บทนำ
บทนำ
ชั้น คาเงโอะ ริวตะ ที่สวมใส่ชุดคอสเพลย์นักเรียนสาวมัธยมปลาย พร้อมทั้งวิกผมสีขาวที่ยาวลงมาถึงเอว
ใส่บิ๊กอายสีแดงกับสีฟ้าคนละข้างให้เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ตาของชั้นเป็นเหมือนสีแดงจริงๆ พร้อมทั้งแต่งหน้านิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ถ่ายรูปหลายๆ มุม
ก่อนที่จะอัพลงบนทวิตเตอร์และสื่อโซเชียลอีกหลายแห่ง ซึ่งทันทีที่อัพลงมันใช้เวลาไม่นานเพราะไม่ถึงห้านาทียอดกดไลค์ก็มากกว่าพันไลค์แล้ว
แน่นอนไม่นับที่สื่อโซเชียลอันอื่น และคอมเมนท์ก็ตามมาด้วยความเร็วสูง
[มิสะรินยังน่ารักเหมือนเดิมเลยน้าาา~]
[มิสะรินคือที่ซู้ดดดดดด]
[มิสะริน อย่าลืมคอสเพลย์สาวๆ จาก ****ด้วยน้าา]
-- [ตอบกลับ : ไอ้บ้า นั่นมันจาก H-Anime
นอกจากนี้ยังมีคอมเมนท์ต่างๆ มากมาย ที่ชั้นกดเข้าไปและลบเม้นนั้นทิ้งก็มีแค่เม้นอนาจารอย่าง
[มิสะรินช่วยเปิด**ให้ดูหน่อยน้าาา]
อะไรประมาณนี้ แน่นอนว่ามีจำนวนน้อย นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงมาคอมเมนท์ด้วย
อืมมม.. ถึงจะชอบที่มีคนรู้จักแต่รู้สึกตอนโดนลวนลามด้วยวาจา ชั้นนี่ขนลุกจริงนะ ก็แหม.. ชั้นเป็น ‘ผู้ชาย’ นี่น่า
ใช่แล้ว.. ชื่อที่ทุกคนรู้จักชั้นคือมิสะริน.. จะว่าไงดีล่ะเริ่มต้นชั้นก็ไม่คิดจะเป็นเน็ตไอดอลแบบนี้หรอกนะ
แต่เพราะชอบอะไรที่ดูสวยๆ เลยเปลี่ยนชื่อเป็นมิสะริน ถึงจะตั้งเพศเป็นเพศชายแต่ก็แต่งหญิงอัพลงเรื่อยๆ
เอาไปเอามา ยอดคนติดตามก็สูงถึงหลายแสนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคนก็คิดกันว่าชั้นเป็นผู้หญิงกัน
สงสัยไม่ดูเพศที่ตั้งไว้เลยล่ะนะ.. พอชั้นรู้ความจริงก็ว่าจะเปิดเผย แต่ก็ไปเห็นคอมเมนท์หนึ่งพูดถึงชั้นประมาณว่า
[ทำไมมิสะรินถึงตั้ลเพศเป็นผู้ชายล่ะ? หรือว่าตัวจริงมิสะรินเป็นผู้ชาย?”
-- [ตอบกลับ : จะบ้าเหรอ น่ารักขนาดนี้เป็นผู้ชายได้ยังไง?]
-- [ตอบกลับ : นั่นสิๆ ไม่มีทางที่จะมีผู้ชายสวยได้ระดับเดียวกับไอดอลในชีวิตจริงแน่ๆ ถูกไหม?]
-- [ตอบกลับ : นั่นก็จริงนะ.. แต่ว่าถ้าเกิดเป็นผู้ชายจริงๆ ล่ะก็..]
แล้วคนพวกนี้ก็พูดเรื่องน่ากลัวๆ ออกมา อย่างตามแก้แค้นที่หลอกลวงให้หลงรัก อะไรประมาณนี้..
ชั้นเลยไม่กล้าบอก กลายเป็นว่าโดนเข้าใจผิดกลายเป็นผู้หญิงซะงั้น ทั้งๆ ที่บอกอยู่ว่าเพศชายให้ตายสิ
แต่ก็ไม่ได้แย่นะอีแบบนี้…
ด้วยเหตุนี้ชั้นจึงโด่งดังมาก แถมยังมีติดต่อมากาชั้นไปทำนิตยสารอีกตั้งหาก แต่ชั้นเป็นผู้ชายเลยติดต่อผ่านอีเมล
และส่งรูปที่จะทำลงนิตยสารผ่านอีเมล.. กลายเป็นว่ายอดติดตามทะลุหนึ่งล้าน และเรื่องบอกความจริงก็อยู่ห่างไกล
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้..”
