ตอนที่ 10 : การสะกดจิตโดยแท้
การค้นหาโจวชางทำได้โดยง่าย
ไป๋ชิงเย่วแล่นไปอย่างรวดเร็วผ่านเนินเขาที่แห้งแล้ง ป่าทึบและหมู่บ้านที่ทรุดโทรมจนกระทั่งเขาไปถึงภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่นกว่า
ทันทีที่เขาออกไปอยู่ท่ามกลางผู้คนสายตาทุกคู่ จ้องมองไม่หยุดนิ่ง
เขาต้องอำพรางตนเองและใช้ปฏิภาณไหวพริบของเขา เขาจึงคว้าหมวกทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีผ้าคลุมหน้าและผูกผมของเขาไว้อย่างเรียบร้อยเพื่อซ่อนสีผมที่โดดเด่นและใบหน้าที่สวยงามตระการตาของเขา
ด้วยความสูงของเขา เขายังคงโดดเด่นเช่นเดิม แต่เขาก็สามารถผ่านไปได้สำหรับการเป็นมนุษย์
ความรู้สึกจากกลิ่นของเขา นำเขาไปสู่อาคารสูงที่เรียกว่า กลีบดอกไม้เบ่งบาน
เมื่อเขาเดินเข้าไปด้านใน กลิ่นประดิษฐ์ที่รุนแรงผสมกับแอลกอฮอล์ก็ทำร้ายจมูกของเขา
ที่พักเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย กับผู้ชายที่เชียร์นักเต้นบนเวทีหลัก มีแสงสีเหลืองสลัวและควันหนาจากธูปที่แพร่กระจายไปทุกที่ ความสามารถในการได้ยินและกลิ่นของเขาเจ็บปวดจากสภาพแวดล้อมนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาปลีกตัวออกห่างและไม่สนใจ
ผู้หญิงชุดสีแดงเลือดร้อนแรงขึ้นไปยืนบนเวที และส่งสัญญาณให้ฝูงชนเบื้องล่างเงียบ จากนั้นทุกคนก็นั่งลง ไป๋ชิงเย่วยืนอยู่ที่มุมห้อง ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด เขามองเห็นโจวชางได้ในทันที ผู้แต่งตัวดูหรูหราด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ของเขาและหน้าตาดูเข้มแข็ง
ทันใดนั้นเขาได้กลิ่นเลือดสดๆ จ้องมองไปที่เวทีอีกครั้งสายตาของเขาถูกดึงดูดโดยหญิงสาวผู้ซึ่งถูกจับข้อมือไว้ขณะที่เลือดไหลลงจากแขนของเธอ
เธอแต่งตัวคลุมด้วยชุดผ้าไหมเหมือนกับเด็กผู้หญิงที่เหลือบนเวที แต่มีบางอย่างเกี่ยวกับเธอทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปได้ ริมฝีปากที่เย้ายวนใจของเธอ ดวงตาที่ล่อลวงเรียกเขา ผมดำเหมือนน้ำหมึกสลวยแผ่กระจายไปทั่ว เธอพยายามหลบหนีอย่างน่าสังเวชที่เปล่งรัศมีรอบตัวเธอ
บางทีมันอาจเป็นการแสดงออกที่น่ากลัวของกระต่ายน้อยที่น่ารักและมีมุมซึ่งทำให้เขาประทับใจอย่างแท้จริง
ผู้ชายกำลังเสนอราคาของเธอ มูลค่าของเธอลดลงเนื่องจาก แผลเป็นที่เธอมีบนใบหน้าของเธอ...
เพียงแค่เห็นภาพเหล่านั้นก็ชวนให้เขาโมโห ดวงตาของเขามืดลงดั่งโลกดำดิ่งลึกลงในมหาสมุทรและอุณหภูมิรอบตัวเขาลดลงจนถึงขั้นฆ่าคนได้
มันเป็นโชคดีที่เป้าหมายของเขาเป็นคนที่เสนอราคาสุดท้ายให้กับนาง
โจวชางยังคงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างไม่ตั้งใจ ไม่รู้ถึงความตายของเขาที่กำลังจะมาเยือน.....
