ตอนที่แล้วบทที่ 1 ปกรณัมไปต่างโลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 ปกรณัมแห่งเวทมนตร์

บทที่ 2 ปกรณัมกลายเป็นหญิง


  

บทที่ 2 ปกรณัมกลายเป็นหญิง

แสงสาดส่องเจิดจ้าออกมา ชั้นรู้สึกเหมือนลอยเคว้งอยู่กลางอวกาศไม่มีแรงโน้มถ่วงใดๆ มายึดเหนี่ยวร่างกาย

แต่ทว่ามันก็แค่ชั่วพริบตาเดียว เพราะวินาทีต่อมาแสงอาทิตย์ก็สาดส่องลงมายังม่านตาพวกเราทุกๆ คน รวมถึงชั้น

และ… เบิกตาออกพบเห็นพวกเราทั้งหมดนั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนเดิม แต่ทว่าไม่ได้อยู่ในห้องพวกเราอยู่บนสถาปัตยกรรมโบราณบางอย่าง

พื้นเป็นหินที่มีภาพวาดยากจะลบเลือน และพื้นหินทรงกลมนี้สูงขึ้นมาจากพื้นปกติเป็นพื้นต่างระดับนิดหน่อย

ล้อมรอบพื้นหินทรงกลมด้วยเสาขนาดใหญ่ล้อมรอบที่พวกเราอยู่ แต่บางเสาก็แตกหักและล้มลงมาระเนระนาด

มีเพียงหนึ่งเสาเท่านั้นที่ยังสมบูรณ์พร้อม..

“ที่นี่มัน!!!”

ทุกคนลุกขึ้นทัน สถาปัตยกรรมนี้มันตั้งอยู่ใจกลางทุ่งหญ้าราบเขียวขจี ตีแผ่ออกไปกว้างใหญ่ไม่มีอะไรบดบังวิสัยทัศน์

นอกจากจะมีภูเขาสูงอยู่สุดลูกตานู้น.. อืม.. ดูเหมือนจะเป็นต่างโลกจริงแฮะ แม้ในโลกเดิมจะมีที่แบบนี้อยู่

แต่ภาพตรงหน้าแล้วคงไม่ใช่โลกอย่างแน่นอน เห็นแบบนี้ชั้นก็เก่งภูมิศาสตร์พอตัวนะ...

“ยินดีต้อนรับท่านผู้กล้าสู่โลกแห่งความหวัง!!”

ทันใดนั้นเสียงของชายชราคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังพวกเรา ชั้นและคนอื่นๆ จึงหันไปมองตามสัญชาตญาณ

แต่ตอนนี้ชั้นยังไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงใดๆ ในร่างกาย.. อาจจะเพราะตกใจอยู่เลยไม่ได้สังเกตอะไรนอกจากชายชรา

เพื่อนที่นั่งตรงหน้าชั้น แม้ไม่ได้สนิทกันมากแต่เจ้าผู้ชายคนนี้มันก็เป็นหันหน้าห้องและเด็กเรียนไม่รังแกชั้น

“เธอเป็นใคร?”

เสียงของเขาดังขึ้นทันที ชันเลยหันกลับมาหาเขาก่อนจะชี้ตัวเองและถามออกมา เพราะเหมือนเสียงที่ส่งมาจะส่งมาให้ชั้น

“หมายถึงชั้น?”

“ใช่! แล้วริวตะหายไปไหน?”

พูดอะไรของหมอนี่กัน ชั้นก็นั่งอยู่ตรงนี้ แถมถามชั้นว่าชั้นหายไปไหน มุกตลกหรือไง แต่ไม่คิดว่าเป็นมุกเพราะพวกเราไม่สนิทกัน

“ก็ชั้นนี่ไง ริวตะ!”

ชั้นเลยตอบไปตามตรงเวลานี้ทุกคนเองก็หันมามองชั้น.. เอะ… มันแปลกๆ น้า ขณะนั้นเองสายลมก็โบกพัดมาจากด้านหลังของชั้น

เส้นผมสีขาวของใครไม่รู้สยายออกมาอย่างงดงาม

“เอ๊ะ…?”

ชั้นอุทานออกมาดึงผมสีขาวนั้นขึ้นมาดู.. นะ…นี่…นี่มัน..ผมชั้นนี่ ทำไมกลายเป็นสีขาวล่ะ…?

แถมยาวอีกด้วย.. และในตอนนั้นเองก็สังหรณ์ใจไม่ดีแปลกๆ เลยรีบหยิบเอากระจกออกมาจากกระเป๋าซึ่งติดตัวตลอดเวลา

“นี่มัน…..”