ชั้นบ่นออกมา… ถ้าหากอยู่ในกรณีถูกสัมภาษณ์จะทำยังไง ไม่มีเครื่องเปลี่ยนเสียงเหมือนโคนั*ซะด้วย
เป็นไปได้พอจะใช้โปรแกรมเปลี่ยนเสียงบนคอมพิวเตอร์ได้ แต่หากถูกเรียกออกไป.. จบเห่แน่ๆ ด้วยเหตุนี้เลยต้องฝึกดัดเสียงเป็นประจำ
เผื่อมีเรื่องคาดไม่ถึง และมันก็มีจริงๆ ชั้นถูกลากตัวไปสอบสัมภาษณ์ในรายการทีวีโทรทัศน์ต่างๆ .. จนกระทั่งเป็นไอดอลคนเดียวที่ดังจากโซเชียลมาสู่ความจริง!
แต่ว่านะ..แต่ว่านะ! สิ่งที่ห้ามทำอยู่นอกบ้านในฐานะมิสะรินคือ 1.ห้ามล้างหน้า! 2.ห้ามลืมดัดเสียง! 3.ห้ามเข้าห้องน้ำ
และอื่นๆ ถือเป็นกฎเหล็ก แน่นอนว่ามีการสืบลึกเกี่ยวกับบ้าน แต่ชั้นไม่เคยบอกชื่อจริงหรืออะไรเลย ทุกคนเลยไม่ทราบ
และเวลานัดพบก็คือที่ต่างจังหวัดห่างจากบ้านชั้นไปไกล..
ชั้นชักจะสงสัยว่าชีวิตมาถึงจุดจุดนี้ได้ยังไงซะแล้ว แต่ก็นะชั้นกลายเป็นคนสาธารณะไปซะแล้วทำอะไรก็ถูกจับจ้อง
พักหลังๆ มานี่จึงไม่รับงานอะไรเลย เพราะกลัวว่าความจะแตกนอกจากอัพรูปเหมือนสมัยแรกๆ
และแน่นอนชั้นยังเป็นเด็กนักเรียน และตอนนี้กำลังไปโรงเรียนในฐานะริวตะขณะกินข้าวนั้นเอง
“นี่ๆ พี่ริว พี่ริวล่ะก็..”
“อ๊ะ อะไรนะ”
“เหม่ออะไรของพี่คะเนี่ย?”
ผู้หญิงผมสีดำสั้นไว้ทรงหางม้าตรงหน้าคือ น้องสาวแท้ๆ ของชั้นเอง เธอมีชื่อว่า ยูสะ เป็นเด็กผู้หญิงผู้น่ารักและแสนเพียบพร้อม
“ว่าแต่ พี่รู้จักมิสะรินไหม?”
“พรูดด.. อะไรนะ?”
“พี่เป็นอะไรเนี่ย ตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้วนะ!”
“เอ่อ.. โทษที.. แล้วมิสะรินที่ว่านี่คือ..?”
ชั้นถามออกไป หรือว่าน้องสาวจะรู้เรื่องของชั้นแล้ว ไม่จริงน่า! เวลาถ่ายพักหลังก็แอบออกไปถ่ายข้างนอกนี่น่า
จะรู้ได้ยังไงกัน หรือว่าเธอแอบของเข้าห้องชั้นแล้วไปเจอชุดงั้นเหรอ..? ไม่ๆ ชุดชั้นเก็บไว้ใต้เตียงเป็นที่ที่ทุกคนคิดว่าเป็นที่ซ่อนหนังสือลามก
อย่างยูสะไม่มีทางที่จะรู้ทั้งว่าเป็นที่ซ่อนหนังสือลามกแต่ยังจะตรวจสอบหรอก.. แล้วทำไม?
“เอ๋.. อะไรกัน~ พี่ไม่รู้จักจริงเหรอ มิสะรินออกจะดังน้า~”
“ห๊ะ…?”