หลังจากนั้นไม่นานเด็กหญิงทุกคนก็ถูกลากออกไปและการประมูลก็สิ้นสุดลง ผู้ที่ประมูลซื้อได้ก็กระจัดกระจายอย่างรวดเร็ว ส่วนที่เหลือเรียกร้องความบันเทิงเพิ่มมากขึ้น
ไป๋ชิงเย่วติดตามโจวชางอย่างไม่ให้ถูกจับได้ ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด มนุษย์เงา นี่อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำให้สำเร็จ ถ้าโจวชางไม่ยุ่งกับแอลกอฮอลล์ เขามึนเมาจิตใจของเขาจึงขุ่นมัวขาดสติ
ขณะที่เดินผ่าน การได้ยินอันเฉียบแหลมของเขาติดอยู่กับคำพูดของชาวบ้านที่กระซิบกันสองสามคน
“ข้าหนีออกจากเมืองทันทีที่ข้าได้ยินข่าว....”
“เกือบทั้งหมดอาราม....ถูกสังหาร มันเป็นฝีมือของปีศาจพังพอนเพื่อแก้แค้นและปีศาจจิ้งจอกร่วมมือกัน พังพอนนั้นตายแล้ว แต่จิ้งจอกหนี.....”
“มีนักล่าอยู่ทุกหนทุกแห่งในคืนนี้ เพื่อตามหาปีศาจจิ้งจอกขนสีขาว ซึ่งหนึ่งในนักบวชที่รอดชีวิตสามารถวาดรูปออกมาได้ แม้แต่ผู้มีชื่อเสียงของนิกาบดาบแห่งคุณธรรมก็ส่งสาวกมาร่วมจับกุมผู้ร้ายด้วย”
เยี่ยม ปัญหาเพิ่มมาอีก
ดูเหมือนว่าข้าจะต้องหลบซ่อนตัวหลังจากจบเรื่องนี้
โจวชางหายออกไปจากสายตาของเขา และไป๋ชิงเย่วเพิกเฉยต่อการพูดคุยที่เหลือเหมือนเงาเงียบๆ เขาเดินเข้าไปในห้องเดียวกับโจวชาง
ผู้หญิงคนนั้นอยู่ข้างในห้องกำลังวิงวอนร้องขอต่อชายผู้นั้น
เธอกรีดร้องและกรี๊ด กลิ่นเค็มของน้ำตาของเธอทำร้ายเขาในขณะที่เขาเปิดประตูและจับชายที่อยู่ด้านบนตัวเธอด้วยกางเกงที่กำลังจะหลุดของเขาและไม่ทันรู้ตัว ในจังหวะที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เขารีบคว้าลูกธนูลูกหนึ่งที่กระจายอยู่ตรงมุมแล้วเสียบมันเข้าไปที่หัวใจของโจวชาง
พร้อมกับลมหายใจสุดท้ายของเขาโจวชางกำลังจะกรีดร้อง แต่ไป๋ชิงเย่ว งอกรงเล็บของเขาและเฉียนตัดเส้นเสียงของเขาได้อย่างง่ายดาย มันไม่แตกต่างจากการหั่นเนยเป็นชิ้นๆ
น่าเสียดายที่หญิงสาวที่ถูกทับใต้ร่างชายผู้นั้นเป็นคนตะโกนขึ้นมาแทน
“ช่วยด้วย โปรดช่วยข้าด้วย....!” เธอกรีดร้องภายใต้ร่างชายคนนั้น
ไป๋ชิงเย่วได้เปิดเผยตัวเองในขณะที่เขาถอดหมวกและผ้าคลุมออก
“นี่เป็นความกตัญญูในคำขอบคุณสำหรับการจับข้าในตอนที่อ่อนแอเพื่อขายข้าให้กับลัทธิเต๋าของพวกนั้น” เช่นเดียวกันโจวชางถึงจุดสิ้นสุดของชีวิต เขาแค่กล่าวคำอำลา เสียงของเขายังคงเสียงเดียวตลอดเวลา
