DTH ตอนที่ 26 ใครเป็นคนทำ
(TL : ผมได้engใหม่มาจึงอาจจะมีบางคำเปลี่ยนจึงขอเรียนเอาไว้ให้ทราบไว้ตั้งแต่ตอนนี้นะครับ
ป.ล. ขอแปลอาทิตย์ละตอนจนถึงประมาณวันที่15/6/63นะครับ สาเหตุมาจากnotebookที่แปลมันค้างๆบางทีแปลแล้วหมดอารมณ์เลยกะว่าจะซื้อคอมใหม่เดือนหน้าต้องกราบขออภัยด้วยครับ)
ณ ตระกูลเหลียง
“ท่านพี่วันนี้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้น” คุณหนูสองของตระกูลเหลียงวิ่งเข้ามาในบ้าน “เหลียง หยงฉีได้ไปที่ตระกูลหยวนและถูกทำให้เสียหน้าโดยคุณหนูเจ็ด เขาจึงเอาอารมณ์ทั้งหมดมาลงกับของภายในบ้าน”
“เมื่อข้าเห็นเขาทำแบบนั้น ข้าก็อยากจะหัวเราะ”
คุณหนูสองยิ้มและหัวเราะออกมา แต่อย่างไรก็ตามเธอก็เห็นเพียงใบหน้าที่ดูเบื่อของพี่ชายเธอเท่านั้น
“ท่านพี่ทำไมท่านไม่ตอบสนองเลย หรือว่าท่านจะไม่หายใจแล้ว?”
เหลียง อี้ชูวางหนังสือในมือของเขาลงจากนั้นก็ส่ายหัวและยิ้มออกมา “ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังคงเป็นน้องชายของเจ้า เมื่อเจ้ารู้ว่าเขาถูกตีทำไมเจ้าถึงมีความสุขกันเล่า?”
“ฮิฮิ น้องชาย? ข้าไม่ได้มีน้องชายแบบนั้นสักหน่อย ข้ามีเพียงแค่ท่านเท่านั้นที่เป็นพี่น้องของข้า” คุณหนูสองพูด
เมื่อเห็นว่าเหลียง หยงฉีไม่ได้พูดอะไรอีก คุณหนูสองจึงรู้สึกเบื่อ ดังนั้นเธอจึงเดินออกไปเพื่อดูน้องชายสามที่ตอนนี้บ้าไปแล้ว
หลังจากที่ท่านพ่อกลับมาจากตระกูลหยวน ใบหน้าของท่านก็แลดูมืดมนและท่านยังเดินตรงเข้าไปในห้องศึกษาโดยทันที
แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แต่ข้าก็แน่ใจว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่
ในตอนนั้นเหลียง หยงฉีก็ได้นึกถึงคำพูดของหลิน ฟานและพบว่ามันสมเหตุผลมาก
แต่เขาทำมันไม่ได้ เขาไม่มีความมั่นใจมากพอและเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขานั้นไม่มีความสามารถ
หากหลิน ฟานรู้เรื่องที่เขากำลังคิดอยู่เขาคงจะให้บนเรียนที่ชื่อว่า ‘หลักสูตรเพิ่มความมั่นใจ’ แก่เขาแน่นอน
ลานหลังบ้านตระกูลหลิน
หลิน ฟานที่นอนอยู่บนเตียงกำลังศึกษาระบบสนับสนุนขนาดเล็กก่อนที่จะเข้านอน
“เฮ้อ วันนี้มันช่างเต็มไปด้วยการต่อสู้ของสติปัญญาและความแข็งแกร่งของจิตใจ”
เขาหัวเราะออกมา
ท่านพ่อดูเหมือนจะไม่ได้ประทับใจในความจริงใจของเขา
แม้แต่คะแนนความโกรธเขาก็ยังได้รับมาจำนวนมาก
คะแนนความโกรธ: 5374
“ชีวิตของนายน้อยผู้มั่งคั่งเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก มันสามารถให้ความรู้สึกแบบที่ชีวิตที่แล้วของข้าไม่เคยสัมผัสมาก่อน”
“เอาล่ะ ถึงเวลาที่จะต้องนอนแล้ว มาดูกันสิว่าพรุ่งนี้จะมีอะไรสนุกๆมาให้ข้าทำอีก”
เขาเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมาย และเป็นที่รู้จักกันในนามของนายน้อยผู้ฟุ่มเฟือย
ในวัยเด็กเขาก็เอาแต่เล่นสนุกและไม่เคยคิดที่จะฝึกฝน
ช่างเป็นช่วงเวลาที่สูญเปล่ายิ่งนัก
ณ เวลานี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยความมืดมิด
พระจันทร์ไม่ได้เต็มดวงดังนั้นมันจึงไม่สว่างมากนัก
โจว เชียงเหมากำลังออกลาดตระเวนลานด้านหลัง
มันมีโอกาสที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาจะถูกนักลอบสังหารทำร้าย (TL: จะใช้นักลอบสังหารกับนักฆ่าสลับกันบางช่วงเพื่อเพิ่มความลื่นไหลในการอ่านนะครับ)
ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นเขาจะต้องเป็นคนรับรองความปลอดภัยของลูกพี่ลูกน้องของเขา
ที่ทางเข้าลานด้านหลังมียามสองคนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นพูดออกมา “ท่านอาจารย์ ที่นี่มีพวกข้าอยู่แล้วสองคน ท่านสามารถไปพักก่อนได้เลย”