ชั้นตะลึงทันที… ผมสีขาวยาวงามดวงตาสองสีแปลกตานั่นคือตาสีฟ้าและสีแดงทับทิม

ลักษณะรูปร่างแบบนี้มัน…

“มิสะริน!!!”

เสียงของผู้ชายคนหนึ่งในห้องดังขึ้นทันที ก่อนที่ชั้นจะได้พูด ใช่.. ชั้นกลายเป็นมิสะรินไปแล้ว!?

ตามมาด้วยทุกคนที่เริ่มเห็นตรงกันจึงร้องออกมา

“ใช่! นั่นมันมิสะริน! แต่เมื่อกี้มันบอกว่าเป็นริวตะ…”

“หมายความว่า…?”

“เจ้าริวตะมันกลายเป็นมิสะรินไปแล้ว!?”

“ตามที่เจ้านั่นบอกคือ ผู้ใดที่ปรารถนาอะไรจะได้พลังนั้น… ไอ้หมอนี่อยากเป็นมิสะริน!?”

เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มไปด้วยความโกลาหลมากกว่าที่ตกใจที่ตัวเองมาต่างโลกซะอีก.. เอ่อ…เรื่องแบบนี้มัน

และในตอนนั้นเองชายชราก็เหมือนจะเข้าใจสถานการณ์เขาจึงพูดขึ้นต่อ ชั้นว่าถ้าหากปล่อยไว้ชั้นต้องกลายเป็นพวกโรคจิตอยากเป็นไอดอลแน่ๆ เลย

“ใจเย็นๆ ก่อน แม้ว่าจะปรารถนาได้ก็จริงแต่จะกลายเป็นผู้อื่นนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ เกรงว่าเขาจะมีความสามารถในการสลับเพศ”

“….”

ไม่ช่วยอะไรเลยเฟ้ย! แล้วที่ว่าความสามารถสลับเพศสรุปชั้นต้องเป็นพวกอยากกลายเป็นหญิง นี่มันเท่ากับนรกชัดๆ

“หมายความว่า เจ้าริวตะนั่นอยากเป็นหญิง?”

“ฮ่าๆ ดูมันสิอยากเป็นหญิงได้เป็นหญิงสมใจมันแล้ว”

“แล้วทำไมหน้าตามันเหมือนมิสะริน?”

“บังเอิญละมั้ง?”

เสียงจากกลุ่มคนแกล้งชั้นก็ดังขึ้นมาติด.. แบบนี้มันแย่แล้ว.. บัดซบชั้นต้องทำยังไง? มีนิยายที่เกี่ยวกับกลายเป็นหญิงตอนมาต่างโลกกับเพื่อนๆ ที่รังแกไหมเนี่ย!?

ไม่รู้จะทำตัวยังไงเลย แต่ในตอนนั้นเองเสียงกระแอมของชายชราก็ดังขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้นมาอีก

“หยุดได้แล้ว”

สิ้นเสียงของเขาชั้นและคนอื่นต่างพากันหยุดชะงักทันที มันต่างจากหยุดเวลาเพราะนี่ไม่ใช่การหยุดเวลา

แต่เหมือนกับพวกเราแบกอะไรไว้บนบ่าแทบพูดไม่ออก ก่อนที่ชายชราจะกล่าวออกมาอย่างเย็นชาต่างจากตอนแรกอย่างสิ้นเชิง

“นี่คืออาณาจักรเทพเจ้า และข้าก็คือตัวแทนแห่งสวรรค์ พวกเจ้าทุกคนควรเงียบที่จะฟังหากไม่อยากตาย”

เอ๊ะ.. ไม่มามุขแบบช่วยพวกเราหน่อยแล้วโกหกหลอกใช้สินะ.. นี่ออกคำสั่งเลย ของจริงนี่ต่างจากในนิยายจริงๆ ชั้นคิดแบบนั้น

“เมื่อครั้งอดีตประมาณ 500 ปีก่อน จอมมารได้รุกรานมาจากทวีปปีศาจหวังจะยึดครองทวีปมนุษย์ของพวกเรา”

“และก็มีสองผู้กล้าปรากฏขับไล่จอมมารและสำเร็จ ทว่าจอมมารมันยังรักษาดวงวิญญาณของมันไว้ก่อนที่มันจะแพ้พ่ายแก่ผู้กล้าทั้งสอง”

“มันซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่งในทวีปมนุษย์ และเมื่อเร็วๆ นี้ความโกลาหลเริ่มขึ้น สาเหตุมาจากพลังแห่งความมืดอยู่ทุกๆ มุมทวีป”

“สันนิษฐานซ่าจอมมารอาจจะคืนชีพมากอีกครั้งแล้ว และพวกเจ้ามีหน้าที่ที่จะต้องสังหารจอมมาร หากต้องการจะกลับสู่โลกเดิม”