ไป๋ชิงเย่วดึงลูกธนูออกมาและเลือดก็ทะลักออกจากแผลตามมาด้วย จับศพโยนลงด้านข้างเตียง ศพของโจวชาวพุ่งตรงมุมห้องเสียงดังโครม ธนูและลูกธนูของเขากระจัดกระจายไปด้วย
สายตาของเขากลับมาที่หญิงสาวบนเตียง
เขาพบว่าตัวเองถูกสะกดจิตโดยเธออีกครั้ง ตัวเธอเหมือนอาบน้ำด้วยเลือดและสวมชุดผ้าไหมครึ่งผืน เขาสังเกตเห็นว่าสีมันตัดกับผิวซีดของเธอแต่เข้ากันกับริมฝีปากสีแดงของเธอได้อย่างสวยงาม เส้นผมของเธอกระจายไปทั่วบนเตียงเหมือนสาหร่ายในน้ำ
ดวงตาของเธอชุ่มไปด้วยน้ำตาและสีดำราวกับหุบเหวที่มีแสงส่อง
ทำให้หลงเสน่ห์อย่างแท้จริง
เธอจ้องกลับมาที่เขาราวกับว่าเขาเป็นผู้ช่วยให้เธอรอดชีวิต และสายตาทำให้เขาจำได้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะดูถูกเหยียดหยาม
เขาพบว่าตัวเองค่อนข้างพอใจที่เขามาถึงเธอทันเวลาก่อนที่เธอจะมีมลทิน
ขณะที่พวกเขาจ้องมองกันและกัน เขาได้ยินเสียงรบกวนจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา
พวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องและคิดว่ามันเป็นความเจ็บปวดจากการเสียความบริสุทธิ์ของหญิงสาว
อย่างไรก็ตาม มันเป็นเสียงฝีเท้าในภายหลังที่แจ้งเตือนเขา พวกเขารวดเร็ว ก้าวเดินและเงียบ
เป็นไปได้ว่ามันเป็นความเงียบของการย่างก้าวเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้ว่าเขากำลังเผชิญกับคนที่มีการฝึกฝนสูงกว่าที่เขาเคยพบมาก่อน
ยังคงต้องพักฟื้นจากบาดแผลของเขา เขาต้องใจเย็นก่อนแทนที่จะออกไปวิวาทกับคนทั้งหมดนั้น
หญิงสาวจ้องมองเขาอย่างงงันและขณะที่เธอกำลังจะพูด เขาเตือนเธอ ด้วยเกรงว่าเธอจะกรีดร้องออกมาอีกครั้ง
“สาวน้อย เงียบและพูดเบาๆ ข้าจะไม่ลังเลที่จะเชือดเจ้าเช่นเดียวกันถ้าเจ้ากรีดร้องกรี๊ดออกมาอีกครั้ง”
เขาสังเกตเห็นว่าคำพูดของเขาเปลี่ยนทัศนคติของเธอได้เร็วแค่ไหน แก้มของเธอร้อนขึ้นและเธอขอความเป็นส่วนตัวในการแต่งตัว
ที่จริงแล้วน่ารักดี เธอเขินได้ง่ายมาก
เขาตะคอกใส่ความคิดของตัวเอง เกิดอะไรขึ้นกับเขา?
เมื่อหันกลับมา วิญญาณจิ้งจอกเก้าหางทำให้เธอมั่นใจว่าเขาจะไม่แตะต้องเธอ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
แค่คิดว่าผู้ชายคนนั้นที่สัมผัสเธอ แค่นี้ก็ทำให้เขาเดือดดาลได้อย่างไม่คาดคิด
เขาได้ยินเสียงที่นุ่มนวลของเธอที่ด้านหลังมันอ่อนโยนและหวานมาก
“ขอบคุณมากที่ช่วยข้า ถ้าข้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านก็ไม่รู้จะทำเยี่ยงไร ข้าขอทราบชื่อท่านได้หรือไม่?”