“เงียบ และไม่ต้องพูดอะไรอีก อย่าปล่อยให้ลมหรือแม้แต่หญ้าคลาดสายตา”
มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่โจว เชียงเหมาจะไม่ไปพักผ่อน
เพราะคนที่พักอยู่ข้างในเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาที่เขาเป็นห่วงมากกว่าพวกยาม ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับทุกการเคลื่อนไหว
เขาจะไม่ฝากชีวิตลูกพี่ลูกน้องของเขาเอาไว้กับพวกยามแน่
“เดี๋ยวข้าจะมาตรวจสอบพวกเจ้าภายหลังว่าหย่อนยานหรือไม่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพวกเจ้าต้องรายงานข้าให้เร็วที่สุด และห้ามดำเนินการใดๆโดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด” โจว เชียงเหมาพูด
“ขอรับ” ยามทั้งสองตอบ
โจว เชียงเหมาตอนนี้นั้นตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เขาพยายามกระจายการรับรู้ของเขาออกไป ทันใดนั้นก็ได้มีหมอกสีขาวไหลออกมาจากร่างกายผ่านขาของเขาเหมือนใยแมงมุงครอบคลุมพื้นที่บริเวณลานด้านหลังทั้งหมด
เมื่อแสงจันทร์สาดส่องลงมาบนพื้นสิ่งที่ดูเหมือนใยแมงมุงก็กลับกลายเป็นน้ำค้างแข็งในฤดูหนาว
เมื่อมีใครเข้ามาในลานเขาจะสามารถรับรู้ได้ทันที
ผู้ที่ไม่ได้มีกำลังภายในแข็งแกร่งจะไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้
ลมหนาวที่พัดผ่านได้ทำให้ผมของเขาปลิวขึ้นไปในอากาศ
ในตอนนั้นเองอยู่ๆการแสดงออกของโจว เชียงเหมาก็เปลี่ยนไปเป็นน่ากลัว เขารู้สึกได้ว่ามีใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังเขา
คนที่สามารถมาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังของเขาได้โดยที่เขาไม่รู้ตัวจะต้องเป็นบุคคลที่ทรงพลังมากแน่
ทันใดนั้นเหงื่อก็ได้ไหลออกมาจากหน้าผากของเขา
ตู้ม!
เขาโดนกระแทกเข้าที่คออย่างแรงจนตัวของเขาลอยไปข้างหน้าพร้อมกับสติที่ใกล้จะหมดลง
ดวงตาของเขาเบิกกว้าง รูม่านตาของเขาหดเล็กลง
ข้าห้ามหมดสติ
ตอนนี้ในใจของโจว เชียงเหมามีเพียงความคิดนี้เท่านั้น
ปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด
มิฉะนั้นลูกพี่ลูกน้องจะ...
เขาเปิดปากและกัดลิ้นของเขา เมื่อลิ้นของเขาถูกกัดจิตใจของเขาก็ตื่นตัวทันที
‘คัมภีร์หัวใจปีศาจ’ ก็เริ่มทำงานทันที
กล้ามเนื้อส่วนหลังของเขาขยายออก กำลังภายในภายในร่างกายของเขากลายเป็นหมอกและไหลออกมาจากรูขุมขนด้านหลังของเขา
อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น
อากาศกำลังบิดเบี้ยวและระเหยตามอุณหภูมิที่สูงขึ้น
“แทง...”
ปัง!
นิ้วถูกแทงเข้ามาที่กลางหลังของเขา
ตุบ!
เขาล้มลงกับพื้นและหมดสติไปโดยไม่สามารถขัดขืนได้
“ไม่เลว ดูเหมือนว่าเขาจะพัฒนาขึ้นเล็กน้อย”
ด้านหน้าทางเข้าลานด้านหลัง
ยามทั้งสองล้มลงกับพื้น โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนที่พวกเขาจะสลบไป
มันเป็นหลิน วานยี่ที่เดินเข้ามาในลานพร้อมกับหน้ากากผีและเสื้อผ้าสีดำ
ภายในห้อง
หลิน ฟานกำลังนอนหลับอย่างสบาย ผ้าห่มที่คลุมตัวของเขาอยู่ถูกเตะลงไปบนพื้น
เสียงกรนเบาๆค่อยๆดังออกมาจากตัวเขา
เอี๊ยด!
หน้าต่างไม้ถูกเปิดออกทำให้มีเสียงดังเล็กน้อย
ถ้าเป็นคนธรรมดาการกระทำแบบนี้จะทำให้พวกเขาตื่นอย่างแน่นอน แต่สำหรับหลิน ฟานมันกลับไม่ได้ทำให้เขาตื่นขึ้นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อหลิน วานยี่มองไปยังลูกชายที่ไร้ประโยชน์ของเขาที่กำลังหลับ มันก็ทำให้อารมณ์ของเขาแย่ลงทันที
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วทำไมเขาถึงไม่รู้จักจำ
เสียงตอนเปิดหน้าต่างมันก็ค่อนข้างดัง
แล้วทำไมเขาถึงยังไม่ตื่นอีก?
