งอย่างดีเดินออกมา คงเป็นบารอนคายาแน่
“แกต้องการอะไร!?” บารอนคายาพูดเสียงดังถามผม แน่นอนว่าไม่เป็นมิตร ใครมันจะไปญาติดีกับคนที่ทำร้ายร่างกายลูกสาวกัน
“ฉัน วันนี้ ฉันอยากมาพบกับโจลี่” ผมบอกออกไปอย่างอึดอัดใจสุดๆ และทันใดนั้นเอง ก่อนจะมีแก้วเซรามิกกระแทกเข้าหัวคิ้วผม ตกพื้นแตก ผมรู้สึกเจ็บ และน่าจะมีเลือดไหลออกมา แน่นอนว่าสีหน้าผมไม่เปลี่ยนไปด้วยซ้ำ
ทุกคนต่างตกใจ และมองไปผู้กระทำ แน่นอนว่าในกลุ่มนั้นมีแค่คนเดียวที่มีแก้วในมือ โจลี่ คายานั้นเอง
เจ็บฉิบหายเลย ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้โจลี่ คายา!
“อย่ามาเรียกฉันอย่างสนิทนะ! เราไม่ได้เป็นอะไรกันและจะไม่มีอะไรด้วย! ไปให้พ้น! เจ้าสารเลว!” แล้วเธอก็ด่าผมเป็นชุดๆ จนเหนื่อยและหยุดไป ในสายตาของเธอในตอนนี้มีแต่ความกลัวและความแค้น
ผมไม่คิดจะทำอะไรกับเลือดที่ไหลออกมา ผมยกมือห้ามบาสเตียนที่จะเข้ามาช่วยผม ผมค่อยๆลดตัวลง ผมเห็นสีหน้าตกใจมากกว่าเดิมรอบๆตัว เพราะตอนนี้ผมกำลังหมอบกราบหัวแนบดินเลยล่ะ พร้อมกับเปร่งพลังเสียงของลูกผู้ชายออกมา!
“ขอโทษษษษษษษษษครับบบบบ!!!”
ผมรูัว่าทุกคนกำลังทำหน้า ‘อะไรของหมอนี่?’
หลังจากที่ผ่านไปนานกับความเงียบนั้นเอง ก็เริ่มมีเสียงซุบซิบกันอย่างประมาณ
“เขาก้มกราบด้วย?”
“พูดครับด้วยล่ะ”
“หรือเขาติดใจในรสชาติของคุณหนู”
อันสุดท้ายไม่ใช่ล่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ขอให้พ่อใช้อำนาจเอาตัวมาก็ได้นิ?
ไม่สนล่ะ ชื่อเสียงเป็นไงก็ช่างมันแล้ว ขอให้โจลี่ให้อภัยผมและยอมช่วยผมดีๆ อะไรก็ได้หมด ยังไงเดชก็ไม่แค่ถืออคติและศักดิ์ศรีอยู่แล้ว
“มะ-มะ-ม่ายยยยย!!”
และนั้นก็คือคำตอบของโจลี่ คายา พร้อมเสียงฝีเท้าวิ่งหนีเข้าไปในบ้าน
“ไม่รู้หรอกนะว่าเด็กเวรอย่างแกมีแผนอะไรในใจ คิดว่าลูกสาวข้าจะยกโทษให้แกเพราะทำแบบนี้เหรอ” บารอนคายาก็พูดขึ้น
ผมไม่คิดจะให้เธออภัยเรื่องทั้งหมดหรอกนะ แต่ แต่!
“งั้นฉันก็ขออยู่แบบนี้จนตายแล้วกันถ้าเธอไม่คิดให้อภัยคนอย่างฉัน” ผมพูดออกมาด้วยความมุ่งมั่น
“หึ ข้าไม่อยากให้ศพอยู่หน้าบ้านหรอกนะ”
ผมจะคงอยู่ในท่าก้มกราบแนบดิน และไม่คิดจะหนีไปไหนด้วย ถ้าโจลี่ไม่ยอมช่วยผมจริงๆ งั้นผมก็ได้ตายไปครึ่งนึงแล้ว มนุษย์นะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ด้วยครึ่งเดียว จะแตกต่างอะไรถ้าผมจะตายตรงนี้ ใช่ไหม?
“งั้นหรอ? งั้นแสดงความมุ่งมั่นนั้นให้ข้าดูสิ” พูดทิ้งท้ายไว้ ก็เดินเข้าบ้านไป และเหมือนเขาจะไล่ผู้คนไปด้วย
ตอนนี้คงเหลือผมกับบาสเตียนสินะ
“นายน้อย คิดจะทำแบบนี้จริงๆเหรอครับ” บาสเตียนถามผมด้วยความเป็นห่วย
“แน่นอนบาสเตียน คำไหนคำนั้น นายกลับไปบ้าน ไปบอกพ่อแม่ฉันว่าฉันจะพักในหอโรงเรียนสักระยะ ส่วนดาร์เลเน่บอกเธอไม่ต้องสนใจเรื่องผมและไปโรงเรียนตามปกติ ยังจำคำสั่งฉันได้ไหม?”
“ครับผมจะทำตามเดี๋ยวนี้!” บาสเตียนรับคำผม และเดินหายไปเช่นกัน
เอาล่ะ มาดูกันว่าโจลี่ คายาจะใจอ่อนก่อนหรือผมจะตายก็กันแน่