ไป๋ชิงเย่วเหลือบมองมาที่เธอ เธอปกปิดตัวเองให้ดีขึ้น แต่การพบเธอที่นี่ในสถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขาอารมณ์เสียโดยไม่มีเหตุผล
“และที่นี่ข้าคิดว่าเจ้าเพิ่งจะทำงานของเจ้า ชื่อของข้าไม่สามารถบอกออกมาได้ง่ายเหมือนเชื่อของเจ้า”
ในความเป็นจริงเขาซ่อนตัวตนของเขา
ทำไม?
เธอจะคิดว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดเหมือนมนุษย์คนอื่นที่เขาพบที่นี่หรือไม่?
ดีที่สุดก่อนเกิดความผิดพลาดระมัดระวังไว้ก่อน
“อะแฮ่ม.....อย่างไรข้าก็ต้องขอบคุณท่าน หากท่านจากไปท่านช่วยพาข้าออกจากซ่องโสเภณีนี้ไปกับท่านได้หรือไม่? ข้าขอร้องท่าน ข้ายอมเป็นหนี้ท่านตลอดชีวิตของข้า!” เธอคุกเข่าต่อหน้าเขาและหมอบ อ้อนวอน
ไป๋ชิงเย่วพบว่าตัวเองง่วนอยู่กับเธอเหมือนถูกต้องมนต์ ยิ่งเขามองเขายิ่งชอบ ยิ่งเขาได้ยินเสียงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความสุข
ความจริงแล้วความรู้สึกแปลก ๆ นี้ได้ทำให้เทพจิ้งจอกแทบคลั่ง เขารู้สึกเหมือนเขาใกล้สูญเสียเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล!
อย่างไรก็ตาม ไม่มีความขัดแย้งภายในของเขาแสดงให้เห็น ปิดบังความคิดของเขา เขายิ้มเยาะหญิงสาว ทำตัวไม่สะทกสะท้าน
"เจ้าจะให้อะไรข้าได้บ้าง?" เขางอนิ้วและตอบโต้
หากนางให้ตัวนางเองด้วย ข้าจะพิจารณา
ความคิดของเขาทำให้เขาหยุด ก่อนที่เธอจะมีโอกาสพูดอะไร เขาก็รีบจุ๊ปากเธอ และพูดต่อ
เขาถอนหายใจ พูดว่า “ไม่ต้องกังวลข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่ด้วยความใจดีของหัวใจ แต่เราจะต้องใช้เวลาทั้งคืนในห้องนี้ด้วยกลิ่นเหม็นของศพ โดยที่เจ้าต้องไม่ส่งเสียง และข้าต้องการซ่อนตัวในคืนนี้”
ความจริงครึ่งหนึ่งเขาจำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ แต่สัญชาตญาณของเขาบอกเขาว่าอย่าปล่อยให้หญิงสาวจากไป
หญิงสาวพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นต่อความต้องการของเขา ดวงตาเย็นชาของเขาเปล่งประกาย
ยิ่งเขาจ้องมองเธอมากเท่าไหร่อุณหภูมิในร่างก็ยิ่งร้อนแรงขึ้นเท่านั้น
มันทำให้หายใจไม่ออกจนเขาต้องคลายคอเสื้อ หายใจออกอย่างหนัก เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำภายใต้ลมหายใจของเขา "ทำไมมันถึงร้อนขนาดนี้ในห้องเล็ก ๆ?"
หญิงสาวส่ายหัวของเธออย่างสับสน แต่จ้องมองไปที่เก้าอี้นั่งที่ด้านข้างของห้องที่มีควันเทียนที่ไหม้อยู่รอบ ๆ สายตาของเขาจ้องมองเธอและจมูกของเขาวูบวาบ
ยาโป๊