เขายังคงหลับสนิทอยู่เหมือนเดิม
หลิน วานยี่เดินมาที่ข้างเตียงพร้อมกับกริชในมือจากนั้นเขาก็นำมันไปพาดเอาไว้ที่คอของหลิน ฟาน
จิตสังหารเริ่มกระจายออกมาจากตัวของเขาจนทำให้อากาศโดยรอบเย็นขึ้นทันที
สำหรับผู้เชียวชาญตราบใดที่มีจิตสังหารต่อให้มันเล็กน้อยเพียงใดก็สามารถรู้สึกได้
สถานการณ์ภายในห้องเริ่มอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ
หลิน วานยี่วางกรีชเอาไว้ที่คอลูกชายของเขาพร้อมกับเจตนาฆ่าที่เริ่มเข้มข้นขึ้นไปทุกขณะ
อย่างไรก็ตามหลิน ฟานก็ยังคงหลับสนิทอยู่
มิหนำซ้ำเขายังกรนออกมาอีกด้วย
ตอนนั้นเองดูเหมือนเขารู้สึกคันที่เป้า เขาจึงเอามือมาเกาก่อนที่จะนอนต่อไป
หลิน วานยี่กำหมัดของเขาแน่นจนมีเสียงกระดูกดังออกมา
“ความโกรธ +88”
“ความโกรธ +123”
“เจ้าเด็กไม่เอาไหน เจ้าจะนอนต่อใช่ไหม? ได้ ข้าจะทำให้เขาหลับฝันดี” หลิน วานยี่ดึงกรีชกลับมาจากนั้นเขาก็เอานิ้วกดเอาไปยังจุดหนึ่งของร่างกายหลิน ฟาน
แต่ดูเหมือนหลิน ฟานจะไม่ได้รู้สึกอะไรและยังคงหลับต่อไป
ปัง!
เสียงเหมือนบางอย่างถูกกระแทก
ท้องฟ้าเริ่มมีสัญญาณของรุ่งสาง
เอี๊ยด~
“ลูกพี่ลูกน้อง! ลูกพี่ลูกน้อง!” โจว เชียงเหมารีบผลักประตูเข้ามาและเมื่อเห็นหลิน ฟานนอนอยู่บนเตียงใบหน้าของเขาก็แสดงอาการตื่นตระหนกทันที
เขาคิดว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับลูกพี่ลูกน้องของเขา
เขาจึงรีบดึงตัวลูกพี่ลูกน้องของเขาขึ้นมา
“ลูกพี่ลูกน้อง! รีบตื่นสิ! ข้ามันคนไร้ประโยชน์...” ก่อนที่โจว เชียงเหมาจะพูดจบ
หลิน ฟานก็ตื่นขึ้นมาและพูดอย่างไม่พอใจ
“ลูกพี่ลูกน้องเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? นี่มันเช้ามากเจ้าจะมาปลุกข้าทำไม?”
เมื่อเห็นว่าลูกพี่ลูกน้องไม่ได้เป็นอะไรเขาก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นเขาก็คว้าไหล่ของหลิน ฟานและเขย่าเขา “มันเยี่ยมมากที่ท่านไม่เป็นอะไร มันเยี่ยมมากจริงๆ ท่านทำให้ข้ากลัวแทบตาย”
“เดี๋ยวก่อนนะ”
หลิน ฟานพยายามทำให้โจว เชียงเหมาใจเย็นลง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็เอื้อมมือของเขาไปแตะที่ตาซ้าย
จิ
เขาถอนหายใจด้วยความเจ็บปวด
เขาลูกออกจากเตียงก่อนที่จะวิ่งไปทางกระจก
ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเศร้าก็ดังไปทั่วทั้งลานด้านหลังทั้งหมด
“ไอสารเลวตัวไหนมันกล้าต่อยตาข้า?!” หลิน ฟานตะโกนออกมา
ใครเป็นคนทำแบบนี้กับข้ากัน?
ข้าแค่นอนและตื่นมาก็เป็นแบบนี้แล้ว
“ลูกพี่ลูกน้อง มันมีนักฆ่าบุกเข้ามาเมื่อคืนนี้ ข้าไม่สามารถสู้มันได้และถูกทำให้หมดสติ และสุดท้ายท่านก็ได้รับบาดเจ็บ” โจว เชียงเหมาโทษตัวเอง
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขาอ่อนแอเกินไปลูกพี่ลูกน้องคงไม่ได้รับบาดเจ็บ
“นักฆ่า?” หลิน ฟานตกตะลึง
ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกตัวเลย?
ด้วยการที่ตาซ้ายของเขาอยู่ในสภาพนี้ผู้บุกรุกจะต้องโจมตีอย่างรุนแรงแน่นอน แต่ทำไมเขาถึงยังหลับต่อไปได้ละ
แล้วเขาก็ยังฝันดีอีกด้วย