เอ่อ.. คุณน้องสาวครับ.. ที่ว่านี่คือแค่ถามเฉยๆ ว่ารู้จักไหมแค่นั้นเองสินะ โธ่. ไอ้เราก็คิดไปไกลซะได้ ให้ตายสิ
“ไม่รู้สิ ไม่สนใจเรื่องแบบนี้ซะด้วย”
“เอ๋~”
ยูสะเบะปากพูดออกมา ให้ตายสิยัยเด็กคนนี้ หลังจากทานเสร็จพวกเราสองพี่น้องออกจากบ้านเดินไปโรงเรียนด้วยกัน
ยูสะอายุสิบหกปีและชั้นอายุสิบเจ็ดปี พวกเราเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน พ่อแม่ของพวกเรานั้นหายตัวไปเมื่อนานมาแล้ว
แต่เพราะมรดกจากคุณพ่อที่เป็นนักวิทยาศาสตร์และคุณแม่ที่เป็นนักดาราศาสตร์ จึงมีเงินใช้มากมาย
แถมยังมีมรดกตกทอดอีก ซึ่งชั้นไม่สนใจมันส่วนน้องสาวเองก็ไม่เคยแตะ พวกเราอยู่กันแค่สองพี่น้องแม้จะมีคนเสนอเลี้ยง
แต่พวกเขาก็แค่ต้องการส่วนแบ่งในมรดกเท่านั้น ชั้นกับยูซะจึงไม่สนใจ พวกเรามาถึงโรงเรียนด้วยกัน
แต่ยูซะเป็นที่นิยมเลยแยกกันเข้าโรงเรียน ส่วนชั้นเป็นเด็กที่ดูอ่อนแอและรังแกง่าย จึงถูกรังแกเป็นประจำ
ถึงจะไม่ได้บอกใครแม้แต่น้องสาว แต่ก็ถูกรังแกจริงๆ เพื่อนในห้องจึงไม่คิดจะเข้าใกล้ชั้น ด้วยเหตุนี้จึงมีเพื่อน้อยนั่นเอง
แต่ก็นะ ชั้นไม่ค่อยสนใจอยู่แล้ว ถึงจะถูกรังแกแต่เดี๋ยวมันก็เบื่อเอง แม้จะฟ้องคุณครู แต่คุณครูก็จะแก้ไขเรื่องแบบง่ายๆ
แล้วปล่อยไป สุดท้ายโดนรังแกแถมรุนแรงกว่าเดิม ชั้นจึงทำตัวเหมือนปลาตายต่อยก็ไม่ร้องมีกระทั่งพวกโรคจิตคิดจะข่มขืนชั้น
แน่นอนว่าชั้นไม่ยอม.. โลกนี้มันเน่าเฟะ นั่นคือความเห็นของฉัน
แม้จะมีนักปรัชญามากมายที่มาพูดถึงเรื่องมนุษย์คือสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา แต่ชั้นว่ามันไม่ใช่ทั้งหมด
คนที่ไม่ต่างจากปศุสัตว์ฆ่าพวกเดียวกัน หรือแม้แต่ฆ่าลูกแท้ๆ ตัวเอง สัตว์ทรงปัญญาอะไรจะทำแบบนั้นกันล่ะ
ขนาดสุนัขมันยังไม่ฆ่าลูกตัวเอง หวงลูกตัวเองยิ่งชีพ.. แน่นอนว่าไม่ทั้งหมด เช่นเดียวกับมนุษย์ถึงจะเลวจะชั่ว จะดี จะร้าย มันก็มีระดับแตกต่างกันออกไป
ชั้นนั่งคิดเรื่องนี้ไปพลางจ้องออกนอกหน้าต่างไปพลาง ครูที่กำลังสอนอย่างขี้เกียจ ทำๆ ไปเพราะมันเป็นงาน
ไม่ได้อยากให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ แค่ทำงาน ‘ของตัวเอง’ อ่านตามหนังสือและเขียนลงไปเท่านั้น นี่แหละระบบการสอนของโรงเรียนคุณภาพ
เพียงแค่เขียนต่อจากหนังสือ มันโคตรจะประเทืองปัญญาเลยครับครู
เด็กๆ ก็ไม่ต่างกัน บางคนพับกระดาษเล่น บางคนปากระดาษส่งข้อความ.. ซึ่งเป็นแบบนี้ทุกวันแต่ทันใดนั้นเอง
นาฬิกาที่ติดอยู่เหนือกระดานดำหน้าห้องพลันหยุดเดิน แต่ไม่ใช่มันเสีย เพราะด้านนอก นกก็ยังหยุดชะงักกลางอากาศ
“ห๊ะ..?”
นั่นคือเสียงที่ทุกคนอุทานออกมา รวมถึงชั้นแต่พริบตาต่อมาร่างกายทุกๆ อย่างก็ล้วนถูกหยุดไว้
ให้อธิบายก็คือพวกชั้นถูกหยุดไว้ อนุภาคไม่เคลื่อนที่ สสารหยุดนิ่ง ทุกๆ อย่างอยู่ในสภาวะของเวลา มีเพียงจิตสำนึกของชั้นเท่านั้นที่ยังอยู่
และมั่นใจว่าคนอื่นในห้องรวมถึงครูก็เป็นแบบชั้นเพราะท่าทางที่หวาดกลัวจากแววตาที่แข็งค้างนั้น
และเสียงบางอย่างก็ดังก้องในหัวของชั้นและคนอื่นๆ ..
“สวัสดีมนุษย์.. ตัวข้าคือตัวตนที่เหนือสรรพสิ่ง.. ผู้สร้างทุกอย่างหรือที่พวกเจ้าเรียกในนามของ ‘พระเจ้า’ !”