“แน่นอนว่าไม่ใช่ทำให้ฟรีๆ ตรงกันข้ามพวกเราจะให้ทุกๆ อย่างแก่พวกเจ้าไม่ว่าจะเป็น ฟาร์มมนุษย์ อำนาจ และสิ่งต่างๆ มากมายสารพัด ที่ไม่ว่าพวกเจ้าจะไปไหนในทวีปแห่งนี้ก็จะถูกนับถือและเคารพ”

“และนี่ไม่ใช่เรื่องที่ขาดตัดสินใจ แต่เป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้าได้รับมอบหมายงานนี้มาให้แก่พวกเรา”

อะเด๊ะ.. เหมือนเมื่อกี้ชั้นได้ยินอะไรแปลกๆ ‘ฟาร์มมนุษย์?’ มันคืออะไรกันล่ะนั่น หรือเป็นฟาร์มสำหรับมนุษย์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง

และในตอนนั้นเองเสาต้นสุดท้ายที่ยังตั้งเด่นสง่า มันส่องแสงสีดำออกมาก่อนจะแตกทันที “ตู้มมม!!!”

เศษชิ้นส่วนของเสากระจายไปทั่ว ชายชราเพียงสบถในลำคอก่อนที่เขาจะโบกมือปรากฏม่านบาเรียป้องกันพวกเราจากเศษหิน

“ดูเหมือนว่าจอมมารมันจะให้ลูกน้องมาสืบข่าวแล้วจริงๆ อย่างที่พวกเจ้าเห็นเมื่อกี้มันเป็นแค่การระเบิดของหิน หากพวกเจ้าไม่แข็งแกร่งรายต่อไปนั้นจะเป็นร่างกายของพวกเจ้าที่แตกเช่นนั้นแทนหิน”

นี่มันข่มขู่ชัดเจนเลยนี่หว่า แถมชั้นและคนอื่นก็คิดถึงว่าหากพวกเราโดนระเบิด… คงสยองไม่น้อย

“อย่างไรก็ตาม ถ้าข้าพูดขนาดนี้แล้วพวกเจ้ายังไม่อยากเข้าร่วมกับอาณาจักรของพวกเราก็ตัดสินใจเดินทางคนเดียวได้เลย”

“ใครที่สนใจจะอยู่ในอาณาจักรเทพเจ้าใต้การปกครองของอาณาจักรนี้ก็ตามข้ามา สวนใครไม่ต้องการก็ไสหัวไปได้เลย”

อืมม.. ทำแบบนี้เลยจริงดิ อีกอย่างพวกเรายังไม่รู้จักการใช้เวทด้วยซ้ำถ้าออกไปตอนนี้ก็เหมือนคนอีกนับสิบล้านที่แทบจะตายได้ทุกเมื่อ

เมื่อพิจารณาจากคำพูดของชายชราและคนที่อ้างตนว่าเป็นพระเจ้า ชั้นคิดว่าก็ควรจะตามเข้าไปนั่นแหละ

ทุกคนในนี้เองก็ไม่โง่ ที่อีกฝ่ายกล้าไล่ขนาดนี่แสดงว่าพวกมันเองก็รู้ว่ามีคนมากกว่าสิบล้านถูกส่งมาที่นี่ นั่นหมายความว่า พวกมันจะงอแงยังไงมันก็เปลี่ยนคนได้

ดังนั้นหากพวกมันทิ้งโอกาสนี้ไปจะเรียกว่าโง่ดีกว่าละมั้ง ทุกคนเลยตามไป.. มีชั้นคนเดียวที่ยังเก็บหนังสือเรียนเข้ากระเป๋าและวิ่งตามหลังคนอื่นไป

หลังจากจากไปแล้วนั้น.. มีเงาสีดำที่เคลื่อนไปตามพื้นไปหาโต๊ะและเก้าอี้เรียนของพวกเราซึ่งไม่มีใครทราบ

ก่อนที่ที่นั่งทุกที่นั่งจะถูกดูดกลืนเข้าไปในเงามืด โดยเฉพาะหนังสือเรียนราวกับมันถูกย่อยสลาย ภายในหนังสือเรียนนั้นเต็มไปด้วย

วิชาคณิตที่สลับซับซ้อนมากกว่าที่โลกนี้จะมี มีทฤษฎีสตริง ความเป็นไปได้ รวมถึงหลักการต่างๆ มากมาย

ซึ่งในตอนนี้ไม่มีใครคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือต้นกำเนิดความบิดเบี้ยวของโลกสุดแสนจะแฟนตาซี.. รวมถึงชั้นด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด